คุณ dr.kuay
ยินดีต้อนรับสู่เส้นทางแห่งการรู้แจ้งเพื่อหลุดพ้นสู่สังสารวัฏฏ์นี้ด้วยความเต็มใจ
ณ ที่ตรงนี้ ธรรมวินัยนี้เป็นพุทธอาณาที่เปิดกว้างสำหรับชนเป็นอันมากคือมนุษย์และเทวดาทั้งหลายจักได้สดับถึงอมตะธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ธรรมะของพระองค์จึงเป็นของกลางที่เหล่าสัตว์ทุกรูปนามสามารถนำไปประพฤติปฏิบัติ
ได้ไม่จำกัด เพศ วัย ฐานะ ซึ่งพวกเราจะเห็นได้ว่าพระสาสดาทรงประทานคำสอนไว้แก่ชนทุกชั้น ทั้งยาจก วณิพก ช่างไม้ นายพราน ชาวนา ศิลปิน พราห์ม กษัตริย์ เทวดา พรหมทั้งหมดทั้งมวลดังนั้นหากพุทธบริษัทจะเปิดเผยพุทวจนเพื่อประโยชน์ดังกล่าวย่อมสมควรโดยแท้
มีข้อสังเกตเป็นเกร็ดความรู้เล็กน้อยจากข้อคิดเห็นที่ว่าการทรงจำพุทธวัจน์ในสมัยโบราณนั้นอาจมีข้อผิดพลาดกันบ้างเนื่องเพราะมิได้บันทึกเป็นตัวอักษรตั้งแต่ต้นนั้น หากว่า
ใครเคยบวชและเคยลงฟังสวดปาฏิโมกข์มาบ้างคงพอจะจำได้ว่าในพิธีสวดฯนั้น(สวด-คือการประกาศ)จะมีผู้สวดและผู้ตรวจทานคำสวด,เพื่อกันคำผิด ในขณะที่สวดหรืดประกาศพระวินัย
อยู่นั้นคำสวดต้องชัดถ้อยชัดคำในอักขระวิธีไม่ให้ตกหล่นและหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นผู้ตรวจทานต้องคัดค้านขึ้นทันทีว่าตรงนี้ผิดต้องสวดใหม่ในคำผิดนั้น
ดังนั้นการถ่ายทอดโดยบอกต่อกันมาเป็นถ้อยคำผ่านการท่องจำและนำมาสวดพร้อมกัน(สังคายนา)นั้นเมื่อเปรียบเทียบการจารึกเป็นตัวอักษรลงในวัตถุต่างๆนั้น ย่อมดีกว่ากันมากเหตุพราะว่าหากวัตถุที่จารึกนั้นพร่องสลายไปตามกาลเวลาจะอาศัยสิ่งใดในการตรวจทานคำผิด ต่างกับเมื่อสวดพร้อมกัน(สังคายนา)หากเกิดคำผิดขึ้นเสียงสวดนั้นย่อมฟังได้ว่าผิดเพี้ยน ในยุคสมัยหนึ่งจึงให้การยอมรับในการสวดพร้อมกันด้วยเหตุนี้
อย่างไรก็ตามแต่อย่าเพึ่งวิตกเพราะพระศาสดาของพวกเราทรงป้องกันไว้ก่อนแล้วด้วยการประทานหลักการตรวจสอบไว้ให้ในหลักตัดสินธรรมวินัยดังนี้
หลักตัดสินธรรมวินัย ๘
. . . . . พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน
เมืองเวสาลี พระนางมหาปชาบดี เสด็จไปเฝ้าทูลขอให้ทรงแสดงธรรมโดยย่อ
เพื่อหลีกออกปฏิบัติแต่ผู้เดียว พระพุทธองค์ทรงประทาน ลักษณะตัดสิน
ธรรมวินัย ๘ ประการ ให้ทรงปฏิบัติคือ:-
ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ
. . . . . ๑. ความกำหนัด
. . . . . ๒. ประกอบสัตว์ไว้ในภพ
. . . . . ๓. ความสั่งสมกิเลส
. . . . . ๔. ความมักมาก
. . . . . ๕. ความไม่สันโดษ
. . . . . ๖. ความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
. . . . . ๗. ความเกียจคร้าน
. . . . . ๘. ความเลี้ยงยาก
. . . . . พึงทราบเถิดว่า นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสั่งสอนของ
พระศาสดา
. . . . . ส่วนธรรมเหล่าใดที่มีลักษณะตรงข้ามจากนี้ พึงทราบเถิดว่า
นั่นเป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา
. . . . . . . . . . . . . . . สังขิตตสูตร ๒๓/๒๕๕
หลักใหญ่สำหรับเทียบเคียง ๔ (ฝ่ายธรรมะ)
. . . . . พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ อานันทเจดีย์ ใกล้โภคนคร
ได้ตรัสถึงมหาประเทศ ๔ สำหรับสอบสวนเปรียบเทียบ หลักคำสอนของ
พระพุทธเจ้า คือ
. . . . . หากมีภิกษุกล่าวว่า
. . . . . ๑. ข้าพเจ้าได้ฟังมาจากพระพุทธเจ้าว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
. . . . . ๒. ในวัดโน้นมีสงฆ์อยู่ พร้อมด้วยพระเถระ ข้าพเจ้าได้ฟังมา
เฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
. . . . . ๓. ในวัดโน้นมีพระเถระอยู่มาก เป็นผู้รู้ผู้ชำนาญ ทรง
ทรงวินัย นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
. . . . . ๔. ในวัดโน้นมีพระเถระอยู่องค์หนึ่ง เป็นผู้รู้เป็นผู้ชำนาญ ทรง
ธรรมทรงวินัย ข้าพเจ้าได้ฟังมาเฉพาะหน้า พระเถระรูปนั้นว่า นี้เป็นธรรม
นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
. . . . . เมื่อได้ฟังมาดังนี้ จงอย่าชื่นชมหรือคัดค้าน แต่จงเรียนข้อความและ
ถ้อยคำเหล่านั้นให้ดี แล้วจงสอบสวนดูในพระสูตรและเทียบเคียงดูใน
พระวินัย ถ้าลงและเข้ากันไม่ได้ พึงทราบเถิดว่า นี้มิใช่คำสอนของ
พระพุทธเจ้า ท่านจำมาผิดแล้วจงทิ้งเสียเถิด
. . . . . . . . . . . . . . . สัญเจตนิยวรรค ๒๑/๑๙๕
หลักใหญ่สำหรับเทียบเคียง ๔ (ฝ่ายพระวินัย)
. . . . . พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี
เวลานั้นของขบฉันได้แก่ผลไม้ มีผู้นำมาถวายมาก พวกภิกษุพากันสงสัย
ว่าผลไม้ประเภทใดควรฉัน หรือไม่ควร พระพุทธองค์ทรงประทาน หลัก
ใหญ่สำหรับเทียบเคียง ๔ ในฝ่ายพระวินัยที่เรียกว่ามหาประเทศ คือ
. . . . . ๑. สิ่งใดไม่ได้ห้าม ไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันได้กับสิ่งที่ไม่ควร
(อกัปปิยะ) ขัดกับสิ่งที่ควร (กัปปิยะ) สิ่งนั้นไม่ควร
. . . . . ๒. สิ่งใดไม่ได้ทรงห้าม ไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันได้กับสิ่งที่ควร
(กัปปิยะ) ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร (อกัปปิยะ) สิ่งนั้นควร
. . . . . ๓. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาต ไว้ว่าควร แต่เข้ากันได้กับสิ่งที่ไม่ควร
(อกัปปิยะ) ขัดกับสิ่งที่ควร (กัปปิยะ) สิ่งนั้นไม่ควร
. . . . . ๔. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาต ไว้ว่าควร แต่เข้ากันได้กับสิ่งที่ควร
(กัปปิยะ) ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร (อกัปปิยะ) สิ่งนั้นควร
. . . . . . . . . . . . . . . วินัย ๕/๑๒๓
การศึกษาเรียนรู้พุทธวจนนั้นเป็นการศึกษาเรื่องจิตและการบรรลุธรรมในตัวอยู่แล้ว
เพียงแต่หากเราหันมาศึกษาโดยตรงจากพุทธวจนกันอย่างจริงจังก็จะพบคำตอบที่มีข้อสรุป
โดยพระศาสดาเพื่อป้องกันการถกเถียงว่าใครสายไหนปฏิบัติดีกว่า ถูกตรงกว่าฯลฯอย่างที่
มีให้เห็นกันตามกระดานธรรมในปัจจุบันซึ่งผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมย์ของ"พุทธะอย่างสิ้นเชิง"
การเปิดเผยพุทธวจนคือการเรียนรู้ร่วมกันของพุทธบริษัทโดยไม่มีช่องว่างกางกั้น
ไม่มีศิษย์ก้นกุฎี ไม่มีศิษย์ก่อนศิษย์หลังทุกคนคนเสมอภาคต่างตักตวงกันได้ตามอินทรีย์ของแต่ละคน การเปิดเผยพุทธวจนคือการสั่งสมสุตตันตะให้มากยิ่งขึ้น อาศัยเป็นเครื่องอยู่ของผู้ที่กำลังศึกษาและของผู้ที่จบการศึกษาแล้วด้วย
หากขณะใดเมื่อสดับแล้วในสุตตันตะและมีความรู้สึกว่าโดนใจเหลือเกินในถ้อยคำนี้
เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้งเปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทางหรือตามประทีปในที่มืดแล้วล่ะก็โปรดช่วยกันเปิดเผยธรรมวินัยนี้ไปให้ได้รัศมีที่ทั้งกว้างและลึกด้วยกันเถิดเพื่อประโยชน์และความสุขแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลายนั้นเทียว.