<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #2 >>

[OASIS]

 

[OASIS]

 

[OASIS]

 

[OASIS]

โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของ Nokia คือรุ่นใด.

หากพูดถึงชื่อ Nokia แล้ว คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักในฐานะแบรนด์โทรศัพท์มือถือแบรนด์หนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก จากการผลิตโทรศัพท์มือถือมายาวนานกว่า 30 ปี มีทั้งรุ่นธรรมดาไปจนถึงรุ่นระดับพรีเมี่ยม แต่ ณ ปัจจุบัน Nokia ได้ถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นชื่อแบรนด์ Nokia ในวงการมือถืออีกต่อไปก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม หากนึกย้อนไปถึงจุดเริ่มกำเนิดของมือถือ Nokia นั้น คงมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามือถือรุ่นแรกของ Nokia คือรุ่นใด วันนี้เว็บไซต์ phonearena.com จะพาเราไปรู้ทำความรู้จักกัน
          เริ่มแรก Nokia ใช้ชื่อแบรนด์ Mobira ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี 1979 จากการรวมบริษัทระหว่าง Nokia และบริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์ชื่อ Salora และในปี 1981 ก็ได้ถือกำเนิดระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือใหม่ที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งก็คือ 1G ที่ใช้คลื่นความถี่ 450MHz โดยทาง Mobira ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะผลิตโทรศัพท์มือถือรุ่นสำหรับใช้กับเครือข่าย 1G ที่ชื่อว่า Mobira Senator
          Mobira Senator ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1982 ซึ่งนับว่าเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของ Nokia เป็นโทรศัพท์สำหรับใช้งานในรถยนต์ มีลักษณะคล้ายกระติกน้ำ สามารถหิ้วพกติดตัวไปสถานที่ต่าง ๆ ได้ แต่เนื่องจากมันมีน้ำหนักที่มากถึง 9.8 กก. ทำให้ค่อนข้างลำบากหากจะพกติดตัวไปไหนมาไหน โดยในปัจจุบัน Mobira Senotor ได้กลายเป็นโทรศัพท์มือถือที่หายากที่สุดรุ่นหนึ่งไปแล้ว
http://mobile.kapook.com/view174

[OASIS]

 

[OASIS]

Yamaha MT-07 รีวิวการขับขี่มอเตอร์ไซค์

งานมีตติ้งรวมนักบิดครั้งหน้าลองสังเกตุดูนะครับว่าคุณเจอนักบิดประเภทเริ่มล้านมากกว่านักบิดสิวเขรอะหรือเปล่า หากเป็นแบบนี้แสดงว่าต้องมีอะไรน่าตื่นเต้นมาดึงดูดนักบิดหน้าใหม่ให้เขามาร่วมงานกันมากขึ้นแล้วละครับ และนั่นคือสิ่งที่ Yamaha ทำในตอนนี้ นั่นก็คือมอเตอร์ไซค์คันใหม่รุ่น MT-07 เพื่อดึงดูดนักบิดหน้าใหม่เข้าสู่ตลาด
มอเตอร์ไซค์ Yamaha MT-07 นี้พุ่งเป้าไปยังนักบิดในช่วงอายุ 20 – 35 ปี มอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นยิ่งกว่ามอเตอร์ไซค์ที่ใช้ขับไปไหนมาไหนตามที่ผมได้เคยจินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่สุดยอดคันหนึ่งและยากที่ขับขี่มันไปโดยไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเรา
มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้อาจจะมีสายพันธ์เกี่ยวโยงกับ MT-09 (FZ-09 ในอเมริกา) ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่กว่า มอเตอร์ไซค์ MT-07 ไม่ได้ออกมาเพื่อนักบิดที่ต้องการความแรงเร้าใจซะทีเดียว แต่อย่าคิดนะครับว่านักบิดมือเก๋าไม่ควรจะหันมามองน้องใหม่ในกลุ่ม MT คันนี้
สูตรสำเร็จของ Yamaha ก็คือต้องการให้เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ไม่เพียงแต่ขับง่ายเท่านั้น แต่ยังจะขับสนุกอีกด้วย ผมลองขับด้วยระยะทางราว 200 กิโลเมตรกับเครื่องยนต์ขนาด 689cc คันนี้ในระหว่างงานเปิดตัวสำหรับสื่อมวลชน แต่ใจจริงแล้วอยากจะขับให้มากกว่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าการขับขี่นั้นง่ายๆสบายๆ ไม่ต้องกังวลกับโหมดการขับขี่อะไรมาก แค่ติดเครื่องแล้วก็เปิดคันเร่งก็แค่นั้น
มอเตอร์ไซค์ Yamaha MT-07 ให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ทุกโอกาสที่เราต้องใช้งาน ท่านั่งขับที่สบายๆ ที่ต้องขอบคุณที่วางเท้าที่อยู่ในระดับต่ำ ขับมอเตอร์ไซค์คันนี้เหมือนนั่งอยู่กับบ้าน ติดขัดอยู๋อย่างเดียวเวลาจะยกเลิกไฟเลี้ยวกลายเป็นบีบแตรอยู่หลายครั้ง กว่าจะคุ้นเคยก็ต้องใช้เวลานิดนึง
เครื่องยนต์ใหม่นี้ให้แรงม้าที่ Yamaha บอกว่าออกมาถึง 75 แรงม้า ซึ่งทาง Yamaha เองมีแผนว่าจะใช้เครื่องยนต์เดียวกันนี้กับรุ่นอื่นๆอีกด้วย เครื่องยนต์ได้ถูกออกแบบมาให้มีส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยที่สุด ลดต้นทุนการประกอบเครื่องยนต์ ลดแรงเสียดทานภายในและน้ำหนัก ซึ่งจะส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น
กำลังสูงสุดอาจจะไม่ประทับใจใครหลายๆคน แต่ก็ประมาณ 3 แรงม้ามากกว่า Kawasaki ER-6 และ Suzuki SFV650 แต่สิ่งที่เราควรกล่าวถึงสำหรับ MT-07 ก็คงเป็นเรื่องของแรงบิดที่ 50 ปอนด์ฟุต ซึ่งมากกว่า Suzuki และ Kawasaki อยู่ 3 ปอนด์ฟุตด้วยกัน
ที่ราคา 5,199 ปอนด์ หรือราวๆ 280,000 บาทในอังกฤษ ก็ถือว่าราคาถูกกว่าคู่แข่งอยู่บ้าง ซึ่งทาง Kawasaki ก็ออกมาลดราคา ER-6n ลงอีก 500 ปอนด์จนเหลือ 5,399 ปอนด์ เมื่อ MT-07 ออกมา ส่วน Suzuki SFV ยังไม่ขยับราคาจึงยังคงอยู่ที่ 5,999 ปอนด์
เส้นกราฟแรงบิดของ MT-07 นั้นรับรองได้ว่าจะสร้างรอยยิ้มให้คุณได้ดีเมื่อมองว่าส่วนหน้าของรถนั้นถูกออกแบบมาให้เบาที่สุดเท่่าที่จะเบาได้
การออกตัวก็ทำได้ดีจากรอบต่ำ นั่นหมายถึงว่าคุณสามารถขับรถคันนี้เอื่อยๆในเมืองแม้อยู่ในเกียร์สองหรือเกียร์สาม การตอบสนองต่อคันเร่งนั้นถือว่าดีมาก และเกียร์ต่ำจะช่วยให้รู้สึกถึงอัตราเร่งที่ดีเมื่อเริ่มเปิดคันเร่ง ตรงนี้น่าจะถือเป็นสุดยอดของมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็ว่าได้
http://mocyclover.com/yamaha-mt-07-%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3.html

[tai xr]

ใจเกินร้อยจริง ๆ อ้ายศักไหวไหมครับ

[OASIS]

 

[OASIS]

Ducati เผยโฉมเครื่องยนต์ Testatretta DVT

Ducati ได้เปิดเผยเครื่องยนต์รุ่นใหม่ขนาด 1198cc ที่มาพร้อมระบบ Variable Timing โดยเครื่องยนต์ตัวนี้มีชื่อเรียกว่า Testastretta Desmodromic Variable Timing หรือ DVT ที่นำระบบวาล์วอันโดดเด่นของบริษัทมารวมกับระบบเวลาผันแปรที่จะปรับแต่งทั้งไอดีไอเสียให้สอดคล้องกัน ซึ่ง Ducati กล่าวว่าถือเป็นครั้งแรกของโลกในการหลวมรวมเทคโนโลยีทั้งสองเข้าด้วยกันสำหรับการใช้งานกับมอเตอร์ไซค์

ระบบ DVT จะทำงานกันอย่างอิสระในการกำหนดจังหวะเวลาในการปิดเปิดวาล์วไอดีและวาล์วไปเสีย โดยใช้ตัวปรับเวลาที่ติดตั้งอยู่ตรงปลายของแต่ละ camshaft จะมีส่วนครอบเพิ่มเติมด้านนอกที่เชื่อมโยงกับสายพานหลักพรัอมระบบภายในที่จะเชื่อมโยงไปยัง camshaft และหมุนได้อย่างอิสระ ระบบนี้ทำให้มีการหน่วงเวลาที่ปรับค่าได้ของการหมุนของอุปกรณ์ควบคุมวาล์ว (ดูตัวอย่างได้จากวิดีโอ)

ระยะเวลาในการหน่วงนั้นถูกควบคุมโดยแรงดันของน้ำมันในห้องพิเศษที่ควบคุมโดยหัววัดตรงฝาปิดแคมที่มีวาล์วโดยเฉพาะ ทั้งนี้ Volkswagen ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Ducati ก็ใช้เทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน
ที่รอบสูง DVT จะเพิ่มเวลาในการซ้อนทับกันของการเปิดวาล์วไอดีและไอเสียมากขึ้นในช่วงปลายของการปล่อยไอเสียออกและในช่วงเริ่มต้นของไอดีเข้าสู่กระบอกสูบ ทาง Ducati กล่าวว่าวิธีการนี้ทำให้เวลาที่เครื่องยนต์ทำรอบสูงๆนั้นจะได้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สูงที่สุดในขณะเดียวกันก็ทำงานได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง และยังให้แรงบิดสูงในช่วงรอบต่ำและกลางอีด้วย

ระบบวาล์วนี้จะไม่มีการใช้สปริงทำให้ลดแรงที่จะต้องส่งไปปิดเปิดวาล์วที่รอบต่ำ ทำให้ทาง Ducati สามารถลดขนาดของแต่ละ cam phaser ทำให้สามารถลดน้ำหนักและออกแบบให้เครื่องยนต์มีขนาดกระทัดรัดขึ้น ทาง Ducati ยังได้จัดวางหัวฉีดน้ำมันที่ตำแหน่งใหม่ โดยเล็งให้ตรงกับตำแหน่งส่วนหลังที่มีความร้อนสูงของวาล์วไอดีแทนที่จะเป็นส่วนที่เย็นกว่า ทำให้ไอน้ำมันระเหยแตกละอองได้ดีกว่าและเป็นผลให้มีประสิทธิภาพในการเผาไหม้ที่ดีกว่า

Ducati กล่าวว่าเครื่องยนต์แบบสองหัวเทียน 1198cc Testatretta DVT นั้นให้แรงม้าสูงสุดถึง 160 แรงม้าที่ 9500 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 100 ปอนด์ฟุตที่ 7500 รอบต่อนาที โดยจากการเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ Testastretta ตัวก่อนที่ติดตั้งบน 2014 Multistrada นั้นจะให้แรงม้าเพียง 150 แรงม้าที่ 9250 รอบต่อนาทีและแรงบิดที่ 91 ปอนด์ฟุตที่ 7500 รอบต่อนาที

เครื่องยนต์ระบบ DVT นี้จะทำให้เครื่องยนต์ให้แรงบิดถึง 59 ปอนด์ฟุตโดยเริ่มที่ 3500 รอบต่อนาทีเท่านั้น โดยรอบเครื่องยนต์ระหว่าง 5750 ถึง 9500 รอบต่อนาทีนั้น Ducati กล่าวว่าเครื่องยนต์จะให้แรงบิดคงที่อย่างน้อย 74 ปอนด์ฟุต
ผลดีอีกอย่างหนึ่งของ DVT ก็คือประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน โดยทาง Ducati อ้างว่าลดการสิ้นเปลืองน้ำมันลง 8% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ Testastretta ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะลดไอเสียเครื่องยนต์ DVT ก็จะใช้ระบบอากาศรองในการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้

อย่างหนึ่งที่น่าเป็นห่างเกี่ยวกับการเพิ่มความซับซ้อนอย่างเช่นระบบวาล์วผันแปรนั้นก็คือทำให้การบำรุงรักษามีความซับซ้อนขึ้น แต่ทาง Ducati แจ้งว่าเครื่องยนต์ DVT นั้นเข้าศูนย์ที่ช่วงไกลขึ้นถึง 30,000 กิโลเมตร

ส่วนมอเตอร์ไซค์รุ่นไหนจะใช้เครื่องยนต์ DVT นั้นทาง Ducati ไม่ได้บอก แต่รุ่นที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คงจะเป็น Multistrada และน่าจะตามมาด้วยรุ่น Diavel
http://mocyclover.com/ducati-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-testatretta-dvt.html

[OASIS]

RIDERS

[OASIS]

 

[OASIS]

 

[OASIS]

    งง

[OASIS]

 

[OASIS]

2015 Moto Guzzi V7 II เตรียมเผยโฉมในงาน Intermot

ทาง Piaggio เตรียมเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นปรับปรุงของ Moto Guzzi V7 ในสัปดาห์หน้านี้ที่งาน Intermot ที่เมือง Colongne.

ชื่อเรียกใหม่ก็คงเป็น V7 II รุ่นใหม่ในกลุ่มนี้จะมีออกมา 3 version ด้วยกันคือ V7 II Stone, V7 II Racer และ V7 II Special โดยจะกลับมาพร้อมกลับลักษณะเด่นของเครื่องยนต์ที่วางตามขวาง แต่จะวางไว้ต่ำลง 10 มม และเอียงไปข้างหน้า 4 องศา เพื่อแก้ปัญหาที่นักบิดบ่นกันเรื่องวางหัวเข่าลำบากเพราะมักจะไปโดนเครื่องยนต์

ระบบส่งกำลังก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็น 6 เกียร์พร้อมการปรับปรุงคลัชที่ให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม การปรับโฉมอย่างอื่นก็เป็นระบบ ABS แบบสองแชนแนล ระบบ traction control ลดความสูงเบาะจาก 31.7 นิ้วมาเป็น 30.7 นิ้ว

http://mocyclover.com/2015-moto-guzzi-v7-ii-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-intermot.html

[OASIS]

 

[OASIS]

2015 Yamaha FJ-09 หลุดโผล่โฉม

ก่อนหน้านี้ Yamaha ก็ง่วนอยู่กับการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่อย่าง YZF-R3 ซึ่งเป็นรถแนวสปอร์ทไบค์สำหรับผู้เริ่มต้น ตามมาด้วย YZ250FX และ WR250R ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์แนวออฟโร้ด และตามติดๆมาด้วย SMax มอเตอร์ไซค์แนวสกู๊ตเตอร์ พร้อมทั้งอย่าลืมว่ามีภาพเรียกน้ำย่อยของ 2015 R1 ออกมาอีกแล้วด้วย

สื่อมวลชนเองก็วุ่นวายอยู่กับการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับรุ่นใหม่ๆ ที่ประกาศตัวออกมาเป็นระยะๆ พร้อมๆไปกับคนที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซท์ของ Yamaha ที่คงง่วนอยู่กับการ update ข้อมูลอยู่เรื่อยๆเช่นกัน

นั่นคงเป็นคำอธิบายได้ดีถึงภาพของมอเตอร์ไซค์คันใหม่นี้ซึ่งเป็น Yamaha FJ-09 ซึ่งปรากฏหราบนหน้าเว็บไซท์มาแป้บนึงในหน้าภาพแกลลอรี่อย่างเป็นทางการของมอเตอร์ไซค์ FZ-09 ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการนำภาพนี้ออกจากเว็บของ Yamaha แล้ว แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะทำให้สมาชิกของเว็บบอร์ด ADVRider
ถือโอกาศดาวโหลดมาได้ภาพหนึ่ง เอ้ะหรือว่าทาง Yamaha จงใจให้ภาพนี้โผล่ออกมากันแน่

ครั้งนี้นักเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้ขุดคุ้ยหลักฐานของมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ททัวร์เรอร์ที่ออกแนวผจญภัย 3 สูบคันใหม่
ก่อนหน้านี้ก็เจอเรื่องการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในชื่อของ FJ-09 ต่อมาก็เรื่องการขอสิทธิบัตรการออกแบบ
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหน้าตาของมอเตอร์ไซค์ควรจะเป็นอย่างไร ตามติดๆมาด้วยเอกสารรับรองจากหน่วยงานด้านทรัพยากรทางอากาศ
ที่ยืนยันว่า FJ-09 นั้นกำลังจะวางตลาดอเมริกาในปี 2015

มาถึงตอนนี้ก็เป็นอันชัดเจนว่าหน้าตาของมอเตอร์ไซค์ Yamaha FJ-09 นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งรวมทั้งสีสรรและสไตล์
มั่นใจได้เลยว่าทาง Yamaha น่าจะมีสีอื่นให้เลือกด้วยแต่ก็คงต้องรอจนกว่าจะถึงาน EICMA ในเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับการประกาศตัวอย่างเป็นทางการ ยกเว้นจะมีภาพโผล่ขึ้นมาให้เห็นเพิ่มเติมระหว่างนั้น

ที่มา blog.motorcycle.com

[OASIS]

2014 KTM 690 Enduro R ทดสอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์

ดูเหมือนว่า KTM มักจะมีอะไรใหม่ๆมาให้แฟนๆได้ลุ้นกันเสมอในช่วงหลังๆ ปีที่แล้วเราได้เห็นทาง KTM
เปิดตัวระบบ Stability Control บนตัว 1190 Adventure และการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ 1290 Superduke R
และนอกจากนี้ยังมีข่าวที่กำลังจะมีการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์คันใหม่ในกลุ่ม RC เร็วๆนี้ เป็นที่ยืนยันว่าทางผู้ผลิตสัญชาตออสเตรียรายนี้
กำลังพุ่งเป้าทำไรบางอย่างอยู่ และในกลุ่ม 690 LC4 ก็ไม่มีคำว่าถูกลืมเช่นกัน ด้วยตัว Enduro R ได้มีการปรับโฉมใหม่ออกมาให้เราได้ทดลองกัน

มอเตอร์ไซค์คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียว LC4 (liquid cooled 4 valve) ซึ่งการออกแบบมาจากลักษณะเดียวกันของเครื่องยนต์ที่ทาง KTM
ใช้กับมอเตอร์ไซค์ Dakar โดยเป็นการสร้างเครื่องยนต์ที่น้ำหนักเบา คงทน ประสิทธิภาพสูง และขับได้หลากหลายรูปแบบสำหรับการแข่งแรลลี่ระยะไกล
โดยปีนี้เครื่องยนต์มีน้ำหนักเพียง 38.5 กิโลกรัมและมีแนวโน้มจะประหยัดน้ำมันในช่วง 80 ไมล์ต่อแกลลอน แน่นอนว่าเครื่องยนต์ขนาด 690cc คันนี้
ยังเหมาะที่จะนำมาใช้แข่งขันอยู่

อย่างไรก็ตามเวลาเปลี่ยนสิ่งต่างๆก็ต้องเปลี่ยน และสำหรับปี 2014 แล้ว Enduro R ก็มาพร้อมเบรก ABS ของ Bosch
และหากคุณไม่ชอบ ABS บนรถแนวออฟโร้ดละก็ไม่ต้องกลัวนะครับเพราะคุณสามารถปิดระบบได้ ทาง KTM ยังมีโหมดการขับขี่แบบ offroad
แบบที่ระบบ ABS ยังทำงานบนล้หน้าแต่จะยอมให้ล้อหลังล้อคได้ภายใต้ภาวะการเบรก ในกลุ่ม 2014 KTM 690 นี้จะมีทั้ง SMC R, Duke และ Enduro
ซึ่งแต่ละแบบก็จะมี ABS ในลักษณะที่แตกต่างกันไป นั่นหมายถึงว่าหากคุณจะใส่ล้อขนาด 17 นิ้วสำหรับรุ่น SMC R ถึงรุ่น Enduro
แล้วละก็คุณอาจจะต้องเอาระบบ ABS ออก หรือไม่ก็จบปริญญาเอกสาขาปรับแต่ง ECU กันละครับ

ระบบการขับขี่แบบ ride-by-wire นั้นมาแทนที่ระบบสายเคเบิ้ลของรุ่นปีที่แล้ว ทำให้คุณสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้ง Standard, Sport และ Comfort
และยังมีโหมดน้ำมันคุณภาพต่ำที่ทาง KTM กล่าวว่าสามารถขับได้แม้จะใช้น้ำมันต่ำลงที่อ้อคเทน 80 ก็ตาม ที่ความเร็วต่ำกว่า 4,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น
ที่โหมดการขับขี่ต่างๆจะมีการปรับแต่งการส่งน้ำมัน นั่นหมายถึงว่า Enduro R คันนี้จะออกออกตัวที่กำลังเต็มที่ 67 แรงม้า ไม่ว่าจะเลือกโหมดไหนก็ตาม

ตัวเครื่องยนต์เองตอนนี้จะมีระบบหัวเทียนสองหัว โดยจะมีระบบแมพปิ้งแยกกันระหว่างแต่ละหัวเทียน ตามที่ KTM ระบุจะทำให้ Enduro R
นั้นมีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อน 8 ถึง 10% เลยทีเดียว เพื่อช่วยให้ได้ตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ 80 ไมล์ต่อแกลลอน และยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือน
หมายถึงว่าคุณสามารถเข้าศูนย์ในช่วงระยะที่ห่างขึ้นเป็น 10,000 กิโลเมตร
http://mocyclover.com/2014-ktm-690-enduro-r-%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD.html

[ton xr]

2014 KTM 690 Enduro R ทดสอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์

ดูเหมือนว่า KTM มักจะมีอะไรใหม่ๆมาให้แฟนๆได้ลุ้นกันเสมอในช่วงหลังๆ ปีที่แล้วเราได้เห็นทาง KTM
เปิดตัวระบบ Stability Control บนตัว 1190 Adventure และการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ 1290 Superduke R
และนอกจากนี้ยังมีข่าวที่กำลังจะมีการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์คันใหม่ในกลุ่ม RC เร็วๆนี้ เป็นที่ยืนยันว่าทางผู้ผลิตสัญชาตออสเตรียรายนี้
กำลังพุ่งเป้าทำไรบางอย่างอยู่ และในกลุ่ม 690 LC4 ก็ไม่มีคำว่าถูกลืมเช่นกัน ด้วยตัว Enduro R ได้มีการปรับโฉมใหม่ออกมาให้เราได้ทดลองกัน

มอเตอร์ไซค์คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียว LC4 (liquid cooled 4 valve) ซึ่งการออกแบบมาจากลักษณะเดียวกันของเครื่องยนต์ที่ทาง KTM
ใช้กับมอเตอร์ไซค์ Dakar โดยเป็นการสร้างเครื่องยนต์ที่น้ำหนักเบา คงทน ประสิทธิภาพสูง และขับได้หลากหลายรูปแบบสำหรับการแข่งแรลลี่ระยะไกล
โดยปีนี้เครื่องยนต์มีน้ำหนักเพียง 38.5 กิโลกรัมและมีแนวโน้มจะประหยัดน้ำมันในช่วง 80 ไมล์ต่อแกลลอน แน่นอนว่าเครื่องยนต์ขนาด 690cc คันนี้
ยังเหมาะที่จะนำมาใช้แข่งขันอยู่

อย่างไรก็ตามเวลาเปลี่ยนสิ่งต่างๆก็ต้องเปลี่ยน และสำหรับปี 2014 แล้ว Enduro R ก็มาพร้อมเบรก ABS ของ Bosch
และหากคุณไม่ชอบ ABS บนรถแนวออฟโร้ดละก็ไม่ต้องกลัวนะครับเพราะคุณสามารถปิดระบบได้ ทาง KTM ยังมีโหมดการขับขี่แบบ offroad
แบบที่ระบบ ABS ยังทำงานบนล้หน้าแต่จะยอมให้ล้อหลังล้อคได้ภายใต้ภาวะการเบรก ในกลุ่ม 2014 KTM 690 นี้จะมีทั้ง SMC R, Duke และ Enduro
ซึ่งแต่ละแบบก็จะมี ABS ในลักษณะที่แตกต่างกันไป นั่นหมายถึงว่าหากคุณจะใส่ล้อขนาด 17 นิ้วสำหรับรุ่น SMC R ถึงรุ่น Enduro
แล้วละก็คุณอาจจะต้องเอาระบบ ABS ออก หรือไม่ก็จบปริญญาเอกสาขาปรับแต่ง ECU กันละครับ

ระบบการขับขี่แบบ ride-by-wire นั้นมาแทนที่ระบบสายเคเบิ้ลของรุ่นปีที่แล้ว ทำให้คุณสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้ง Standard, Sport และ Comfort
และยังมีโหมดน้ำมันคุณภาพต่ำที่ทาง KTM กล่าวว่าสามารถขับได้แม้จะใช้น้ำมันต่ำลงที่อ้อคเทน 80 ก็ตาม ที่ความเร็วต่ำกว่า 4,000 รอบต่อนาทีเท่านั้น
ที่โหมดการขับขี่ต่างๆจะมีการปรับแต่งการส่งน้ำมัน นั่นหมายถึงว่า Enduro R คันนี้จะออกออกตัวที่กำลังเต็มที่ 67 แรงม้า ไม่ว่าจะเลือกโหมดไหนก็ตาม

ตัวเครื่องยนต์เองตอนนี้จะมีระบบหัวเทียนสองหัว โดยจะมีระบบแมพปิ้งแยกกันระหว่างแต่ละหัวเทียน ตามที่ KTM ระบุจะทำให้ Enduro R
นั้นมีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อน 8 ถึง 10% เลยทีเดียว เพื่อช่วยให้ได้ตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ 80 ไมล์ต่อแกลลอน และยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือน
หมายถึงว่าคุณสามารถเข้าศูนย์ในช่วงระยะที่ห่างขึ้นเป็น 10,000 กิโลเมตร
http://mocyclover.com/2014-ktm-690-enduro-r-%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD.html

งามแต้ๆ

[phatthanawat]

สวด....ยอด