ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้
มี ตาและหลานชายคู่หนึ่ง หลบหนีภัยสงครามใช้ชีวิตในชนบท
ตาและหลานมี ม้าตัวผู้อยู่ตัวหนึ่ง เป็นม้าที่แข็งแรงมาก
สามารถวิ่งได้วันละ1,000 ลี้โดยไม่หยุดพัก
วันหนึ่งหลานชายพาม้าออกไปจากบ้าน แต่ม้ากลับหายไป
หลายชายตกใจมากรีบวิ่งมาบอกกับตา ว่า ม้าได้หายไปแล้ว
ตา กลับนิ่งเฉย แล้วบอกกับหลานชายว่า "ยังไม่แน่"
หลานรู้สึกโกรธตามากที่ไม่กะใจเสียดายม้าของตนเอง
วันต่อมา ม้าหนุ่มได้วิ่งกลับมาพร้อมกับม้าสาวอีกหนึ่งตัว
หลานเห็นดังนั้นก็ดีใจมาก รีบวิ่งมาบอกตา ว่าได้ม้ากลับมาถึงสองตัว
ตาได้ฟังก็กล่าวกับหลานอย่างสงบว่า "มันไม่แน่"
หลานรู้สึกโกรธตาว่า ได้ม้ากลับมาถึงสองตัวแต่กลับแต่ไม่ดีใจ
หลานจึงขึ้นขี้ม้ากระโจนออกทุ่งหญ้าไปในทันที
แต่ด้วยหลานยังขี้ม้ายังไม่ชำนาญ จึงพลัดตก ขาหัก เจ็บปวดทรมาน
หลังจากได้รับการรักษา หลานก็บอกกลับตาว่า "ช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน"
ตามองดูหน้าหลานชาย แล้วกล่าวอย่างเฉือยช้า ว่า "ยังไม่แน่"
หลานชายนึกโกรธตาอยู่ในใจ ว่าบาดเจ็บเช่นนี้ยังว่าไม่โชคร้ายได้อย่างไร
เช้าวันรุ่งขึ้น มีทหารจากกองทัพมาที่บ้าน เพื่อเกณฑ์ชายหนุ่มเข้าสู่แนวหน้าทำสงครามกับต่างแคว้น
เมื่อทหารเห็นสภาพหลานชายที่ขาหัก ก็ขีดชื่อของเขาออก แล้วจากไป
หลายชายเห็นดังนั้นก็หลั่งน้ำตาแล้วกล่าวกับตาว่า "ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้"
ตามองดูหลานชายสักพัก แล้วกล่าวอย่างแช่มช้าว่า "มันก็ยังไม่แน่"....
(ว.วชิรเมธี จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)