เป็นวัดที่หาทางเข้ายากมากวัดหนึ่ง(เพราะไม่มีป้ายบอกทางเลย)
ตั้งใจไปครั้งที่ห้าถึงได้เจอ แต่ก็ต้องถอยรถยาวออกมาเป็นครึ่งกิโล
สัจจะของครูบาบุญชุ่ม ครูบาบุญชุ่มเป็นพระสงค์ที่มีปฏิปทา
ดำเนินชีวิตอยู่ในแนวทางของพระโพธิสัตว์
ครูบาบุญชุ่มได้บวชเป็นสามเณร ตั้งแต่มีอายุได้เพียงสิบสองปี
ได้ปฏิบัติธรรมออกธุดงค์สู่ป่าใหญ่ตั้งแต่ยังเป็นเณรน้อย
มีอยู่ครั้งหนึ่ง สามเณรบุญชุ่มได้ธุดงค์อยู่ในเขตอำเภอแม่จัน
จังหวัดเชียงราย ในคืนวันหนึ่งขณะนั่งปฏิบัติธรรมอยู่ในกลด
อยู่บนยอดดอยกลางป่าในขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ได้ปรากฏ
ร่างของอิสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนยอดดอย ดูประหนึ่งว่าจะคอย
ใครสักคน
เณรน้อยจึงได้ถามอิสตรีนางนั้นว่าโยมมาคอยใครอยู่หรือ
ทำไมมานั่งอยู่บนยอดดอยลำพังเพียงคนเดียว
หญิงสาวที่ปรากฏในนิมิตแห่งจิตได้ตอบเณรน้อยว่า
“ข้าพเจ้ามานั่งคอยพระศรีอาริยเมตไตรยซึ่งจะเสด็จมาโปรดมนุษย์
ในพุทธันดรหน้า”
หลังจากที่เณรน้อยทราบความประสงค์ของหญิงสาวแล้ว
เพื่อไม่ให้เป็นการรอคอยที่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าด้วยความเมตตา
ของสามเณรบุญชุ่ม จึงได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
บนยอดดอยแห่งนี้ ให้หญิงสาวได้กราบไหว้บูชา และได้ตั้งชื่อเจดีย์นั้นว่า
“เจดีย์พระธาตุนางคอย”
หลายปีผ่านไปจนกระทั่งวันหนึ่งผู้บรรยายได้มีโอกาสไปกราบครูบาบุญชุ่ม
ณ บนยอดดอยนั้น เมื่อได้นมัสการเจดีย์พระธาตุนางคอยแล้วครูบาบุญชุ่ม
บอกให้ผู้บรรยายเคาะระฆังเจ็ดครั้ง ซึ่งผู้บรรยายเพิ่งจะมารู้เหตุผลในภายหลังว่า
ที่ให้เคาะระฆังเจ็ดครั้งนั้นเป็นเพราะสามเณรบุญชุ่มได้เคยตกลงไว้กับนาง
ในนิมิตว่า ถ้าได้มีโอกาสมานมัสการพระเจดีย์ฯแล้ว จะบอกให้เธอทราบด้วย
การเคาะระฆังเจ็ดครั้ง
นั่นคือสัจจะของครูบาบุญชุ่ม ที่รักษามาตั้งแต่ยังเป็นสามเณรเรื่อยมานาน
หลายสิบปี ก็ยังถือสัจจะที่ให้ไว้กับนางในนิมิตจนทุกวันนี้
;)จากหนังสือ สัจจะบารมี ของ ดร. สนอง วรอุไร