เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 กรกฎาคม 2025, 19:49:36
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ต้อนรับหน้าหนาว กับ 7สถานที่สุดลึกลับ ของเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 4 พิมพ์
ผู้เขียน ต้อนรับหน้าหนาว กับ 7สถานที่สุดลึกลับ ของเชียงราย  (อ่าน 8666 ครั้ง)
po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:16:26 »

ใก้ลหน้าหนาวกันแล้ว เรามารู้จักสถานที่แปลกๆ ในเชียงรายกันมั่งดีกว่า
เผื่อจะได้แนะนำนักท่องเที่ยว ที่เบื่อสถานที่สุดฮอต คนโคตรเยอะ
ไปเที่ยวแล้วเหนื่อยใจกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นการรวบรวม และวินิจฉัย โดยผมเอง
ซึ่งเขียนไว้ในเว็บไซด์ กาดพระ.คอม จึงของอนุญาตนำมาแบ่งบันให้เพื่อนๆชาว
เชียงรายโฟกัส ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.kadpra.com

เริ่มจากอันดับที่ 7 กำแพงเมืองจีนจำลอง



     กำแพงเมืองจีนจำลอง เชียงราย ตั้งอยู่ที่ มูลนิธิอุบลรังสีจุฬามณี  ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย

เป็นสถานที่ที่จำลองสถาปัตย์อันเลื่องชื่อของจีนไว้ หลายอย่าง เช่นกำแพงเมืองจีนจำลอง ซึ่งทอดยาวไปหลายกิโลเมตร

สาเหตุที่สถานที่นี้ติดเข้ามาในอันดับ ที่ 7 ไม่ใช่เพราะว่าความแปลก หรือหายากประการใด แต่สาเหตุสำคัญคือมันแทบจะปิดประตูตลอดทั้งปี

ซึ่งแม้แต่คนเชียงรายเอง ก็แทบจะไม่มีโอกาศเข้าไปเยี่ยมชมภายใน จึงแปลสภาพจากสถานที่ท่องเที่ยว กลายมาเป็นสถานที่สุดลึกลับของเชียงรายไปแทน
IP : บันทึกการเข้า

๛หนูแหม่ม_ฮ่าๆๆ—”๏”
เรียนอยู่ระดับ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,755


"ความรักไม่มีจริง...."


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:19:04 »

อยู่แถวๆหลัง มฟล แม่นก่อเจ้า เคยๆผ่านๆ เหมือนเป็นทางลัดไปไหนสักที่ ลืมไปแล้ว
IP : บันทึกการเข้า

"บนท้องฟ้ายังมีดวงดาว ชีวิตคนเรายังมีหวัง ยังยืนได้แม้เพียงลำพัง หัวใจยังมีฝันเรายังยิ้มได้"

Line ID : mam.88
po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:20:40 »



อันดับที่ 6 บ้านดำ

      "บ้านดำ" ผลงานของ อาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2518

ตั้งอยู่ที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย  ลักษณะเป็นกลุ่มบ้านศิลปะแนวล้านนา ซึ่งทั้งหมดล้วนถูกทาไว้ด้วยสีดำ คงไว้ด้วยเอกลักษณ์ในแบบศิลปะของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี

 ซึ่งความแปลกของบ้านดำนี้ อยู่ที่ อาจารย์นำกระดูกสัตว์ เขาสัตว์และหนังของสัตว์ต่างๆ มาจัดเป็นงานศิลปะ ทั้งเก้าอี้ เตียง ตู้ และผลงานลอยตัวต่าง ได้อย่างน่าตื่นตา ตื่นใจ

ผลงานมากมายที่มาจากความตาย ซึ่งหากเปรียบวัดร่องขุ่น ของอาจารย์เฉลิมชัย เป็นสวรรค์ บ้านดำ ก็คือนรก นั้นเอง

อีกทั้งการเข้าชมบ้านดำ ต้องได้รับการจองล่วงหน้า และจำกัดจำนวนผู้เข้าชมแต่ละวันไว้  บ้านดำ จึงติดอยู่ในอันดับที่ 6 สถานที่อันลึกลับ ของเชียงราย ซึ่งหากถามคนเชียงราย ว่า บ้านดำ ตั้งอยู่ไหน ก็อาจจะได้รับคำตอบว่า "ไม่รู้จัก" เพราะความลี้ลับของตัวบ้านเอง ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่น่าค้นหา
IP : บันทึกการเข้า

po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:28:22 »



อันดับที่ 5 ศาลากลางหลังเก่าจังหวัดเชียงราย

ตั้งอยู่ที่ ดอยจำปี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
ศาลากลางที่ตั้งบนดอยจำปีนี้ เป็นศาลากลางหลังที่ 2 หลังแรกที่หน้า อบจ. มีพระรูป ร.๕
และหลังปัจจุบันตั้งอยู่ที่ บริเวณสพานแม่ฟ้าหลวง สนาม รด.

สาเหตุที่ ศาลากลางดอยจำปี ติดเขามาในอันดับที่ 5 นี้ เป็นเพราะสถานที่ตั้ง ที่แปลกกว่า
ที่อื่นในการเข้าถึง เนื่องจากตั้งอยู่บน ยอดดอย ที่โผล่ขึ้นมากลางเมือง และไม่สามารถที่จะหาสามล้อปั่นไปส่งท่านถึงบนยอดดอยได้ เนื่องจากความลาดชันประมาณ 45 องศา จนต้องลงจากจักรยานแล้วเข็นขึ้นไปแทน อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าสยองขวัญมากมายภายในตึกเก่าอายุ 100 ปี หลังนี้ เช่น ชายที่แต่งชุดไทยขี่ช้าง เดินรอบบริเวณศาลากลางหลังนี้ ในยามวิกาล หรือแม้แต่ขบวนแห่เที่ยงคืน ที่ทำให้ชุมชนรอบๆขนลุกเกรียว

บริเวณรอบๆนี้ สมัยสงครามอินโดจีน ทหารไทยไปรบเชียงตุง
เคยเป็นที่ตั้งหน่วยทหาร จึงมี บ้านพัก จอมพล ป อยู่ถัดไป และมีสถานีวิทยุกรมการรักษาดินแดนอยู่ติดกัน มีหน่วยราชการมาตั้งหลายหน่วยรอบดอยนี้  ส่วนที่เหลือ จึงถูกบุกรุกครอบครอง จนกลายมาเป็นชุมชนแออัดในปัจจุบัน

ปัจจุบันได้แปลสภาพกลายเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์คับ ไปเรียบร้อยแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 13:29:44 โดย po-capuchino » IP : บันทึกการเข้า

lin3158
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:29:38 »

แค่นี้หรอครับ
ต่อครับ น่าสนใจ
IP : บันทึกการเข้า
po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:30:51 »



อันดับที่ 4 ดอยดัง

ตั้งอยู่ที่ ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นเองกลางหุบเขา การเดินทางด้วยเท้าเท่านั้นยาว 4 กิโลเมตร

โดยระหว่างทางผ่านจะพบน้ำตกถึง 3 แห่ง ธรรมชาติที่สวยงาม ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และชมชีวิตชาวเขา (หากท่านยังไม่หอบหมดแรงไปซะก่อน)

ซึ่งหากเข้าสู่บริเวณดังกล่าว เวลาเดินจะเกิดเสียงดังขึ้น หรือหากใช้ไม้กระทุ้ง จะเกิดเสียงดังกึกก้อง ไปทั่วบริเวณ เป็นที่มาของชื่อ ดอยดัง

โดยหากจะไปเที่ยวควรเตรียมร่างกายให้พร้อม เนื่องจากทางมีความลาดเอียงประมาณ 45 องศา
IP : บันทึกการเข้า

po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:36:08 »



อันดับที่ 3 วนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง แม่สาย

 ตั้งอยู่ที่ ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย (ดูข้อมูลเพิ่มเติม เว็บไซต์ )www.pongpha.go.th

ลักษณะเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีความยาวมากกว่า 7 กิโลเมตร (เนื่องจากยังไม่มีการสำรวจจนสุดทาง)

โดยคาดกันว่าเป็นถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดในปรเทศไทย บางตำนานเล่าว่าไปโผล่ยังประเทศพม่า

โดยภายในมีหินงอก หินย้อนมากมาย บางจุดย้อนลงมาจนถึงพื้น ลักษณะคล้ายเสาค้ำเพดาน หรือบางจุดมีหินเกร็ดสะท้อนแสง

มองดูคล้ายชุดราตรี ของสาวงาม บางก็หยดลงมาเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก

โดยเมื่อปี 2534 มีนักทัศนาจรชาวฝรั่งสองคน ได้มาเที่ยวที่ถ้ำหลวงแห่งนี้ และพากันเข้าไปในถ้ำ

คนภายนอกถ้ำสังเกตุว่าทั้งคู่ไม่ออกมาสักที จึงแจ้งตำรวจและช่วยกันค้นหา กว่าจะพบและพาออกมาได้ก็เสียเวลาไปสามวัน

ในสภาพที่อิดโรยเต็มที จากนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนมาตั้งอยู่ที่ปากถ้ำเพื่อให้คำแนะนำช่วยเหลือ ปจุบันมีเจ้าหน้าที่ จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้ามาดูแล และอนุญาตให้เข้าไปเที่ยวชม ได้เฉพาะบางช่วงฤดูกาล
IP : บันทึกการเข้า

po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:44:02 »

อันดับที่ 2 แมงสี่หูห้าตา

ตั้งอยู่ที่ดอยเขาควายแก้ว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

แมงสี่หูห้าตา เป็นสัตว์ประหลาด รูปร่างเหมือนหมีสีดำตัวอ้วน มีหูสองคู่ดวงตาห้าดวง แต่ละดวงมีสีเขียว กินถ่านไฟร้อนเป็นอาหาร

และถ่ายมูลเป็นทองคำ เชื่อกันว่ามีอิทธิฤทธิ์ทำให้ผู้ชาย หลงรักเมียน้อย มากกว่าเมียหลวง

โดยมีตำนานเล่าว่า

ในอดีตกาล ประมาณ 1,000 กว่ามีมาแล้ว มีเมืองหนึ่งที่ชื่อว่า "นครพันธุมติ" โดยมีเจ้าเมือง "พระเจ้าพันธุมติราช" เป็นผู้ปกครองบ้านเมือง ในการปกครองเมืองนั้น ปกครองกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีปัญหาต่าง ๆ มาวุ่นวาย มเหสีของพระเจ้าพันธุมติราชนั้น มีพระมเหสีอยู่ทั้งหมด 7 พระองค์
ในเมืองนี้ มีครอบครัวคนจนอยู่ มี 3 พ่อแม่ลูก ออกขอทานหาช้าวกินค่ำ ลูกคนนี้มีชื่อว่า "อ้ายทุกคตะ" เมื่อเขามีอายุ แค่เพียง 4 ขวบ แม่ก็มาด่วนจากเสียชีวิตไป การออกขอทานของอ้ายทุกคตะนั้น ก็มีทั้งชาวบ้านที่ใจดีที่ยอมให้ทานและชาวบ้านที่ไม่ชอบหน้าได้ขับไล่ไปก็มี เมื่ออ้ายทุกคตะมีอายุได้ 12 ปี พ่อก็ให้ลูกไปรับจ้างเลี้ยงวัวเลี้ยงควายของผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองนี้ แต่ไม่กี่ปี พ่อก็มาป่วยหนัก คิดว่าจะไม่รอด จึงอบรมและสั่งเสียให้อ้ายทุกคตะเป็นคนดีมีศิลธรรม เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ เมื่อพ่อเสียชีวิต ให้ฝังศพไว้ที่ป่า จนกว่าหัวกะโหลกของพ่อจะหลุด แล้วนำมาไหว้สัการะบูชาที่บ้าน เมื่ออายุ 17 ปี ก็ให้ลากหัวขึ้นดอย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถ้าหัวติดตรงไหน ก็ให้ฝั่ง แล้วทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ตรงนั้น ถ้าสัตว์ตัวใดมาติดบ่วงแร้ว ให้จับมาเลี้ยงไว้
 


หลังจากนั้นพ่อก็เสียชีวิตลง อ้านทุกคตะทำตามคำสั่งเสียของพ่อทุกอย่าง จนกระทั่ง เมื่อมาดูศพของพอแล้ว หัวหลุด จึงทำตามคำสั่งเสียของพ่อ และเมื่อถึงเวลา อ้ายทุกคตะลากหัวพ่อจนไปติดที่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง จึงได้ทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ที่นั่น และหลังจากนั้น 2-3 วัน เมื่ออ้ายทุกคตะมาดู ปรากฏว่า มีสัตว์ประหลาดมาติดบ่วงแร้ว ลักษณะตัวดำ ต่ำอ้วนเหมือนหมี ขนยาวสีดำ มีหู 4 หู และ มีตา 5 ตา จึงเป็นชื่อเรียกของ แมงสี่หูห้าตานั่นเอง
อ้ายทุกคตะได้เห็นแมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วนั้น ก็ไหว้ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ ทำให้ตนเข้าใจว่า เป็นพ่อได้กลับมาเกิดเป็นแมงตัวประหลาดตัวนี้ หลังจากนั้น เขาก็นำแมงสี่หูห้าตาไปเลี้ยงที่บ้าน และล้อมคอกไว้โดยไม่ให้ใครเห็น เอาข้าวเอาน้ำให้มันกิน แต่มันก็ไม่ยอมกินอะไรที่เขาให้เลย และเขาก็ไม่มีเวลามาดูแลหรือให้ความสนใจกับแมงสี่หูห้าตามากนัก เพราะต้องเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามปกติ
ในช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว เมื่ออ้ายทุกคตะกลับมา ก็เอาไม้มาจุดไฟเพื่อก่อกองไฟ จนเป็นถ่าน และมีถ่านหนึ่งกระเด็นออกไปหาแมงสี่หูห้าตา ด้วยความหิวกระหาย มันจึงกินถ่านไฟแดงตรงนั้น อ้ายทุกคตะเกิดความแปกใจ จึงก่อกองไฟและเขี่ยถ่านให้แมงสี่หุห้าตากินอย่างไม่ขาด วันต่อมา แมงสี่หูห้าตาได้ถ่ายขี้ออกมาเป็นทองคำจำนวนมาก เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในแต่ละวัน อ้ายทุกคตะจึงก่อกองไฟแล้วนำถ่านไฟแดงร้อน ๆ มาให้แมงสีหูห้าตากินอย่างไม่ขาด และมันก็ขี้ออกมาเป็นทองคำทุก ๆ วัน อ้ายทุกคะก็ขุดดินฝังทองคำจนเต็มไร่เต็มสวน
 

 
ต่อมา ก็มีข่าวการเผยโฉมของ "พระนางสีมา" พระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมติราช ซึ่งเป็นพระราชธีดาที่มีรูปโฉมสวยงาม จนเหล่าบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ หลายร้อยเมือง มาขอเป็นมเหสี (ขอแต่งงาน) พระเจ้าพันธุมติราชจึงตัดสินใจว่า ถ้าต้องการพระนางสีมาเป็นมเหสี ให้สร้างรางรับน้ำฝนทองคำจากบ้านมายังปราสาท ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ยาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงทำให้เรื่องนี้เงียบหายไป แต่อ้ายทุกคตะก็ได้ทราบถึงเรื่องนี้ด้วย จึงไปจ้างช่างทำรางรับน้ำฝนไปสร้างด้วยทองคำ และสร้างจากบ้านมายังปราสาท
 
หลังจากนั้น ทำให้ชาวบ้านในเมืองได้เห็นสิ่งที่หน้าประหลาด นั้นคือ รางรินน้ำทองคำ ก่ายพาดตามทาง ยาวสุดลูกหูลูกตา เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชทรงทราบ จึงให้เสนาอำมาตย์ ไปติดตาม พบว่า รางน้ำนั้นมาจากบ้านของอ้ายทุกคตะ พระเจ้าพันธุมติราชจึงสั่งการให้ทำถนนเป็นอย่างดีไปจนถึงบ้านของอ้ายทุกคตะ เมื่อได้ฤกษ์ยามที่ดี อ้ายทุกคตะจึงได้อภิเษกสมรสกับพระนางสีมา และจัดแต่งองค์ให้กับอ้ายทุกคตะ
หลังจากที่อ้ายทุกคตะได้อภิเษกสมรสมาเป็นบุตรเขยแล้ว พระเจ้าพันธุมติราชจึงถามเรื่องทองคำว่าได้มาจากไหน เขาก็ตอบว่าได้มาจากแมงสี่หูห้าตา พระราชาจึง สั่งให้ไปขุดทองที่บ้านในสวนจนหมด ใช้เวลา 7 วัน 7 คืนกว่าจะขุดได้หมด เพื่อเอาทองคำมาเป็นทรัพย์สมบัติ เมื่อถามถึงเรื่องตัวของแมงสี่หุห้าตาแล้ว จึงขอให้อ้ายทุกคตะไปเอาตัวมันมา แต่มันกลัวพระเจ้าพันธุมติราช จึงหลุดหนีออกไป พระราชาจึงสั่งให้เสนาอำมาตย์ไปตามจับมา ซึ่งหนีได้ 2 ครั้ง และครั้งที่ 3 จับได้จึงใส่กรง
 
 

วันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชต้องการจะสัมผัสตัวแมงสี่หูห้าตา เมื่อเปิดกรงออก มันจึงหนีออกจากกรง พระราชาจึงวิ่งตาม จนมาถึงหน้าถ้ำอีกที่หนึ่ง พระราชาคิดว่าแมงสี่หูห้าตาวิ่งหนีเข้าไปในถ้ำ จึงตามเข้าไป ทำให้ถ้ำเกิดดินถล่มปิดปากทำ พระเจ้าพันธุมติราชจึงถูกขังอยุ่ในถ้ำ พวกเสนาอำมาตย์จึงหาไม่เจอพระเจ้าพันธุมติราชที่ถูกขังอยู่ในถ้ำนั้น ก็ได้แต่โทษตัวเองว่า ด้วยความโลภเพราะอยากได้แมงสี่หุห้าตา จึงถูกกักขังไว้ในถ้ำแห่งนี้ และคาดว่าจะสวรรคต เมื่อถ้ำแตกออกเป็นรูเล็ก ๆ จึงเรียกพวกเสนาอำมาตย์ให้ไปตามพระมเหสีทั้ง 7 มา และสั่งให้ ทั้ง 7 คนพากันสละความอายด้วยการเปิดผ้าถุงให้เห็นสรีระและอวัยวะภายในของมเหสีทั้ง 7 ให้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสวรรคต พระมเหสีของพระเจ้าพันธุมติราชต่างเกี่ยงกันไปเกียงกันมาด้วยความอาย ไม่กล้าเปิดผ้าถุง แต่แล้ว พระมเหสีเมียน้อยคนที่ 7 จึงตัดสละความอาย เปิดผ้าถุงให้ดู ทำให้เห็นอวัยวะเพศหญิง จึงเกิดสิ่งมหัศจรรย์ มีเสียงหัวเราะจากถ้ำทำให้ปากถ้ำเปิด พระเจ้าพันธุมติราชหนีรอดออกมาได้ และสวมกอดมเหสีคนที่ 7 ว่าต่อไปนี้พี่จะรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงต่อไป ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้ชายหลงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงนั่นเอง
 


เมื่อทั้งหมดกลับเมือง ก็มีความสงบสุขเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จนกระทั่งพระเจ้าพันธุมติราชได้สละราชสมบัติให้กับอ้ายทุกคตะซึ่งเป็นบุตรเขยได้สืบราชวงค์ต่อไป และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "พระยาธรรมมิกะราช" และมีการเฉลิมฉลองนับ 7 วัน 7 คืน มีพระสงฆ์มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา แล้วนำพระบรมพุทธสารีริกธาตุนิ้วก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้ามาถวาย ในฐานะที่เป้นเจ้าเมือง พระยาธรรมมิกะราชจึง โปรดให้สร้างวัดวาอารามต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และได้สร้างวัดดอยเขาควายแก้วโดยนำเอาพระบรมพุทธสารีริกธาตุวก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้าบรรจุใส่ไว้ในเจดีย์ของวัดดอยเขาควายแก้วอีกด้วย วัดนั้น สร้างตรงยอดดอยที่มีถ้ำที่แมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วได้ที่นั่น และเป็นวัดพระธาตุดอยเขาควายเเก้วของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน

ข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=483316
IP : บันทึกการเข้า

updoon
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,082



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:51:50 »

แล้ว อันดับ 1 ละครับ?..
IP : บันทึกการเข้า

ตกลงจะเบี้ยวใช่ใหม แค่เนี๊ยะนะ...กระจอกว่ะ...
mongkonareraiyon
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:54:03 »

 ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
มีอีกไหมคับ   ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 17:02:10 โดย mongkonareraiyon » IP : บันทึกการเข้า
po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:55:27 »



อันดับที่ 1 เวียงหนองหล่ม

 เวียงหนองหล่ม ตั้งอยู่ระหว่าง ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน และตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ ลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ มีความหลากหลายทางชีวภาพค่อนข้างสูง และเป็นแหล่งดูนกตามธรรมชาติ

เวียงหนองหล่ม มีเรื่องเล่า อยู่มากมาย แต่ละเรื่องราวชี้มูลเหตุการเกิดเวียงหนองหล่ม เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และเมืองทั้งก็ยุบตัวลง เกิดเป็นเวียงหนองหล่ม แต่สิ่งที่ทำให้เวียงหนองหล่ม ติดเข้ามาในอันดับที่ 1 ของสถานที่ลึกลับนั้น
________________________________________________________
ตำนานเวียงหนองหล่ม
 บริเวณที่เป็นเวียงหนองหล่มนี้ในอดีตเป็นที่ตั้งของเมืองโยนกนาคพันธ์บุรีฯ แล้วได้ล่มสลายลงเนื่องจากชาวเมืองได้จับปลาไหลเผือก มาแบ่งกันกินภายในเมือง พอตกค่ำก็เกิดฟ้าร้องเสียงดังสนั่น ทำให้เมืองล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำไป และอีกแนวทางหนึ่ง กล่าวถึง แม่หม้ายลูกติดที่แต่งงานใหม่โดยที่ลูกชายกับสามีคนก่อนไม่พอใจในการกระทำของแม่ตนเอง “ปลาไหลเผือก”   จากแม่น้ำกกได้มาตัวใหญ่เท่าต้นตาล ยาวประมาณ 7 วา นำมาแบ่งกันกินในเมือง พอตกค่ำได้เกิดแผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหว 3 ครั้ง จนทำให้เวียงโยนกนครหลวงยุบจมลงเกิดเป็นหนองอันใหญ่

________________________________________________________


เป็นเพราะเหตุการณ์ลึกลับต่างๆ ที่เกิดบริเวณเวียงหนองหล่ม เช่น คืนวันพระจะมีเสียงฆ้องกลอนแห่แหนทางทิศเหนือของเวียงหนองหล่ม

บางครั้งก็มีผู้พบพระพุทธรูปองค์ใหญ่หน้าตักกว้าง 9 ศอกในน้ำแต่ก็หายไป

หรือการเจอรอยเท้าประหลาด เมื่อปี 2553 ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 ซม. มีนิ้ว 4 นิ้ว ปรากฎอยู่บนพื้นถนน ภายในหมู่บ้านห้วยน้ำราก ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย เป็นทางยาวกว่า 100 รอย โดยชาวบ้านที่เห็นพบเห็นรอยเท้าดังกล่าว เล่าว่า ก่อนพบรอยเท้าประหลาดเวลาประมาณ 01.00 น. ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่หลับกันอยู่ได้ยินเสียงดังตุบตับอย่างรุนแรง ตามท้องถนนหลายครั้ง แต่ไม่ได้มีใครสนใจกระทั่งรุ่งเช้าก็มาพบรอยประหลาดดังกล่าว โดยไม่มีใครทราบว่า รอยเกิดขึ้นจากอะไรเพราะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ แต่เชื่อกันว่า อาจเป็นรอยของมนุษย์ต่างดาว



และเรื่องการพบ การพบเจอตัวประหลาด ในปี 2549 ซึ่งมีลักษณะคล้ายมนุษย์ต่างดาว ในภาพยนต์ และการตายของต้นข้าวเป็นรัศมีวงกลม บริเวณที่พบตัวประหลาดนั้น


ภาพสเก็ตช์"มนุษย์ต่างดาว" ที่ชาวบ้านพบใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ซึ่ง เหตุการณ์ทั้งหมด จึงทำให้เวียงหนองหล่ม ติดเข้ามาในสถานที่สุดลึกลับ ของเชียงราย
ไปด้วยคะแนนเอกฉันท์ จากผู้เขียนเอง ซึ่งแอบไปดูรอยเท้าประหลาด มาแระพบว่ามัน
ล้างไม่ออก ลักษณะคล้ายโดนน้ำกรด จริงๆ นะเออ... จบแระครับ






 


* 100730224463b0c1dc6c870cde.jpg (87.95 KB, 640x480 - ดู 10894 ครั้ง.)

* cat15-1246125200 (1).jpg (26.13 KB, 520x390 - ดู 4724 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 13:28:59 โดย po-capuchino » IP : บันทึกการเข้า

9D
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,467


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 17:04:39 »

บางที่ก็ยังไม่รู้เลยว่ามีอยู่ในเชียงราย  ขอบคุณที่แบ่งปันขอมูลครับ
IP : บันทึกการเข้า
แมงคอลั่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,451



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 17:06:58 »

-หนองหล่มกำลังถูกรุกไปทีละวาสองวาโดยการปลูกข้าวเพราะขอบหนองแทบจะไม่มีความลาดเอียง
หน้าแล้งใช้เป็นที่เลี้ยงควาย มีเรื่องเล่าว่า หน้าน้ำ "ปลิง"ที่นี่ มิใช่"ปลิงควาย" แต่เป็น"ปลิงช้าง"
จะใหญ่สักมอกใด
-ถ้ำหลวงนางนอน เข้าได้สองทางคือทางขุนน้ำนางนอน บ้านจ้อง และหน้าโรงเรียนบ้านน้ำจำ
  ช่วงนี้ไม่แนะนำให้ไปเที่ยวเพราะเข้าไปได้นิดเดียวเพราะน้ำยังเต็มถ้ำอยู่ ถ้าจะไปขอเป็นช่วง เมษายน เข้าได้ลึกมาก แต่จะไป"ผ๋ดที่ไหน"ยังเป็นแค่ โคมลอย ไม่มีใครรู้
IP : บันทึกการเข้า
۰•ฮักแม่จัน©®
เลวบ้างในบางเวลา
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,050


"มารบ่มี บารมี บ่เกิด.."


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 17:08:12 »

อันดับที่ 3 วนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง แม่สาย

   ผมเคยไปกับเพื่อน 5 คน เมื่อหลายปีก่อน  ก่อนเดินเข้าไปก็อ่านแผนที่แล้วก็ถ่ายรูปแผนที่ไว้ด้วยก่อนเข้าไปด้วย  ตอนเดินเข้าไปก็เฉยๆครับ เหมือนถ้ำทั่วไป ลอดบ้าง คลานบ้าง มีเป็นห้องๆ แต่ละห้องก็จะมีชื่อ จนเดินไปสิ้นสุดทางของถ้ำ ชื่อว่าห้อง วงกต ห้องนี้เหละครับที่เป็นปัญหา  เดินไปทางไหนก็กลับมาที่เดิม  เดินวนไป วนมาเกือบชั่วโมง ตอนนั้นผมกับเพื่อนเริ่มใจอ่อนแล้ว คิดอะไรไม่นอกนึกถึงแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียว จนมานั่งทำสมาธิ สักพักเห็นแสงนิดๆ ก็เลยลองเดินไปทางนั้นดู สักพักก็ออกจากถ้ำได้  ใครไม่เชื่อ ลองไปดูได้นะครับ เดินไปให้สุดทาง แล้วจะเห็น ว่าเสือมันร้องไห้เป็นยังไง ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"ทำบุญเท่าไรก็ไม่สามารถลบล้างบาปได้ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป"

ไม่มีใครหรอกที่จะเลวโดยสันดาน ..
หากแต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ทำ
۰•ฮักแม่จัน©®
เลวบ้างในบางเวลา
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,050


"มารบ่มี บารมี บ่เกิด.."


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 17:10:55 »

-หนองหล่มกำลังถูกรุกไปทีละวาสองวาโดยการปลูกข้าวเพราะขอบหนองแทบจะไม่มีความลาดเอียง
หน้าแล้งใช้เป็นที่เลี้ยงควาย มีเรื่องเล่าว่า หน้าน้ำ "ปลิง"ที่นี่ มิใช่"ปลิงควาย" แต่เป็น"ปลิงช้าง"
จะใหญ่สักมอกใด
-ถ้ำหลวงนางนอน เข้าได้สองทางคือทางขุนน้ำนางนอน บ้านจ้อง และหน้าโรงเรียนบ้านน้ำจำ
  ช่วงนี้ไม่แนะนำให้ไปเที่ยวเพราะเข้าไปได้นิดเดียวเพราะน้ำยังเต็มถ้ำอยู่ ถ้าจะไปขอเป็นช่วง เมษายน เข้าได้ลึกมาก แต่จะไป"ผ๋ดที่ไหน"ยังเป็นแค่ โคมลอย ไม่มีใครรู้

ในถ้ำ ทางเดินมันตั๋น ตี่ห้อง วงกต เลยครับ จะเห็นแต่ทางที่น้ำไหลออกมา ต้องขุดทรายเข้าไป ทะลุไหนบะฮู้ละครับ
IP : บันทึกการเข้า

"ทำบุญเท่าไรก็ไม่สามารถลบล้างบาปได้ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป"

ไม่มีใครหรอกที่จะเลวโดยสันดาน ..
หากแต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ทำ
holanla
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 86


จงอย่าหวังรอ "น้ำบ่อหน้า" เราต้องวิ่งตามหา แม่น้ำ


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 18:00:52 »

อันดับที่สอง ผมไปบ่อยครับ แต่ในถ้ำมีแต่กระป๋องกาว ขวดเบียร์ เลยไม่ได้เข้าไปลึก

ที่เล่ามานี่สิบปีผ่านมาแล้วนะครับ ตอนนี้คงพัฒนาละ

ขอขอบคุณสำหรับตำนานถ้ำแมงสี่หูห้สตาครับ ผมเพิ่งได้อ่านเต็มๆ ก็วันนี้แหละ
IP : บันทึกการเข้า
Addmobile
สวัสดีครับ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,735


จริงจังจริงแต่จริงใจ


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 18:08:08 »

ยังบ่เคยไปซักที่เลยครับ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
reang58
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 221


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 18:43:35 »

ขอบคุณที่นำมาบอกกล่าวกันครับ    ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
HARLEY DAVIDSON
BIKER
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,536


HARLEY DAVIDSON & MERCEDES BENZ


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 18:50:06 »

สุดยอดทั้งนั้น  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ขาดแคลนเงินตรา  แต่งชุดนักศึกษามาหาพี่
สุขใดไหนจะเท่า เมื่อล้วงกระเป๋าแล้วเจอตังค์
13th
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 709



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 22:10:17 »

รูปสเก๊ตซ์ มนุษย์ต่างดาว เหมือนมากครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!