ประวัติพระอุปคุตมหาเถระ
(พระอุปคุตมหาเถระผู้ทรงฤทธิ์พิชิตพญามาร ปางฉันภัตตาหาร)
พระอรหันต์ผู้สถิตยังสะดือทะเล พระผู้อุดมด้วยเมตตาบารมี โชคลาภ
คุ้มกันภัยพิบัติขจัดอุปสรรคภยันตรายทั้งปวง
พระอุปคุตเถระ ผู้ทรงฤทธิ์ พิชิตพญามาร
พระอุปคุตมหาเถระชื่อเต็มของท่านคือ พระกีสนาคอุปคุตมหาเถระเป็นพระมหาเถระสำคัญองค์หนึ่งในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ประวัติของท่านปรากฏอยู่ในจารึกพระเจ้าอโศก ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีหลังพุทธปรินิพพานและยังปรากฏอยู่ใน พระปฐมสมโพธิกถาซึ่งเป็นพระนิพนธ์ กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส โดยอยู่ปริจเฉทที่ ๒๘ กล่าวไว้ว่าเมื่อพระอุปคุตบวชแล้ว ท่านได้เจริญวิปัสสนาญาณโดยลำดับจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหารเป็นที่เล่าลือจนทุกวันนี้ ท่านอยู่ประจำที่กุฏิแก้วในสะดือทะเล เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนาหรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือด้วยความเต็มใจเสมอครั้งหนึ่งท่านเคยปราบพญามารที่เข้ามาก่อความวุ่นวายในพิธีฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒ หลังพุทธปรินิพพาน
พระอุปคุตมหาเถระปางฉันภัตตาหารนี้เป็นปางที่พระอุปคุตมหาเถระแหงนหน้าหยุดพระอาทิตย์เพื่อฉันภัตตาหารแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้และความยิ่งใหญ่ของท่านแม้แต่พระอาทิตย์ไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็ต้องหยุดด้วยอานุภาพของท่าน เราจึงสร้างพระอุปคุตมหาเถระปางฉันภัตตาหารนี้ไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลสำหรับท่านผู้ทำจิตให้นอบน้อมบูชาสักการะพระอุปคุตมหาเถระ เมื่อจะทำการสิ่งใดไม่ว่าจะมีปัญหามากแค่ไหน ก็สำเร็จทุกประการ พระอุปคุตมหาเถระเป็นพระอรหันตสาวกที่ทรงมหิทธานุภาพสมัยหลังพุทธกาลร่วมยุคสมัยกับพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ พระอุปคุตมหาเถระเป็นยอดแห่งธรรมกถึกผู้เป็นเลิศแห่งการแสดงธรรมท่านตั้งความปรารถนาที่จะอยู่รักษาพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕,๐๐๐ปี ปกป้องคุ้มกันปราบมารและอุปัทวอันตรายทั้งหลายผู้ใดปรารถนาความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม จงนอบน้อมบูชาต่อพระอุปคุตมหาเถระเป็นสังฆานุสติ และช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุกอีกทั้งช่วยพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
คติความเชื่อเกี่ยวกับพุทธคุณของผู้ที่บูชาพระอุปคุตมหาเถระ เชื่อว่ามีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตาบารมี โชคลาภคุ้มกันภัยพิบัติขจัดอุปสรรคภยันตรายทั้งปวง
วัดศรีบุญเรือง ตำบลดอยลานอำเภอเมืองเชียงราย จึงได้สร้างพระอุปคุตมหาเถระปางฉันภัตตาหารไว้ให้ลูกศิษย์ได้เช่าไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลซึ่งการบูชาพระอุปคุตมหาเถระนี้มีความหมายเป็น ๒ นัย คือ
๑.พระอุปคุตมหาเถระท่านเป็นพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ปราบมารจึงช่วยปกป้องคุ้มครองให้ผู้ที่บูชาห่างไกลจากภัยอันตรายต่างๆ
๒ คือท่านจำศีลอยู่ในน้ำ จึงช่วยให้ผู้บูชาอยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจบรรดาผู้ที่นับถือศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะที่ทราบในข้อนี้จึงนิยมที่จะหาพระอุปคุตมหาเถระปางต่างๆ มาไว้บูชาติดบ้านเพื่อความสงบร่มเย็น
อานิสงส์การบูชาพระอุปคุตมหาเถระ ผู้ที่บูชาสักการะจะมีความเป็นสิริมงคลชุ่มเย็นป้องกันภัยพิบัติและแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆและอุบัติเหตุทั้งหลายเป็นผู้ชนะมารและศัตรูที่จะมาปองร้ายเราทั้ง ๑๐ ทิศ เป็นผู้มีอำนาจวาสนาดีไม่มีใครข่มเหงรังแก เป็นที่เคารพนับถือและเกรงกลัวของคนทั้งหลาย เป็นผู้กินไม่หมดมีโชคลาภอยู่ตลอดเหมือนพระอุปคุตมหาเถระปางฉันภัตตาหาร
การตั้งบูชา นิยมการตั้งบูชาบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำเป็นการจำลองคล้ายกับท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทรสะดือทะเล แล้วใช้ดอกมะลิหรือดอกบัวลอยในน้ำบูชาสักการะ ถวายน้ำผึ้งและน้ำเปล่า วันละ ๑ แก้ว ถวายข้าว กล้วย ผลไม้ขนมทุกเช้าหรือทุกวันพระ ห้ามถวายประเภทสิ่งมีชีวิต ใช้ธูปหอมบูชา ๓ ดอกหากมีการจัดงานพิธีใดๆ ให้จัดโต๊ะพิเศษ อัญเชิญพระอุปคุตมหาเถระมาตั้งไว้พร้อมบูชาเครื่องสักการะตลอดงาน อย่าให้ไฟดับ
คาถาขอลาภพระกีสนาคอุปคุตมหาเถระ
พระอรหันต์ผู้สถิตย์ยังสะดือทะเล พระผู้อุดมด้วยเมตตาบารมี โชคลาภ
คุ้มกันภัยพิบัติ ขจัดอุปสรรคภยันตรายทั้งปวง
ตั้งนะโม ๓ จบ
อุปคุตโต จะ มหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิตถีโย มานัง นะโม โจรา เมตตา จิตตัง เอหิ จิตติ จิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มะนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ