เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 20:38:14
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  สมถะ กับ วิปัสสนา ??? กราบเรียน ญาติธรรม ร่วมเสวนา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์
ผู้เขียน สมถะ กับ วิปัสสนา ??? กราบเรียน ญาติธรรม ร่วมเสวนา  (อ่าน 4002 ครั้ง)
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 13 พฤศจิกายน 2012, 11:35:10 »

เพิ่งคิดออก (ตอนไปเข้าห้องน้ำ )
เรื่อง  ความคิดกู  หรือเปล่าคะ ?
ใช่ครับ ความคิดกู ที่เอาธรรมของพระองค์มาประกาศ ครับ เป็นผู้มีความคิดไม่มืดมน เห็นน้องhiมีปันหากับความคิด อะไรหรือปล่าวครับ หรือว่าอยากทราบใครเป็นผู้คิด ใช่ใหม แต่ไม่ทราบน้องhi สัทธา พระพุทธเจ้าหรือปล่าว แล้วจะจบที่คำพระองค์หรือปล่าว? ถ้าไม่จบที่คำสอนพระองค์ผมก้อจนปัณญา ผมจะยกพระสูตรให้พระสูตรจิตคิดให้ เยอะมาก  แต่ขอให้ท่านเปิดกระทู้ใหม่เลยนะครับ เพราะแค่นี้ผมก้อเกรงใจเจ้าของกระทู้พอแล้วครับ สาธุ
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 13 พฤศจิกายน 2012, 19:44:17 »

กราบเรียน  ญาติธรรม

การเสวนากัน  ทางธรรม  มันอาจมีความเห็น  ความคิด  ของตนปนมา  ด้วยเรามีกิเลส  จึงเป็น  ธรรมปฎิรูป  ไม่ใช่พระสัทธรรม ๆ คือ  ธรรมแท้ จากการตรัสรู้ธรรม ของ องค์พุทธะ หรือ การรู้ตามพระพุทธะ คือ พระสาวก พระอนุพุทธะ  หรือ  พระปัจเจกพุทธะ

อย่างไรก็ตาม  การเสวนาธรรม  ก็อนุโลมเข้าในบุญกิริยา 10  เป็นธรรมทานด้วย



ญาติธรรม  ไม่ต้องเกรงใจ  หนานธงหรอก  ธรรมะ ไม่ใช่ ของพ่อ  ของแม่ หรือ ของส่วนตัว นายหนานธง  เป็นของที่มีอยู่แล้ว


ธรรมะ  มี  ฝ่ายกุศล อกุศล ฝ่ายกลาง





ช่วงมีพระพุทธเจ้า ทรงตั้งพระศาสนา  เอาธรรมะ  มารวบรวมเอาแต่ที่จักได้ประโยชน์ทางโลกมาก  ทางธรรมมาก  ก็ว่า เป็น  ธรรมะของพระพุทธเจ้า 

ธรรมะของพระพุทธเจ้า คือ การรวบรวมธรรมะที่มีประโยชน์สูง เท่าที่สมควร อันน้อยนิด ก็มากถึง  84000 พระธรรมขันธ์  โน่นแน่ะ

พระองค์  ทรงตรัสโดย ตรง  ไม่ถึง 84000 ธรรมขันธ์  นะ  มีพระสงฆ์ มารวม หลายพระธรรมขันธ์  ผมเคยถก(ก็คือ เสวนา หาจุดร่วมอันถูกต้อง  ถูกธรรม ฯ) กับ  ครูบาอาจารย์  ของผม(อาจารย์อิทธิยะมุนี)  ท่านให้ความเห็นว่า....
 
     หากพระพุทธเจ้า  เป็น  เจ้าของสวนมะม่วง  มะม่วงทุกลูก ไม่ว่า เจ้าของสวนเก็บเอง  หรือ  ใครมาเก็บก็ตาม
  แต่  มะม่วงทุกลูก ก็ยังเป็นของจาก สวนของ เ้จ้าของสวน





หนาน ก็  คือ  คนมาตั้งกระทู้แค่นั้น  ในเชียงรายโฟกัส ๆ ก็ไม่ได้ตั้งโดยหนานธง ๆ ก็ไม่ใช่คนดูแลกระทู้  หากมีแต่  คนดูแลกระทู้ แต่  ไม่มีใผ มาสนใจ มาต้อม  มาฮอม มาตั้งกระทู้ มาเสวนา(ถก) ร่วมธรรมทานกัน คนดูแล แม้เขาไม่ได้ แต่ก็ไม่เสียอะไร

          หากมี  ญาติธรรม

หมู่เรา มาร่วม เสวนา    ต่างคน ก็ ต่างได้ ได้ตามเหตุ  ตามปัจจัย  อันพึงมีพึงได้  ได้อานิสงส์  จาก  ธรรมเสวนา



น้องไฮ จาก เข้ามาในกระทู้ แล้วงง ก็ เป็น  คนหายงง  ตอนไปห้องน้ำ
อารมณ์ ผู้รู้เกิด ได้ไม่จำกัดกาล  สถานที่  .....

เรียกว่า  ปัญญาเกิด



ทำเหตุฝ่ายกุศลกรรม  ย่อมได้ผลกุศล   กุศลวิบาก           ตามหลัก เหตุผล

กุศล ให้  ผล  กามาวจรกุศล  รูปาวจรกุศล   อรูปาวจรกุศล  ตลอดฮอดถึง โลกุตรกุศล  จากคน  จนฮอด ได้เป็น พระเจ้า  ปู้นเนาะ


ต้องไปเข้า กระทู้ พระเจ้า???
พระเจ้า มีจริง ๆ.......




จาก

หนานขี้อู้  หำยาน (ปากได้ ใส้ยาว)
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
ชันเทน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2012, 09:15:43 »

 ใช่ครับ ความคิดกู ที่เอาธรรมของพระองค์มาประกาศ ครับ เป็นผู้มีความคิดไม่มืดมน เห็นน้องhiมีปันหากับความคิด อะไรหรือปล่าวครับ หรือว่าอยากทราบใครเป็นผู้คิด ใช่ใหม แต่ไม่ทราบน้องhi สัทธา พระพุทธเจ้าหรือปล่าว แล้วจะจบที่คำพระองค์หรือปล่าว? ถ้าไม่จบที่คำสอนพระองค์ผมก้อจนปัณญา ผมจะยกพระสูตรให้พระสูตรจิตคิดให้ เยอะมาก  แต่ขอให้ท่านเปิดกระทู้ใหม่เลยนะครับ เพราะแค่นี้ผมก้อเกรงใจเจ้าของกระทู้พอแล้วครับ สาธุ
[/quote]

คุณลุง saluman  คะ hi เรียนอนุบาล  เลยถามแบบอนุบาล  ลุงจะให้ hi ไปตั้งกระทู้ แบบมหาลัย  แล้วมันจะรู้เรื่องหรือคะ  ขนาดที่ลุงตอบมานี่  hi ยัง งง  งง อยู่เลย ค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
ชันเทน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2012, 09:19:49 »

น้องไฮ จาก เข้ามาในกระทู้ แล้วงง ก็ เป็น  คนหายงง  ตอนไปห้องน้ำ
อารมณ์ ผู้รู้เกิด ได้ไม่จำกัดกาล  สถานที่  .....

เรียกว่า  ปัญญาเกิด


คุณลุง  Nantong คะ  ปัญญามันไม่ได้เกิดตอนเข้าห้องน้ำหรอกค่ะ ?  แต่เกิดตอนได้เข้ามาในกระทู้ของคุณลุง Nantong นี่แหละ  อย่างน้อยก็ได้รู้ความจริงว่า  แม้การยึดติดในธรรม ก็ยังทุกข์อยู่ดี  ขอบคุณลุง nantong   ผู้เป็นเจ้าของกระทู้ด้วยนะจ๊ะ

IP : บันทึกการเข้า
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2012, 11:47:00 »

ใช่ครับ ความคิดกู ที่เอาธรรมของพระองค์มาประกาศ ครับ เป็นผู้มีความคิดไม่มืดมน เห็นน้องhiมีปันหากับความคิด อะไรหรือปล่าวครับ หรือว่าอยากทราบใครเป็นผู้คิด ใช่ใหม แต่ไม่ทราบน้องhi สัทธา พระพุทธเจ้าหรือปล่าว แล้วจะจบที่คำพระองค์หรือปล่าว? ถ้าไม่จบที่คำสอนพระองค์ผมก้อจนปัณญา ผมจะยกพระสูตรให้พระสูตรจิตคิดให้ เยอะมาก  แต่ขอให้ท่านเปิดกระทู้ใหม่เลยนะครับ เพราะแค่นี้ผมก้อเกรงใจเจ้าของกระทู้พอแล้วครับ สาธุ

คุณลุง saluman  คะ hi เรียนอนุบาล  เลยถามแบบอนุบาล  ลุงจะให้ hi ไปตั้งกระทู้ แบบมหาลัย  แล้วมันจะรู้เรื่องหรือคะ  ขนาดที่ลุงตอบมานี่  hi ยัง งง  งง อยู่เลย ค่ะ
[/quote]ครับๆได้ครับผมก้อพอๆกับคุณนั่นแหละอนุบาลเหมือนกันงั้นก้อถามมาเลยครับจะตอบแบบอนุบาลให้ แล้วถามก่อนว่าเราเรียนกระทรวงศึกษาเดียวหรือปล่าวคือศาสนาพุทธใช่มั้ยถ้าใช่คำพระองค์คือมาตรฐานนะครับ ถ้าเราเถียงกัน ต้องจบที่ตำราเดียวกันนะครับ สาธุุ
IP : บันทึกการเข้า
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2012, 11:52:30 »

น้องไฮ จาก เข้ามาในกระทู้ แล้วงง ก็ เป็น  คนหายงง  ตอนไปห้องน้ำ
อารมณ์ ผู้รู้เกิด ได้ไม่จำกัดกาล  สถานที่  .....

เรียกว่า  ปัญญาเกิด


คุณลุง  Nantong คะ  ปัญญามันไม่ได้เกิดตอนเข้าห้องน้ำหรอกค่ะ ?  แต่เกิดตอนได้เข้ามาในกระทู้ของคุณลุง Nantong นี่แหละ  อย่างน้อยก็ได้รู้ความจริงว่า  แม้การยึดติดในธรรม ก็ยังทุกข์อยู่ดี  ขอบคุณลุง nantong   ผู้เป็นเจ้าของกระทู้ด้วยนะจ๊ะ


ขออุญาติตอบแทนนิดนะครับ..ไม่ว่ากันนะ  ธรรมเครื่องออกจากทุกข์ ยืนยันโดยคำพูดพระศาสดา แต่ต้องเป็นธรรมมะของพระองค์จริงๆนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
ชันเทน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2012, 07:40:02 »

อ้างจาก: saluman link=topic=326345.msg4046127#msg4046127
[b
คุณลุง saluman  คะ hi เรียนอนุบาล  เลยถามแบบอนุบาล  ลุงจะให้ hi ไปตั้งกระทู้ แบบมหาลัย  แล้วมันจะรู้เรื่องหรือคะ  ขนาดที่ลุงตอบมานี่  hi ยัง งง  งง อยู่เลย ค่
ครับๆได้ครับผมก้อพอๆกับคุณนั่นแหละอนุบาลเหมือนกันงั้นก้อถามมาเลยครับจะตอบแบบอนุบาลให้ แล้วถามก่อนว่าเราเรียนกระทรวงศึกษาเดียวหรือปล่าวคือศาสนาพุทธใช่มั้ยถ้าใช่คำพระองค์คือมาตรฐานนะครับ ถ้าเราเถียงกัน ต้องจบที่ตำราเดียวกันนะครับ สาธุุ
[/quote]


คุณลุง salesman คะ  hi ก็อยากถามคุณลุงอยู่เหมือนกัน  เพราะคูณลุงมีภูมิธรรมสูง  รู้แน่น  รู้จริง  น่าเลื่อมใส  ติดแค่คุณลุงไม่รู้ว่า  คนถามเขาอยู่อนุบาล  เขาถามอนุบาล  แต่คุณลุงตอบไประดับมหาลัยนี่แหละ ค่ะ 

แต่ไหน ๆ เข้ามาในกระทู้แล้ว  แล้วคุณลุงก็เชื้อเชิญให้ถาม  เพื่อให้เกิดประโชน์กับ hi และเพื่อนคนอื่น ๆ  ตามสมควร  คุณลุงตอบแค่ ใช่  หรือ ไม่ใช่  ให้เข้าใจได้ก็พอ  ไม่ต้องยกพระสูตรมาก็ได้  เพราะ hi  รู้ว่า  คำตอบของคุณลุง  saluman ไม่นอกไปจากพระสูตรแน่นอนอยู่แล้ว  ขอถามดังนี้นะคะ
๑   อุปาทานขันธ์ ๕  เป็นทุกข์  เป็นคำกล่าวของพระพุทธองค์ใช่ไหม คะ ?
๒   จะออกจากทุกข์ต้องละอุปาทานขันธ์ ๕  ใช่หรือเปล่า ?
๓   ความคิดกู   เป็นอุปาทานขันธ์ ๕  ใช่หรือเปล่า ? 
     

            hi  ขอถามง่าย ๆ  แค่นี้แหละคะ    ขอบคุณนะคะ คุณลุง saluman                                                   
IP : บันทึกการเข้า
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2012, 12:37:29 »

ครับ  ตัวผมนี้นะครับไม่ได้มีภูมิความรู้อะไรเลยกิเลสความอยากมีเพียบความทุกข์ก้อมีเหมือนกับท่านทั้งๆหลายเป็นปถุชนธรรมดาๆเคยศึกษาปฎิบัติธรรมมาหลายที่หลายอาจารย์ที่ใหนดังๆไปหมด แต่ก้อไม่สามารถตอบคำถามในใจผมได้สักที ก้อเลยสงสัยทำไมคนสมัยพุทธกาลพอฟังธรรมพระศาสดาก้อบรรลุกันง่ายๆอะไรหว่า ไม่ได้คิดจะบรรลุอะไรนะครับแค่อยากทุกข์น้อยลง ก้อเลยคิดว่าลองไปอ่านคำของพระองค์บ้างดีกว่าในพระไตรปิฎกเอาเฉพาะคำของพระองค์ล้วนๆ แล้วก้อมาเจอ พุทธโอฐ์ของท่านพุทธทำมาอีก เอาเฉพาะ พุทธวจน พออ่านคำพระศาสดา เหมือนกับแสงอาทิตย์ ที่เกิดขึ้น แสงหิงห้อยทั้งหลายหลบไป ผมได้คำตอบแล้วครับ ก้อเลยมาชวนท่านทั้งหลายมาศึกษาคำพระองค์กัน ตอบด้วยคำพระองค์นะครับ แล้วจะเชื่อเหรอครับถ้าไม่ยกพระสูตรแต่ไม่ให้ยกก้อไม่เป็นไรครับ

๑   อุปาทานขันธ์ ๕  เป็นทุกข์  เป็นคำกล่าวของพระพุทธองค์ใช่ไหม
ตอบ ใช่มีในพระสูตร แล้วมีเยอะมากอ่านจนตาลายเป็น100ๆพระสูตรที่กล่าวถึง
๒   จะออกจากทุกข์ต้องละอุปาทานขันธ์ ๕  ใช่หรือเปล่า
ตอบ  ถามนิดหนึ่ง ทุกข์อันนี้ คุณหมายถึง ทุกข์ทั่วไป หรือ ทุกข์ขังครับทุกข์ขังคือความตาย  ตอบโดยรวมนะครับปฎิจสมุปบาทไล่มาจน ตัณหาดับ อุปาทาน จึงดับ เพราะ อุปาทานดับ ภพ ชาติ ชรา มรณะ จึงดับ เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมดับ ด้วยประการฉะนี้ พระสูตรนี้ มากมายครับ
๓   ความคิดกู   เป็นอุปาทานขันธ์ ๕  ใช่หรือเปล่า ?
ตอบ  ใช่ครับ พระสูตรเยอะมากเกี่ยวกับอุปาทานขันธ์
ขอบคุณที่ถามครับ สาธุ
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2012, 02:04:24 »

หนานธง  ขออนุโมทนา  กับ  ผู้ปุจฉา ผู้วิสัชนา  ผู้อ่าน  ฮอดผู้เกี่ยวข้อง ตึงมวล  อานิสงส์จักมี แก่  ท่านทั้งหลายเพียงใด  จุ่งมี แก่ ข้าพ์เจ้า อีกทั้ง ต๋นจ๋ำบุญ(ผู้เสวยสุข) ต๋นจ๋ำบาป(ผู้เสวยทุกข์)  เทพพรหม มนุษย์ อมนุษย์ เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก ด้วย ฯลฯ

หากท่านสามารถ  รับบุญ นี้ได้ทันที  ก็ขอให้  รับไปได้บัดเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด

หากยังไม่สามารถ ฯ  ขอบุญนี้  จงรอท่าน  ให้ได้รับบุญนี้ เมื่อ ถึงกาลเทศะ (เวลา  อันสมควร)

บุญกุศล  อานิสงส์  เหล่านี้  จงเป็น  ทิพยสมบัติ  เป็นแก้วสารพัดดี
บุญ นี้ จง เป็นเหตุ ไปสู่ การพ้นทุกขภัย ในการวนเกิด วนตาย  คือ  พระนิพพาน ด้วยเทอญ




สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ  ชินาติ  การให้ธรรมะ  ชนะการให้  ทั้งปวง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 00:18:54 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
ชันเทน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2012, 07:17:15 »

๑   อุปาทานขันธ์ ๕  เป็นทุกข์  เป็นคำกล่าวของพระพุทธองค์ใช่ไหม
ตอบ ใช่มีในพระสูตร แล้วมีเยอะมากอ่านจนตาลายเป็น100ๆพระสูตรที่กล่าวถึง
๒   จะออกจากทุกข์ต้องละอุปาทานขันธ์ ๕  ใช่หรือเปล่า
ตอบ  ถามนิดหนึ่ง ทุกข์อันนี้ คุณหมายถึง ทุกข์ทั่วไป หรือ ทุกข์ขังครับทุกข์ขังคือความตาย  ตอบโดยรวมนะครับปฎิจสมุปบาทไล่มาจน ตัณหาดับ อุปาทาน จึงดับ เพราะ อุปาทานดับ ภพ ชาติ ชรา มรณะ จึงดับ เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมดับ ด้วยประการฉะนี้ พระสูตรนี้ มากมายครับ
๓   ความคิดกู   เป็นอุปาทานขันธ์ ๕  ใช่หรือเปล่า ?
ตอบ  ใช่ครับ พระสูตรเยอะมากเกี่ยวกับอุปาทานขันธ์
ขอบคุณที่ถามครับ สาธุ


ขอบคุณ ค่ะ คุณลุง saluman 
คำถามข้อ ๒  ไม่ชัดเจน  ขอตั้งคำถามใหม่นะคะ

๑   อะไรคืออุปาทานขันธ์ ๕
๒   อุปาทานขันธ์ ๕ ทำให้เกิดทุกข์ได้อย่างไร ?     
๔   การละอุปาทานขันธ์ ๕  คืออะไร ?
๕   การละอุปาทานขันธ์ ๕  ?  ทำให้ออกจากทุกข์ได้อย่างไร ? 
รบกวนคุณลุงใช้ภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้นะคะ   ขอบคุณนะจ้ะ     
IP : บันทึกการเข้า
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2012, 12:01:33 »

ตอบ ข้อ 1 =อุปาทานคือความยึดมั่นในตัณหาต่างๆในขันธ์ ขันธ์คืออะไรคงรู้จัก
ตอบ ข้อ 2 =ก้ออยากที่ยึดในขันธ์ว่าตัวกู ของกู ทั้งที่ขันธ์ก้อ เสื่อม ไม่ว่าความแก่ ความเจ็บไข้ ประสบสิ่งที่รัก ไม่เป็นที่รัก พลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ปรารถนาสิ่งได้ไม่ได้ โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
ตอบ ข้อ 3 = ตอบ คือการมีปกติพิจราณา ถึง ความเสื่อม ไปในอุปาทานขันธ์
ตอบ ข้อ 4 = กลับกัน ข้อ 2 ครับ
ที่ตอบใจจริงอยากยกพระสูตรคำสอนมากกว่าครับจะได้อ่านชัดๆเพราะพระองค์จะอธิบายครอบคลุมมากกว่า ส่วนตัวผมไม่ใช่ องค์สัพพัญญู จะได้รู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของคุณ
ว่าคุณมีธุลีในดวงตามากหรือน้อยครับ  ถ้าไม่เข้าใจอันใหน ก้อจะยกพระสูตรให้นะครับ ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 00:16:04 »

หนานธง  ขอโอกาส  แสดงความเห็นอิงตามอรรถ  ตามธรรมะพระสัพพัญญูเจ้า  หากพลาดพลั้งจาก  คำสอนท่านไป  ก็ขอกราบขมาอภัย  อย่าได้เป็นกุศลกรรม  แก่  ผู้ข้าพ์ ด้วยเถิด

ขันธ์ 5  พระว่าไว้  คือ    
รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ




รูป  คือ

 ส่วนที่เห็นได้ด้วยตาเนื้อ  หรือ ตาใน คือ ด้วยจิตสัมผัสเห็น
รูป  อาจจับต้องได้  หรือ ไม่อาจจับต้อง ได้
รูป เช่น พวกสัตว์มีกายหยาบ หรือ กายทิพย์ ต่างๆ  เขาก็มีรูปแบบ  ของเขา



เวทนา  คือ  ความรู้สึก  อารมณ์
สุข  ทุกข์  อุเบกขา  หรือ สลับสับเปลี่ยนอารมณ์  ตามกาล  เทศะ ตามเหตุ ปัจจัย  หลักเหตุผล  

กรุณา ศึกษากระทู้ หนานธง  ว่าเรื่อง  เหตุผล???     ประกอบการพิจารณา




สัญญา  คือ  ความจำได้  หมายรู้

จำได้มาก ๆ คือ ความจำดี (สัญญาดี)    จำได้น้อย  (สัญญามี น้อย)  ไม่จำ  ก็ไม่สัญญา  ไม่จำ ก็ควรจด
พระอานันทะ สัญญาดี  จำพระธรรมได้  ไม่ต้องจด               เพื่อ  ทดแทนการจำ  จึงทำสังคายนา  การจดบันทึก  รวบรวมธรรมะ
การสังคายนา  คือ  การจด  แทนการจำ  ทำเป็นหนังสือ
ชาวบ้านยืมเงินกัน  มักจำเอา  เป็นสัญญาใจ         แต่  ไปยืมเงินธนาคาร  แทนที่จะว่า  ทำสังคายนากู้เงิน แบบภาษาธรรม  แต่  เรียกว่า  ทำหนังสือสัญญาการกู้เงิน ตามทางโลก อันนี้พอฟังได้  เหมาะสม

แต่ ไม่เหมือน คำว่า  อาวุโส
อาวุโส หมายถึง ผู้น้อยต้อยต่ำ  
คำคน ทางโลกใช้ผิด ๆ เขาเรียกว่า  ท่านผู้อาวุโส  ผู้จัดการอาวุโส โหหลงดีใจ
 ว่าได้เลื่อนยศ  เลื่อนศักดิ์  ว่าไปโน่น


สังขาร  คือ  การปรุงแต่ง  ของ  จิต ๆก็คือ ใจ นั่นเอง  แต่  ไม่ใช่  หัวใจ ๆ  คือ อวัยวะสูบฉีดเลือด(pump เครื่องสูบฉีด)นะ
สังขารการปรุงแต่ง  แต่งจิตใจ ให้ดี  ให้ร้ายชั่ว  มีเจตนาเป็นตัวการ
 
 เจตนา คือ  ความตั้งใจ  อเจตนา  คือ ไม่ตั้งใจ  ๆ คือ การพลั้งเผลอ ๆ คือ ความประมาท ๆ คือ  ความลาสา(คำภาษา ยวน)
เจตนา  เป็น  ตัวกรรม ๆ คือ การกระทำแท้ ๆ
ไม่เจตนา ก็เป็น  กรรม แบบ เบา ๆ

คนขับรถ  ไล่ชนคน โดย เจตนา           อาจ          เจอข้อหา พยายามฆ่า โดย มีการวางแผน
คนขับรถ  ชนคน โดย ไม่เจตนา           อาจ          เจอข้อหา ประมาท  โทษ เบากว่า เจตนา

คนปกติ เจตนา ฆ่าคน   คนปกติ  ต่อสู้ แล้วฆ่าอีกฝ่ายตาย  คนบ้า ฆ่าคนตาย  โทษทางโลก  อาจรับต่างกัน  ตามสมควร ตามแต่ จะเป็นไปตามแบบโลก ๆ ไม่แน่นอน  ตายตัว  กฏหมาย ประเทศที่  มีธรรมะเมตตามาก  อาจไม่แรง  เท่ากับ  ประเทศที่ เขาเอา กฏหมายแบบ จารีต ประเพณี ธรรมเนียม

บ้านเมืองพุทธ มีธรรมะเมตา แต่ กฏหมายอ่อน อาจ อลุ้มอล่วยกันมาก

หากโลกอาหรับ หลักศาสนาเขาแรง ตา ต่อ ตา  ฟัน ต่อ ฟัน กันเลยครับ
โลกตะวันตก เอา หลัก กฏหมาย ธรรมเนียม ทางโลก แต่ละ ประเทศ
สหรัฐอเมริกา  ก็ว่าไป  ตามหลักการ  แต่ละรัฐ กันไป


แต่ ในทางธรรม  ท่านว่า  ว่าตามธรรม  ตามแรงบุญ  บาป หลักเหตุผล  แน่นอนกว่า  ทางโลกมนุษย์


สรุปว่า สังขาร  คือ  การปรุงแต่ง  ของ จิตใจ ให้ ดี  ชั่ว

สังขาร ปรุงให้  จิตดี ใจดี กุศลจิต คือ              จิตใจสูง      
   สังขาร ปรุงให้ชั่ว  ใจชั่ว อกุศลจิต คือ            จิตต่ำทราม
เอา กุศลกรรม ธรรมะฝ่ายดี มาใส่จิต  
 ทำเหตุดี   ผลได้  คือ  ผลดี                    ทำเหตุชั่ว  ผลได้  คือ  ผลชั่ว
การทำ  คือ  การปรุง ๆ คือ สังขาร

อาจารย์ ผม ยกตัวอย่าง ว่า ตอนเราฝัน คือ  สังขารทำหน้าที่
พอจะเข้าใจ  ตามหนานธงได้หรือไม่ ครับ
สังขาร  ปรุงแต่งได้สารพัด ในฝัน  จริง  เท็จ  ว่ากันอีกที



ส่วนเหตุ  แห่งการฝัน ตามหลักพระพุทธองค์ตรัส  นั้นครอบคลุมทุกสิ่ง แล้ว  ไปศึกษากันเถิด



วิญญาณ  คือ  ?

ผมยัง สับสน ชาวบ้าน เรียก วิญญาณ  คือ  ผี

ทางธรรม  วิญญาณ  คือ  การรับรู้


การรับรู้ คือ การรับรู้ ความรู้สึก  อันชัดเจน
การรับรู้ มี 2 ทาง
ทางกาย  กับ  ทางใจ(จิต)

วิญญาณ  อาศัย อายตนะ 6    

ทางกาย มี  ตา หู จมูก ลิ้น กาย
 ตา คือ รูป  หู คือเสียง  จมูก คือ กลิ่น  ลิ้น คือ รส  กาย คือ สัมผัส
หากใช้ กายทิพย์ หรือ จิตทิพย์ ก็มีเช่น
 ตาทิพย์ หรือ ทิพยจักขุ เป็นต้น ฯ

ทางใจ คือ จิตใจ  ก็มีใจธรรมดา กับ ใจไม่ธรรมดา คือ ใจทิพย์ หรือ ญาณ




ผมอาจ แปลผิดพลาดได้ ท่านผู้รู้  โปรดทักท้วง ด้วยเถิด


กรุณาเปิดเข้า ดู ท่านกู(google)   พิมพ์ :     รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

หรือ คลิกจาก นี่เลย

www.palungjit.com
www.budsakaeo.org/kun5.htm


ขอไหว้สาธุ เตอะ เนอนาย

จาก

หนานธง  

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 00:30:10 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
ชันเทน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256


« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 06:22:11 »

ที่ตอบใจจริงอยากยกพระสูตรคำสอนมากกว่าครับจะได้อ่านชัดๆเพราะพระองค์จะอธิบายครอบคลุมมากกว่า ส่วนตัวผมไม่ใช่ องค์สัพพัญญู จะได้รู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของคุณ
ว่าคุณมีธุลีในดวงตามากหรือน้อยครับ  ถ้าไม่เข้าใจอันใหน ก้อจะยกพระสูตรให้นะครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณค่ะ คุณลุง saluman  hi พอจะเข้าใจที่คุณลุงกรุณาอธิบายมาค่ะ  ที่ hi ขอให้ใช้คำพูดที่คนทั่วไปเข้าใจได้ก็เพื่อความเข้าใจได้ง่าย ขึ้น  ในพระสูตรมันลึกซึ้ง  ถ้าไม่มีใครมาพูดอธิบาย  มันเข้าใจยากสำหรับ  hi ค่ะ  คุณลุงอย่าลืมซิคะ  hi  เรียนอนุบาล

ขออนุญาตถามต่อเลยนะคะ
๑   ตกลงไอ้ตัวเป็น ๆ ที่เห็นอยู่  พูดอยู่  อธิบายอยู่นี่  มันเป็นตัวเรา หรือ ขันธ์ ๕ ค่ะคุณลุง ?
๒   สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา  มันมีอยู่จริง ๆ หรือเปล่า ?  หรือไม่มีคะ ?  คุณลุง saluman

ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณลุง saluman
IP : บันทึกการเข้า
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 14:08:42 »

๑   ตกลงไอ้ตัวเป็น ๆ ที่เห็นอยู่  พูดอยู่  อธิบายอยู่นี่  มันเป็นตัวเรา หรือ ขันธ์ ๕ ค่ะคุณลุง
ตอบ ง่ายๆ มันคือขันธ์ ทั้งห้านี่แหละ ขันธ์ทั้งห้า ทำหน้าที่มันไปเป็นปกติ แต่คนที่รู้ว่าขันธ์ทั้งสี่ ทำงาน ก้อคือ ขันธ์ตัวที่ห้า คือจิตหรือวิญญาณ จ้า มันจะรับรู้ได้ที่ละขันธ์เท่านั้น ที่พระองค์เรียกจิตเกิดดับ เกิดดับในแต่ละขันธ์ พระองค์เปรียบเหมือนลิง โหนกิ่งต้นไม้จากอีกกิ่งไปอีกกิ่ง อย่างรวดเร็ว จิตก้อเหมือนกัน เกิดในขันธ์นี้ ดับจากขันธ์นี้ ไปเกิดขันธ์นี้ ยกตัวอย่าง ขันธ์สังขารคิดปรุ่งแต่ง จิต ไปเกาะสังขาร ดับจากสังขาร ไปเกิดในขันธ์เวทนา เกิดความพอใจไม่พอใจ ดับจากขันธ์เวทนา ไปเกิดในขันธ์สัญญาความจำได้หมายรู้ ดับจากสัญญา ไปเกิดในขันธ์รูป จิตสั่งให้ มือพิม ข้อความตอบ   ครับแต่พระองค์ตรัสว่าอยากจะหาอะไรมาอุปมาความเร็วของจิตได้
๒   สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา  มันมีอยู่จริง ๆ หรือเปล่า ?  หรือไม่มีคะ ?
ตอบ ตอนนี้ มี อีกหน่อย มันก้อไม่มี เรียกว่า อนิจจัง เปรียบเหมือน ก้อนนํ้าแข็ง คุณ hi ว่ามันมีหรือไม่มีครับ ทั้งที่เห็นมันตั้งอยู่ตรงหน้าคุณ ไม่นานมันก้อละลาย เราก้อเหมือนกัน  ขนาดขั้วโลกยังค่อยๆละลาย สิ่งใดที่มีเกิดต้องมีดับ อนิจจัง ครับ
  คราวหน้าขอเจ้าของกระทู้ตอบบ้างนะครับ เกรงใจท่าน ครับ
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 19:39:38 »

๑   ตกลงไอ้ตัวเป็น ๆ ที่เห็นอยู่  พูดอยู่  อธิบายอยู่นี่  มันเป็นตัวเรา หรือ ขันธ์ ๕ ค่ะคุณลุง
ตอบ ง่ายๆ มันคือขันธ์ ทั้งห้านี่แหละ ขันธ์ทั้งห้า ทำหน้าที่มันไปเป็นปกติ แต่คนที่รู้ว่าขันธ์ทั้งสี่ ทำงาน ก้อคือ ขันธ์ตัวที่ห้า คือจิตหรือวิญญาณ จ้า มันจะรับรู้ได้ที่ละขันธ์เท่านั้น ที่พระองค์เรียกจิตเกิดดับ เกิดดับในแต่ละขันธ์ พระองค์เปรียบเหมือนลิง โหนกิ่งต้นไม้จากอีกกิ่งไปอีกกิ่ง อย่างรวดเร็ว จิตก้อเหมือนกัน เกิดในขันธ์นี้ ดับจากขันธ์นี้ ไปเกิดขันธ์นี้ ยกตัวอย่าง ขันธ์สังขารคิดปรุ่งแต่ง จิต ไปเกาะสังขาร ดับจากสังขาร ไปเกิดในขันธ์เวทนา เกิดความพอใจไม่พอใจ ดับจากขันธ์เวทนา ไปเกิดในขันธ์สัญญาความจำได้หมายรู้ ดับจากสัญญา ไปเกิดในขันธ์รูป จิตสั่งให้ มือพิม ข้อความตอบ   ครับแต่พระองค์ตรัสว่าอยากจะหาอะไรมาอุปมาความเร็วของจิตได้
๒   สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา  มันมีอยู่จริง ๆ หรือเปล่า ?  หรือไม่มีคะ ?
ตอบ ตอนนี้ มี อีกหน่อย มันก้อไม่มี เรียกว่า อนิจจัง เปรียบเหมือน ก้อนนํ้าแข็ง คุณ hi ว่ามันมีหรือไม่มีครับ ทั้งที่เห็นมันตั้งอยู่ตรงหน้าคุณ ไม่นานมันก้อละลาย เราก้อเหมือนกัน  ขนาดขั้วโลกยังค่อยๆละลาย สิ่งใดที่มีเกิดต้องมีดับ อนิจจัง ครับ
  คราวหน้าขอเจ้าของกระทู้ตอบบ้างนะครับ เกรงใจท่าน ครับ
หนานธง  ขออนุโมทนา  กับ  ผู้ปุจฉา ผู้วิสัชนา  ผู้อ่าน  ฮอดผู้เกี่ยวข้อง ตึงมวล  อานิสงส์จักมี แก่  ท่านทั้งหลายเพียงใด  จุ่งมี แก่ ข้าพ์เจ้า อีกทั้ง ต๋นจ๋ำบุญ(ผู้เสวยสุข) ต๋นจ๋ำบาป(ผู้เสวยทุกข์)  เทพพรหม มนุษย์ อมนุษย์ เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก ด้วย ฯลฯ

หากท่านสามารถ  รับบุญ นี้ได้ทันที  ก็ขอให้  รับไปได้บัดเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด

หากยังไม่สามารถ ฯ  ขอบุญนี้  จงรอท่าน  ให้ได้รับบุญนี้ เมื่อ ถึงกาลเทศะ (เวลา  อันสมควร)

บุญกุศล  อานิสงส์  เหล่านี้  จงเป็น  ทิพยสมบัติ  เป็นแก้วสารพัดดี
บุญ นี้ จง เป็นเหตุ ไปสู่ การพ้นทุกขภัย ในการวนเกิด วนตาย  คือ  พระนิพพาน ด้วยเทอญ




สพฺพทานํ  ธมฺมทานํ  ชินาติ  การให้ธรรมะ  ชนะการให้  ทั้งปวง



เรียน  ท่าน saluman ,hi  และ  ทุกท่าน   

ผมยินดี ยิ่งที่มี ญาติธรรม มาร่วมเสวนา  เป็นธรรมทาน  ตามความประสงค์  ของผม และ  ทุกท่าน ฯ

สาธุ  ครับ
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
ชันเทน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2012, 10:20:57 »

๑   ตกลงไอ้ตัวเป็น ๆ ที่เห็นอยู่  พูดอยู่  อธิบายอยู่นี่  มันเป็นตัวเรา หรือ ขันธ์ ๕ ค่ะคุณลุง
ตอบ ง่ายๆ มันคือขันธ์ ทั้งห้านี่แหละ ขันธ์ทั้งห้า ทำหน้าที่มันไปเป็นปกติ แต่คนที่รู้ว่าขันธ์ทั้งสี่ ทำงาน ก้อคือ ขันธ์ตัวที่ห้า คือจิตหรือวิญญาณ จ้า มันจะรับรู้ได้ที่ละขันธ์เท่านั้น ที่พระองค์เรียกจิตเกิดดับ เกิดดับในแต่ละขันธ์ พระองค์เปรียบเหมือนลิง โหนกิ่งต้นไม้จากอีกกิ่งไปอีกกิ่ง อย่างรวดเร็ว จิตก้อเหมือนกัน เกิดในขันธ์นี้ ดับจากขันธ์นี้ ไปเกิดขันธ์นี้ ยกตัวอย่าง ขันธ์สังขารคิดปรุ่งแต่ง จิต ไปเกาะสังขาร ดับจากสังขาร ไปเกิดในขันธ์เวทนา เกิดความพอใจไม่พอใจ ดับจากขันธ์เวทนา ไปเกิดในขันธ์สัญญาความจำได้หมายรู้ ดับจากสัญญา ไปเกิดในขันธ์รูป จิตสั่งให้ มือพิม ข้อความตอบ   ครับแต่พระองค์ตรัสว่าอยากจะหาอะไรมาอุปมาความเร็วของจิตได้
๒   สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา  มันมีอยู่จริง ๆ หรือเปล่า ?  หรือไม่มีคะ ?
ตอบ ตอนนี้ มี อีกหน่อย มันก้อไม่มี เรียกว่า อนิจจัง เปรียบเหมือน ก้อนนํ้าแข็ง คุณ hi ว่ามันมีหรือไม่มีครับ ทั้งที่เห็นมันตั้งอยู่ตรงหน้าคุณ ไม่นานมันก้อละลาย เราก้อเหมือนกัน  ขนาดขั้วโลกยังค่อยๆละลาย สิ่งใดที่มีเกิดต้องมีดับ อนิจจัง ครับ
  คราวหน้าขอเจ้าของกระทู้ตอบบ้างนะครับ เกรงใจท่าน ครับ

   
   
         ขออนุญาตอธิบายตามความเข้าใจนะคะ คุณลุง saluman

๑.   ตกลงไอ้ตัวเป็น ๆ ที่เห็นอยู่  พูดอยู่  อธิบายอยู่นี่  มันเป็นตัวเรา หรือ ขันธ์ ๕ ค่ะคุณลุง
    
        ไม่ทราบ hi เข้าใจตรงกับคุณลุง saluman หรือเปล่า ?  คือ hi เข้าใจว่า   กายมันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่แล้ว  เพราะมันเป็นรูป  สิ่งที่รับรู้คือจิต  ตัวความรู้สึกที่ลุงเรียกว่าเวทนา  ตัวความจำที่เรียกว่าสัญญา  และตัวนึกคิดที่เรียกว่าสังขาร  มันเกิดพร้อมกันอย่างรวดเร็วมาก   มีแต้จิตระดับพระพุทธองค์เท่านั้น  ที่จะรู้เท่าทันการเกิดดับไปทีละอย่าง ๆ   คนทั่วไปพอรู้ปั๊บมันรู้เรื่องราวที่คิดเลย    สวนมากมันไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามันคิด และเป็นความคิดของขันธ์ ๕  เขา  แต่หลงเป็นความคิดของเราทุกทีเลย

๒. สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา  มันมีอยู่จริง ๆ หรือเปล่า ?  หรือไม่มีคะ ?

         ตัวเราไม่มีอยู่ค่ะ  จริง ๆ มันเป็นขันธ์ ๕ ค่ะ  มันมีแต่ความหลงว่าเป็นตัวเราค่ะ  ที่คุณลุงเปรียบว่ามันเป็นน้ำแข็งที่ละลายไป  มันไม่ใช่ตัวเราที่ละลาย  แต่มันเป็นรูปขันธ์ต่างหากที่ละลายไป   จิตมันดื้อค่ะ  มันหลงไม่ยอมเลิก   มันไม่ยอมเชื่อพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสไว้ว่า  ขันธ์ ๕  ไม่ใช่เรา  ไม่ใช่ของเราค่ะ  มันเลยทุกข์ไม่เลิกจ่ะ

ผิดถูกอย่างไร ?  ขอความกรุณาคุณลุง saluman  ช่วยแนะนำด้วยนะคะ   ขอบคุณค่ะ


IP : บันทึกการเข้า
saluman
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2012, 13:06:45 »

ตอบ ข้อ 1  เราก้อรู้ได้ครับ พระองค์สอนทุกอย่างที่ตัวเรามี ไม่เคยสอนอะไรที่เราไม่มีพระองค์แม้รู้แม้กระทั้ง คนในโลกนี้มีความคิดทิฐิ อยู่ 62 แบบไม่มีเกินกว่านี้ เห็นมั้ยครับ พระองค์สอนหมด จิตเราก้อรู้ได้พระองค์ให้เครื่องมือใว้หมดแล้ว ลองทำหรือยังครับ อานาปานสติ ศึกษาปฎิบัติดูนะครับ รับรองเห็นแน่นอน จิตเกิดดับ ตามที่พระองค์สอน
ตอบ ข้อ 2 จิตวิญญาณ ก้อดับ มันไม่ใช่ผู้หลงครับ ยกพระสูตรดีกว่านะครับเพื่อความเข้าใจ
                    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
หน้าที่ ๓๓๐/๔๓๐ ข้อที่ ๔๔๐
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้น ภิกษุชื่อสาติ ผู้เกวัฏฏบุตร (บุตรชาวประมง) มีทิฏฐิอันลามก
เห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ
ย่อมท่องเที่ยว แล่นไปไม่ใช่อื่น.
     ภิกษุมากด้วยกันได้ฟังว่า ภิกษุสาติ ผู้เกวัฏฏบุตร มีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า
เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป
ไม่ใช่อื่น จึงเข้าไปหาสาติภิกษุแล้ว ถามว่า ดูกรท่านสาติ ได้ยินว่า ท่านมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้
เกิดขึ้นว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อม
ท่องเที่ยว เล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริงหรือ?
     เธอตอบว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ข้าพเจ้าย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป มิใช่อื่นดังนี้ จริง.
                     ย่อให้นะครับเพราะยาวมากตัดมาที่พระองค์เลย
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งมาแล้วตรัสว่า ดูกรภิกษุ เธอจง
มา เธอจงเรียกสาติภิกษุ ผู้เกวัฏฏบุตร ตามคำของเราว่า ดูกรท่านสาติ พระศาสดารับสั่งให้หา
ท่าน ภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงเข้าไปหาสาติภิกษุ แล้วบอกว่า ดูกรท่านสาติ
พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน.
     สาติภิกษุรับคำภิกษุนั้นแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับถวายอภิวาทแล้ว
จึงนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
                             พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ ได้ยินว่า เธอมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า
เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป
ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริงหรือ?
     สาติภิกษุทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงว่า วิญญาณนี้แหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริง.
     พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร?
     สาติภิกษุทูลว่า สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนดี
ทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ.
     พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูกรโมฆ
บุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ  ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัย มิได้มี ดูกรโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วย
ขุดตนเสียด้วย จะประสพบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว ดูกรโมฆบุรุษ
ก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน.
         ครับถ้าจะอ่านเต็มๆไปตามหัวข้อที่ลงเลยนะครับ
ไม่มีวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดครับดับๆหมด แล้วใครเวียนว่ายตายเกิดพระองค์ก้อตรัสเองว่าเคยเกิดเป็นอะไรมากมาย มีคำตอบในพระไตรปิฎก อยู่แล้วครับ
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2012, 17:05:54 »

เรียน  ท่านญาติธรรม ทั้งหลาย

หนานธง  ขอเรียนเชิญ ศึกษา 


           เรื่อง ของ

          ขันธ์ ? ? ?
           

       

 ในห้องศาสนา ฯ นี้ โปรดคลิก  ไปร่วมเสวนา
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nufirm
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,430


« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 22:42:04 »

ชัดเจนดีครับ

IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 07 ธันวาคม 2012, 17:55:00 »

สาธุ ๆ ๆ  อนุโมทามิ กับ  ท่าน nufirm ที่มี วิริยอุตสาหะ หาคลิป  ครูบาอาจารย์ พระผู้หวังเผยแผ่ คำสอนโดยตรง ของ องค์พระศาสดา  มาร่วมเสวนา

หนานธง ไม่ได้ แย้งว่า ครูบาอาจารย์ ทั่วไป หรือ ทั้งหมด ไม่เอาคำ พระศาสดา นะครับ

ใน ยุคหลัง  พุทธกาล มีส่วน ที่ พุทธบริษัท จะยึดเอา ครุปา อาจาริโย คือ ผู้ที่ตน นับถือ เป็นแบบอย่าง เป็นผู้สอน ผู้ตนได้รับ ความรู้ แบบอย่างมา เป็นแนวทาง  มากกว่า  เอาตามพระศาสดา โดยตรง

แม้น มีครูบาอาจารย์ หรือ ผู้ศึกษา ผู้รื้อฟื้น เอา พระธรรม พระวินัย มาให้ยิ่งใหญ่ กว่า  โลก โลกิยวิสัย ก็จะมีมาร มาผจญ ไม่ว่า จะเป็น กิเลสมาร เทวบุตรมาร มารตัวเป็น ๆ ที่เป็น คน ด้วยกัน มาในรูปแบบผู้ไฝ่ธรรม คนบ้าน ผู้สอนธรรม คนวัด ทั้งคนใน แล คนนอกศาสนธรรม ของ พระพุทธะ

ลางที พระ นักบวช อุบาสก อุบาสิกา  ต่างก็ไม่ยอมกัน  เอา ทิฎฐิ คือ ความคิด ของตน มาข่ม มาว่ากัน ก็มี
ในห้องศาสนา นี้ ยังมีเลย

อ่าน
กูดี แต่ ปาก   นำเสนอโดย ท่านเมฆพัตร  ประกอบ เตือนจิตใจ ได้ดีทีเดียว






IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!