เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 18 กรกฎาคม 2025, 13:15:41
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ♪♪♪♪+++ ปูพื้นฐาน เศรษฐศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์ในชีวิต +☼☼☼►►►
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ♪♪♪♪+++ ปูพื้นฐาน เศรษฐศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์ในชีวิต +☼☼☼►►►  (อ่าน 1244 ครั้ง)
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« เมื่อ: วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 09:27:53 »

.

วันนี้ว่าง หลังจากที่ไม่ว่างมาเป็นเวลานาน ผมจะมาเขียนให้ความรู้เบื้องต้น ในวิชาเศรษศาสตร์กัน

อ่านไม่เข้าใจ ถามได้
อ่านแล้วเจอจุดผิด บอกได้ จะแก้ให้
ไม่ยอมอ่าน ก็ตามใจ 555+

คำว่า เศรษฐศาสตร์ คือ ศาสตร์ของเศรษฐี หรือ วิชาคนรวย

ตามตำรา เค้าบอกว่า เศรษฐศาสตร์ คือวิชาที่ว่าด้วยการเลือก และการตัดสินใจนำเอาทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จริงๆแล้ว มันเป็นวิชาที่อยู่รอบตัวเรา เหมือนวิชาอื่นๆ อาจจะไม่ชัดเจนเหมือนวิชาภาษาไทย หรือคณิตศาสตร์ แต่เชื่อมั้ยว่า มันอยู่รอบตัว และเป็นส่วนหนึ่งในสมองของเราด้วย

ใจความมันก็คือ มีของอย่างจำกัด ทำยังไงถึงจะใช้ให้คุ้มที่สุด

เงินในกระเป๋ามีจำกัด ทำยังไงให้เราอยู่รอดนานที่สุด ...... นี่ก็เศรษศาสตร์

วันนี้มีเวลาว่าง 2 ชั่วโมง ทำอะไรดี  ...... นี่ก็เศรษศาสตร์

รถยี่ห้อนี้ กับยี่ห้อนี้ ซื้อยี่ห้อไหนดี  ...... นี่ก็เศรษศาสตร์

จะนอน หรือ ออกไปเที่ยวกับเพื่อน  ...... นี่ก็เศรษศาสตร์

เรียน มช หรือ มฟล  ...... นี่ก็เศรษศาสตร์

จะเรียนต่อ หรือ ทำงาน  ...... นี่ก็เศรษศาสตร์

เยอะครับ .... เยอะมาก

แม้แต่กระทั่งว่า ผมจะเอาเวลาว่างไปนอน หรือ เอาเวลามาเขียนบทความให้ทุกท่านอ่านเล่นๆ  ...... นี่ก็เศรษศาสตร์

เพราะผมเลือกแล้ว ว่ามันดีที่สุด ไม่ว่าสำหรับผม หรือ ส่วนรวม

---------------------------------

ผมจะเขียนเน้นไปในทางการวิเคราะห์ ความเข้าใจ และการนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต

อาจจะเน้นไปในทางการเงิน การธนาคาร และการลงทุน

เพราะว่าผมอยู่แวดวงนี้ เลยไม่รู้ว่าจะเอาเศรษฐศาสตร์ไปทำอะไรมากกว่านี้ 555+

เริ่มเลยละกัน

-------------------เริ่มบทความ-----------------

เศรษฐกิจดี = อยู่ดี กินดี มีใช้ รายได้เหลือ มีความมั่นคง และ...... มีความสุข

แต่ว่า ตอนนี้ เศรษฐกิจมันดีหรือเปล่า .....

ใครๆก็บอกว่า เศรษฐกิจไม่ดี

รู้ได้ไงว่าไม่ดี .... ก็มันไม่รวยซักที

พูดยังงี้ก็จบข่าวเลยครับ

เพราะ ความรวย มันมี 2 แบบ
1.) รวยเพราะเหลือกินเหลือใช้จนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร โยนเงินทิ้งมั่งก็ได้
2.) รวยเพราะว่าพอกินพอใช้ตามอัตภาพ และสามารถแบ่งปันให้กับผู้ที่ยังไม่มี

และความจน มันก็มี 2 แบบ
1.) จนเพราะไม่มี
2.) จนเพราะไม่พอ

ผมถามว่าท่านรวยแบบไหน และ จนแบบไหน ครับ

ถ้าท่านอยากรวยแบบที่ 1 หรือ ถ้าท่านเป็นคนจนแบบที่ 2
อ่านมาจนถึงตรงนี้ ผมแนะนำว่า ...... ปิดหน้านี้ไปซะ แล้วเชิญเข้ากระทู้ประเภท "ทำงานง่ายๆวันละ 2-3 ชม ก็รวยเป็นล้าน"

------------------------------------------

ถ้าท่านเป็นคนรวยแบบที่ 2 อยู่แล้ว (เหมือนผม 555+) หรือถ้าท่านเป็นคนจนประเภทแรก เชิญอ่านต่อได้เลย

เศรษฐกิจดี ก็แปลว่า ประชาชน อยู่ดี กินดี ก็คือ รวยแบบที่2 ครับ

เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ประกอบด้วย 4 ภาคส่วน ครับ

1.) การใช้จ่ายของประชาชน (Consumtion; C) ถ้าประชาชนมีการใช้จ่ายเยอะ เศรษฐกิจก็จะดี เพราะ การใช้จ่ายของนาย A จะไปเป็นรายได้ของนาย B และ พอนาย B ใช้จ่าย ก็จะเป็นรายได้ของอีกคน ต่อๆกันไป นั่นก็คือ ประชาชนมีรายได้เพิ่ม ในขณะเดียวกัน ถ้าประชาชนไม่ค่อยใช้เงิน ก็ทำให้ประชาชนคนอื่นขาดรายได้ไปด้วย

2.) การลงทุนของภาคเอกชน (Investment ; I) ถ้าเอกชนมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะลงทุนในสิ่งใหม่ หรือลงทุนในสิ่งเดิม ย่อมเป็นการใช้จ่ายทางหนึ่ง และทำให้มีการจ้างงานเพิ่ม ประชาชนมีรายได้เพิ่ม ขณะเดียวกัน ถ้าเอกชนไม่ลงทุนเพิ่ม การจ้างงานก็จะลดลง รายได้ประชาชนก็จะลดลง

3.) การใช้จ่ายของรัฐบาล (Government Expenditure; G) ถ้ารัฐมีการใช้จ่ายลงทุน เช่นทำถนน ทำสะพาน ก่อสร้างอะไรต่างๆ แม้กระทั่งจัดประมูล 3G นี่ก็ตาม ย่อมเป็นการใช้จ่ายทางหนึ่ง และทำให้มีการจ้างงานเพิ่ม ประชาชนมีรายได้เพิ่ม เหมือนการลงทุนของเอกชน

4.) การส่งออกและนำเข้า (Export & Import; X-M) ประเทศไหนมีการส่งออกสูง ก็คือประเทศนั้นมีรายได้ เมื่อมีรายได้ เศรษฐกิจก็ดี แต่ถ้าประเทศไหนนำเข้าเยอะ เศรษฐกิจก็จะถดถอย เพราะรายจ่ายเยอะ

ดังนั้น

เศรษฐกิจ = C + I + G + X - M

ใครที่จบเศรษฐศาสตร์มาคงรู้ว่า สมการนี้ ใช้หากินได้ตลอด  5555+

แล้วปัจจัยอะไรมั่งที่มากระทบให้เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง นอกจาก 4 ตัวหลักนี้

ก็เช่น

1.) อัตราดอกเบี้ย
ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป คนจะออมเยอะ เพราะดอกเบี้ยมันเย้ายวน แต่จะใช้จ่ายน้อย พอใช้จ่ายน้อย เศรษฐกิจก็ไม่เคลื่อน // บริษัทต่างๆก็ไม่ลงทุน เพราะต้นทุนดอกเบี้ยสูงเกินไป และการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงๆก็มีน้อย แถมยังไม่พอ การที่อัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ค่าเงินแข็งค่า ทำให้เราส่งออกไม่ได้อีกด้วย ดังนั้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ประชาชนใช้จ่ายน้อยลง เอกชนลงทุนน้อยลง การส่งออกก็แย่ลง
แต่ถ้าอัตราดอกเบี้ยต่ำเกินไป คนจะไม่ออม เอาแต่ใช้เงิน เอกชนลงทุนมากเกินไป ส่งออกได้เยอะมาก ก็จะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้ พอเกิดเงินเฟ้อ เกิดภาวะเงินไม่มีค่า มันจะส่งผลต่อเนื่องให้ประชาชนใช้จ่ายไม่ได้ ก็ทำให้เศรษฐกิจซบเซาลงอีก

2.) ภาษี
ถ้าภาษีสูง ประชาชนก็จะใช้จ่ายได้ไม่เต็มที่ ประชากรก็จะมีรายได้ลดลง เอกชนก็ไม่กล้าลงทุน

3.) นโยบายของรัฐบาล ฯลฯ

มีอีกหลายปัจจัยที่จะมากระทบ ดังนั้น หากเราอ่านข่าวแล้ว เราต้องมาวิเคราะห์ว่า เหตุการนั้นมันกระทบต่อ 4 ปัจจัยหลักอย่างไร

--------------------จบบทความ--------------------------

ถ้าการประมูล 3G เสร็จเรียบร้อย (ซึ่งตอนนี้ยังไม่เรียบร้อย ยังขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่) นอกจากจะทำให้กลุ่มสื่อสารมีแนวโน้มสดใสแล้ว ยังมีธุรกิจค้าขายออนไลน์จะเติบโตเต็มที่ ถ้าธุรกิจค้าขายออนไลน์เติบโต ย่อมส่งผลต่อธุรกิจการผลิตดีขึ้น และการจ้างงานสูงขึ้น ก็จะทำให้รายได้ดีขึ้น และเมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะพลอบมีรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงจุดเดียว ย่อมทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้นได้ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น (....แต่ส่วนใหญ่ก็ช้า 555+)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 22:27:33 โดย แมงมุม » IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
somchart.
สะพานทาน มีแล้วแบ่งปัน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 322



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 11:40:39 »

ขอบคุณสำหรับบทความเพื่อความรู้ดีๆ นะครับ

อ่านบทความของท่านแล้ว ชวนให้คิดถึง อาจารย์ท่านหนึ่งสมัยที่ผมเรียน
บทความบางตอนของท่าน อ่านแล้ว เหมือนไม่สนใจความรู้สึกผู้อ่าน ดูเหมือนจะเชิญชวน
แต่กลับอ่านแล้วเหมือนเสือกไสไล่ส่ง


เช่นข้อความนี้ครับ
" ถ้าท่านอยากรวยแบบที่ 1 หรือ ถ้าท่านเป็นคนจนแบบที่ 2
อ่านมาจนถึงตรงนี้ ผมแนะนำว่า ...... ปิดหน้านี้ไปซะ แล้วเชิญเข้ากระทู้ประเภท "
ทำงานง่ายๆวันละ 2-3 ชม ก็รวยเป็นล้าน"

ผมขออนุญาต ติชมผลงานบทความท่านจากใจนะครับ เป็นความรู้สึกส่วนตัว ผมอ่านแล้วมีความรู้สึก
เช่นที่ว่ามาจริงๆครับ แต่ถ้าท่านแมงมุม เขียนบทความที่ว่าในความหมายอื่น ผมก็ขออภัยด้วยนะครับ
ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ การทำงานเพียงแค่วันละ 2-3 ชม.ก็สามารถทำรายได้เป็นล้านได้แน่นอน
นะครับ ท่านก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่ง ก็คงจะมองเห็นภาพนี้นะครับ ยิงฟันยิ้ม

เพราะ ความรวย มันมี 2 แบบ
1.) รวยเพราะเหลือกินเหลือใช้จนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร โยนเงินทิ้งมั่งก็ได้
2.) รวยเพราะว่าพอกินพอใช้ตามอัตตภาพ และสามารถแบ่งปันให้กับผู้ที่ยังไม่มี

และความจน มันก็มี 2 แบบ
1.) จนเพราะไม่มี
2.) จนเพราะไม่พอ
บทความข้างบนนี้ก็เป็นหลักเศรษฐศาสตร์ อีกเช่นกันหรือเปล่าครับ  ให้ผู้อ่านเลือก เพื่อแบ่งกลุ่ม
คำว่า "รวย" กับ "จน" ผมว่ามีมากกว่า 2 คำถามไขวันะครับ แต่ถ้าแบ่งกลุ่ม ก็มีมากกว่า 2 กลุ่มครับ
(เป็นข้อคิดเห็นส่วนตัวนะครับ) ยิ่งท่านอยู่ในแวดวง สถาบันการเงิน ภาพแบบนี้ท่านเท่ากับว่ายืนอยู่
บนที่สูง แล้วมองลงมาเห็นภาพรวมได้มากกว่า บุคคลกลุ่มอาชีพอื่นเสียอีกนะครับ

ข้อความโพสของผม ถือสะว่าเป็นการติชมก็แล้วกันนะครับ แต่ผมคิดว่าบทความส่วนมากเป็นประโยชน์
ต่อผู้เข้ามาอ่านในกระทู้ท่านแน่นอนครับ  ยิ้มกว้างๆ ผมขออนุญาตสมัคแฟนคลับ+1 นะครับ

ขอเสริมอีกนิดนะครับ
คำว่า "อัตตภาพ" เขียนว่า "อัตภาพ"  ยิงฟันยิ้ม (ผมอาจเขียนผิดเองก็ได้นะครับ)
---- ผมขอใช้สิทธินี้ครับ  ยิงฟันยิ้ม
      "อ่านไม่เข้าใจ ถามได้
       อ่านแล้วเจอจุดผิด บอกได้ จะแก้ให้
       ไม่ยอมอ่าน ก็ตามใจ 555+"
IP : บันทึกการเข้า
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 12:08:16 »

.

อัตตภาพ ผมเขียนผิดครับ จะแก้ไขให้ .....

----------------------

อ่านมาจนถึงตรงนี้ ผมแนะนำว่า ...... ปิดหน้านี้ไปซะ แล้วเชิญเข้ากระทู้ประเภท "
ทำงานง่ายๆวันละ 2-3 ชม ก็รวยเป็นล้าน"

ประโยคนี้ ต้องอ่านประโยคก่อนหน้าด้วยครับ ถึงจะเข้าใจ

เพราะในวันเดียวกัน มีคน2คนบอกกับผมครับ
คนที่ 1 บอกว่า เศรษฐกิจไทยไม่ดี เพราะเค้าไม่รวยซักที (คนนี้บ้านหลังใหญ่ รถคันโต)
คนที่ 2 บอกว่า เศรษฐกิจไทยดี เพราะเค้าบอกว่า ตัวเค้าเองมีงานทำ พออยู่ได้ พอมีเงินเก็บบ้าง (คนนี้บ้านไม้ เก่าหน่อย กับรถมอเตอร์ไซค์คันนึง พึ่งผ่อนหมด

ผมควรจะเชื่อใครครับ

เพราะถ้าผมเชื่อคนที่ 1 แปลว่า ผมยึดว่า เศรษฐกิจดี "ทุกคน"จะต้องรวย แบบที่1
เพราะถ้าผมเชื่อคนที่ 2 แปลว่า ผมยึดว่า เศรษฐกิจดี "ทุกคน"จะต้องรวย แบบที่2

ดังนั้น ผมเลยพยายามจะสื่อทั้ง 2 ความหมาย ครับ นั่นคือ

สื่อในความหมายที่1
เศรษฐกิจดี เราต้องวัดกันที่ ประชาชนไม่อดอยาก มีบ้านอยู่ มีความมั่นคงในชีวิต

สื่อในความหมายที่2
บทความผม ไม่สามารถทำให้ท่าน หายจนในแบบที่2 ได้ แต่ก็ไม่แน่ ท่านอาจจะกลายเป็นคนรวยประเภทที่1แล้วแต่ความสามารถ แต่ถ้าท่านไม่หายจนหรือไม่รวยซักที จะมาอ้างว่าผมหลอกลวงหรือบทความผมแย่ ไม่ได้
ดังนั้น ถ้าคาดหวังกับการอ่านกระทู้ผมมาก ผมแนะนำว่า ให้หาความรู้จากที่อื่น ครับ

คิดไปคิดมา ผมอาจจะพูดแรงไปหน่อยจริงๆ แหะๆ

----------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 12:11:52 โดย แมงมุม » IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
somchart.
สะพานทาน มีแล้วแบ่งปัน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 322



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 12:23:13 »

ขอบคุณครับ

อย่าได้ถือสาผมเลยนะครับ เพียงแต่แวะเข้ามาอ่านเพราะ ชอบในเนื้อหา
บทความท่านครับ ผมพอเข้าใจความหมายของบทความท่านแล้วครับ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 20 ตุลาคม 2012, 22:39:35 »

.

ซื้อบ้าน กับ เช่าบ้าน

(จองพื้นที่ไว้ก่อน พรุ่งนี้เย็นๆจะเอามาลงให้)

ปล.ลืมไปว่า จองกระทู้ไว้แล้ว ขออภัย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 09:42:55 โดย แมงมุม » IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,910



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 08:38:44 »

ขอบคุณท่านแมงมุมมากครับสำหรับบทความดีๆ

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบ เศรษฐศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์ในชีวิต

ทั้งการตลาดไปด้วยเหมือนกัน แต่ตอนเรียนทำไม่ไม่รู้เรื่องก็ไม่ทราบ
IP : บันทึกการเข้า

แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 09:41:05 »

---------------- ซื้อบ้าน กับ เช่าบ้าน ----------------------

เรียนจบแล้ว วงเวียนชีวิตของมนุษย์เงินเดือน ก็ต้องหางานทำครับ

บางคนก็โชคดี ได้ทำงานใกล้บ้าน หรือบางคนโชคดีกว่านั้น ทำงานในพื้นที่บ้านของตัวเองเลย

บางคนที่โชคไม่ค่อยดีนัก (อย่างผม) เกิดอยู่บ้านนอก เข้ามาเรียนในเมืองลำปาง สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในเชียงใหม่ได้ จับพลัดจับผลู มาทำงานที่เชียงราย

ต่างถิ่น หากินเชียงราย อันดับแรกที่ต้องหา คือ ที่ซุกหัวนอน ครับ

ตัวคนเดียวตอนนั้น แฟนยังไม่มาอยู่ด้วย

หอพักน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัว ..... ใช่แล้วครับ กรณีเร่งด่วน หอพักเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ห้องขนาด 4x4 เมตร มีห้องนำ 1 ห้อง กับเพื่อนข้างห้องที่ เสียงดังตามโอกาส ....

ราคาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดือนละ 1,800.-
ค่าไฟ 6 บาท
ค่าน้ำ ใช้น้ำบาดาลสูบ เหมาจ่ายห้องละ 100 (ซักผ้าทีนึง เสื้อขาวหมองหม่น T-T )
อากาศอบอ้าว เพราะไม่ว่าหอพักไหน ก็มีปัญหาเรื่องการระบายอากาศ

.....ก็ทนๆกันไปครับ
เบ็ดเสร็จเดือนหนึ่ง รวมแล้ว สามพันกว่า ไม่เกิน สามพันห้า

ผ่านไป 4 เดือน แฟนตามมาด้วย พร้อมกับของใช้ส่วนตัว....เพียบ

ห้องขนาด 4x4 แทบไม่มีที่ไว้ของ จะเดินยังต้องเขย่งเท้า

ไม่พออีกต่อไปครับ

หาบ้านเช่าดีกว่า ... ขยับขยายกันไป

เงื่อนไขบ้านเช่าแต่ละหลัง เจ็บหัวใจยิ่งนัก

ห้องเช่าขนาด 50 ตารางวา 2นอน2น้ำ
ค่าเช่าหลังละ 4,500
มัดจำล่วงหน้า ค่าประกัน สองเดือน เบ็ดเสร็จวางเงินหมื่น ได้คืนเมื่อออก
สภาพ "พออยู่ได้" เพราะบ้านมันก็ไม่ได้ใหม่อะไร

คิดหนักครับ ....

ขี่รถเรื่อยๆ กินลมชมชาย (- -") ม่ายช่ายยยยย กินลม ชมวิว

ไปเจอทาวน์เฮ้าส์ใหม่เอี่ยมอ่อง ประกาศขาย 8 แสน 4.5x12  2ชั้น หลังติดน้ำ สี่แยกแม่กรณ์ ทำเล จ๊อดมาก!!

ต่อราคาเสร็จ วางมัดจำ กู้ธนาคาร 7.5 แสน 25ปี ส่งเดือนละ ..... แต๊นน แตนนนนน .... 5,500 บาท
ค่าใช้จ่ายในการกู้ พอๆกะวางมัดจำ - - หมื่นห้า
ค่าประเมินราคา ค่าทำประกัน ค่าจำนอง (เราจ่ายเอง), ค่าโอน(คนขายออกให้)

เปรียบเทียบดูแล้ว ค่าผ่อน แพงกว่าค่าเช่า พันนึง

แต่สิ่งที่เราได้มากกว่าคือ มันเป็น"ของเรา" ครับ ความรัก ความผูกพัน ความอบอุ่น ความสามัคคี ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว เกิดขึ้นที่บ้าน เกิดขึ้นจากครอบครัว เกิดในหัวใจ

อยู่มาได้ปีกว่า เริ่มคิดขยายครอบครัว ขายทาวน์เฮ้าส์ไป ได้กำไรเกือบๆเท่าตัว เอาไปซื้อบ้านเดี่ยวเกือบๆ 1 งาน สร้างกำลังจะเสร็จแล้ว

บางครั้ง ชีวิตเรา โอกาสมาแบบไม่ให้รู้ตัวครับ ถ้ามองเห็น คว้าทัน ใช้ถูกเวลา ชีวิตมันก็จะดีขึ้น

----------------------------------------------

แต่ในบางครั้ง เราต้องใช้สติ และความรอบคอบมอง บางครั้งเราคิดว่ามันเป็นโอกาส แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้

บางจังหวัด ที่ไม่ใช่เชียงราย การซื้อบ้านแทนเช่าบ้าน อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี เนื่องจากบางจังหวัด ไม่ได้มีปัจจัยเกื้อหนุน การขายบ้านอาจทำได้ยาก

บางคนที่ย้ายบ่อย ก็ไม่ควรซื้อบ้าน เนื่องจากการซื้อแล้ว ถือครองไม่เกิน 5 ปี จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3% (เว้นแต่มีชื่อในทะเบียนบ้านนั้นเกิน 1ปี)

และกรณีการกู้ธนาคาร ถ้าไถ่ถอนก่อน 3ปี จะมีค่าปรับนะครับ

------------------------------------

ปล. ไม่ได้จะโฆษณาให้ใคร  แต่สำหรับใครที่เบื่อบ้านเช่า บ้านดู่เมืองใหม่มีทาวน์เฮ้าส์ ราคา 6.5 แสนบาท วางมัดจำซัก 5หมื่น แล้วกู้ส่งเดือนละ 4,300 (25ปี) ใกล้ ราชภัฎ ถ้าไม่กังวลเรื่องนักศึกษาจอแจ ลองไปดูได้นะครับ (ผมก็จะไปดูวันนี้เหมือนกัน)

ถ้าจะกู้ ก็เชิญที่ธนาคารออมสินได้เลย เหอะๆ
ดอกเบี้ย ปีที่1=1.25% ////ปีที่2=MLR-2 /// ปีที่3เป็นต้นไป=MLR-0.50%

ก่อนจะกู้ อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขการให้กู้ให้ดีๆนะครับ

----------------จบบทความ-------------------
IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
somchart.
สะพานทาน มีแล้วแบ่งปัน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 322



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 21 ตุลาคม 2012, 11:08:15 »

สมัยก่อน การกู้เงินธนาคารซื้อบ้าน แทนทีจะดีใจว่าได้มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ก็ต้อง
เพิ่มความรับผิดชอบในชีวิตขึ้นมาจากเดิมอีก 1 คือ   ห้ามตาย
จนกว่าหนี้ก้อนนี้จะหมด  ยิงฟันยิ้ม

แต่ปัจจุบัน การใช้สินเชื่อบ้าน เป็นเรื่องโชคดีถึง 2 ชั้น คืออันดับแรกได้บ้านเป็นของตัวเอง
2. ในระหว่างสัญญากู้ยังไม่จบสิ้นการผ่อนชำระคืนเจ้าหนี้ หากมีอันต้องลาผักผ่อนตลอดไป
หนี้ที่เหลือก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนที่รักและห่วงใยเบื้องหลัง ก็ไม่ต้องเป็นกังวนในภาระที่เกิด
จากหนี้อีกด้วย แถมมีบ้านปลอดหนี้เป็นหลักประกันชีวิตให้อีก ......ดีจัง  ยิงฟันยิ้ม

การทำงานโดยมีภาระผ่อนบ้านกับสถาบันการเงิน
ปัจจุบัน เป็นเรื่องที่มีความสุขกับการทำงานจริงๆครับ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!