เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 เมษายน 2024, 20:30:57
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  มาร้าย - ไปดี
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน มาร้าย - ไปดี  (อ่าน 942 ครั้ง)
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2012, 18:15:28 »

มนุษย์เราเกิดมาในโลกนี้ เราจะเลือกเกิดเองตามชอบใจไม่ได้ ฉะนั้น จึงมีมนุษย์ถือกำเนิด

เกิดมาในตระกูลที่สูงศักดิ์ อุดมสมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ และก็มีมนุษย์ที่เกิดมาในตระกูลยาก

จนเข็ญใจ ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่กฎแห่งกรรมจะบันดาลให้เราเกิด ไม่มีใครเลือกเกิดได้ตามใจ

ชอบ ต้องแล้วแต่บุญกุศลบารมีที่เราได้เคยสร้างสมเอาไว้

สิ่งใดที่เราได้กระทำไว้เราก็จะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอนหลีกเลี่ยงไม่พ้น ไม่ว่าจะ

เป็นชาติปัจจุบันหรือชาติข้างหน้าต่อไป จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ย่อมจะเป็นเงาติดตาม

เราไปทุกหนทุกแห่ง คอยโอกาสที่จะเกิดผลตอบแทนตามสนอง

สิ่งที่คนเราจะต้องประสบด้วยกันทุกรูปทุกนาม ไม่ว่าผู้นั้นจะเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ หรือ

เกิดมาในตระกูลต่ำต้อย สิ่งนั้นก็คือ ความทุกข์ เมื่อได้บรรลุนิติภาวะแล้วย่อมจะมีปัญหา

ชีวิต ก็จะต้องคอยขบคิดแก้ไขยากบ้าง ง่ายบ้าง แล้วแต่เหตุการณ์ในชีวิตจะต้องเกิดขึ้น

เมื่อยังมีความรู้สึกในรูปรส กลิ่น เสียง และยังลุ่มหลงหมกมุ่นอยู่บนกองกิเลสตัณหา ยังมี

ความโลภ รัก โกรธ หลง ก็ย่อมจะวนเวียน ตายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย ตามหลักธรรมของ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้แจ้งเห็นจริงตามธรรมชาติที่เกิดดับไม่รู้สิ้นสุด

ฉะนั้น องค์พระศาสดาจึงทรงชี้ทางดับทุกข์ พ้นจากความเวียนว่ายตายเกิด ให้สุดสิ้นลงจาก

การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยอาศัยอำนาจจิตที่มีศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะกำจัดทุกข์จากความ

รู้สึกให้สูญสิ้นไปจากใจ ไม่มีวันจะกลับคืนมาอีก


* 017.jpg (49.29 KB, 600x450 - ดู 171 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2012, 18:17:38 »

เมื่อมนุษย์เรารู้แล้วว่า เราเกิดมาต้องรับทุกข์ด้วยกันทุกคน ที่สุดก็ไม่มีผู้ใดหนีความแก่

ความเจ็บ ความตายไปได้ ทำไมเราจึงไม่ทำจิตใจให้มีความเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจ

เพื่อนมนุษย์ที่เกิดมาร่วมทุกข์ด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในเมื่อเรามีโอกาสสามารถจะ

ช่วยเหลือได้ โดยไม่ทำให้เราได้รับความเดือดร้อนข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต

ระวังอย่าทำบุญได้บาป เพราะเคยมีบางท่านหลงงมงายในการทำบุญทำทาน โดยกู้หนี้ยืม

สินแทนที่จะก่อสุขทางใจกลับเกิดทุกข์ เพราะกระทบกระเทือนครอบครัวในการครองชีพ

ฉะนั้น พระพุทธองค์จึงทรงสั่งสอนให้ปฏิบัติสายกลางย่อมจะได้ผลดีกว่า

ฉะนั้น ผู้ซึ่งเกิดมาดี เมื่อเป็นคนแล้วก็ควรจะประกอบแต่กรรมดี เมื่อตายไปแล้วก็จะไปสู่

ทางดี และผู้ที่เกิดมาไม่ดี แต่เมื่อเป็นคนที่อยู่ในโลกก็ประกอบแต่กรรมดี ความดีนั้นย่อม

ตามสนองโลกนี้และโลกหน้า เมื่อตายไปแล้วก็จะไปสู่ทางดี ผู้เกิดมาดีแต่เมื่อเป็นมนุษย์ก็

ประกอบแต่กรรมชั่ว ย่อมจะได้รับกรรมตามสนองเช่นเดียวกัน

ได้เคยมีเรื่องมา ผู้สร้างความดีมีจิตใจเมตตาสงสารแล้วในอดีต ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย

และก็ไม่เป็นสิ่งที่เก่าแก่ล้าสมัยเกินไป คล้ายเพชรมณีอันมีค่าแม้จะตกจมอยู่ในโคลนตมจะ

ช้านานเพียงไร เมื่อมีมนุษย์ไปเห็นเข้าก็ย่อมมีคุณค่าไม่เสื่อมคลาย ย่อมจะนำเอามาเป็น

เครื่องประดับกาย และเรื่องของผู้ประกอบกรรมดีประดับความรู้เช่นเดียวกัน


* X9849404-30.jpg (174.35 KB, 867x600 - ดู 160 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2012, 18:19:25 »

เรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นนับย้อนหลังจาก พ.ศ. ๒๕๐๐ ไปประมาณสี่สิบกว่า

ปี ครอบครัวผู้อันจะกินครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีมีคุณธรรม

สูง ได้ขอพระราชทานบัตรทำเหมืองแร่พลอย แขวงเมืองกาญจนบุรี ซึ่งต่อมาเป็นกิ่งอำเภอ

บ่อพลอย ขึ้นกับอำเภอพนมทวน


เย็นวันหนึ่งมีคนเดินทางหมู่หนึ่งมาหยุดพักแถวเขตหน้าบ้าน เจ้าของบ้านเมื่อเห็นก็เกิดมี

ความสงสารเพราะเป็นคนมีเมตตาจิต เห็นผู้ใดได้รับความลำบากก็อดจะเกิดคิดที่จะช่วย

เหลือไม่ได้ เมื่อเห็นว่าคนหมู่นั้นจะพักแรมในที่แจ้งเช่นนั้นกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะสมัย

นั้นมีสัตว์ร้ายชุกชุมกลัวจะเป็นอันตราย จึงเรียกให้คนหมู่นั้นขึ้นมาพักบนบ้าน และได้สั่งให้

คนในบ้านจัดหาอาหารมาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ และก็สนทนาด้วยความเห็นอกเห็นใจ

ด้วยไมตรีจิตจากเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี และซ้ำยังเชิญแขกที่มาพักให้รับประทานอาหาร

เช้าเสียก่อน ค่อยออกเดินทางต่อไป

แต่พอรุ่งเข้าปรากฏว่า หมู่แขกที่มาพักได้ออกเดินทางไปแต่เช้าตรู่ ยังไม่ทันสว่างดี ทำ

ให้พ่อบ้านสงสัยว่า ทำไมเมื่อวานรับปากว่าจะทานอาหารเช้าและจะไป จึงกลับหายตัวไป

ก่อนเช่นนี้ เมื่อเข้าไปในห้องที่ชายหมู่นั้นพัก ก็เห็นข้างฝาเป็นไม้กระดาน มีตัวหนังสือเขียน

ด้วยดินสอพอง มีใจความว่า
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2012, 18:25:51 »

“ข้าขอลาท่านผู้ใจดีไปก่อน ข้าจะจดจำความดีของท่านตลอดไป”

เจ้าของบ้านเมื่อได้เห็นหนังสือแล้วก็งง จึงซักถามคนในบ้านว่า ตอนที่เขาจะไปนั้นเขาพูด

ว่าอะไรบ้าง แต่ไม่มีใครทราบ นอกจาก ชายในบ้านผู้หนึ่งซึ่งนอนติดกับห้องของแขกแปลก

หน้าที่มาพัก กล่าวว่า ตอนดึกนอนไม่หลับได้ยินเสียงข้างห้องเขาปรึกษาพูดตอบกัน ได้ยิน

ชัดเจนเพราะเป็นเวลาดึกสงัด นอกจากจะได้ยินเสียงสัตว์ป่าร้องอยู่ห่างไกล นานๆ เสียงจะ

รบกวนสักครั้งเท่านั้น

เสียงคนหนึ่งพูดว่า

“พี่ เมื่อไหร่จะลงมือล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ประเดี๋ยวจะสว่างเสียงานเสียการหมด”

เสียงชายผู้ถูกเรียกพี่ ถอนหายใจอย่างให้ความคิดหนัก แล้วพูดออกมาว่า

“เออ ข้ากลับใจเสียแล้ว ข้าจะไม่แตะต้องทำอะไรบ้านนี้เป็นอันขาด”

อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า

“อ้าว ทำไมล่ะพี่ มันไม่เสียเวลาเปล่าหรือ ก็ตกลงกันมาแล้ว พี่ว่าจะมาปล้น”

เสียงชายถูกเรียกว่าพี่ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า.....

“นั่นข้าก่อนหน้านี้ แต่เดี๋ยวนี้ข้ากลับใจเสียแล้ว ข้าบอกตรง ๆ ว่า ข้าทำไม่ลง พวกเอ็งไม่เห็นหรือ บ้านนี้เข้าใจผิด เขาต้อนรับเลี้ยงดูพวกเราอย่างไร พวกเรารู้พวกเราเห็น ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้จักเราเลย ที่นี่เหมือนศาลาพักร้อนของคนเดินทางทั่วไป ข้าเป็นโจรก็จริง แต่ข้าจะไม่ทำลายคนดี ๆ อย่างนี้เป็นอันขาด”

เสียงหนึ่งพูดขึ้นว่า

 “แล้วพวกเราจะมาหากินเป็นโจรทำไมล่ะ มัวแต่ใจอ่อนอย่างนี้ ข้าเคยเห็นพี่มีจิตใจเข้มแข็งตลอดมา ไม่เคยเห็นใจอ่อนอย่างนี้เลย”
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2012, 18:29:56 »

เสียงผู้ที่พูดอย่างขึงขังว่า.....

“จริง ข้าเคยปล้นมามากแล้วไม่เคยย่อท้ออะไรเลย แต่พวกเอ็งอย่าลืมนะว่า พวกที่เราปล้นมาแล้วล้วนแต่คนชั่ว พวกรีดนาทาเร้นจากคนจน พวกทำนาบนหลังคน พวกเหล่านี้ก็เป็นคนชั่วเหมือนเรา จะทำลายมันก็ไม่บาปหนักอะไรมากนัก ชาวบ้านที่ถูกมันขูดรีดไถก็พากันสมน้ำหน้ามัน คนชั่วทำลายคนชั่วด้วยกันไม่แปลกอะไร มันสมน้ำสมเนื้อกัน”

เสียงพูดขึ้นว่า

 “จริง พวกข้าคิดเหมือนอย่างพี่ แล้วถ้าเราทำลายคนดี ๆ เราคงตกนรกหนักทีเดียว”

เสียงชายผู้ที่พูดว่า

 “ข้าคิดว่าบาปหนักเท่ากับทำลายพระอรหันต์ แล้วชาวบ้านปากเกลือปากปลาร้าก็คงจะแช่งเราให้ฉิบหายตายโหง ที่เรามาทำลายศาลาที่พักอาศัยของคนทั่วไปเช่นนี้ ต่อไปใครจะมากล้ารับคนแปลกหน้าอย่างเราอีกล่ะ เพราะเรามาทำลายความดีเสียหมดแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะเลือกปล้นคนมั่งมีขึ้นมาเพราะความชั่ว ยกเว้นผู้ประกอบกรรมดี”

แล้วหลายเสียงก็ถามขึ้นว่า

 “แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะพี่”

เสียงชายผู้พี่บอกว่า

 “เราก็ต้องรีบออกจากบ้านนี้เสียก่อนสว่าง”

เสียงถามขึ้นว่า

“แล้วเราไม่ลาเจ้าของบ้านเขาเสียก่อนหรือ เพราะเช้าเขาคงหาอาหารมาเลี้ยงเราอีก”
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2012, 18:43:04 »

เสียงชายผู้เป็นพี่ว่า “อย่ามัวห่วงกินเลยวะ ข้าจะเขียนหนังสือลาไว้ข้างฝา บอกเจ้าของบ้านไว้”

ชายผู้อยู่ในบ้านเล่า แล้วก็บอกว่า “แรกผมได้ยินก็ตกใจกลัว แต่เมื่อฟังดูเห็นผู้ถูกเรียกว่าพี่ คงจะเป็นนายโจรนั้นได้กลับใจเสียแล้ว ก็เบาใจ”

ท่านผู้เป็นเจ้าของบ้านฟังแล้ว ก็มิได้พูดว่าอะไร นี่ก็เห็นได้ว่าความดีได้ประกอบขึ้นนั้น ได้ทำให้คนกลับใจจากชั่วเป็นคนดีได้ระยะหนึ่ง ทั้งที่ผู้ประกอบกรรมดีมิได้หวังสิ่งใดตอบแทน แต่ความดีก็แสดงผลเกิดขึ้นเอง และเรื่องนี้ข้าพเจ้าคิดว่ามาร้ายก็ตั้งใจจะปล้น แต่เมื่อกลับใจได้เกิดความดีขึ้นจากจิตใจ ทำให้รู้จักบุญบาปในระยะหนึ่ง หรืออาจรู้สึกผิดชอบชั่วดี ได้ประกอบสัมมาอาชีวะตลอดไปก็ได้ เพราะไม่มีผู้ใดได้ติดตามวิถีชีวิตของพวกนี้ต่อไป

และข้าพเจ้าคิดว่าในยุคปัจจุบัน คงจะหาโจรที่จิตใจกตัญญูเช่นนี้คงหายาก ในยุคนี้แม้แต่บุตรธิดาก็ยังหาความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาผู้มีพระคุณ และศิษย์ซึ่งเคารพบูชาอาจารย์ เช่นสมัยก่อนไม่ค่อยจะได้ แล้วจะเอาความดีอะไรกับโจรในยุคปัจจุบันนี้



.................... เอวัง ....................
คัดลอกจาก : จากหนังสือกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๔
โดย ท.เลียงพิบูลย์
จากเว็บ : http://www.dhammajak.net

เผยแผ่เพื่อเป็นธรรมทาน
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!