|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:33:03 » |
|
พระศาสดาทรงสดับการสนทนาระหว่างปริพพาชกกับพราหมณ์ด้วยพระทิพยโสต จึง
เด็จเข้าไปยังโรงบูชาไฟ ตรัสถามปริพพาชกว่าสนทนาโต้ตอบกับพราหมณ์อย่างไรบ้าง ปริ
พพาชกตกใจที่ได้ฟังดังนั้น กราบทูลว่าตั้งใจไว้แล้วว่าจะทูลให้ทรงทราบ ตรัสตอบว่า ที่ปริ
พพาชกกล่าวว่าพระองค์เป็นผู้กำจัดความเจริญนั้น หมายถึงที่ทรงสอนให้สำรวมตา หู จมูก
ลิ้น กาย ใจ ใช่หรือไม่ ปริพพาชกทูลว่าใช่
พระศาสดาตรัสว่า บางคนเคยบำรุงบำเรอตนด้วยกามคุณ ๕ ต่อมารู้ถึงคุณและโทษของกาม
แล้ว ออกจากกาม ละตัณหาในรูปเป็นต้นเสียได้ มีจิตสงบอยู่ภายใน เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะว่า
อะไรกับบุคคลผู้นั้นเล่า ปริพพาชกทูลว่าก็ไม่ว่าอะไรเขา
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:34:55 » |
|
ต่อจากนั้น พระศาสดาทรงเล่าให้ปริพพาชกฟังถึงประวัติของพระองค์เองว่าสมบูรณ์ด้วยกาม
สุขมาอย่างไร ต่อมาทรงเห็นโทษในกามแล้วละตัณหาในกามเสีย ไม่ยินดีในกามนั้นอีก
เลย เปรียบไปเหมือนเทพบุตรเสวยกามสุขอันเป็นทิพย์ เห็นคหบดีหรือบุตรนั้นย่อมไม่พอใจ
ไม่กระหยิ่มต่อกามสุขเช่นนั้นฉันใด พระองค์เองก็ฉันนั้น ได้ความสุขอันยิ่งกว่าเหนือกว่า
กามสุขอันเป็นของมนุษย์และของทิพย์แล้ว
อีกอุปมาหนึ่งเหมือนคนเคยเป็นโรคเรื้อน ต่อมาได้รักษาโรคเรื้อนจนหายแล้ว มีความสุขดี
มีเสรีภาพ มีอำนาจในตัวเอง จะไปไหนก็ได้ตามความพอใจ เขาได้เห็นคนที่เป็นโรคเรื้อน มี
แผลทั่วตัวย่างแผลที่หลุมถ่านเพลิง เกาปากแผลแล้วรู้สึกพอใจ ท่านเห็นอย่างไร ชายผู้นั้น
จะพอใจในความสุขของคนเป็นโรคเรื้อนอยู่หรือพระองค์เองก็เหมือนคนที่หายจากโรคเรื้อน
แล้ว ไม่ยินดีในความสุขอย่างคนเป็นโรคเรื้อน พระองค์ได้ความสุขอันเว้นจากกาม เว้น
จากอกุศลแล้ว
|
9.jpg (66.74 KB, 720x486 - ดู 1791 ครั้ง.)
|
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:36:58 » |
|
เปรียบอีกอย่างหนึ่ง เหมือนคนเป็นโรคเรื้อนเคยพอใจในความสุขจากการย่างตัวด้วย
ถ่านเพลิง ต่อมาหายจากโรคเรื้อนอย่างเด็ดขาดแล้ว มีคนดึงตัวเข้าไปใกล้หลุมถ่านเพลิง
เพื่อให้ย่างตัวอีกเขาไม่ปรารถนาเพราะไฟนั้นเป็นของร้อน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ฉันใด กามทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นของที่สัมผัสแล้วเป็นทุกข์มีความเร้าร้อนใหญ่
ความสุขที่ปราศจากความเร่าร้อนในกามเป็นความสุขที่สงบเย็นประณีต ดีกว่าความสุขของ
พระราชาผู้เพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕
พระศาสดาทรงเปล่งอุทานในเวลานั้นว่า
“ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง บรรดาทางทั้งหลายอันนำไปสู่
อมตธรรม ทางมีองค์ ๘ เป็นทางที่เกษม”
|
5.jpg (91.61 KB, 640x443 - ดู 324 ครั้ง.)
|
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:38:56 » |
|
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเช่นนี้ ปริพพาชกทูลว่า คำว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอย่าง
ยิ่งเป็นต้นนี้ เขาเคยได้ยินได้ฟังมาจากปริพพาชกชั้นอาจารย์และปาจารย์ (ปาจารย์ =
อาจารย์ของอาจารย์) มาแล้วเหมือนกัน
พระศาสดาตรัสถามว่า ข้อความนั้นท่านเข้าใจว่ามีความหมายอย่างไร ปริพพาชกเอามือลูบ
ตัวแล้วทูลว่า ความไม่มีโรคคืออย่างนี้ บัดนี้เขาเป็นผู้ไม่มีโรคมีความสุขดีอยู่ พระศาสดาจึง
ตรัสว่า เปรียบไปก็เหมือนคนตาบอดแต่กำเนิด ไม่เคยเห็นรูปสีใดๆเลย ไม่เคยเห็นอะไร
เลย ต่อมาได้ยินคนพูดถึงผ้าสีขาว เขาก็เที่ยวแสวงหาผ้าสีขาว มีคนหนึ่งเอาผ้าขาวเทียม
เปื้อนเขม่ามาลวงเขา บอกเขาว่าเป็นผ้าขาวสะอาดบริสุทธิ์ไร้มลทิน เขารับเอาผ้านั้นไว้ห่ม
แล้วดีใจว่าเขาได้ห่มผ้าขาวงามบริสุทธิ์ เขาเห็นเองหรือว่าเชื่อคนตาดี (ที่มาหลอกลวง)
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:40:07 » |
|
ปริพพาชกทูลว่า เขาเชื่อคนตาดีที่มาหลอกลวง
พวกปริพพาชกทั้งหลายก็เหมือนกัน ไม่รู้จักความไม่มีโรคไม่รู้จักพระนิพพาน แต่ก็ยังกล่าว
ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่งพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นพระดำรัสของพระ
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต
พระคาถานั้นได้กลายมาเป็นคำพูดของปุถุชนมาเรื่อยๆ คือแม้ปุถุชนผู้ไม่รู้ความหมายอย่าง
แท้จริงก็พูดต่อๆ กันมาว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง อันที่จริงกายนี้แหละเป็นโรค เป็น
หัวฝี เป็นลูกศร เป็นความลำบาก
|
6.jpg (98.87 KB, 640x444 - ดู 334 ครั้ง.)
|
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:41:09 » |
|
มาคัณฑิยปริพพาชกประกาศความเลื่อมใสของตนต่อพระศาสดาและขอให้ทรงแสดง
ธรรมให้ฟัง เพื่อให้รู้จักความไม่มีโรคและนิพพาน พระศาสดาตรัสว่า ถ้าแสดงแล้วเขาไม่รู้
ไม่เข้าใจก็จะเป็นความเหนื่อยเปล่า เมื่อปริพพาชกประกาศความเลื่อมใสยิ่งขึ้นขอให้ทรง
แสดงธรรม จึงตรัสว่า
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:43:37 » |
|
บุรุษผู้ตาบอดแต่กำเนิดนั้น ต่อมาพยายามรักษาตาจนหายโรคแล้ว เห็นว่าผ้าที่ตนห่ม
อยู่ซึ่งสำคัญว่าเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ไร้มลทินนั้นที่แท้สกปรก น่ารังเกียจ เขาย่อมเคียดแค้นชิง
ชังคนที่หลอกลวงเขาถึงกับต้องจะฆ่าเสีย ดูก่อนมาคัณฑิยะ เมื่อเราแสดงธรรมอยู่ว่า ความ
ไม่มีโรคเป็นอย่างนี้ นิพพานเป็นอย่างนี้ ถ้าท่านรู้จักความไม่มีโรคและเห็นนิพพานได้
ท่านก็จะละความกำหนัดพอใจในขันธ์ ๕ ซึ่งท่านยึดมั่นอยู่ ท่านจะมีความรู้สึกว่า เราถูกจิตนี้
หลอกลวงให้หลงผิดมานานแล้วหนอ จึงหลงยึดมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ
วิญญาณ เพราะมีความยึดมั่น (อุปาทาน) จึงมีภพ เพราะมีภพจึงมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
|
39.jpg (95.48 KB, 720x486 - ดู 378 ครั้ง.)
|
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:45:14 » |
|
ปริพพาชกประกาศความเลื่อมใสยิ่งขึ้น ขอให้ทรงแสดงธรรมเพื่อจะได้หายตาบอด
พระศาสดาตรัสสอนให้คบสัตบุรุษ (คนดี) ฟังธรรมของคนดี นำธรรมไปปฏิบัติ ก็จะรู้เห็นเอง
ว่า โรค ฝี ลูกศร เป้นอย่างนี้ และมันจะดับลงได้ในที่นี้เพราะการดับอุปาทาน (ในหายเสีย)
เมื่ออุปาทานดับ ภพก็ดับ…เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ดับตาม กันไป กองทุกข์ทั้งมวลก็ดับลง
อย่างนี้
ปริพพาชกทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา ขอบวช เมื่อบวชแล้วหลีกออกบำเพ็ญเพียร ไม่
นานนักก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
|
|
|
|
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,027
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:48:07 » |
|
เรื่องความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่งนั้น พูดกันอยู่เสมอในวงพุทธบริษัท แต่คงจะมี
น้อยคนนักที่จะทราบพระพุทธาธิบายอันลึกซึ้งนี้ เข้าใจกันเพียงว่าการที่มีร่างกายซึ่งไม่มี
โรคก็เป็นลาภอย่างยิ่งแล้ว แต่ในความหมายลึกๆ ของพระพุทธองค์ก้คือร่างกายนั้นเองเป็น
ตัวโรคอยู่แล้ว การละความกำหนัดพอใจในขันธ์ ๕ มีรูปเป็นต้นนั้นต่างหากเล่าที่เป็นลาภ
อย่างยิ่ง…
|
48.jpg (30.82 KB, 403x403 - ดู 334 ครั้ง.)
|
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|