เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 18:32:09
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง  (อ่าน 1390 ครั้ง)
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:30:57 »

ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง

ที่โรงบูชาไฟของพราหมณ์ภารทวาชะ พระศาสดาประทับบนกองหญ้าในโรงบูชาไฟนั้น ซึ่ง

อยู่ที่นิคมชื่อกัมมาสธัมมะในแคว้นกุรุ ตอนเช้าเสด็จออกบิณฑบาต ฉันเสร็จแล้วเสด็จเข้า

ไปยังแนวป่าประทับ ณ โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง

    ครั้งนั้น มาคัณฑิยปริพพาชกเดินเที่ยวเล่นเข้าไปในโรงบูชาไฟของพราหมณ์ภารทวาชะ

เห็นที่นั่งซึ่งทำด้วยกองหญ้าแล้วทักว่าคงจะเป็นที่นั่งของสมณะ พราหมณ์ภารทวาชะตอบ

ว่าเป็นของพระสมณะโคดมผู้เป็นอรหันต์

    ปริพาชกกล่าวว่า เราได้เห็นที่นั่งของพระสมณะโคดมผู้ทำลายความเจริญ ชื่อว่าได้เห็น

ไม่ดีเสียแล้ว พราหมณ์ภารทวาชะกล่าวว่าอันที่จริงพวกกษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี และ

สมณะที่เป็นบัณฑิตต่างก็พากันเลื่อมใสในพระสมณะโคดมกันทั้งนั้น พระสมณะโคดมทรง

แนะนำธรรมอันบริสุทธิ์ไม่มีโทษ

    ปริพพาชกกล่าว ถ้าได้พบพระสมณะโคดมก็จะกล่าวต่อหน้าเลยทีเดียวว่า พระสมณะโค

ดมเป็นผู้กำจัดทำลายความเจริญ พราหมณ์กล่าวว่าจะทูลความข้อนี้แก่พระผู้มีพระภาค

ปริพพาชกกล่าวว่าไม่เป็นไรหรอก


* 44.jpg (107.67 KB, 720x486 - ดู 932 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:33:03 »

พระศาสดาทรงสดับการสนทนาระหว่างปริพพาชกกับพราหมณ์ด้วยพระทิพยโสต จึง

เด็จเข้าไปยังโรงบูชาไฟ ตรัสถามปริพพาชกว่าสนทนาโต้ตอบกับพราหมณ์อย่างไรบ้าง ปริ

พพาชกตกใจที่ได้ฟังดังนั้น กราบทูลว่าตั้งใจไว้แล้วว่าจะทูลให้ทรงทราบ ตรัสตอบว่า ที่ปริ

พพาชกกล่าวว่าพระองค์เป็นผู้กำจัดความเจริญนั้น หมายถึงที่ทรงสอนให้สำรวมตา หู จมูก

ลิ้น กาย ใจ ใช่หรือไม่ ปริพพาชกทูลว่าใช่

พระศาสดาตรัสว่า บางคนเคยบำรุงบำเรอตนด้วยกามคุณ ๕ ต่อมารู้ถึงคุณและโทษของกาม

แล้ว ออกจากกาม ละตัณหาในรูปเป็นต้นเสียได้ มีจิตสงบอยู่ภายใน เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะว่า

อะไรกับบุคคลผู้นั้นเล่า ปริพพาชกทูลว่าก็ไม่ว่าอะไรเขา
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:34:55 »

ต่อจากนั้น พระศาสดาทรงเล่าให้ปริพพาชกฟังถึงประวัติของพระองค์เองว่าสมบูรณ์ด้วยกาม

สุขมาอย่างไร ต่อมาทรงเห็นโทษในกามแล้วละตัณหาในกามเสีย ไม่ยินดีในกามนั้นอีก

เลย เปรียบไปเหมือนเทพบุตรเสวยกามสุขอันเป็นทิพย์ เห็นคหบดีหรือบุตรนั้นย่อมไม่พอใจ

ไม่กระหยิ่มต่อกามสุขเช่นนั้นฉันใด พระองค์เองก็ฉันนั้น ได้ความสุขอันยิ่งกว่าเหนือกว่า

กามสุขอันเป็นของมนุษย์และของทิพย์แล้ว

อีกอุปมาหนึ่งเหมือนคนเคยเป็นโรคเรื้อน ต่อมาได้รักษาโรคเรื้อนจนหายแล้ว มีความสุขดี

มีเสรีภาพ มีอำนาจในตัวเอง จะไปไหนก็ได้ตามความพอใจ เขาได้เห็นคนที่เป็นโรคเรื้อน มี

แผลทั่วตัวย่างแผลที่หลุมถ่านเพลิง เกาปากแผลแล้วรู้สึกพอใจ ท่านเห็นอย่างไร ชายผู้นั้น

จะพอใจในความสุขของคนเป็นโรคเรื้อนอยู่หรือพระองค์เองก็เหมือนคนที่หายจากโรคเรื้อน

แล้ว ไม่ยินดีในความสุขอย่างคนเป็นโรคเรื้อน พระองค์ได้ความสุขอันเว้นจากกาม เว้น

จากอกุศลแล้ว



* 9.jpg (66.74 KB, 720x486 - ดู 1791 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:36:58 »

เปรียบอีกอย่างหนึ่ง เหมือนคนเป็นโรคเรื้อนเคยพอใจในความสุขจากการย่างตัวด้วย

ถ่านเพลิง ต่อมาหายจากโรคเรื้อนอย่างเด็ดขาดแล้ว มีคนดึงตัวเข้าไปใกล้หลุมถ่านเพลิง

เพื่อให้ย่างตัวอีกเขาไม่ปรารถนาเพราะไฟนั้นเป็นของร้อน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ฉันใด กามทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นของที่สัมผัสแล้วเป็นทุกข์มีความเร้าร้อนใหญ่

ความสุขที่ปราศจากความเร่าร้อนในกามเป็นความสุขที่สงบเย็นประณีต ดีกว่าความสุขของ

พระราชาผู้เพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕

พระศาสดาทรงเปล่งอุทานในเวลานั้นว่า

“ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง บรรดาทางทั้งหลายอันนำไปสู่

อมตธรรม ทางมีองค์ ๘ เป็นทางที่เกษม”


* 5.jpg (91.61 KB, 640x443 - ดู 324 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:38:56 »

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเช่นนี้ ปริพพาชกทูลว่า คำว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอย่าง

ยิ่งเป็นต้นนี้ เขาเคยได้ยินได้ฟังมาจากปริพพาชกชั้นอาจารย์และปาจารย์ (ปาจารย์ =

อาจารย์ของอาจารย์) มาแล้วเหมือนกัน

พระศาสดาตรัสถามว่า ข้อความนั้นท่านเข้าใจว่ามีความหมายอย่างไร ปริพพาชกเอามือลูบ

ตัวแล้วทูลว่า ความไม่มีโรคคืออย่างนี้ บัดนี้เขาเป็นผู้ไม่มีโรคมีความสุขดีอยู่ พระศาสดาจึง

ตรัสว่า เปรียบไปก็เหมือนคนตาบอดแต่กำเนิด ไม่เคยเห็นรูปสีใดๆเลย ไม่เคยเห็นอะไร

เลย ต่อมาได้ยินคนพูดถึงผ้าสีขาว เขาก็เที่ยวแสวงหาผ้าสีขาว มีคนหนึ่งเอาผ้าขาวเทียม

เปื้อนเขม่ามาลวงเขา บอกเขาว่าเป็นผ้าขาวสะอาดบริสุทธิ์ไร้มลทิน เขารับเอาผ้านั้นไว้ห่ม

แล้วดีใจว่าเขาได้ห่มผ้าขาวงามบริสุทธิ์ เขาเห็นเองหรือว่าเชื่อคนตาดี (ที่มาหลอกลวง)

IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:40:07 »

ปริพพาชกทูลว่า เขาเชื่อคนตาดีที่มาหลอกลวง

พวกปริพพาชกทั้งหลายก็เหมือนกัน ไม่รู้จักความไม่มีโรคไม่รู้จักพระนิพพาน แต่ก็ยังกล่าว

ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่งพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นพระดำรัสของพระ

อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต

พระคาถานั้นได้กลายมาเป็นคำพูดของปุถุชนมาเรื่อยๆ คือแม้ปุถุชนผู้ไม่รู้ความหมายอย่าง

แท้จริงก็พูดต่อๆ กันมาว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง อันที่จริงกายนี้แหละเป็นโรค เป็น

หัวฝี เป็นลูกศร เป็นความลำบาก



* 6.jpg (98.87 KB, 640x444 - ดู 334 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:41:09 »

มาคัณฑิยปริพพาชกประกาศความเลื่อมใสของตนต่อพระศาสดาและขอให้ทรงแสดง

ธรรมให้ฟัง เพื่อให้รู้จักความไม่มีโรคและนิพพาน พระศาสดาตรัสว่า ถ้าแสดงแล้วเขาไม่รู้

ไม่เข้าใจก็จะเป็นความเหนื่อยเปล่า เมื่อปริพพาชกประกาศความเลื่อมใสยิ่งขึ้นขอให้ทรง

แสดงธรรม จึงตรัสว่า
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:43:37 »

บุรุษผู้ตาบอดแต่กำเนิดนั้น ต่อมาพยายามรักษาตาจนหายโรคแล้ว เห็นว่าผ้าที่ตนห่ม

อยู่ซึ่งสำคัญว่าเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ไร้มลทินนั้นที่แท้สกปรก น่ารังเกียจ เขาย่อมเคียดแค้นชิง

ชังคนที่หลอกลวงเขาถึงกับต้องจะฆ่าเสีย ดูก่อนมาคัณฑิยะ เมื่อเราแสดงธรรมอยู่ว่า ความ

ไม่มีโรคเป็นอย่างนี้ นิพพานเป็นอย่างนี้  ถ้าท่านรู้จักความไม่มีโรคและเห็นนิพพานได้

ท่านก็จะละความกำหนัดพอใจในขันธ์ ๕ ซึ่งท่านยึดมั่นอยู่ ท่านจะมีความรู้สึกว่า เราถูกจิตนี้

หลอกลวงให้หลงผิดมานานแล้วหนอ จึงหลงยึดมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และ

วิญญาณ เพราะมีความยึดมั่น (อุปาทาน) จึงมีภพ เพราะมีภพจึงมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย


* 39.jpg (95.48 KB, 720x486 - ดู 378 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:45:14 »

ปริพพาชกประกาศความเลื่อมใสยิ่งขึ้น ขอให้ทรงแสดงธรรมเพื่อจะได้หายตาบอด 

พระศาสดาตรัสสอนให้คบสัตบุรุษ (คนดี) ฟังธรรมของคนดี นำธรรมไปปฏิบัติ ก็จะรู้เห็นเอง

ว่า โรค ฝี ลูกศร เป้นอย่างนี้ และมันจะดับลงได้ในที่นี้เพราะการดับอุปาทาน (ในหายเสีย)

เมื่ออุปาทานดับ ภพก็ดับ…เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ดับตาม กันไป กองทุกข์ทั้งมวลก็ดับลง

อย่างนี้

ปริพพาชกทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา ขอบวช เมื่อบวชแล้วหลีกออกบำเพ็ญเพียร ไม่

นานนักก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:48:07 »

เรื่องความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่งนั้น พูดกันอยู่เสมอในวงพุทธบริษัท แต่คงจะมี

น้อยคนนักที่จะทราบพระพุทธาธิบายอันลึกซึ้งนี้ เข้าใจกันเพียงว่าการที่มีร่างกายซึ่งไม่มี

โรคก็เป็นลาภอย่างยิ่งแล้ว แต่ในความหมายลึกๆ ของพระพุทธองค์ก้คือร่างกายนั้นเองเป็น

ตัวโรคอยู่แล้ว การละความกำหนัดพอใจในขันธ์ ๕ มีรูปเป็นต้นนั้นต่างหากเล่าที่เป็นลาภ

อย่างยิ่ง


* 48.jpg (30.82 KB, 403x403 - ดู 334 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 19:51:44 »



คัดลอกจาก : พระไตรปิฎก ฉบับที่ทำให้ง่ายแล้ว

ผู้เรียบเรียง  : วศิน อินทสระ

คัดลอกโดย : เมฆพัตร

ข้าพเจ้าขอเผยแผ่บทความนี้เพื่อเป็นธรรมทาน


* 1.jpg (84.23 KB, 640x439 - ดู 320 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2012, 15:44:09 »

ผมอ่าน วารสารธรรมะ เมื่อ ครั้งยังอยู่ในสมณเพศ

พระผู้เขียน อธิบาย พระบาลี อโรคยา ปรมาลาภา

กล่าวถึง

 ความหมายทางธรรม ไม่ได้ หมายเอา ความไม่มีโรค ภัย ไข้ เจ็บ แบบ ทางโลก

แต่ ในแง่พระธรรม ท่านหมายเอา
ความไม่มีโรค คือ ความหมดจากกิเลส  คือ ความเป็นลาภ อย่างยิ่ง

คนมี กิเลส คือ คนเป็นโรค(จิต)ทุกคน


สาธุ ครับ
จาก หนานธง
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!