เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 17:29:31
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  วิบากของคนตระหนี่
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน วิบากของคนตระหนี่  (อ่าน 1713 ครั้ง)
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2012, 00:03:31 »

คนเหล่าใดในโลกนี้ เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น
ดีแต่ว่าเขา ทำการกีดขวางคนเหล่าอื่นผู้ให้อยู่
วิบากของคนพวกนั้นจะเป็นเช่นไร?

พุทธพจน์:

“... คนเหล่าใดในโลกนี้ เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น ดีแต่ว่าเขาทำการกีดขวางคนเหล่าอื่นผู้

ให้อยู่ คนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์เดียรัจฉานหรือยมโลกถ้าหากถึงความเป็น

มนุษย์ ก็เกิดในสกุลคนยากจน ซึ่งจะหาท่อนผ้าอาหาร ความร่าเริงและความสนุกสนานได้

โดยยาก คนพาลเหล่านั้นต้องประสงค์สิ่งใดแต่ผู้อื่น เขาย่อมไม่ได้แม้สิ่งนั้นสมความ

ปรารถนา นั่นเป็นผลในภพนี้ และภพหน้าก็ยังเป็นทุคติอีกด้วย ...ฯ”


* คนตระหนี่.jpg (18.4 KB, 397x358 - ดู 362 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2012, 00:08:14 »

ภัยของคนตระหนี่

“ผู้เป็นคนตระหนี่ขี้เหนียวจัด แม้ว่าจะมีทรัพย์ถึง 80 โกฏิ

ก็มีชีวิตเป็นอยู่อย่างยาจก ดังนี้”

ในกรุงสาวัตถีมีเศรษฐีชื่อ อานนท์ มีทรัพย์สมบัติประมาณ 80 โกฏิ แต่เป็นคนตระหนี่มาก

เขาจะประชุมพวกญาติทุกครึ่งเดือนแล้วให้โอวาทแก่บุตรของตนชื่อ มูลศิริ ว่า

“ เจ้าอย่าได้ทำความสำคัญว่าทรัพย์ 80 โกฏินี้มาก เจ้าไม่ควรให้ทรัพย์ที่มีอยู่หมดไป แต่

ควรจะทำทรัพย์ใหม่ให้เกิดขึ้น เพราะเมื่อเราทำทรัพย์แม้เพียงกหาปณะหนึ่งให้หมดไป

ทรัพย์ทั้งสิ้นก็ย่อมจะหมดไปได้”

อานนท์เศรษฐีได้ยกตัวอย่างว่า “พึงดูยาหยอดตา ที่ใช้ไปทีละหยดๆ ใช้นานไปมันก็หมด

ขวดได้ นี่เป็นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ พึงดูการก่อรังของจอมปลวกทั้งหลาย มันได้ก่อขึ้น

เพียงวันละเล็กวันละน้อย จอมปลวกก็ใหญ่ขึ้นมาได้ นี่เป็นทางเจริญแห่งโภคทรัพย์”

ท่านอานนท์เศรษฐีได้ฝังขุมทรัยพ์ไว้ 5 แห่ง แต่ไม่ได้บอกให้บุตรรู้ ด้วยความตระหนี่และ

หวงทรัพย์ เมื่อเขาตายแล้วก็ยังมีความผูกพันในทรัพย์นั้น จึงไปเกิดในท้องของหญิง

จัณฑาลยากจนที่อาศัยอยู่ใกล้ประตูแห่งหนึ่งใกล้พระนครนั่นเอง

ตระกูลแห่งคนจัณฑานที่อานนท์เศรษฐีไปเกิดนั้น ต้องทำงานรับจ้าง มีอยู่ประมาณพันคน

พากันออกรับจ้างเป็นกลุ่มอยู่ นับแต่ที่เขาไปเกิดอยู่ในท้องมารดาแล้วก็ทำให้มารดาไปรับ

จ้างไม่ได้ค่าจ้างเลย ไปรับจ้างกับพวกไหนก็ทำให้คนพวกนั้นพลอยอดไปด้วย พวก

จัณฑาลเหล่านั้นได้กล่าวกันว่า


* ภัยของคนตระหนี่.jpg (25.96 KB, 432x316 - ดู 320 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2012, 00:11:23 »

“บัดนี้ พวกเราแม้ทำงานก็ไม่ได้ค่าจ้าง ไม่ได้แม้แต่ก้อนข้าวในหมู่พวกเรานี้ เห็นจะมีคน

กาลกิณีอยู่เป็นแน่!”

ครั้นแล้วจึงแจกพวกจัณฑาลออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่อานนท์เศรษฐีไปเกิดอยู่ในท้องมารดา

พอไปเข้ากับฝ่ายไหน ก็ทำให้ฝ่ายนั้นอดอยาก ในที่สุดนางก็ถูกเขาคัดออกมาอยู่คนเดียว

ทำให้นางต้องอดอยากตลอดมา

เมื่อนางคลอดบุตรแล้ว เอาบุตรไปหากินด้วย ก็ไม่มีใครจ้างต้องพากันอดทั้งแม่และลูก จึง

ต้องให้ลูกอยู่ในที่พัก นางจึงพอหากินได้บ้าง และทารกนั้นเมื่อเกิดมาก็วิกล มือ เท้า

นัยน์ตา หู จมูก และปากไม่เหมือนคนปกติ มีรูปร่างน่าเกลียดดุจปีศาจคลุกฝุ่น

แม้กระนั้น มารดาก็ยังไม่ทิ้ง บุตร นางทนเลี้ยงลูกด้วยความอดอยากฝืดเคืองเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อทารกโตพอจะหากินได้เองแล้ว นางก็เอาชามกระเบื้องใส่มือแล้วกล่าวว่า “ลูกเอ๋ย! แม่

ลำบากเพราะเจ้ามามากแล้ว บัดนี้แม่ไม่อาจจะเลี้ยงเจ้าต่อไปได้อีกแล้ว อาหารที่เขาจัดไว้

ตามโรงทานมีอยู่ เจ้าจงไปหาเลี้ยงปากท้องเอาเองเถิด”


* ลูกขอทาน.jpg (26.94 KB, 406x444 - ดู 278 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2012, 00:16:03 »

เมื่อกล่าวแล้ว นางก็ได้ปล่อยทารกไว้ ทารกนั้นก็ได้เดินไปจนถึงบ้านของตนเพราะระลึก

ชาติก่อนได้ จึงเข้าไปสู่เรือนของตนโดยที่ไม่มีใครเห็น เขาผ่านซุ้มประตูไปถึง 3 แห่ง พอ

มาถึงซุ้มที่ 4 บุตรของมูลศิริเศรษฐีเห็นเข้าก็เกิดความหวาดกลัวร้องไห้จ้า!!!

ลำดับนั้น พวกบริวารของเศรษฐีได้กรูกันเข้ามาแล้วต่อว่าทันที “เฮ้ย! เอ็งจงออกไป ไอ้คน

กาลกิณี” ว่าพลางก็โบยตีจนบอบซ้ำแล้วจับเอาไปโยนกองขยะ

ครั้งนั้นแล พระศาสดามีพระอานนท์ติดตาม ได้เสด็จบิณฑบาตมาถึงที่นั้น แล้วทอดพระ

เนตรฯ เมื่อพระอานนท์ทูลถามแล้ว จึงได้เชิญมูลศิริเศรษฐีออกมาพร้อมด้วยบริวารประชุม

กัน

พระศาสดาได้ตรัสถามเศรษฐีว่า “ท่านรู้จักทารกนั้นไหม?”

มูลศิริเศรษฐีทูลตอบว่า “ไม่รู้จัก พระเจ้าข้าฯ”

พระศาสดาจึงตรัสว่า “ทารกนั้นคือ อานนท์เศรษฐี ผู้เป็นบิดาของท่าน”

ครั้นแล้วพระศาสดาได้ตรัสกับทารกว่า “อานนท์เศรษฐี ท่านจงบอกขุมทรัพย์ใหญ่ 5 แห่ง ที่

ท่านฝังไว้แก่บุตรของท่านเถิด”

พระศาสดาทรงยังมูลศิริเศรษฐีผู้ไม่เชื่อ ด้วยการพาไปขุดขุมทรัพย์ บัดนั้นเอง มูลศิริเศรษฐี

จึงเลื่อมใส ได้ถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ พระศาสดาได้ทรงแสดงธรรมแก่มูลศิริเศรษฐีว่า



* อานนท์เศรษฐี.jpg (21.79 KB, 419x336 - ดู 246 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2012, 00:18:54 »

คนพาล ย่อมเดือดร้อนว่า

บุตรของเรามีอยู่ ทรัพย์ของเรามีอยู่

ตนแลย่อมไม่มีแก่ตน

ส่วนบุตรและทรัพย์จะมีแต่ที่ไหน”


“... บุรุษย่อมฝังขุมทรัพย์ไว้ในน้ำลึกด้วยคิดว่า

เมื่อกิจที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้น ทรัพย์นี้จักเป็นประโยชน์แก่เรา

เพื่อเปลื้องการประทุษร้ายจากทางการบ้าง

ความบีบครั้นจากโจรบ้าง เพื่อเปลื้องหนี้สินบ้าง

ทุพภิกขภัยบ้าง ในคราวเกิดอันตรายบ้าง

ขุมทรัพย์ที่เขาฝังไว้ในโลกเพื่อประโยชน์นี้แล

ขุมทรัพย์ที่เขาฝังไว้เป็นอย่างดี ในน้ำลึกเพียงนั้น

ขุมทรัพย์นั้นทั้งหมด ย่อมหาสำเร็จประโยชน์แก่เขา

ในกาลทั้งปวงทีเดียวไม่ เพราะขุมทรัพย์เคลื่อนจากที่เสียบ้าง

ความจำของเขาย่อมหลงลืมเสียบ้าง

สัตว์ทั้งหลายลักไปเสียบ้าง โจรทั้งหลายลักไปเสียบ้าง

ทายาทผู้ไม่เป็นที่รักขุดเอาไปเมื่อเขาไม่เห็นบ้าง

เมื่อใดเขาสิ้นบุญ เมื่อนั้นขุมทรัพย์ทั้งหมดนั้นย่อมพินาศไป ...”

 “...ขุมทรัพย์คือ บุญ เป็นขุมทรัพย์อันผู้ใดฝังไว้ดีแล้วด้วยทาน

ศีล ความสำรวม และความฝึกตน

ในเจดีย์ก็ดี ในสงฆ์ก็ดี ในบุคคลก็ดี

ในแขกก็ดี ในมารดาก็ดี ในบิดาก็ดี ในพี่ชายก็ดีฯ

ขุมทรัพย์นั้นชื่อว่า ... อันผู้นั้นฝังไว้ดีแล้ว

ใครๆ ไม่อาจผจญได้ เป็นของติดตามตนไป

บรรดาสมบัติทั้งหลายเมื่อเขาจำต้องละไป

เขาย่อมพาขุมทรัพย์คือบุญนั้นไป

ขุมทรัพย์คือ ...บุญ

ไม่สาธารณะแก่ชนเหล่าอื่น โจรลักไปไม่ได้

บุญอันใดติดตนไปได้ ปราชญ์พึงทำบุญนิธิอันนั้น

บุญนี้ให้สมบัติที่พึงใคร่ทั้งปวงแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
...”


**แก้ไข...เน้นตัวหนา


* 44.jpg (107.67 KB, 720x486 - ดู 328 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 กันยายน 2012, 00:26:14 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2012, 00:23:13 »

ก็มีด้วยประการฉะนี้ 

ข้อมูลจาก : thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections...

คัดลอกจาก : เว็บพลังจิต
*********************************************
ข้าพเจ้าขอเผยแผ่ข้อมูลนี้เพื่อเป็นธรรมทาน
IP : บันทึกการเข้า
jirapraserd
magdafVE
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 692


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2012, 09:38:06 »

คนมีเงินเย๊อะ คนรวย ควรจะใช้จ่ายให้เย๊อะ ๆ เพราะมีเงินมาก คนมีเงินเย๊อะซื้อผักในตลาด
ยังต่อแม่ค้าอีก เข้าร้านอาหารไม่ยอมให้ทิปเด็กเสริฟ  คนมีเงินเย๊อะ คนรวยพวกนี้
มักจะอ้างพอเพียง ที่แท้เบื้องหลังก็คือ ความตะหนี่ขี้เหนียว

คนไม่ค่อยมีเงิน หรือหาเช้ากินค่ำ ลูกจ้าง กรรมกร ก็ต้องประหยัดอดออม อย่าอยากได้อะไรเหมือนคนร่ำรวย อย่าไปผ่อนอะไรให้เกินตัว ใช้จ่ายแต่ที่จำเป็น  แบบนี้เรียกว่า พอเพียง

ท่านลำดับไว้ แบบนี้ ถ้าศิลไม่มี หรือศิลบกพร่อง ก็ให้ทำทานไปก่อน เพื่อลดความตะหนี่ขี้เหนียว เพื่อสละ

ถ้ายังภาวนาไม่ได้ ก็ให้ทำทาน ถือศิล เข้าวัดเข้าวา ให้ใจมันเคล้าเคลียกับสิ่งที่ดี ๆ
ที่เป็นบุญกุศลฝ่ายดี

เมื่อทำทานถือศิลได้แล้ว ก็ให้หัดภาวนา ทำให้จิตใจเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ฝึกจิตใจให้ชำระกิเลสฝ่ายต่ำที่ครอบงำอยู่ คำว่าตัวเราก็จะบางลงเรื่อย ๆ
จนในที่สุดคำว่าตัวเราหายไป  ไม่ใช่อยู่ ๆ จะมาบอกว่า ไม่มีตัวกู ของกู
ยังไม่ได้ ต้องซาบซึ้งถึงจิตถึงใจจริง ๆ ต้องให้จิตมันเข้าใจด้วยตัวของมันเอง
และยอมรับว่าจริง ๆ แล้ว ตัวเราไม่มีอยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่ด้วยความเห็นผิด
จึงมาทึกทักเอาว่า กายกับใจเป็นเรา เป้าหมายหลักของศาสนาพุทธ อยู่ตรงนี้
"ถอดถอนความเห็นผิด ว่ากายกับใจเป็นตัวเรา"
เมื่อถอดถอนความเห็นผิดนี้แล้ว "ตัวกู ของกู" ก็จะไม่มี





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 กันยายน 2012, 17:55:49 โดย jirapraserd » IP : บันทึกการเข้า

หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!