ยกตัวอย่างมาจากบทความหนึ่งของ อ.นิติภูมิ นวรัตน์ จะได้เห็นภาพชัดนะครับ
ไอ้ปื๊ดหาเงินได้ 100 บาท ถ้าซื้อของจากร้านโชห่วยท้องถิ่น เงินก็ยังไปที่ลุงอู๋เจ้าของร้าน ลุงอู๋ซื้อสินค้าของลุงชูมาขาย ลุงชูให้เงินยายผันไปซื้อยามารักษาโรคปากนกกระจอก เจ้าของร้านขายยาซื้อกล้วยทอดตามั่นมากิน ตามั่นให้เงินปิดปากยายมีที่เห็นแกจีบเด็ก ยายมีเอาไปซื้อรองเท้าที่ร้านพี่นารีเมียน้าสมศักดิ์ น้าสมศักดิ์ซื้อวัสดุมาซ่อมบ้านจากร้านคุณรักการ คุณรักการติดหนี้ธนาคาร สุดท้ายเงินก็ไปที่ธนาคารท้องถิ่น คุณสมศักดิ์อยากทำโรงงานเล็กๆไปกู้เงินจากธนาคารท้องถิ่น ใช้เงินไปเก้าแสนกว่า เหลือสตางค์อีก 100 บาท เอาไปซื้อของที่ร้านลุงอู๋ เอ้า ถึงเวลาหมุนวนไปอีกรอบ
ผู้อ่านท่านลองดูย่อหน้าข้างบนซีครับ ตั้งแต่ไอ้ปื๊ดไปจนเงินเข้าธนาคารน่ะ เงินเพียง 100 บาท แต่หมุนวนไปสร้างกิจกรรมได้ในมูลค่ามากถึง 100 บาท ๚ 10 คน =1,000 บาท นี่หมุนเพียงรอบเดียวนะครับ ถ้าหมุนซัก 5 รอบ ก็เป็น 5 พัน
แต่ถ้า ไอ้ปื๊ดหาเงินมาได้ 100 บาท เอาไปซื้อของที่ห้างบิ๊กซี หมดเลยครับ เงินไม่มีโอกาสหมุน เพราะกำไรไปอยู่ในกระเป๋าของนายทุนข้ามชาติ เงินมันบินอย่างฉับพลันทันทีไปที่ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา ฯลฯ เงินอีกส่วนหนึ่งก็ไปที่ผู้ผลิตสินค้าซึ่งอยู่ในส่วนกลางหรือต่างประเทศ เหลือเศษสตางค์ให้คนงานท้องถิ่นนิดหน่อย ท้องถิ่นก็ตาย ไม่มีการกระดิกพลิกตัว ไม่มีกิจกรรม เอาแรงกายไปพัฒนาหากินในที่ดิน ในทะเล ได้เงินเท่าไรก็หายวับไปกับตา สุดท้ายผู้คนในตำบลเหล่านี้ก็ยากจน อยากเห็นภาพของประเทศไทยในอนาคต ท่านดูได้จากประเทศอาร์เจนตินาในปัจจุบันซีครับ
อ่านเพิ่มเติมเต็มๆ ได้ที่
http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=25726.15;wap2คือผมไม่ได้อยากจะขัดใจนะครับ
แต่ผมเห็นหลายคนละที่อ้างถึงนิติภูมิ อย่างนู้น นิติภูมิ อย่างนี้
แล้วก็เครื่อง CD ฉาว วิเคราะห์ประเทศไทยจะไปเป็นเหมือนอาร์เจนติน่า
ผมอยากให้ท่านลองดูข้อมูลความน่าเชื่อถือของ นิติภูมิเพิ่มอีกหน่อยครับ มองหลายๆ ด้าน
ส่วนตัวไม่ได้เกลียด นิติภูมิ แต่ก็ได้รับข้อมูลมามากพอที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อด้วยตัวเอง
เพราะเมื่อก่อนนิติภูมิเป็นคนที่ผมชื่นชอบมากจากรายการเปิดเลนส์ส่องโลก แต่พอเจาะประวัติเขาจริงๆแล้ว เห่อๆ(พลาดซะละกรู)
ประเด็นห้างสรรพสินค้ากลุ่มทุนต่างชาติเป็นเรื่องของเศรษฐกิจครับ ผมว่าผลกระทบในระดับมหาภาคไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิดหรอกครับ
ห้างพวกนี้เขาก็มีตลาดของเขา มีคู่แข่งของเขา
ลองคิดเล่น ๆ ถ้าประเทศไทยมีแต่บิ๊กซี ที่เดียวโดดๆ กลไกการตั้งราคาจะเป็นอย่างไร เจ้าที่ครองตลาดจะควบคุมราคาทั้งหมด
แต่ ปัจจุบัน มี 3-4 เจ้า ทำให้เกิดการแข่งขัน ทั้งด้านราคา คุณภาพ และบริการ
ลดแหลกแจกแถมจนล่าสุด คาร์ฟูต้องยอมถอยเพราะกำไรน้อยไม่คุ้มที่จะลงทุนในไทย
ดังนั้นเราเห็นแล้วว่ากลุ่มทุนต่างชาติไม่ได้มากอบโกยกำไรอย่างที่คิด
ส่วนตัวผมมองว่า มีห้างเยอะๆ ดีซะอีก จะได้มีแหล่งกระจายสินค้า
ดังนั้นที่เราน่าจะส่งเสริมให้คู่กันคือ สินค้าที่ผลิตในแหล่งชุมชนต่างๆ หน่วยงานภาครัฐหน้าจะมาสนับสนุนให้ผลิตได้คุณภาพ พอที่จะทำให้สินค้านั้นๆขึ้นไปอยู่บนห้างได้
ลองคิดดู ถ้ามีโรงงานผลิตกระดาษสาบ้านเรา ผลิตได้คุณภาพและทำอออกมาเป็นแบรนด์ตัวเอง สามารถเอาไปแทรกในแผนกเครื่องเขียนของโลตัสได้ ละส่งไปโลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ การกระจายสินค้าท้องถิ่นน่าจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ปล. ทุกคำพูดมาจากความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าซีเรียจ