สอบ ก.พ. ความใฝ่ฝันของมนุษย์เงินเดือน..จริงหรือ?

[my_smile]

..

กำลังจะเขียนบทความเรื่อง "สอบ ก.พ. ความใฝ่ฝันของมนุษย์เงินเดือน" อยู่น่ะค่ะ

เลยอยากสำรวจทัศนคติของแต่ละคนต่อการสอบ ก.พ.

ขอความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละคนนะคะ ใครอยากสอบ ก.พ. ทำไมถึงอยากไปสอบ

และใครที่ไม่เคยมีความคิดอยากไปสอบ ก.พ. เลย ด้วยเหตุผลอะไร

ใครให้เหตุผลได้โดนใจ ขออนุญาตนำไปอ้างอิงในบทความด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ  


ป.ล.  ช่วยระบุอาชีพให้ด้วยจะดีมากค่ะ เพราะอยากรู้ว่า เป็นความใฝ่ฝันของมนุษย์เงินเดือน..จริงหรือ?

[bm farm]

  ...วันก่อนเห็นแอดมินของพวกเราคนหนึ่งเอาหนังสือเตรียมสอบก.พ.มาอ่านเหมือนกัน...

[nalismenox]

คนไทยเรานี่แปลกนะครับ
ใฝ่ฝันอะไรที่บางทีมันโอกาสน้อยมาก
แต่ที่ทำง่ายๆ และไม่ลำบากก็ไม่ทำ
เพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการ ได้กู้เงินเยอะๆ มีหน้า (เหรอ) มีเกียรติ (เหรอ)
สวัสดิการ ที่ดีกว่างานเอกชน ลงทุนสอบกันปีหนึ่งเป็นหมื่นๆ แสนๆ เพื่อไม่กี่ตำแหน่งที่ได้
ตลกดี น่าสังเวชใจนัก ที่สู้อุตส่าห์นั่งเรียนกันถึงระดับป.ตรีนี่เพื่ออะไรกัน
ลองย้อนดูสิครับ เพื่อให้เราได้ทำงานที่ทำให้เราอยู่ได้ มีรายได้จุนเจือครอบครัวอย่างเพียงพอ
อยู่กับครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ตามประสาเท่าที่เราทำได้ ก็น่าจะมีสุขแล้ว
ไม่ต้องทรมานตัวเองเพื่อเจ้านาย คำก็เจ้านาย สองคำก็เจ้านาย
พ่อแม่ ภรรยา ลูกที่บ้านถูกลืมหมด นี่เหรอชีวิตข้าราชการที่ทุกคนอยากเป็น
ลองคิดดูดีๆ นะครับ
(ความคิดส่วนตัวนะครับ)

[☺ (ต้นฟ้า1 อิดเหนื่อย) ☺]

...วันก่อนเห็นแอดมินของพวกเราคนหนึ่งเอาหนังสือเตรียมสอบก.พ.มาอ่านเหมือนกัน...

เอ้ไผหาบอกกำล๊ออ้ายอิอิ

[หลานอุ้ยเกี๋ยง]

เพราะอยากมีสวัสดิการครับ  อย่างน้อยก็มีเงินใช้เป็นเดือนๆ ครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วยก็เบิกได้

[konrukmear]

     บางครั้งผมก็มานั่งคิดนอนคิดนะครับ ว่าทำไมเราต้องขวนขวายทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ข้าราชการ เพียงเพราะสวัสดิการ ต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามารองรับ ชีวิตในอนาคต  การเจ็บป่วย หรือแม้กระทั่งเรื่องของ เงิน ๆ ทอง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากที่สุด  วิถีการดำเนินชีวิตของเรามันเปลี่ยนไปแล้วครับ เมื่อก่อน ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ไม่สูงมากมายเหมือนในขณะนี้ พออยู่พอกิน เครื่องมืออำนวยความสะดวกต่าง ๆ นั่น มี แต่ไม่มากมาย จนดูกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไปเสียแล้ว ค่านิยมสมัยก่อน กับสมัยนี้ แตกต่างกันมาก ๆ อย่างเห็นได้ชัดเจนครับ
     คนเราแข่งบุญแข่งวาสนากันไม่ได้ บางคนลูกเจ้าใหญ่นายโต ไม่ต้องเปลืองตัวมาก พ่อฝาก แม่ฝาก ก็ได้เป็นข้าราชการละ มองกลับกัน คนบางคน ต้องต่อสู้มาจนจบ และต้องต่อสู้ไปจนกว่าจะได้เป็นข้าราชการ เปิดตำแหน่ง 10 คนเข้าสอบ 1000 แบบนี้ ไหนจะเส้นสายอีก เหนื่อยนะครับ กว่าจะได้เป็นข้าราชการ
     อย่างที่เขาว่าล่ะครับ ข้าราชการ ก็คือ เสือนอนกิน ดี ๆ นี่เอง

[เสือไฟ...]

ขอตอบนะครับ

ตามทฤษฏีความต้องการตามลำดับขั้นของ Maslow

ขั้นที่ 5 ความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง (Self-Actualization Needs)
^
ขั้นที่ 4 ความต้องการได้ รับการยกย่องจากผู้อื่น (Self -Esteem Needs)
^
ขั้นที่ 3 ความต้องการความรักและการเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม (Love and Belonging Needs)
^
ขั้นที่ 2 ความต้องการความ มั่นคงปลอดภัย (Safety and Security Needs)
^
ขั้นที่ 1 ความต้องการทางกาย(Physiological Needs)  

     ถ้าเรามองมนุษย์แล้ว ก็จะเห็นมนุษย์ว่าเป็นสัตว์ที่อ่อนแอ ไร้เขี้ยวเล็บ ไร้ขนที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่มนุษย์ก็ได้เปรียบสัตว์อื่นตรงสมอง มนุษย์จึงได้ทำเครื่องมือเพื่อหาอาหาร หาเครื่องนุ่งห่ม หาที่อยู่อาศัย หายารักษา (เพราะมนุษย์อ่อนแอ)

     เมื่อมีปัจจัยพวกนี้ครบแล้ว มนุษย์ก็มีความต้องการขั้นต่อไปคือ ต้องการความปลอดภัย เพราะเป็นสันดานของพวกมนุษย์คือ ความกลัว จึงต้องหาวิธีการต่างเพื่อป้องกันตัวเองจากอันตรายต่างๆ

     แล้วเกี่ยวกับ ก.พ. หรือระบบข้าราชการ ตรงไหน คำตอบคือ ระบบข้าราชการ สามารถทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่ ได้เข้าถึงความต้องการ อย่างน้อยขั้นที่ 2 และยังทำให้มนุษย์ในระบบราชการไทย สามารถไปได้สูงสุดถึง ขั้นที่ 4 แต่เป็นแทบไม่ได้ที่มนุษย์เงินเดือน จะไปถึงขั้นที่ 5 เพราะขั้นที่ 5 ถือว่าเป็นขั้นสูงสุดความต้องการของมนุษย์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ เกิดมาใช้ชีวิตไม่เคยถึงขั้นนี้เลยเพราะมั่วแต่หวงสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง คือ คานธี เขาสามารถสำเร็จความต้องการขั้นนี้ได้

     แล้วระบบข้าราชการ ก็ตอบสนอง ได้แ่ค่ เงินเดือนทุกเดือน เบิกค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมบุตร บำเหน็จ บำนาญฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่ ขอให้อยู่ในขั้นที่ 2 ก็พอแล้ว

     แต่ในมุมมองของผม ผมมองว่าชีวิตยังมีสิ่งที่ท้าท้ายความสามารถรออยู่ เมื่อผมเข้าใกล้สิ่งนั้นแล้วผมจะมาบอก แม้ว่าต้องใช้เวลากี่สิบปีก็ตาม

ปล.ตามทฤษฎีของ มาสโลว์ความต้องการเป็นตามลำดับขั้น ข้ามขั้นไม่ได้ 1-2-3-4-5 แต่ก็มีทฤษฏีขัดแย้ง ERG ของ Elderfer เรื่องความต้องการเหมือนกัน แต่ไม่เป็นตามลำดับขั้น

[konrukmear]

ขอตอบนะครับ

ตามทฤษฏีความต้องการตามลำดับขั้นของ Maslow

ขั้นที่ 5 ความต้องการในการเข้าใจและรู้จักตนเอง (Self-Actualization Needs)
^
ขั้นที่ 4 ความต้องการได้ รับการยกย่องจากผู้อื่น (Self -Esteem Needs)
^
ขั้นที่ 3 ความต้องการความรักและการเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม (Love and Belonging Needs)
^
ขั้นที่ 2 ความต้องการความ มั่นคงปลอดภัย (Safety and Security Needs)
^
ขั้นที่ 1 ความต้องการทางกาย(Physiological Needs)  

     ถ้าเรามองมนุษย์แล้ว ก็จะเห็นมนุษย์ว่าเป็นสัตว์ที่อ่อนแอ ไร้เขี้ยวเล็บ ไร้ขนที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่มนุษย์ก็ได้เปรียบสัตว์อื่นตรงสมอง มนุษย์จึงได้ทำเครื่องมือเพื่อหาอาหาร หาเครื่องนุ่งห่ม หาที่อยู่อาศัย หายารักษา (เพราะมนุษย์อ่อนแอ)

     เมื่อมีปัจจัยพวกนี้ครบแล้ว มนุษย์ก็มีความต้องการขั้นต่อไปคือ ต้องการความปลอดภัย เพราะเป็นสันดานของพวกมนุษย์คือ ความกลัว จึงต้องหาวิธีการต่างเพื่อป้องกันตัวเองจากอันตรายต่างๆ

     แล้วเกี่ยวกับ ก.พ. หรือระบบข้าราชการ ตรงไหน คำตอบคือ ระบบข้าราชการ สามารถทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่ ได้เข้าถึงความต้องการ อย่างน้อยขั้นที่ 2 และยังทำให้มนุษย์ในระบบราชการไทย สามารถไปได้สูงสุดถึง ขั้นที่ 4 แต่เป็นแทบไม่ได้ที่มนุษย์เงินเดือน จะไปถึงขั้นที่ 5 เพราะขั้นที่ 5 ถือว่าเป็นขั้นสูงสุดความต้องการของมนุษย์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ เกิดมาใช้ชีวิตไม่เคยถึงขั้นนี้เลยเพราะมั่วแต่หวงสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง คือ คานธี เขาสามารถสำเร็จความต้องการขั้นนี้ได้

     แล้วระบบข้าราชการ ก็ตอบสนอง ได้แ่ค่ เงินเดือนทุกเดือน เบิกค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมบุตร บำเหน็จ บำนาญฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่ ขอให้อยู่ในขั้นที่ 2 ก็พอแล้ว

     แต่ในมุมมองของผม ผมมองว่าชีวิตยังมีสิ่งที่ท้าท้ายความสามารถรออยู่ เมื่อผมเข้าใกล้สิ่งนั้นแล้วผมจะมาบอก แม้ว่าต้องใช้เวลากี่สิบปีก็ตาม

ปล.ตามทฤษฎีของ มาสโลว์ความต้องการเป็นตามลำดับขั้น ข้ามขั้นไม่ได้ 1-2-3-4-5 แต่ก็มีทฤษฏีขัดแย้ง ERG ของ Elderfer เรื่องความต้องการเหมือนกัน แต่ไม่เป็นตามลำดับขั้น

Maslow ชื่อภาษไทยของเขาคือ  แก้ว มาลูน คับ  อิ ๆๆๆ

[[ตา-รา-บาว]]

มันคืองานที่เป็นหลักประกันชีวิตของเราและคนที่เกี่ยวกับเราครับ ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ ลูกเมีย แต่ก็ต้องแลกกับการอ่านหนังสือหาความรู้แต่มันก็คุ่มครับ สำหรับผมในวันนี้ เอาใจช่วยทุกท่านะครับ ไม่มีคำว่ายาก ถ้าตั้งใจทำจริงๆๆ ผมทำได้ คุณก็ต้องทำได้

[Kileer]

เพื่อความฝัน เพื่อพ่อแม่ และอนาคต สักวันมันต้องเป็นของเรา  ผมไปสอบบรรจุทหารมาแล้ว
ผมคือไม่ติด ตอนไปสอบตำแหน่งที่สอบเขารับ 1คน มีคนสอบ125คน ผมก็ยังไปผลออกมาไม่ติด  ผมเบื่อกับคนที่ว่า ไปสอบทำไมไม่ได้หรอก คนพวกนี้น่าสงสารจังผมว่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม  สู้ต่อไปครับ

[berm.kh]

สอบ กพ. ก็หวังจะได้ไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการ เพราะถ้าได้เป็นข้าราชการ
ครอบครัวเราก็จะสบาย เพราะสามารถเบิกค่าอะไรได้หลาย ๆ อย่าง
แบบที่งานเอกชนไม่มีให้นะครับ เพราะพยายามสอบมา 3 รอบล่ะ
ยังไม่ติดเลย!!!!!!!!

[aunpang]

งานราชการเป็นงานที่มั่นคง ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่มากก็ตาม แล้วสวัสดิการต่าง ๆ ก็ดีกว่าการเป็นพนักงานเยอะ
ที่สำคัญกว่าจะสอบได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย (หมายถึงคนที่สอบได้จริง ๆ นะคะ) ถ้าคุณไม่แน่จริง ก็คงจะไม่ได้หรอก  หนึ่งในร้อย  หนึ่งในพัน  และอาจจะเป็นหนึ่งในหมื่นเลยด้วยซ้ำ มันก็น่าภูมิใจมากไม่ใช่เหรอคะ 

[zombie01]

คนไทยเรานี่แปลกนะครับ
ใฝ่ฝันอะไรที่บางทีมันโอกาสน้อยมาก
แต่ที่ทำง่ายๆ และไม่ลำบากก็ไม่ทำ
เพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการ ได้กู้เงินเยอะๆ มีหน้า (เหรอ) มีเกียรติ (เหรอ)
สวัสดิการ ที่ดีกว่างานเอกชน ลงทุนสอบกันปีหนึ่งเป็นหมื่นๆ แสนๆ เพื่อไม่กี่ตำแหน่งที่ได้
ตลกดี น่าสังเวชใจนัก ที่สู้อุตส่าห์นั่งเรียนกันถึงระดับป.ตรีนี่เพื่ออะไรกัน
ลองย้อนดูสิครับ เพื่อให้เราได้ทำงานที่ทำให้เราอยู่ได้ มีรายได้จุนเจือครอบครัวอย่างเพียงพอ
อยู่กับครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ตามประสาเท่าที่เราทำได้ ก็น่าจะมีสุขแล้ว
ไม่ต้องทรมานตัวเองเพื่อเจ้านาย คำก็เจ้านาย สองคำก็เจ้านาย
พ่อแม่ ภรรยา ลูกที่บ้านถูกลืมหมด นี่เหรอชีวิตข้าราชการที่ทุกคนอยากเป็น
ลองคิดดูดีๆ นะครับ
(ความคิดส่วนตัวนะครับ)

รับทราบครับ แต่คงมีคนคิดเช่นนี้น้อย เพราะในการสอบแต่ละครั้ง ไม่ว่าระดับใด แข่งขันกันแทบเป็นแทบตายครับ

สำหรับกระทู้นี้ ผมเองเคยผ่านสนามสอบไม่กี่ครั้ง ที่สอบได้ก็เพราะฟลุค ไม่ได้แข่งขันในระดับท้องถิ่นด้วย ไปสอบส่วนกลาง แล้วถึงมาบรรจุเข้าสถานที่ทำงานอีกที ไม่เคยสอบ กพ  ตอนนี้ยังเป็นข้าราชการตัวเล็ก ๆ ครับ

[zombie01]

     บางครั้งผมก็มานั่งคิดนอนคิดนะครับ ว่าทำไมเราต้องขวนขวายทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ข้าราชการ เพียงเพราะสวัสดิการ ต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามารองรับ ชีวิตในอนาคต  การเจ็บป่วย หรือแม้กระทั่งเรื่องของ เงิน ๆ ทอง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากที่สุด  วิถีการดำเนินชีวิตของเรามันเปลี่ยนไปแล้วครับ เมื่อก่อน ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ไม่สูงมากมายเหมือนในขณะนี้ พออยู่พอกิน เครื่องมืออำนวยความสะดวกต่าง ๆ นั่น มี แต่ไม่มากมาย จนดูกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไปเสียแล้ว ค่านิยมสมัยก่อน กับสมัยนี้ แตกต่างกันมาก ๆ อย่างเห็นได้ชัดเจนครับ
     คนเราแข่งบุญแข่งวาสนากันไม่ได้ บางคนลูกเจ้าใหญ่นายโต ไม่ต้องเปลืองตัวมาก พ่อฝาก แม่ฝาก ก็ได้เป็นข้าราชการละ มองกลับกัน คนบางคน ต้องต่อสู้มาจนจบ และต้องต่อสู้ไปจนกว่าจะได้เป็นข้าราชการ เปิดตำแหน่ง 10 คนเข้าสอบ 1000 แบบนี้ ไหนจะเส้นสายอีก เหนื่อยนะครับ กว่าจะได้เป็นข้าราชการ
     อย่างที่เขาว่าล่ะครับ ข้าราชการ ก็คือ เสือนอนกิน ดี ๆ นี่เอง

ลองสอบให้ได้ครับ แล้วจะคิดอีกอย่าง

[มัดหมี่]

อืม  ขอตอบบ้างตามความคิดนะคะ
อย่างแรก  หัวข้อกระทู้ที่บอกว่า  สอบก.พ.ความใฝ่ฝันของมนุษย์เงินเดือน
              ถ้าตั้งว่า  สอบบรรจุราชการค่านิยมในสังคมไทย  อะไรแนวๆนี้น่าจะเข้าประเด็นมากกว่ามั้งคะ เพราะเห็นว่าจะไปทำรายงาน หรือว่าอาจารย์ตั้งหัวข้อมาให้แบบนี้อยู่แล้ว  เพราะสอบ ก.พ เป็นหนทางหนึ่งของการรับราชการ  ส่วนคำว่ามนุษย์เงินเดือน  จริงๆแล้วคนที่อยากรับราชการไม่ได้มีแค่คนทำงานนะคะ เป็นความฝันของหลายๆ กลุ่มทั้งกลุ่มมนุษย์เงินเดือน  กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มนักศึกษา ฯลฯ 

อย่างที่สอง  ถามว่าทำไมถึงอยากรับราชการ
               คงต้องบอกว่าพื้นฐานแล้วมนุษย์ชอบความมั่นคงคะ  เพราะทำให้มั่นใจว่าชีวิตข้างหน้า ยังไงซะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเลวร้ายแค่ไหน ค่าครองชีพจะเป็นยังไง  เราก็ไม่ตกงานแน่นอน  แถมแก่ตัวมามีเงินใช้  พ่อแม่หรือสามีภรรยา ลูก สามารถใช้สิทธิ์เบิกได้อีกด้วย  ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยดึงดูดให้คนทั่วไปอยากทำงาน แม้เงินจะน้อยแต่มั่นคงในระยะยาว 
               ในทางกลับกันปัจจัยดึงดูดเหล่านี้ก็ใช่ไม่ได้กับทุกคนนะคะ  ไม่งั้นทุกคนคงแย่งกันสอบบรรจุหรือหาทางรับราชการกันหมด  เพราะบางคนเค้าก็ไม่ชอบกฏระเบียบ แนวนโยบาย หรือลักษณะงานแบบราชการ  เค้ายอมหาทางเลือกอื่นๆที่ทำให้เค้ามีความสุขมากกว่าก็มี 
                เพียงแต่ว่า เมื่อมองๆแล้วกลุ่มคนส่วนใหญ่ในสังคมจะชอบความมั่นคงมากกว่า ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันถึงมีแต่คนอยากรับราชการไงคะ

[Mylovesss]

ผมเติบโตในครอบครัวข้าราชการ ทุกคนในบ้านรับราชการ แต่ผมไม่มีความคิดที่จะสอบบรรจุ เพราะผมเห็นข้อจำกัดของสวัสดิการ ข้อจำกัดของรายได้ (ทำงานสิบปี เงินเดือนเพิ่งจะหมื่นกว่า) ผมเลยมุ่งมั่นที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ผมคิดว่าเป็นพ่อค้าน่าจะดีกว่า จึงมุ่งเอาทางนี้ จนได้เป็นเจ้าของกิจการในทุกวันนี้ ผมก็ได้รู้ความจริงว่า ทุกอาชีพมันหนัก เหนื่อย และไม่ง่ายเลยกว่าจะมีรายได้ขึ้นมา

[เสือไฟ]

แต่ระบบราชการอยู่ไปนานๆ  สมองทื่อนะ ถ้าไม่ได้ไปอบรมบ่อยๆ เพราะงานมันซ้ำซากไม่ค่อยได้คิดอะไรแปลกไหม

[►••• Natz. •••◄]

พ่อผมก็ข้าราชการ 2ระดับ7 กินบำนาญ ทุกวันนี้ยังใช้หนี้ที่กู้ส่งผมเรียนอยู่เลย  

จบออกมาตอนนี้ เล่นเกมส์ขายเอ็มได้เดือน 13000 อาชีพแล้วแต่ตื่น  สบายๆอีกไม่นานก็ตายละ 555  

ต้นปีกู้เที่ยวทะเล ทั้งปีเก็บใช้หนี้มีความสุขดี 555 

[เชียงรายพันธุ์แท้]

จะมีใครว่าผม ดัดจริต หรือ ตอแหล ไหมครับ
ถ้าจะบอกว่าที่มารับราชการเนี่ย เพราะอยากช่วยเหลือประชาชน
ไม่ใช่เพราะสวัสดิการ เงิน หรืออำนาจ

[เสือไฟ]

จะมีใครว่าผม ดัดจริต หรือ ตอแหล ไหมครับ
ถ้าจะบอกว่าที่มารับราชการเนี่ย เพราะอยากช่วยเหลือประชาชน
ไม่ใช่เพราะสวัสดิการ เงิน หรืออำนาจ

ผมเชื่อครับ+1 ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน