เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 กรกฎาคม 2025, 12:32:50
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ทำไมเราต้องให้ คน 36 (500) คนกำหนดชีวิตความเป็นอยู่เรา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 พิมพ์
ผู้เขียน ทำไมเราต้องให้ คน 36 (500) คนกำหนดชีวิตความเป็นอยู่เรา  (อ่าน 6552 ครั้ง)
Mahasaykikung
เศรษฐกิจพอเพียง
สมาชิกลงทะเบียน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 465



« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 08:41:10 »

สงสารบ้านเมืองเรา
IP : บันทึกการเข้า

asmanty
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 38


« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 09:23:29 »

ผมว่ามันเป็นสันดานของสังคมไทยมาตั้งนานแล้วครับ สังคมไทยมีกฏระเบียบมากมาย แต่ก็ยังชอบที่จะฝ่าฝืน ปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรคือกฏระเบียบ อะไรควรอะไรไม่ควร ง่ายๆเลยขนาดกฏจราจรที่ทราบกันอยู่แล้ว มันยังซ้อน3แถมไม่ใส่หมวกอีก ไปดูตอนเช้าและตอนเลิกเรียนได้ นี่ไงปัญหา(เด็กคืออนาคตของชาติ)
IP : บันทึกการเข้า
polkup
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 453



« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 09:28:02 »

ต้องทนมีชีวิตอยู่เพื่อรอดูพวกเห็นแก่ตัว อภิสิทธิ์ชนหมดไปจากแผ่นดิน (ถึงแม้นจะหวังลม ๆ แล้ง ๆ ก็จะรอความหวังนั้น)
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 11:39:26 »

ทำไงได้เกิดเป็นคนไทยแล้วนิ ก้มหน้าทำมาหากินกันต่อไป
IP : บันทึกการเข้า
iorawan
ชีวิตนี้ ใช้หนี้อย่างเดียว .. จิง จิ๊งงง ..
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 68


It's Not Me It's You


« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 11:56:48 »

+ 100000000000000000000

นั่นซิ เมื่อไหร่ ...​จะได้คิด


แปลกแต่จริง ว่า
ทำไมเราต้องให้ คน 36 คนกำหนดชีวิตความเป็นอยู่เรา โดยที่เขาไม่เคยจะถาม ว่าเราต้องการหรือไม่

ทำไมคนเราต้องเลือกคนที่มาซื้อเสียงเราไปเป็น ส.ส.กัน

เขาเป็น ส.ส. เงินเดือนเขา 120,000บาท  เป็น 1 ปี ได้กี่บาท (ไม่รวมโกง) ขึ้นเครื่องบินก็ฟรี แถมเฟริสคลาสอีก ไป ตปท.ก็ไปฟรี แถมยังมีเงินติดตัวไปให้อีก รักษาพยาบาลก็ฟรีแถมยังเป็นโรงพยาบาลโครตดี แต่พอเราจะเป็นจะตายละ โฮงยาไทย มารอคิวตั้งแต่ ตีสามตีสี่

แล้วพวกที่ซื้อเสียงก็คือพวกที่เป็นคนทำผิดกฏหมาย แล้วคิดหรอว่าจะไม่โกงกิน
แต่ทำไมเรายอมให้พวกทำผิดกฏหมาย ถูกคัดตัวไปเป็น ครม. 36 คน และยอมให้เขา จะตกลงอะไรกันจะคุยกัน จะตัดถนนที่ไหน ขึ้นราคาอะไรเท่าไหร่ จะเอารถไฟมาลงหรือไม่ คิดแทนคน 65 ล้านกว่าคนด้วยครับ

เมื่อไหร่คนไทยถึงจะเลือกคนใหม่มาบริหารบ้างเมืองบ้างน่ะ

ปล.ช่วงนี้เรียนวิชาการเมืองการปกครอง
IP : บันทึกการเข้า

เวลาใดเรา "พอใจ" เราก็มีความสุข ความสบาย
เวลาใด "ไม่พอใจ" ก็เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน
....​เป็นอย่างนี้ เสมอ ...

Iam : Orawan --> Living in Chiang Rai
tonkla
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,333


ธรรม=ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมนูญ


« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 12:04:39 »

อย่าเอาคนญี่ปุ่น ระบบญี่ปุ่นมาเทียบกับเราเลย
คนที่นั่น วินัยเขาสูงมาก สร้างกันจนลืมเข้าไปในสายเลือด และที่สำคัญ เขาคลั่งชาติ ชาตินิยมสูงมาก


ญี่ปุ่น ประเทศมหัศจรรย์

รู้สึกแปลกใจและทึ่งเหมือนผมไหมครับ... เวลาเราพูดถึงประเทศมหัศจรรย์ประเทศหนึ่งซึ่งเป็นประเทศที่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างยับเยิน โดนระเบิดปรมาณูถึง 2 ลูก บ้านเมืองและเศรษฐกิจพังพินาศ แต่ปัจจุบันประเทศนี้กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีรายได้ประชาชาติ (GDP) สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแต่เพียงประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ทราบแล้วใช่ไหมครับว่าประเทศนั้นคือประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ผมเคยสนใจเก็บข้อมูลเรื่องนี้มานานแล้วครับว่าคนญี่ปุ่นนั้นเขาเลี้ยงลูกอย่างไร หรือเขามีลักษณะพิเศษต่างจากชนชาติอื่นอย่างไร ทำไมใช้เวลาเพียง 20-30 ปี ฟื้นฟูและพัฒนาประเทศได้รวดเร็วขนาดนี้ ทุกวันนี้เราก็ขับรถญี่ปุ่น เครึ่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อีเลคทรอนิค คอมพิวเตอร์มือถือ กล้องดิจิตอลก็ของญี่ปุ่น ร้านอาหารญี่ปุ่นก็ขายดี ร้านขนมญี่ปุ่นก็ขายดี เด็กๆ ของเราก็ติดภาพยนตร์หรือการ์ตูนญี่ปุ่นกันงอมแงม ญี่ปุ่นมีอะไรดีเกี่ยวข้องกับเชื้อชาติ วัฒนธรรม ความเชื่อ การเลี้ยงดู และระเบียบวินัยหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เหตุผลที่ผมต้องมานำเรื่องนี้มาพูดคุยก็เพราะมีแรงจูงใจครับ คือเมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสดูแลเด็กญี่ปุ่นคนหนึ่งที่โรงพยาบาลเอกชน เด็กคนนี้เป็นออทิสติกครับ ค่อนข้างซนอยู่ไม่นิ่ง เขาเดินเข้าไปที่อ่างน้ำล้างมือของห้องตรวจโรค ปิดฝาระบายน้ำแล้วเปิดน้ำเล่นจนเกือบล้น พอดีคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเหลือบไปเห็นเข้า เธอมีท่าทีตกใจและเกรงใจผมมากรีบพูดขอโทษ "sorry ...sorry ..sorry" (นึกภาพท่าทาง เวลาเราเห็นคนญี่ปุ่นขอโทษในโทรทัศน์ประกอบไปด้วย) ลักษณะที่แสดงออกบ่งบอกความเกรงใจเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่งเกินกว่าชนชาติ (ดูเหมือนโอเวอร์ก็ว่าได้) แต่เขาไม่ได้แกล้งทำครับ เพราะตรงกับที่พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลบอกเล่าว่าคนไข้ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่น่ารักคือจะมีระเบียบวินัยดีมาก เวลานัดหมายก็มักมาตรงเวลา ถ้าจะผิดนัดหรือติดธุระก็จะโทรศัพท์มาเลื่อนล่วงหน้าพร้อมกับขอโทษ (ปกติเจ้าหน้าที่ต้องเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปตาม)

วินัยของคนในชาติ

วินัยของคนในชาติสะท้อนออกมาผ่านวินัยจราจร ใครเคยไปประเทศญี่ปุ่นคงเห็นความมีวินัยของคนญี่ปุ่นที่เข้าแถวรอขึ้นรถไฟใต้ดินตรงเส้น ถ้าเราไปออกนอกแถวที่เข้าคิว (เป็นเส้นด้านข้างไม่ใช่ล้ำเข้าเส้นอันตรายหน้าแถวนะครับ) เราจะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาเตือนให้อยู่ตรงแถวทันที ทุกคนเข้าแถวตรงเป๊ะ วินัยจราจรบนถนนดี เยื่ยม ไฟเขียวไฟแดงและทางม้าลายของเขาศักดิ์สิทธิมาก (เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์) ถ้าใครเคยไป เวลาจะข้ามทางม้าลาย สี่แยกจะเห็นว่าแค่ไฟ เหลืองเท่านั้น ทุกอย่างสงบนิ่ง คือรถจอดสนิท ต่างจากบ้านเราข้ามทางม้าลาย แท้ๆ รถบางคันวิ่งมาไม่ยั้งแถมยังเปิดไฟสูงบีบแตรไล่ (ถ้าจะข้ามถนนก็ต้องวัดดวงวัดใจคนขับกันหน่อย) หรือไฟเหลืองก็ หมายถึงให้เหยียบคันเร่งรีบไปเพื่อให้พ้นไฟแดง ใครหยุดที่ไฟเหลืองอาจถูกคนที่นั่งข้างๆ ต่อว่าว่า "หยุดทำไม จะบ้าหรือเปล่า ทำไมไม่รีบไป" ดังนั้นวินัยของคนในชาติเป็นเรื่องดีแน่ไม่ต้องสงสัย เพราะทำให้คนเราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสงบสุข นอกจากนี้เราคง เคยได้ยินกิตติศัพท์ของคนญี่ปุ่นในเรื่องการเอาจริงเอาจัง ความรับผิดชอบ และความจงรักภักดีต่อองค์กรและประเทศชาติสูงมาก ซึ่งมีส่วนทำให้พัฒนาประเทศได้รวดเร็ว

ลักษณะพิเศษของครอบครัวญี่ปุ่น

เราคงเคยได้ยินกันมาแล้วว่าครอบครัวญี่ปุ่นนั้นสามีเป็นใหญ่คล้ายสังคมจีน ผู้ชายนั้นมักมีภาระงานมาก และคนญี่ปุ่นก็เป็นคนเอาจริงเอาจังกับงานมาก หลังเลิกงานแล้วก็จะต้องออกไปสังสรรกับลูกค้าจนดึกดื่น ดังนั้น ผู้หญิงจึงมีหน้าที่หลักในการดูแลบ้าน สามีและลูก เป็นเรื่องแปลกที่ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่เองก็ยอมรับสภาพนี้ด้วยความเต็มใจ เคยดูสารคดี เป็นเรื่องของแม่บ้านชาว ญี่ปุ่น ซึ่งมี การศึกษาสูงเป็นเภสัชกร เธอจะทำงานเพียงแค่ช่วงเวลาบ่าย 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น ที่เหลือเธอเอาเวลามาทำ หน้าที่เป็นแม่บ้านหมดอย่างเต็มใจ และตั้งอกตั้งใจ

แผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น และพ่อ

แผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น และพ่อเป็น 3 สิ่งที่เด็กญี่ปุ่นกลัวที่สุด สุภาษิตโบราณของชาวญี่ปุ่นคงพอจะสะท้อนหน้าที่สำคัญของพ่อได้ ถึงแม้พ่อจะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก แต่ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมกฎเกณฑ์ระเบียบวินัยของลูก ซึ่งน่าจะมาจากสภาพสังคมชาวญี่ปุ่นสมัยโบราณที่ผู้ชายเป็นผู้นำของสังคม พ่อบ้านในฐานะเป็นผู้นำของครอบครัว จึงมีบทบาทอย่างมากในการควบคุม กฏเกณฑ์ ระเบียบวินัยในบ้าน จนทำให้ลูกรู้สึกกลัวในฐานะเป็นภัยอันตรายใกล้ตัวที่สุด (ถ้าทำสิ่งไม่ถูกต้อง)

ความแตกต่างของคนญี่ปุ่นจากชนชาติอื่น

มีงานศึกษาวิจัยที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสังคม และวัฒนธรรมที่มีต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของคน (Landau, 1984) และเกี่ยวข้องกับคนเชื้อชาติญี่ปุ่นที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ เขาทำการศึกษาความเครียดที่เกิดขึ้นในสังคมว่าจะสัมพันธ์กับพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของคนในสังคมหรือไม่ เขาใช้อัตราของครอบครัวที่มีปัญหาหย่าร้างต่อครอบครัวที่ชีวิตสมรสราบรื่นเป็นตัวบอกถึงความเครียดในสังคม นั่นหมายความว่ายิ่งใน สังคมของประเทศใดมีอัตราที่ว่านี้สูง สภาพครอบครัวย่อมไม่มั่นคง เมื่อคนใน ครอบครัวมีความเครียดก็มีผลทำให้ความเครียดในสังคมสูงตามไปด้วย จากการศึกษานี้พบว่าประเทศใดที่มีสภาพสังคมที่มีความตึงเครียดสูงก็จะมีอัตราของอาชญากรรมและการทำร้ายผู้อื่นสูงตามไปด้วย อธิบายให้ง่ายๆก็คือเมื่อคนเราเครียด ความก้าวร้าวรุนแรงก็จะพุ่งไปสู่คนอื่น (ตัวอย่างเช่น สภาพสังคมของคนอเมริกันที่มีอัตราการหย่าร้างสูงก็จะมีความก้าวร้าวรุนแรงในสังคมสูง) จากทั้งหมด 12 ประเทศที่ทำการศึกษาพบว่ากฏเกณฑ์นี้ เป็นกับทุกประเทศ ยกเว้นอยู่ประเทศเดียวที่ไม่เป็นไปตามกฏเกณฑ์นี้ คือ ประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนญี่ปุ่นไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เพียงความตึงเครียดในสังคมกลับไปสัมพันธ์กับอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นแทน พูดง่ายๆ อีกครั้งก็คือเมื่อเกิดความตึงเครียดแล้ว แทนที่ความก้าวร้าวรุนแรงจะพุ่งออกไปโดยการทำร้ายผู้อื่นกลับพุ่งย้อนกลับเข้าหา ตัวเองโดยการฆ่าตัวตายแทน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อัตราการฆ่าตัวตายสูงมากติดอันดับโลก เราคงเคยได้ยิน ข่าวเกี่ยวกับนักเรียนมัธยมปลายของญี่ปุ่นที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้แล้วตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เขาอธิบายปรากฎการณ์นี้ว่าเกิดขึ้นเพราะวัฒนธรรมของชนชาติญี่ปุ่นมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสูงมาก มีความละอายต่อความผิดพลาดและการทำผิดของตน (felling of shame for moral transgression)

ฮาราคีรีและกามิกาเซ่

ลองนึกย้อนถึงประวัติศาสตร์ของชนชาติญี่ปุ่นจะเห็นด้วยกับแนวคิดของงานวิจัยที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นคือ เรื่องราวของฮาราคีรีและกามิกาเซ่ ในอดีตเวลาซามูไรซึ่งเป็นนักรบของญี่ปุ่นพ่ายแพ้ต่อศัตรู เขาจะทำพิธีฮาราคีรีโดยการใช้มีดคว้านท้องตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย เพราะละอายต่อความผิดพลาดของตัวเอง ไม่มีหน้า ไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นต่อไป และการทำพิธีนี้ก็จะทำให้ซามูไรได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีและได้รับเกียรติอย่างสูง การฮาราคีรีนี้ไม่เคยพบในชนชาติอื่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงที่กองทัพญี่ปุ่นกำลังจะพ่ายแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ทหารญี่ปุ่นใช้ปฏิบัติการกามิกาเซ่โดยขับเครึ่องบินรบที่สมรรถนะด้อยกว่าพุ่งเข้าชนข้าศึก สร้างความเสียหายให้กองทัพอเมริกันเป็นอย่างมาก เพราะรู้ว่าถ้ารบกันตัวต่อตัวก็แพ้เครื่องบินรบอเมริกันแน่ กามิกาเซ่แสดงออกถึงความกล้าหาญ รักชาติ และเสียสละของคนญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามนั่นก็คือรูปแบบหนึ่งของการฆ่าตัวตาย

คติสอนใจในภาพยนตร์ญี่ปุ่น

ใครเคยนั่งดูหนังการ์ตูนกับลูกหรือนึกย้อนไปในวัยเด็ก เด็กผู้ชายทุกวันนี้ดูภาพยนตร์หรือการ์ตูนเรื่องเดียวกับที่คุณพ่อดูเมื่อ 20-30 ปีก่อน เช่น อุลตราแมน ไอ้มดแดง หน้ากากเสือ หนังการ์ตูน ญี่ปุ่นมักมีคติธรรม สอนใจ ให้ต่อสู้อดทน ไม่ย่อท้อ (ถึงแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด) เช่น ช่วงสุดท้ายของแต่ละตอนก็มักจะมีคำพูด ปลุกใจให้ต่อสู้เช่น "สู้เขาต่อไปไอ้มดแดง (เพื่อผดุงคุณธรรม)" นอกจากนี้มักเน้นการยอมลำบาก เสียสละเพื่อส่วนรวม หรือเพื่อเด็กๆ บางเรื่องเน้นความมุมานะ พากเพียร พยายามในการฝึกฝนเช่นภาพยนตร์ชุดที่เกี่ยวกับกีฬา เช่นเคนโด ว่ายน้ำ วอลเลย์บอล เราจะเห็นภาพของตัว ละครญี่ปุ่นซึ่งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เหตุผลที่ประเทศญี่ปุ่นสร้างภาพยนตร์แบบนี้ก็เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งทางญี่ปุ่นต้องการส่งเสริมให้เยาวชนเล่นกีฬาเพื่อแข่งขันในระดับนานาชาติ ซึ่งญี่ปุ่นก็เคยประสบความสำเร็จจนถึงระดับเจ้าเหรียญทองเป็นมหาอำนาจทางกีฬา เช่นการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์และกีฬาโอลิมปิค ภาพเหล่านี้สะท้อนวัฒนธรรม และชีวิตของคนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี และเด็กเองก็ ซึมซับวัฒนธรรมเหล่านี้ผ่านสื่อโทรทัศน์เข้าไปโดยไม่รู้ตัว

ที่พูดคุยกันมาทั้งหมดนี้... ไม่ได้หมายความว่าเป็นญี่ปุ่นแล้วดีไปหมดทุกเรื่อง ดีไปหมดทุกคน แต่กำลังชักชวนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกมีหลานหันมาควบคุม และสร้างกฏเกณฑ์ระเบียบวินัยให้ลูก ฝึกให้รู้จักรับผิดชอบ และช่วยเหลือตัวเองตามวัย ตลอดจนมีคุณธรรม รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม เพราะเป็นเรื่องสำคัญไม่เพียงต่อตัวการดำรงชีวิต การเรียน การทำงานของลูกหลานเท่านั้น แต่สำคัญไปถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ตลอดจนถึงการพัฒนาประเทศชาติของเราเลยทีเดียว

ที่มา : นพ.กมล แสงทองศรีกมล
กุมารแพทย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น


IP : บันทึกการเข้า

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง"(ไว้เตือนตนเอง)
TamTam
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2012, 22:56:18 »

แล้วรู้มั้ยว่าข้าราชการกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงพานิชย์และอีกหลายกระทรวงที่ประจำอยู่ต่างประเทศเงินเดือนเยอะกว่า120,000อีกกี่เท่าตัว!!สวัสดิการ-บ้านพักพร้อม-ตำแหน่งสูงๆหน่อยมีคนดูแลส่วนตัวอีกต่างหาก!!ข้าราชการที่ทำงานอยู่เมืองไทยวิ่งเต้นออกนอกประเทศกันเป็นแถวโดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้วคิวยาว ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้
IP : บันทึกการเข้า
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 18 มิถุนายน 2012, 11:16:42 »

  ตอนนี้ประชาชนเริ่มจะรู้เท่าทันอีกฝ่าย  จากสื่อที่หลากหลาย  ไม่ได้ฟังแต่สถานีวิทยุยานเกราะอีกแล้ว

ผมขอวิงวอนไปยังอีกฝ่ายว่า  กระแสโลกมันได้เปลี่ยนไปแล้ว  ยอมรับได้แล้ว  ซึ่งผลก็รู้ๆ กันอยู่  อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหนา

และฝากบอกด้วยว่า  ขนาดดาวพลูโต  เค้ายังกลายเป็นดาวเคราะห์แคระเลย  เลิกยึดมั่นถือมั่นกับอำนาจได้แล้ว  ท่านเอาไปไม่ได้หรอก ถ้าคิดถึงคนรุ่นหน้าจริงๆ


ปล.  นักการเมืองหวังการเลือกตั้งสมัยหน้า รัฐบุรุตหวังคนรุ่นหน้า   ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 18 มิถุนายน 2012, 11:30:28 »

  ประชาธิปไตยของอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศษ  ญี่ปุ่น ฯลฯ  ที่เราไปก๊อบปี้ของเค้ามา  มันเจริญ และก้าวไปไกลก็เพราะ

อำนาจอธิปไตยของเค้ามาจากประชาชนจริงๆ รวมทั้งเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ว่า  บริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ

ตุลาการ  ศาล  ของเค้ายังมีคณะลูกขุนเลย  แต่ของเราอำนาจนั้นไม่ได้มาจากประชาชน  มันก็เลยหักหลังประชาชนเอาอยู่เรื่อยๆ

ถ้าอำนาจนี้มาจากประชาชน  ผมว่าคงไม่หักหลังประชาชน  ถ้าหักหลัง  ๔ ปีก็อย่าหวังว่าจะได้อำนาจนี้อีก ระบบมันเป็นอย่างนี้

  สำหรับใครที่ดูถูกความคิดประชาชน ก็ให้พึงสังวรไว้ซะ  ถ้าคิดอย่างนั้นก็   หาคนดีมาแล้วเลือก  และให้เกษียณ ๖๐ ปีเหมือนผู้ใหญ่บ้านเลย
(ไปอยู่เกาะ หรือตั้งรัฐใหม่ ดีกว่าถ้าคิดแบบนี้)

ผมก็ไม่รู้คิดได้ไง  ขนาดอเมริกายังไม่เชื่อการเลือกตั้งเลย  ยังมีการตรวจสอบ  และ ๔ ปีก็ต้องเลือกตั้งใหม่เรื่อยๆ ว่ามั้ย..?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 มิถุนายน 2012, 11:32:43 โดย Temujin » IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
ohio888
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 782



« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 21:38:33 »

อย่าเอาคนญี่ปุ่น ระบบญี่ปุ่นมาเทียบกับเราเลย
คนที่นั่น วินัยเขาสูงมาก สร้างกันจนลืมเข้าไปในสายเลือด และที่สำคัญ เขาคลั่งชาติ ชาตินิยมสูงมาก

อ้าว แล้วจะให้เราเทียบกับพม่า ลาว กำพูชาหรอ ถึงจะรู้สึกภูมิใจว่าพัฒนากว่า เลิศหรูกว่า ยิ่งใหญ่กว่า เท่กว่า ญี่ปุ่นเขาไม่ได้คลั่ง ประเทศไทยตะหากที่คลั่ง ญี่ปุ่นเขาชาตินิยมแต่ไม่ได้คลั่งเหมือนไทย ไทยคลั่งทหาร คลั่งไศยศาสตร์ แถมคลั่งอะไรบ้าๆบอๆ แถมขี้เห่อด้วย เห่อดาราเกาหลี แถมยังดูถูกเพื่อนบ้านว่าต่ำต้อย ดูถูกชาวเขา ดูถูกคนบ้านนอก ทำไมไม่สร้างวินัยให้คนไทย ให้เข้าไปในสายเลือดบ้างหละ ไม่เริ่มวันนี้ จะเริ่มวันใหน
IP : บันทึกการเข้า

อย่าคลั่งชาติจนมากไป
ประเทศไทยยังมีขอทาน
(อย่าโลกสวย)
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 22:08:15 »

แปลกแต่จริง ว่า
ทำไมเราต้องให้ คน 36 คนกำหนดชีวิตความเป็นอยู่เรา โดยที่เขาไม่เคยจะถาม ว่าเราต้องการหรือไม่

ทำไมคนเราต้องเลือกคนที่มาซื้อเสียงเราไปเป็น ส.ส.กัน

เขาเป็น ส.ส. เงินเดือนเขา 120,000บาท  เป็น 1 ปี ได้กี่บาท (ไม่รวมโกง) ขึ้นเครื่องบินก็ฟรี แถมเฟริสคลาสอีก ไป ตปท.ก็ไปฟรี แถมยังมีเงินติดตัวไปให้อีก รักษาพยาบาลก็ฟรีแถมยังเป็นโรงพยาบาลโครตดี แต่พอเราจะเป็นจะตายละ โฮงยาไทย มารอคิวตั้งแต่ ตีสามตีสี่

แล้วพวกที่ซื้อเสียงก็คือพวกที่เป็นคนทำผิดกฏหมาย แล้วคิดหรอว่าจะไม่โกงกิน
แต่ทำไมเรายอมให้พวกทำผิดกฏหมาย ถูกคัดตัวไปเป็น ครม. 36 คน และยอมให้เขา จะตกลงอะไรกันจะคุยกัน จะตัดถนนที่ไหน ขึ้นราคาอะไรเท่าไหร่ จะเอารถไฟมาลงหรือไม่ คิดแทนคน 65 ล้านกว่าคนด้วยครับ

เมื่อไหร่คนไทยถึงจะเลือกคนใหม่มาบริหารบ้างเมืองบ้างน่ะ

ปล.ช่วงนี้เรียนวิชาการเมืองการปกครอง
[/color]สงสัยร้อนวิชา ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
tonkla
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,333


ธรรม=ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมนูญ


« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 22:19:05 »

อย่าเอาคนญี่ปุ่น ระบบญี่ปุ่นมาเทียบกับเราเลย
คนที่นั่น วินัยเขาสูงมาก สร้างกันจนลืมเข้าไปในสายเลือด และที่สำคัญ เขาคลั่งชาติ ชาตินิยมสูงมาก

อ้าว แล้วจะให้เราเทียบกับพม่า ลาว กำพูชาหรอ ถึงจะรู้สึกภูมิใจว่าพัฒนากว่า เลิศหรูกว่า ยิ่งใหญ่กว่า เท่กว่า ญี่ปุ่นเขาไม่ได้คลั่ง ประเทศไทยตะหากที่คลั่ง ญี่ปุ่นเขาชาตินิยมแต่ไม่ได้คลั่งเหมือนไทย ไทยคลั่งทหาร คลั่งไศยศาสตร์ แถมคลั่งอะไรบ้าๆบอๆ แถมขี้เห่อด้วย เห่อดาราเกาหลี แถมยังดูถูกเพื่อนบ้านว่าต่ำต้อย ดูถูกชาวเขา ดูถูกคนบ้านนอก ทำไมไม่สร้างวินัยให้คนไทย ให้เข้าไปในสายเลือดบ้างหละ ไม่เริ่มวันนี้ จะเริ่มวันใหน

ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนคนอื่น ๆ ยังไง
ขอตอบในส่วนของตัวเองแล้วกันครับ

ผมสร้างวินัยให้ลูก ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ ลูกผมทั้งสามคน จึงมีระเบียบวินัยในชีวิตพอสมควร

ผม และลูก ๆ ไม่เห่อดารา ไม่เห่อเกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา และมีความเป็นไทยในตัวเองสูง

ผมและลูก ๆ ไม่เคยดูถูกใคร เพราะผมสร้างวินัยให้ลูก ๆ ว่า เขาก็หนึ่งชีวิต เราก็หนึ่งชีวิต เกิดมาไม่เท่ากันหรอก แต่ ก็เหมือนกันที่มีเวรมีกรรมมาเหมือนกันแม้จะต่างกรรมต่างวาระก็ตาม

ผมและลูก ๆ ไม่คลั่งใคร ไม่ว่าจะเป็นดารา หรือนักการเมือง หรือพ่อค้าคหบดี แต่ ผมสอนลูก ๆ ให้ศรัทธาในคนดี ศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ที่สำคัญผมสอนให้ลูก ๆ ศรัทธาต่อตัวเอง และพ่อแม่พี่น้อง

ผมสอนลูก ด้วยการ ทำให้ดู พูดให้ฟัง พูดให้คิด ลองให้ทำ สร้างกรอบของชีวิตไว้กว้าง ๆ ที่บ้านหลังนี้ จึงใช้ระบบธรรมมาธิปไตย และบางครั้ง ก็ใช้ระบบเผด็จการ

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนในสังคมส่วนใหญ่จะเริ่มสร้างวินัยให้คนรุ่นใหม่เมื่อไหร่ เพราะตัวผู้สร้าง(บางคน)เอง ยังไร้วินัย  ตัวอย่างความไร้วินัยที่ผมและลูกเห็น ๆ ทุกวันในบ้านเรา เช่น
             ๑. แถมไฟแดงทุกครั้ง
             ๒. ขับรถย้อนศร
             ๓. กลับรถโดยไม่สนใจว่าจะทำให้จราจรติดขัด
             ๔.จอดในที่ที่ไม่ควรจอด
             ๕. ทิ้งขยะทุกที่ ที่มีโอกาส
             ๖. ไม่รู้จักเข้าคิว
             ๗. เด็กไม่มีสัมมาคาระ
             ๘. ใช้อภิสิทธิ์ทุกครั้งที่ทำได้
             ๙. ไม่ตรงต่อเวลา

ผมเลยบอกว่า อย่ายกเราไปเทียบญี่ปุ่นเลย บางอย่างเรายังเทียบลาว กับเวียดนามไม่ได้เลยครับ
        
IP : บันทึกการเข้า

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง"(ไว้เตือนตนเอง)
©®*
cr-nettech ltd.,part.
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2012, 22:41:47 »

ไม่เคยผิดหวังกะท่านต้นกล้าจริงๆ  ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 08:32:56 »

  แบบว่า...ๆ  ศรีธนญชัย  มือใครยาว  สาวได้สาวเอา  ตามใจคือไทยแท้  ล้วนเป็นค่านิยมที่ถ่วงความเจริญในประเทศนี้... ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
Bhon
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 484


« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 10:32:40 »

 แบบว่า...ๆ  ศรีธนญชัย  มือใครยาว  สาวได้สาวเอา  ตามใจคือไทยแท้  ล้วนเป็นค่านิยมที่ถ่วงความเจริญในประเทศนี้... ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม

แม่นแท้  ....แถมบางคนยังขาดจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมอีก
IP : บันทึกการเข้า
chaysure
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 181



« ตอบ #75 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 11:15:08 »

  "ประชาธิปไตย"  ผมจะแปลมาจากรากศัพย์ที่เป็น ภาษาบาลีดูนะครับ  บังเอิน ม.๑ บวชเรียนมา ภาษาบาลีได้ เกรด ๔ ภาษาอังกฤษนี่ไม่ ๑ ก็ ๒  ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม

มาจาก ๓ คำครับ คือ ประชาชน+ธิปัตย์ (อำนาจ) +ไตย (สาม)   ซึ่งรวมกันแล้วตีความได้ว่า "สามอำนาจมาจากประชาชน"

ใน ๓ อำนาจนี้มีอะไรบ้าง..?  ก็ที่เราๆ คุ้นกันนั่นแหละครับ คือ ๑) อำนาจบริหาร (๑ นายกฯ +รัฐมนตรีอีกไม่เกิน ๓๕ คน (รธมน.๕๐)) 

๒) อำนาจตุลาการ (ศาลต่างๆ (ยกเว้นศาลทหาร))  ๓) อำนาจนิติบัญญัติ (สส.+สว.)  สามอำนาจนี้ต้องมาจากประชาชนครับ ถ้าเอากันจริงๆ

ถึงจะทำเพื่อประชาชน  และประชาชนพึ่งได้  เพราะมาจากประชาชน  ไม่ใช่ใครแต่งตั้งมา หรืออาศัยอำนาจของใคร กลุ่มไหน...?

มันก็เลยเกิดปัญหาที่อำนาจ  "ตุลาการ" นี่แหละซึ่ง หลายๆ สำนักก็ออกมากล่าว  ในการใช้อำนาจนี้ว่าเป็นไปเพื่อประชาชนมั้ย...?

และยิ่งตอนนี้มีหน่วยงานที่ชงเรื่องให้อีก  ซึ่งก็รู้ๆ กันผมไม่ขยายความ  ตอนนี้มันเลยไม่สมดุลกันในเรื่องอำนาจ  เพราะไม่ได้มาจากประชาชนจริงๆ

ใช่ ๒ อำนาจนั้นมาจากประชาชน  แต่ถ้าลงลึก สว.มีอำนาจมากกว่า สส.  และมีสัดส่วนลากตั้งแทบจะครึ่งๆ  (พอจะเก็ตรึยัง..?  ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม )

และในรัฐธรรมนูญฉบับปี ๕๐ มีมาตรานึง (จำไม่ได้  ยิงฟันยิ้ม) ที่ว่ามติ สส.ใหญ่กว่ามติพรรค (แล้วมันจะมาร่วมพรรคกันทำแป๊ะอะไร..?)

ซึ่งผมว่าถือเป็นจุดอ่อน สส.สามารถถูกซื้อได้  เช่น ให้ ๑๐ ล้านเพื่อไม่ให้ผ่าน พรบ.ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน  เป็นต้น

ผมขอเกริ่นแค่นี้ก่อน  ส่วน ภาษาบาลี ของผมนั้นถ้ามันผิดเพี้ยนประการใด ให้ท่านๆ ไปสนทนาธรรมกับท่าน ว.วชิรเมธี ได้

ประชาธิปไตย ถ้าจะเขียนเป็นบาลีแท้ก็คือ ปชาธิปเตยยะ ( ปชา + อธิปเตยยะ) = ความมีประชาชนเป็นใหญ่ .... และผู้เขียนเคยอ่านงานของท่านผู้รู้เปรียบเทียบไว้ว่า ประชาธิปไตย เทียบได้กับ โลกาธิปเตยยะ นั่นเอง ... ซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วย...

รัฐศาสตร์เบื้องต้นบอกว่า ประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองที่ถือเอาเสียงส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์โดยไม่ละเลยเสียงส่วนน้อย... ประมาณนี้

นักรัฐศาสตร์บางคนบอกว่า ประชาธิปไตย แม้มิใช่การปกครองที่ดีที่สุด แต่เป็นการปกครองที่เลวน้อยที่สุด... ประมาณนั้น
IP : บันทึกการเข้า

เอ็น.วี.คอม บ้านงิ้ว

37/1 ม.6 ต.บ้านสาง อ.เมือง จ.พะเยา 56000

085-7171687 /  0801231103

กรุงไทย  เลขบัญชี 512-0466-141
ohio888
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 782



« ตอบ #76 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 11:42:35 »

อย่าเอาคนญี่ปุ่น ระบบญี่ปุ่นมาเทียบกับเราเลย
คนที่นั่น วินัยเขาสูงมาก สร้างกันจนลืมเข้าไปในสายเลือด และที่สำคัญ เขาคลั่งชาติ ชาตินิยมสูงมาก

อ้าว แล้วจะให้เราเทียบกับพม่า ลาว กำพูชาหรอ ถึงจะรู้สึกภูมิใจว่าพัฒนากว่า เลิศหรูกว่า ยิ่งใหญ่กว่า เท่กว่า ญี่ปุ่นเขาไม่ได้คลั่ง ประเทศไทยตะหากที่คลั่ง ญี่ปุ่นเขาชาตินิยมแต่ไม่ได้คลั่งเหมือนไทย ไทยคลั่งทหาร คลั่งไศยศาสตร์ แถมคลั่งอะไรบ้าๆบอๆ แถมขี้เห่อด้วย เห่อดาราเกาหลี แถมยังดูถูกเพื่อนบ้านว่าต่ำต้อย ดูถูกชาวเขา ดูถูกคนบ้านนอก ทำไมไม่สร้างวินัยให้คนไทย ให้เข้าไปในสายเลือดบ้างหละ ไม่เริ่มวันนี้ จะเริ่มวันใหน

ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนคนอื่น ๆ ยังไง
ขอตอบในส่วนของตัวเองแล้วกันครับ

ผมสร้างวินัยให้ลูก ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ ลูกผมทั้งสามคน จึงมีระเบียบวินัยในชีวิตพอสมควร

ผม และลูก ๆ ไม่เห่อดารา ไม่เห่อเกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา และมีความเป็นไทยในตัวเองสูง

ผมและลูก ๆ ไม่เคยดูถูกใคร เพราะผมสร้างวินัยให้ลูก ๆ ว่า เขาก็หนึ่งชีวิต เราก็หนึ่งชีวิต เกิดมาไม่เท่ากันหรอก แต่ ก็เหมือนกันที่มีเวรมีกรรมมาเหมือนกันแม้จะต่างกรรมต่างวาระก็ตาม

ผมและลูก ๆ ไม่คลั่งใคร ไม่ว่าจะเป็นดารา หรือนักการเมือง หรือพ่อค้าคหบดี แต่ ผมสอนลูก ๆ ให้ศรัทธาในคนดี ศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ที่สำคัญผมสอนให้ลูก ๆ ศรัทธาต่อตัวเอง และพ่อแม่พี่น้อง

ผมสอนลูก ด้วยการ ทำให้ดู พูดให้ฟัง พูดให้คิด ลองให้ทำ สร้างกรอบของชีวิตไว้กว้าง ๆ ที่บ้านหลังนี้ จึงใช้ระบบธรรมมาธิปไตย และบางครั้ง ก็ใช้ระบบเผด็จการ

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนในสังคมส่วนใหญ่จะเริ่มสร้างวินัยให้คนรุ่นใหม่เมื่อไหร่ เพราะตัวผู้สร้าง(บางคน)เอง ยังไร้วินัย  ตัวอย่างความไร้วินัยที่ผมและลูกเห็น ๆ ทุกวันในบ้านเรา เช่น
             ๑. แถมไฟแดงทุกครั้ง
             ๒. ขับรถย้อนศร
             ๓. กลับรถโดยไม่สนใจว่าจะทำให้จราจรติดขัด
             ๔.จอดในที่ที่ไม่ควรจอด
             ๕. ทิ้งขยะทุกที่ ที่มีโอกาส
             ๖. ไม่รู้จักเข้าคิว
             ๗. เด็กไม่มีสัมมาคาระ
             ๘. ใช้อภิสิทธิ์ทุกครั้งที่ทำได้
             ๙. ไม่ตรงต่อเวลา

ผมเลยบอกว่า อย่ายกเราไปเทียบญี่ปุ่นเลย บางอย่างเรายังเทียบลาว กับเวียดนามไม่ได้เลยครับ
      
ลากยาวซะดูดีเลยนะครับ เรามาเข้าถึงแก่นกันดีกว่า คุณยอมรับผลการเลือกตั้งที่มาจากเสียงส่วนใหญ่หรือป่าว ได้สอนลูกให้ยอมรับด้วยหรือป่าว หากอ้างถึงหัวข้อกระทู้ เสียงส่วนใหญ่เขาให้มาเป็นรัฐบาล ต่อให้นักการเมืองเป็นหน้าเดิมๆ หรือต่อให้หน้าใหม่ ก็เถอะ คุณกับเจ้าของกระทู้รับได้ใหม
IP : บันทึกการเข้า

อย่าคลั่งชาติจนมากไป
ประเทศไทยยังมีขอทาน
(อย่าโลกสวย)
Ironmaiden
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,531



« ตอบ #77 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 13:11:51 »

อย่าเอาคนญี่ปุ่น ระบบญี่ปุ่นมาเทียบกับเราเลย
คนที่นั่น วินัยเขาสูงมาก สร้างกันจนลืมเข้าไปในสายเลือด และที่สำคัญ เขาคลั่งชาติ ชาตินิยมสูงมาก

อ้าว แล้วจะให้เราเทียบกับพม่า ลาว กำพูชาหรอ ถึงจะรู้สึกภูมิใจว่าพัฒนากว่า เลิศหรูกว่า ยิ่งใหญ่กว่า เท่กว่า ญี่ปุ่นเขาไม่ได้คลั่ง ประเทศไทยตะหากที่คลั่ง ญี่ปุ่นเขาชาตินิยมแต่ไม่ได้คลั่งเหมือนไทย ไทยคลั่งทหาร คลั่งไศยศาสตร์ แถมคลั่งอะไรบ้าๆบอๆ แถมขี้เห่อด้วย เห่อดาราเกาหลี แถมยังดูถูกเพื่อนบ้านว่าต่ำต้อย ดูถูกชาวเขา ดูถูกคนบ้านนอก ทำไมไม่สร้างวินัยให้คนไทย ให้เข้าไปในสายเลือดบ้างหละ ไม่เริ่มวันนี้ จะเริ่มวันใหน

ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนคนอื่น ๆ ยังไง
ขอตอบในส่วนของตัวเองแล้วกันครับ

ผมสร้างวินัยให้ลูก ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ ลูกผมทั้งสามคน จึงมีระเบียบวินัยในชีวิตพอสมควร

ผม และลูก ๆ ไม่เห่อดารา ไม่เห่อเกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา และมีความเป็นไทยในตัวเองสูง

ผมและลูก ๆ ไม่เคยดูถูกใคร เพราะผมสร้างวินัยให้ลูก ๆ ว่า เขาก็หนึ่งชีวิต เราก็หนึ่งชีวิต เกิดมาไม่เท่ากันหรอก แต่ ก็เหมือนกันที่มีเวรมีกรรมมาเหมือนกันแม้จะต่างกรรมต่างวาระก็ตาม

ผมและลูก ๆ ไม่คลั่งใคร ไม่ว่าจะเป็นดารา หรือนักการเมือง หรือพ่อค้าคหบดี แต่ ผมสอนลูก ๆ ให้ศรัทธาในคนดี ศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ที่สำคัญผมสอนให้ลูก ๆ ศรัทธาต่อตัวเอง และพ่อแม่พี่น้อง

ผมสอนลูก ด้วยการ ทำให้ดู พูดให้ฟัง พูดให้คิด ลองให้ทำ สร้างกรอบของชีวิตไว้กว้าง ๆ ที่บ้านหลังนี้ จึงใช้ระบบธรรมมาธิปไตย และบางครั้ง ก็ใช้ระบบเผด็จการ

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนในสังคมส่วนใหญ่จะเริ่มสร้างวินัยให้คนรุ่นใหม่เมื่อไหร่ เพราะตัวผู้สร้าง(บางคน)เอง ยังไร้วินัย  ตัวอย่างความไร้วินัยที่ผมและลูกเห็น ๆ ทุกวันในบ้านเรา เช่น
             ๑. แถมไฟแดงทุกครั้ง
             ๒. ขับรถย้อนศร
             ๓. กลับรถโดยไม่สนใจว่าจะทำให้จราจรติดขัด
             ๔.จอดในที่ที่ไม่ควรจอด
             ๕. ทิ้งขยะทุกที่ ที่มีโอกาส
             ๖. ไม่รู้จักเข้าคิว
             ๗. เด็กไม่มีสัมมาคาระ
             ๘. ใช้อภิสิทธิ์ทุกครั้งที่ทำได้
             ๙. ไม่ตรงต่อเวลา

ผมเลยบอกว่า อย่ายกเราไปเทียบญี่ปุ่นเลย บางอย่างเรายังเทียบลาว กับเวียดนามไม่ได้เลยครับ
      
ลากยาวซะดูดีเลยนะครับ เรามาเข้าถึงแก่นกันดีกว่า คุณยอมรับผลการเลือกตั้งที่มาจากเสียงส่วนใหญ่หรือป่าว ได้สอนลูกให้ยอมรับด้วยหรือป่าว หากอ้างถึงหัวข้อกระทู้ เสียงส่วนใหญ่เขาให้มาเป็นรัฐบาล ต่อให้นักการเมืองเป็นหน้าเดิมๆ หรือต่อให้หน้าใหม่ ก็เถอะ คุณกับเจ้าของกระทู้รับได้ใหม
"การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน"
ผิดไปจากนี้ก็ไม่ใช่...เช่น..."การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อคนคนเดียว"ก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอมแบบอ้างเอาครับ
IP : บันทึกการเข้า
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #78 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:32:03 »

  ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ถือเป็นระบอบเดียวที่ให้มีการตรวจสอบอำนาจ  ถ่วงดุล ไว้ชัดเจน  ผมชอบข้อนี้

เผด็จการ  หรือต่อให้คนที่สรรหามาจะดีแค่ไหน  ผมก็ไม่ไว้ใจว่าเขาจะไม่โกง  จึงต้องมีข้อนี้  รวมทั้งมีวาระ เช่น ๔ ปี ๖ ปี เป็นต้น (ไม่มีเกษียณ ๖๐ เหมือนผู้ใหญ่บ้านหนา  ยิงฟันยิ้ม)

ลองคิดดูครับถ้าขาดสิ่งนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น...?  งั้นจงอย่าดูถูกประชาชน  เพราะอำนาจอยู่ที่เค้า  ตอนหาเสียงรู้มั้ย ว่าคนคนนั้นจบ ป.๔ (เห็นไหว้ตลอด 55+)

และคนจบ ป.๔ เป็นคนดี น้อยกว่าคนจบ ปริญญาหรือเปล่า..?  บางพื้นที่ มีผู้สมัครอยู่ ๒ คน  แต่ชนะกันที่คะแนนหลักพัน

แปลว่ามีคนโง่เกือบจะครึ่งๆ เลยหรือ...แล้วบัตรเสีย  ไม่ประสงค์ลงคะแนนล่ะ  เป็นคนประเภทไหน...?  การเลือกตั้งเป็นแค่จุดเริ่มต้นของอำนาจ  ตามครรลองประชาธิปไตย...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:35:40 โดย Temujin » IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #79 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:58:46 »


"การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน"
ผิดไปจากนี้ก็ไม่ใช่...เช่น..."การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อคนคนเดียว"ก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอมแบบอ้างเอาครับ


  แล้วถ้าคนคนนั้นถูกกลั่นแกล้ง ใส่ความ ไม่ได้รับความเป็นธรรมล่ะ.. แล้วท่านจะช่วยเขามั้ย ?
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
หน้า: 1 2 3 [4] 5 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!