เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 09:19:53
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  อายุเราไม่ถึงร้อยปี...มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน อายุเราไม่ถึงร้อยปี...มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ  (อ่าน 1583 ครั้ง)
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2010, 05:05:25 »

คนไทยหายใจเข้าออกเป็นบุญ นึกถึงการทำบุญอยู่เสมอ ขาดบุญไม่ได้ แต่มักไม่เข้าใจความหมายของ "บุญ" อย่างเช่นเวลาพูดว่า "ทำบุญทำทาน" เรามักเข้าใจว่า ทำบุญ คือ ถวายข้าวของแก่พระสงฆ์ ส่วนทำทาน คือ ให้ข้าวของแก่คนยากคนจน และยังเข้าใจจำกัดแต่เพียงว่าต้องทำกับพระสงฆ์เท่านั้นจึงจะเป็นบุญ

        บุญ แปลว่า เครื่องชำระจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด หรือ คุณสมบัติที่ทำให้บริสุทธิ์ คำว่า "ทาน" แปลว่า การให้ การสละ การเผื่อแผ่แบ่งปัน จะมอบของให้ใคร หรือจะถวายของให้ใครก็เป็นบุญทั้งนั้น จะต่างกันก็เพียงว่าได้บุญมากบุญน้อยเท่านั้นเอง

        ฉะนั้น เวลาพูดว่า ไปทำบุญทำทาน จึงหมายความว่าไปชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการแบ่งปันสิ่งของ (ทานมัย) ซึ่งเป็นการแบ่งปันให้ใครก็ได้ และการทำบุญก็ไม่ได้มีความหมายแคบๆ แต่เพียงแค่การให้ทานบริจาคสิ่งของ แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


ทำบุญอย่างมีความหมาย
        บุญ มาจากศัพท์ภาษาบาลีว่า "ปุญญะ" แปลว่า เครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ บุญเป็นเครื่องจำกัดสิ่งเศร้าหมองที่เรียกว่า กิเลส ดังนั้นการทำบุญจึงเป็นการช่วยลดละเลิกความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความมีใจคับแคบ ตระหนี่ถี่เหนียว หวงแหน ยึดติดลุ่มหลงในวัตถุสิ่งของ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของความทุกข์ให้ออกไปจากใจ ทำให้ใจเป็นอิสระ พร้อมจะก้าวต่อไปในคุณความดีอย่างอื่น หรือเปิดช่องให้นำเอาคุณสมบัติอันดีงามอื่นๆ มาใส่เพิ่มเติมแก่ชีวิต เป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น

        ขณะเดียวกันบุญก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดภาวะน่าบูชา คนที่ทำบุญมักเป็นคนน่าบูชา เพราะเป็นบุคคลผู้มีคุณธรรม มีความดี บุญทำให้เกิดภาวะน่าบูชา แก่ผู้ที่ทำบุญสม่ำเสมอและเมื่อได้ทำบุญแล้ว จิตใจก็อิ่มเอิบเป็นสุขที่ประณีตลึกซึ้งขึ้นไป เป็นความสุขที่ยั่งยืนยาวนาน และเป็นความสุขที่สงบประณีต

ท่านพุทธทาสภิกขุพูดถึงวิธีทำบุญ ๓ แบบ ว่า เปรียบเหมือนกับคน ๓ คน เอาน้ำ ๓ ประเภทมาอาบชำระล้างตัว คือ

        ๑) บุคคลทำบุญเหมือนเอาน้ำโคลนมาอาบ คือ คนที่ทำบุญด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบียดเบียนสัตว์ ฆ่าวัว ฆ่าควาย ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ และเอาเนื้อสัตว์เหล่านั้นมาจัดงานบุญเลี้ยงกัน รวมทั้งมีเลี้ยงสุรายาเมาด้วย จนบางครั้งเกิดการทะเลาะวิวาททำร้ายกัน เหล่านี้เป็นการทำบุญด้วยการทำบาป เหมือนกับเอาน้ำโคลนมาชำระตัว จะสะอาดได้อย่างไร

        ๒) บุคคลทำบุญเหมือนเอาน้ำเจือด้วยแป้งหอมมาอาบ คือ คนที่ทำบุญด้วยอุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นในบุญเป็นอย่างมาก เมาสวรรค์ เมาวิมาน เป็นการทำบุญด้วยกิเลสหรือความยึดติดอย่างรุนแรง ทำแล้วหวังผลเช่นนั้นเช่นนี้ เหมือนเอาน้ำที่เป็นเครื่องหอมมาอาบชำระกาย จะสะอาดได้อย่างไร

        ๓) บุคคลทำบุญเหมือนเอาน้ำสะอาดมาอาบ คือ คนที่ทำบุญด้วยใจสงบร่มเย็น ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นสิ่งนั้น ว่าเป็นตัวเราของเรา (อาจจะมีบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นเหตุจริงจังให้จิตฟุ้งซ่าน สั่นไหว หรือยึดติดเป็นอุปาทาน) เหมือนคนเอาน้ำสะอาดมาอาบ ย่อมสะอาดกว่าบุคคล ๒ ประเภทแรก

เราทำบุญแล้วเป็นแบบไหน หรือจะเป็นแบบไหน ต้องเลือกพิจารณาดูให้ดีๆ

การสร้างบุญนั้นทำได้หลายอย่าง ศัพท์ทางพระพุทธศษสนาเรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญนั่นเอง ได้แก่
          
๑.  ทานมัย      บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน.
      ยิ้มกว้างๆ อามิสทาน คือการให้สิ่งของ
      ยิ้มกว้างๆ ธรรมทาน การให้ธรรมะ คือคำสั่งสอน หรือคำเตือนแก่ผู้อื่น
      ยิ้มกว้างๆ อภัยทาน การให้อภัย (เป็นการให้ที่ไม่ต้องเสียอะไรเลย ได้บุญมากด้วย ลองดูสิ  ยิงฟันยิ้ม)
๒.  สีลมัย       บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล.
      ยิ้มกว้างๆ ศีล ๕ สำหรับสาธุชนทั่วไป
      ยิ้มกว้างๆ ศีลส ๘ สำหรับแม่ชี อุบาสกอุบาสิกา
      ยิ้มกว้างๆ ศีล ๑๐ สำหรับสามเณร และยังต้องปฏิบัติตาม เสขิยวัตร ๗๕ ข้อด้วย
      ยิ้มกว้างๆ ศีล ๒๒๗ (วินัย) สำหรับพระภิกษุ
      ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ งดเหล้าเข้าพรรษา ก็ได้บุญนะจ๊ะ  ยิงฟันยิ้ม
๓.  ภาวนามัย       บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา.
      ยิ้มกว้างๆ ลองนั่งดูลมหายใจตัวเองสักห้านาทีดูสิ เอาตอนนี้เลยก็ได้ แต่อย่าส่งใจไปที่อื่นนะ ให้ดูลมที่ผ่านเข้าออกรูจมูกของเรานั่นแหละ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ แล้วจะรู้ว่าบุญจากการเจริญภาวนาเป็นอย่างไร            
๔.  อปจายนมัย      บุญสำเร็จด้วยการประพฤติถ่อมตนแก่ผู้ใหญ่.
       ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ให้อ่อน ๓ อย่างนะจ๊ะ คือ  :)อ่อนน้อม,   ;)อ่อนโยน,   :Dอ่อนหวาน,
๕.  เวยยาวัจจมัย   บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายในกิจที่ชอบ.
     ๖.  ปัตติทานมัย     บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ.
๗.  ปัตตานุโมทนามัย   บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ.
๘.  ธัมมัสสวนมัย   บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม.
๙.  ธัมมเทสนามัย   บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม.
๑๐.  ทิฏฐุชุกัมม์   การทำความเห็นให้ตรง.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 สิงหาคม 2010, 08:10:38 โดย ละอ่อนโบราณ » IP : บันทึกการเข้า

..............
แชทซาโนย่า กอยุ่ง~*-.
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,309


*..ปรับปรุงระบบ..*


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2010, 15:12:12 »


ข้อ 1  ทำได้แน่ๆ  อันนี้รับรอง  ยิงฟันยิ้ม

ข้อ 4  5  6  7  10  ทำได้ค่อนข้างดี แต่ยังไม่ทั้งหมด

ส่วน ข้อ 3  8  และ 9  จะลองพยายามดูนะคะ 

แต่ที่ทำไม่ได้แน่ๆ คือข้อ 2  ค่ะ  ยอมรับว่า  ศีล 5 ก็ยังทำได้ไม่ครบ ^^!
IP : บันทึกการเข้า

ஐ.¸¸.·´¯`¸¸.·•.¸¸.•´´¯`•(^)•♥ คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างในกำลังพัง คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย [ว.วชิรเมธี]ஐ.¸¸.·´¯`¸¸.·
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2010, 16:13:47 »


ข้อ 1  ทำได้แน่ๆ  อันนี้รับรอง  ยิงฟันยิ้ม

ข้อ 4  5  6  7  10  ทำได้ค่อนข้างดี แต่ยังไม่ทั้งหมด

ส่วน ข้อ 3  8  และ 9  จะลองพยายามดูนะคะ 

แต่ที่ทำไม่ได้แน่ๆ คือข้อ 2  ค่ะ  ยอมรับว่า  ศีล 5 ก็ยังทำได้ไม่ครบ ^^!


สาธุอนุโมทามิ....มาอนุโมทนาบุญครับ (ปัตตานุโมทนามัย...เราได้บุญแล้ว  ยิงฟันยิ้ม)
IP : บันทึกการเข้า

..............
นายเหตุผล
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 564



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2010, 17:55:56 »

สาธุ อนุโมทนามิ
IP : บันทึกการเข้า
SemBe
ไทยมุง 100%
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 456


i Feel GooD


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 21 กรกฎาคม 2010, 17:02:14 »

ครับ  ยิ้มเท่ห์ จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด
IP : บันทึกการเข้า

Que sera,sera Whatever will be,will be.The Future's not ours to see Que sera,sera ***
۰•ฮักแม่จัน©®
เลวบ้างในบางเวลา
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,017


"มารบ่มี บารมี บ่เกิด.."


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 21 กรกฎาคม 2010, 17:03:20 »

อนุโมทนาครับ
IP : บันทึกการเข้า

"ทำบุญเท่าไรก็ไม่สามารถลบล้างบาปได้ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป"

ไม่มีใครหรอกที่จะเลวโดยสันดาน ..
หากแต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ทำ
^เด็ก_วัด^
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,001



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2010, 06:55:32 »

ขอบคุณ สำหรับหลักธรรมดีๆครับ
IP : บันทึกการเข้า
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2010, 07:13:21 »

ยินดีครับทุกท่าน...
ขอให้บุญรักษา เทวดาคุ้มครองทุกท่าน  ยิ้มกว้างๆ


บุญและความมุ่งหมายแห่งบุญ ๓ ระดับ

๑. เราทำบุญก็เพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน (ทิฏฐธัมมิกัตถะ) คือ เพื่อให้เกิดลาภบริวาร สถานภาพความเป็นอยู่ ความสุข คำชมเชย สนองตอบกลับมา นั่นคือคุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจที่ดี และการยอมรับที่ดีจากสังคมรอบข้างที่เราอยู่ ที่สุดก็เพื่อให้คนเรารู้จักเห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือกันฉันพี่น้อง คนที่เดือดร้อนก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ไม่ถูกทอดทิ้ง มีชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่มีความสุข เพราะคนเราในโลกต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความเอื้ออาทรต่อกัน จะอยู่แบบตัวใครตัวมันไม่ได้

๒. เราทำบุญเพื่อประโยชน์สุขที่สูงขึ้น (สัมปรายิกัตถะ) นั่นคือในระดับจิตที่สูงขึ้นไป เพื่อเราจะได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง ให้เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นบุคคลที่มีศีลธรรม มีคุณธรรม มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความอบอุ่นซาบซึ้งสุดใจด้วยศรัทธา ภาคภูมิใจ อิ่มใจ แกล้วกล้ามั่นใจในชีวิตที่ได้ทำบุญ โดยกินความรวมถึงจุดหมายต่อมาเมื่อละโลกนี้ไปแล้วด้วย

๓. เราทำบุญเพื่อประโยชน์อย่างยิ่ง (ปรมัตถะ) คือ ประโยชน์ที่เป็นสาระแท้จริงของชีวิต ได้แก่ การรู้แจ้งสภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง รู้เท่าทันคติธรรมดาของโลกของสังขารธรรม ไม่ตกเป็นทาสของโลกและชีวิต มีจิตเป็นอิสระปลอดโปร่งผ่องใส ไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนปรวนแปรของชีวิต หรือการพรัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักในชีวิต ไม่ถูกบีบคั้นโดยความยึดมั่นของตนเอง เย็นสว่างไสวโดยสมบูรณ์

        ความมุ่งหมายของบุญทั้ง ๓ ระดับนี้ เราจะเห็นได้จาก พิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่มุ่งประโยชน์ทั้ง ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านวัตถุ หรือความเป็นอยู่ ด้านสังคม ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่เกื้อกูลกัน ความสัมพันธ์ด้านจิตใจ และ ด้านปัญญา ทั้งหมดนี้ล้วนมีคุณค่าต่อคุณภาพชีวิตและสังคม อันไม่อาจขาดด้านใดด้านหนึ่งไปได้ พูดง่าย ๆ คือพิธีกรรมทางพุทธศาสนามุ่งให้เกิดประโยชน์ครบถ้วน อย่างเป็นองค์รวมตามความมุ่งหมาย

        ประโยชน์ทั้ง ๔ ด้านนี้เรายังเห็นได้จากประเพณีพิธีกรรมของชุมชน เช่น ลอยกระทง บุญบั้งไฟ กล่าวคือ ไม่เพียงแต่มีจุดมุ่งหมายอนุรักษ์ลำน้ำหรือเพื่อให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงเท่านั้น ยังเอื้อให้เกิดความสนิทสนมกลมเกลียวในชุมชน และมีกิจกรรมทางศาสนาเพื่อให้เกิดความมั่นใจในชีวิต รวมทั้งมีการปลูกฝังตอกย้ำทัศนคติที่เคารพธรรมชาติ และจิตสำนึกต่อชุมชน ซึ่งล้วนเป็นคติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต

        โดยสรุปแล้ว ปุถุชนคนเราทำบุญก็เพื่อ "ตัวเอง" แต่คงดีกว่าถ้าเราทำบุญเพื่อ "พัฒนาจิต" และคงดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเราทำบุญเพื่อพัฒนา "สติปัญญา" ไปด้วย และคงดีที่สุด ถ้าเราช่วยกันทำบุญทุกรูปแบบ (บุญกิริยาวัตถุ ๑๐) เพื่อช่วยเหลือสังคมให้สงบสุข และดีไปด้วยพร้อม ๆ กัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 สิงหาคม 2010, 08:13:22 โดย ละอ่อนโบราณ » IP : บันทึกการเข้า

..............
watinta
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 01 กันยายน 2010, 18:59:25 »

กระทู้dd สนับสนุนครับผม เจ๋ง
IP : บันทึกการเข้า
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2010, 10:20:40 »

อึ๊บ...ยู้ขึ้นไป


กระทู้dd สนับสนุนครับผม เจ๋ง
ยินดีจ้าดนักครับ
IP : บันทึกการเข้า

..............
watinta
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 10 พฤศจิกายน 2010, 21:05:17 »

การฟัง(อ่านตวย)ธรรมตามกาล เป็นมงคลชีวิตครับผม สาธุ เจ๋ง
IP : บันทึกการเข้า
คนหลังเขา
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 651



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2010, 17:41:39 »

ขอบคุณมากสำหรับสิ่งดีๆ ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม :)จะลองพยายามทำตามดูเน้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2010, 18:13:36 โดย คนหลังเขา » IP : บันทึกการเข้า

*ความรัก*ไม่ลึกซึ่งเหมือนกาลเวลา
** ว่างๆเข้ามาพูดมาคุยและฟังเพลงเพราะๆได้จากห้องไหลๆของเราชาวเชียงรายโฟกัสนะคะ
** http://www.chiangraifocus.com/forums/chatroom/index.php **
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!