หากสังเกตจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้ ไม่ว่าถนนสายหลัก สายรอง ในตรอก ซอกซอย จะมีโมเดิรน์เทรดย่อส่วนจากเหล่ายักษ์ใหญ่ในตลาดค้าปลีก ผุดขึ้นจำนวนมากขึ้น ทำให้ความถี่ในการปรากฏผ่านตานั้นบ่อยครั้งขึ้น ทั้งเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส,ท็อปเดลี่ ตามด้วยมินิบิ๊กซี ฯลฯ ที่เรียกว่าแทบจะจ่อหน้าประตูบ้านเลยทีเดียว
ที่ร้ายที่สุดคือ อาวุธทางการตลาดของร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กเหล่านี้ ครบเครื่อง ที่เห็นได้ชัด ๆ คือ การตกแต่งร้านที่ทันสมัย บรรยากาศเย็นสบาย สำคัญคือ แคมเปญต่าง ๆ ที่พ่วงเข้ามาจากสาขาใหญ่ ทั้งการจัดรายการลดราคา,การสะสมแต้มจากการถือบัตรสมาชิก
ปฏิบัติการณ์เช่นนี้ กำลังส่งผลกระทบต่อการทำมาหาเลี้ยงชีพของคนไทยอย่างแรง ไม่ว่าจะเป็นร้านปลีก ร้านค้าส่ง และอาจจะลุกลามไปจนถึงแม่ค้า พ่อค้าในตลาดสด ซึ่งคนเหล่านี้หาเลี้ยงครอบครัวมาด้วยอาชีพค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ มานาน หลายครอบครัวส่งเสียลูกให้ได้เรียนสูง ๆ ก็เพราะอาชีพนี้ แต่หากนับจากนี้ไปผู้คนรุ่นใหม่ เริ่มปันใจไปหาความสะดวกสบาย จากโมเดิร์นเทรด ขนาดย่อมใกล้ ๆ บ้าน มากขึ้น
อนาคตของคนไทยจำนวนมาก (จำนวนร้านค้าโชห่วยในขณะนี้กว่าสองแสนราย) จะเป็นอย่างไร
ถามว่า ต้นสายปลายเหตุของการไล่ล่าในตลาดค้าปลีกในประเทศไทย มาจากอะไร
คำตอบสำคัญ คือ รัฐบาล เพราะไม่ว่าคณะนี้หรือคณะไหน ก็ไม่เคยนำขึ้นเรื่องนี้เข้ามาถก เพื่อปกป้องรายย่อย มุมหนึ่งอาจเป็นเพราะ เรื่องนี้หาได้มีผลประโยชน์อันใดจะตกถึงท้องนักการเมืองไม่
วันนี้ร้านค้าโชห่วย ก็ทำได้แค่ นั่งมอง นอนมอง พรบ.ค้าปลีก ถูกดองต่อไป อย่างที่ไม่รู้อนาคต
เพราะรัฐบาลไทยทุกวันนี้ คิดได้แค่ โครงการ “สินค้าฟ้า” สั้น ๆ ง่าย ๆ แก้ปัญหาไปวัน ๆ หรือล่าสุด โครงการ โชห่วย ช่วยชาติ ในชื่อ"ร้านถูกใจ”ที่ว่ากันว่า เป็นโปรเจ็คละลายงบกว่า 1,600 ล้านเท่านั้น และก็ส่อแววแท้งไม่เป็นท่าแล้ว เหมือนประหนึ่งว่า โชห่วยเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์เท่านั้น
เพราะโครงการพวกนี้ ไม่ได้มองที่การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และสร้างความยั่งยืนให้กับคนที่กำลังไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่
ครั้นกฏหมายผังเมืองออกมาก็กลับกลายเป็นช่องโห่วงให้เกิดการแพร่ระบาดของบรรดาโมเดิร์นเทรดขนาดเล็กเข้าไปอีก ว่ากันว่า ค้าปลีกขนาดเล็กจะมีจำนวนรวมไม่ต่ำกว่า 2,000 สาขาในปีนี้ และเริ่มรุกเข้าไปในต่างจังหวัดทั้งเขตเมืองและอำเภอ บวกกับเซเว่น อีเลฟเว่นอีก กว่า 6,000 สาขา
ถึงวันนี้ คนไทยก็คงจะต้องหันช่วยคนไทยด้วยกันเอง ตามกำลังความสามารถ ประสบการณ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับค้าปลีกของคนไทย คนที่มีกำลังมากกว่าก็คงจะมาช่วยคนที่อ่อนแอกว่า ผู้ซื้อชาวไทยหากจะลองมองข้ามในเรื่องความสะดวกสบายไปบ้าง แต่มองว่า การซื้อของจากร้านของชำ คือการช่วยเหลือคนไทยด้วยกันอีกรูปแบบหนึ่ง ตลาดค้าปลีกของเมืองไทยก็โอกาสที่หลุดรอดจากการตกเป็น “เมืองขึ้น” ของต่างชาติได้อีกคราหนึ่ง
ขอบคุณการสนับสนุนข้อมูลจาก
Marketinfo.co.th