ข้อคิด..
โหราศาสตร์, หัตถเรขานิเทศศาตร์..
ศาสตร์เหล่านี้เกิดขึ้นมาจากการเฝ้าสังเกตุ..ทดลอง..ปรับปรุง
มีความเป็นมาที่ยาวนานแต่ครั้งบรรพกาล..
ชีวิตของนักพยากรณ์ ในแต่ละตำราต่างล้มหายตายจากไปไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรุ่น..
ในแต่ละรุ่น ๆ ได้มีการศึกษา ทดลอง ปรับปรุง ต่อยอดองค์ความรู้เดิมเรื่อยมา..จวบปัจจุบัน
ความเชื่อถือหรือไม่..ต้องยกให้เป็นสิทธิส่วนบุคคล ตามจริตของตน ๆ ไป
หากจะย้อนถามเราว่า..เชื่อใหม? ก็ต้องขอตอบว่ามีความเชื่อ 99.9%
ที่เหลือไม่เต็ม 100 เราแยกออกได้ดังนี้..
1. ตำรา เป็นเหตุผลที่จะต้องรู้ก่อนว่า ชีวิตเราตั้งแต่ต้นจนบัดนี้มีความเป็นมาอย่างไร (ทายอดีต) หากพยากรณ์ได้อย่างถูกต้องหรือมีส่วนถูกมาก..ก็น่าเชื่อถือได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากไม่เข้าแก็ป! ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีก
2. นักพยากรณ์ คือตัวหมอดูเอง พูดไปตามตำราหรือโม้มากเกินจริงหรือไม่ เอาใจลูกค้าจนทิ้งตำหรับตำราทิ้งครูบาอาจารย์เสียหมดหรือไม่..หรือผูกมัดเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ใด ๆ หรือไม่..ข้อนี้มักจะพบเห็นเสมอและ หรือเป็นประจำ
เมื่อกลางปีที่แล้ว นักเรียน ม. 4-5-6 กลุ่มหนึ่ง พากันไปเสริมดวงดูดวง..ที่ใหนอย่ารู้เลย แต่เป็นพระ และสถานที่นั้นเป็นพุทธพานิชย์โดยแท้
เด็กผู้หญิง ม. 5 คนหนึ่ง หลังดูดวงเสร็จก็รีบกลับบ้านปิดห้องเก็บตัวเงียบโดยไม่กลับไปที่โรงเรียนอีก พ่อแม่เห็นอาการต่างเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน พาลูกวิ่งโล่มาหาเรา..
เล่าให้ฟังว่าดวงชะตาขาด..หมอดูทัก..เสียใจร้องให้สะอึกสะอื้น เราเลยลองบวกลบคูณหารวันเดือนปีเกิดดู (ปกติไม่ค่อยทำนอกจากจำเป็นจริง ๆ)
เมื่อตรวจดวงชะตาดูก็ไม่เห็นมีอะไร..เด็กคนนี้เป็นคนเรียนเก่ง..ลักษณะดี..นอบน้อมถ่อมตนอนาคตไปได้รุ่งมาก เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูงครูอาจารย์..เงาของภพมรณะและภพอื่น ๆ ก็อยู่ในเลขสูงเกณฑ์ดี..วี่แววของชะตาขาดไม่มีแม้แต่น้อย..อีกลายมือก็ดูดี..เราถึงกับส่ายหน้าเพราะความเอือมระอาในพฤติกรรมของหมอดูท่านนี้ที่ได้รับฟังมาบ่อย ๆ
แต่กระนั้นเราก็ศรัทธาเลื่อมใสในบทความตามลิ้งค์นี้..ที่ท่านได้ปรับเปลี่ยน แก้ไข เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=221382.0