เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 06:47:17
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  เถลิงศกปีใหม่ไทย "ว่าด้วยเรื่อง กรรมวิถี ทำความเห็นให้ถูกต้อง"
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เถลิงศกปีใหม่ไทย "ว่าด้วยเรื่อง กรรมวิถี ทำความเห็นให้ถูกต้อง"  (อ่าน 1150 ครั้ง)
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 11:44:06 »

              แท้จริงแล้วกรรมที่เราได้ทำไว้ทุกอย่าง เมื่อทำไปแล้วย่อมเป็นกรรมเก่าที่มีผลกระทบต่อชีวิตเรา แต่กรรมเก่าของทุกคนหาได้มีแต่เพียงอดีตชาติเท่านั้น กรรมที่ทำมา

แล้วในชาตินี้มีมากมายที่เราทำตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ล้วนเป็นปัจจัยส่งผลทั้งที่สนับสนุน

และขัดขวางต่อกรรมในอดีตชาติ เช่น คนเกิดมาในตระกูลต่ำ มีฐานะยากจน อันเกิดจากผล

กรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติ  หากชาตินี้ยังเกียจคร้าน  ไม่ขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพ ไม่

สร้างบุญกุศล เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า การกระทำในชาตินี้ช่วยสนับ

สนุนเสริมแรงกรรมเก่าในอดีตชาติส่งผลให้ยากจนขัดสนต่อไปทั้งชาติ

            แต่หากชาตินี้มีความเพียรพยายาม รู้จักขวนขวายหางานทำ งานหนักก็เอา ถึงงาน

เบาก็สู้ รู้จักประหยัดอดออม ใช้จ่ายให้เหมาะสมกับฐานะ รู้จักสั่งสมประสบการณ์พัฒนา

อาชีพให้ก้าวหน้า อีกทั้งรูจักช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น แบ่งปันทรัพย์ส่วนหนึ่งทำบุญสร้างกุศล

แม้จะไม่มากแต่ประกอบด้วยจิตศรัทธากุศลกรรมที่ทำมาในชาตินี้จะช่วยบั่นทอนกำลังวิบาก

ในอดีตชาติให้เบาบางลง อีกทั้งยังสนับสนุนกุศลกรรมให้มากยิ่งขึ้นทำให้เขามีฐานะและ

ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


* 71.jpg (37.28 KB, 475x317 - ดู 92 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 15 เมษายน 2012, 11:46:48 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 11:49:41 »

         เราต้องศึกษาให้เข้าใจชีวิต เข้าใจความเป็นไปของโลก ทำให้เห็นความเป็นจริง

อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มีเรื่องกรรมเก่าอย่าง

เดียว แรงส่งผลของกรรมคือ การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา และเจตนานั้นสามารถเป็นได้

ทั้งปัจจุบันกรรม อดีตกรรม อนาคตกรรม (กรรมที่จะส่งผลในชาตินี้ กรรมที่จะส่งผลในชาติ

หน้า : ผู้โพสท์) ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นที่กิเลสภายใน หรือใจเรานั้นเอง ในกายกรรมการกระทำ

ทางกาย มโนกรรม การกระทำทางใจ วจีกรรม การกระทำทางคำพูด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

กรรมที่อันตรายที่สุด คือ มโนกรรม กรรมทางใจ


“จิตเตน นียติ โลโก” โลกหมุนไปเพราะความคิดและจิต


* bb.jpg (4.31 KB, 180x280 - ดู 87 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 15 เมษายน 2012, 11:51:58 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 12:22:06 »

     ความสำเร็จในชีวิตเป็นสิ่งที่ผู้รักความก้าวหน้าทุกคนต้องการและแสวงหา แต่ความ

สำเร็จจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความเพียรพยายาม ไขว่คว้า แสวงหาวิธี สาเหตุแห่งความสุข

ความสำเร็จ ความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต  ตำแหน่งหน้าที่การงานทุกอย่าง ซึ่งพระ

พุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้พึงปฏิบัติที่จะทำให้ชีวิตประสบความเจริญ

     พุทธมรรคาที่จะเอาชนะกรรมในหลักพุทธศาสนาคือการปฏิบัติตามไตรสิกขา ซึ่งวิธีการ

ปฏิบัติไปตามลำดับแห่งคุณภาพจิตจะเปลี่ยนเป็น “สัมมาทิฏฐิ”  คือ เห็นชอบตามทำนอง

คลอง พอจิตเปลี่ยนคุณภาพดีขึ้น เมื่อเห็นว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดชอบ การกระทำก็จะเปลี่ยน ชีวิต

ก็จะเปลี่ยน ผลของการกระทำก็จะเปลี่ยนตาม ทำให้เราเป็นบุคคลใหม่ในระบบการดำเนิน

ชีวิตที่ดี ฝึกอย่างไรก็ได้อย่างนั้น สิกขาอย่างไร ก็ได้มรรคอย่างนั้น สิกขา คือ การศึกษาที่

ฝึกอบรมพัฒนาชีวิต 3 ด้าน ดังนี้
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 12:23:19 »

     หลักไตรสิกขา เป็นการศึกษาที่ฝึกคนให้เจริญ พัฒนาขึ้นไปในองค์ประกอบทั้งสามด้าน

ของชีวิตที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ การฝึกศึกษาที่จะให้มีชีวิตที่ดีงาม เป็นสิกขาหรือการศึกษา

ส่วนว่าชีวิตดีงามที่เกิดจากการฝึกศึกษานั้นเป็นมรรค การศึกษานั้น  มี ๓ อย่าง เรียกว่า

ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
       
      โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกยุคโลกาภิวัตน์อย่างในปัจจุบัน นับว่าเป็นระบบการศึกษาที่จะ

ทำให้บุคคลได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล และให้มนุษย์เป็นองค์รวมที่พัฒนาชีวิตไปพร้อม

กันทั้งระบบ เมื่อมองจากมุมของมรรควิธีทั้งสาม จะเห็นความหมายของสิกขาแต่ละอย่าง

การสึกษาทั้งสามด้านนี้เป็นหลักของพระพุทธศาสนา เป็นระบบ และเป็นกระบวนการทั้ง

หมดของมรรควิธีการพัฒนาคนไปสู่ความสำเร็จ...
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 13:31:41 »

มรรควิธีที่ ๑ มรรควิธีแห่งศีล การรักษากฎเกณฑ์ กติกา มารยาท ของสังคม
   
   ถนนสู่ความสำเร็จ ถนนสายนี้เป็นถนนสายยาว และเดินแสนยากลำบากยิ่ง ต้อง

ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เพราะเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม หนทางชีวิตมิได้ปูลาดด้วย

พรหมสีแดง หรือหว่านโปรยด้วยกลีบกุหลาบ ยอดเขาแม้สูงเสียดฟ้า อย่างเช่น ยอดเขาเอ

เวอร์เรสต์ ยังมีคนที่พยายามปีนขึ้นไปเหยียบยอดเขานั้นได้
   
     เริ่มจากพิจารณาที่ตัวเรา ถามต่อว่า เรากำลังจะเดินไปทางไหน แล้วจงตั้งปณิธานไปสู่

ความมุ่งหวังนั้นให้ได้ดดยอาศัยมรรควิธีที่ฝึกในด้านการสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ทั้งทาง

สังคมและวัตถุ ด้วยการประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ
   
     ศีล คำนี้แปลว่า ปรกติ นั้นคือ ชีวิตที่เป็นไปอย่างปรกติอีกนัยหนึ่งคือ การมีวิถีชีวิตที่

ปลอดเวรภัยไร้การเบียดเบียน การดำเนินชีวิตที่เกื้อกูลแก่สังคมและแก่โลก ศีลจึงเปรียบ

เหมือนเป็นการจัดแจงแต่งปรับพื้นที่ และบริเวณแวดล้อมให้สะอาด มีสภาพที่เหมาะสม

พร้อมจะทำงานได้คล่องสะดวก ความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง สิ่งแวดล้อมที่เรา

เกี่ยวข้องสัมพันธ์ มี ๒ ประเภทคือ สิ่งแวดล้อมทางสังคม ได้แก่ เพื่อนมนุษย์ ในความ

หมายทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งสัตว์อื่นทั้งหลายทั้งปวงด้วย เพราะมวลสิ่งมีชีวิตที่ล้วนพึง

พาอาศัยอยู่ในโลก สิ่งแวดล้อมทางวัตถุ

ได้แก่ ปัจจัยสี่ เครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเทคโนโลยี และสิ่งทั้งหลายที่มีใน

ธรรมชาติ การดำเนินชีวิตที่ผิดจากศีล ความหมายนั้นก็คือ การดำเนินชีวิตที่ผิดจากปรกติ
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 13:33:06 »

    ศีล แบ่งออกเป็น ๔ หมวด ดังนี้

๑.การรักษาวินัยของชุมชน เมื่อคนอยู่ร่วมกัน หรือ ทำงานทำกิจการร่วมกัน จะต้องมี

กฎเกณฑ์ กติกา มารยาทตลอดจนกฎหมาย เพื่อจัดระเบียบระบบให้เกิดความเรียบร้อย

ประสานสอดคล้อง เกื้อหนุนต่อกัน ร่วมรับผิดชอบและสามัคคี ที่จะเอื้อโอกาสเป็นหลัก

ประกันให้ชีวิตความเป็นอยู่ ดำเนินกิจการต่างๆ ไปด้วยดีก็คือ ศีลห้า ซึ่งถือว่าเป็น

มนุษยธรรมแม่บทสำหรับสังคมแห่งมนุษย์ชาติทั้งหมด เพราะเป็นบรรทัดฐานที่จะทำให้

มนุษย์มีวิถีชีวิตที่สูงกว่าสัตว์ดิรัจฉาน อยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียน และรักษาสังคมให้มีสันติ

สุข
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 13:33:58 »

๒.การรู้จักปรับใช้อินทรีย์ เรารับรู้สิ่งแวดล้อมทางอินทรีย์คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าดูไม่

เป็น ฟังไม่เป็น แทนที่จะได้ประโยชน์ก็จะเกิดโทษ เกิดความลุ่มหลงมัวเมา ถูกหลอกลวง

และเสื่อมเสียสุขภาพ เป็นต้น ตลอดจนนำไปสู่การใช้มือและสมองเพื่อการแย่งชิงหรือ

ทำลาย จึงต้องพัฒนาพฤติกรรมในการใช้อินทรีย์ ฟังให้รู้ ดูให้เป็นอย่างมีสติ เมื่อดูเป็น ฟัง

เป็น รู้จักใช้แสวงหาความรู้ก็จะได้ปัญญา พัฒนาคุณภาพชีวิต และนำไปสู่การใช้มือและ

สมอง เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และทำการสร้างสรรค์
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 13:34:44 »

๓. การหาเลี้ยงชีพที่บริสุทธิ์  การทำมาหาเลี้ยงชีพ เป็นพฤติกรรมหลักในการดำเนิน

ชีวิตของมนุษย์ ถ้ามีผู้หาเลี้ยงชีพโดยวิธีทุจริตเป็นมิจฉาชีพ นอกจากชีวิตของคนๆ นั้นเอง

จะชั่วร้ายเสื่อมเสียแล้ว ก็จะก่อความเดือดร้อนแก่สังคมเป้นอย่างมาก จึงตอกย้ำเน้นกัน

อย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนา และส่งเสริมให้ประชาชนฝึกฝนตนให้สามารถประกอบสัมมาชีพ

คือ หาเลี้ยงชีวิตโดยทางสุจริต ไม่ผิดกฎหมาย
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 13:35:37 »

๔. การเสพบริโภคปัจจัยโดยใช้ปัญญา พฤติกรรมของมนุษย์ ในที่สุดก็มาลงที่การ

กิน การใช้ การเสพบริโภค ถ้ามนุษย์ไม่พัฒนาพฤติกรรมการเสพและบริโภค ก็จะก่อปัญหา

อย่างมากทั้งแก่ชีวิต แก่สังคม และแก่โลก เพราะเขาจะกินใช้ บริโภคปัจจัย รวมทั้ง

เทคโนโลยีด้วยโมหะ ก่อให้เกิดความลุ่มหลงจนเสียคุณภาพชีวิต ทำลายทรัพยากร

ธรรมชาติ ก่อมลภาวะ จึงต้องพัฒนาพฤติกรรมที่เกิดจากปัญญาที่รู้ ที่เข้าใจ และปฏิบัติให้

ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของปัจจัย ให้เห็นคุณค่าแท้ที่เป็นจุดหมายของการบริโภคสิ่งนั้นๆ ….


* 78.jpg (7.54 KB, 198x131 - ดู 76 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 15 เมษายน 2012, 13:38:55 »


คัดลอกจาก: ๓๙ พุทธมรรคา ถ้ารู้แล้วทำไมถึงไม่ทำ


"บางคนชอบอ้างว่ารู้แล้ว แต่พอจะลงมือทำก็สายไปเสียแล้ว"
IP : บันทึกการเข้า
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 17 เมษายน 2012, 21:11:36 »

ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!