"ฉันเกลียดสงกรานต์"

[tonkla]

"ฉันเกลียดสงกรานต์"

บทความรณรงค์เพื่อการเล่นสงกรานต์อย่างเคารพสิทธิของผู้อื่น

By StampSonice


"ฉันเกลียดสงกรานต์"

ทุกครั้งที่ฉันเอ่ยปากพูดความจริงในใจข้อนี้ให้ผู้อื่นรับรู้ สิ่งที่ตามมาทันทีก็มักจะเป็นรอยฉงนบนใบหน้าของผู้ฟัง

..หรือแย่กว่านั้น บางคนถึงกับหาว่าฉันเป็นคนขวางโลก

ซึ่งฉันก็พอจะเข้าใจว่าทำไม ในเมื่อเทศกาลที่ฉันบอกว่า "เกลียด" คือหนึ่งในเทศกาลที่สนุกสนานที่สุดในสายตาของคนทั่วไป

ทำไมล่ะ? ฉันเชื่อว่าหลายคนคงมีคำถาม

บางคนก็เก็บคำถามไว้ในใจ แต่บางคนก็เลือกที่จะถามฉันออกมาตรงๆ ซึ่งสำหรับคนกลุ่มหลัง ฉันก็เตรียมคำตอบให้พวกเขาแล้วเช่นกัน

แน่สิ! ถ้าคุณรู้จักฉันมากพอ คุณก็คงจะรู้ว่าฉันไม่ได้เกลียดสงกรานต์อย่างไม่มีเหตุผลหรอกนะ

 
ตอนเด็กๆ ฉันเองก็เหมือนกับคนทั่วไป อาจไม่ถึงกับตื่นเต้นรอคอยให้ถึงเทศกาลเฉลิมฉลองใหญ่แห่งปีเทศกาลนี้ แต่ครั้นเมื่อเวลาเวียนมาบรรจบครบปี ฉันเองก็สนุกสนานไปกับการเอาขันใหญ่ หรือไม่ก็ปืนฉีดน้ำอันโตมาไล่สาดไล่ฉีดคนที่เดินผ่านไปมาในซอยแถวบ้านเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ

อาจต่างก็เพียงไม่มีโอกาสขึ้นรถกระบะของเพื่อนบ้านไปเที่ยวต่อตามถนนข้าวสาร หรือแหล่งจัดงานเทศกาลดังๆ เพราะพ่อกับแม่ที่เลี้ยงฉันมาอย่างค่อนข้างเข้มงวดไม่อนุญาต

แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือพยายามดิ้นรนหาทางไปแต่อย่างใด

(พี่สาวบุญธรรมของฉันบอกเสมอว่า ฉันหัวอ่อนพอที่จะเชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่ ไม่เหมือนกับเธอที่ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด)

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ฉันเองก็อยากรู้ว่าสงกรานต์ข้างนอกเขาเล่นกันอย่างไร

และความอยากรู้นั้นก็ทำให้ฉันได้เห็นถึงด้านอันเลวร้ายของเทศกาลแสนสนุกเทศกาลนี้ จนกระทั่งกลายเป็นความฝังใจให้ฉัน "เกลียด" สงกรานต์มาจนถึงปัจจุบัน

อย่างที่ฉันได้บอกไปแล้วว่า ครอบครัวของฉันเลี้ยงฉันมาอย่างค่อนข้างเข้มงวด สำหรับฉัน การแตะเนื้อต้องตัวกับเพศตรงข้ามถือเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง โดยอย่างยิ่ง...เพศตรงข้ามที่ไม่เคยรู้จักกันเลย

ทว่า เมื่อฉันที่ขณะนั้นอายุ 16 ปี ตัดสินใจขอให้แม่พาไปเที่ยวสงกรานต์ สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ที่เกาะรัตนโกสินทร์ ฉันกลับถูกจาบจ้วงอย่างร้ายแรงด้วยการถูกผู้ชายแปลกหน้าดึงตัวไปประแป้ง มิหนำซ้ำยังทั้งล้วงทั้งคลึงทั่วตัว ต่อหน้าต่อตาแม่ของฉัน!

ในขณะเดียวกัน แม่ของฉันกลับไม่โดนอะไรเลย นอกจากน้ำที่สาดเฉียดไปมานิดหน่อย

...จะละเมิดสิทธิส่วนตัวกันมากไปไหม...

ซ้ำร้าย เมื่อแม่พาฉันไปแจ้งตำรวจ ผู้ที่ควรจะพิทักษ์สันติราษฎร์กลับบอกหน้าตาเฉยว่า "ทำใจ ใครๆ เขาก็เล่นกัน"

ทั้งๆ ที่เหตุการณ์นั้นในยามปกติ มีความผิดร้ายแรงถึงขั้นอนาจาร คงไม่ต้องบอกใช่ไหมคะว่าโทษที่ได้รับจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน

 
นั่นทำให้ฉันเกิดคำถามว่า "เพราะเป็นเทศกาลสงกรานต์ ถึงทำอะไรเลวร้ายได้โดยไม่มีความผิดใช่ไหม"

ฉันมีความคิดเสมอว่า "คนเราควรใช้สิทธิเพียงเท่าที่ไม่กระทบกับสิทธิของผู้อื่น

แล้วสิ่งที่คนพวกนั้นทำกับฉันล่ะ เขาไม่ได้กำลังละเมิดสิทธิของฉันอยู่หรอกหรือ???

ฉันเลิกเล่นสงกรานต์ตั้งแต่วันนั้น เพราะรับไม่ได้กับการถูกละเมิดสิทธิแล้วเอาคำว่า "สงกรานต์" มาอ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องรับผิด ฉันเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน และไม่ยอมออกไปไหนถ้าไม่มีความจำเป็น

ถึงกระนั้น ฉันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงคนประเภทนี้ได้อยู่ดี

กับข้าวที่บ้านกำลังจะหมดลง เหลือแต่มาม่าสารพัดรสที่ไม่ให้สารอาหารครบถ้วน ฉันจึงตัดสินใจออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้านเพื่อซื้อของสดมาเพิ่มเติม

ระหว่างทาง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น ฉันจึงกดรับแล้วคุยกับปลายสายอย่างออกรส

ไม่คิดเลยว่า ทั้งๆ ที่ฉันถือโทรศัพท์คุยอยู่ และโดยสามัญสำนึกของคนทั่วไปก็ย่อมทราบดีว่า การสาดน้ำใส่โทรศัพท์มือถือ อาจทำให้โทรศัพท์ช็อตถึงขั้นใช้การไม่ได้ .....ก็ยังมีคนมาสาดน้ำใส่ฉัน

และแน่นอนว่าโดนโทรศัพท์ที่ฉันกำลังถือคุยอยู่ด้วย

"ตาบอดรึไง คนเค้าคุยโทรศัพท์อยู่ ถ้าโทรศัพท์ฉันเสียคุณต้องชดใช้นะ" ฉันแว้ดกลับใส่มือดีที่มาสาดน้ำแบบไม่ดูตามาตาเรือทันที

หากแทนที่เจ้าหล่อนจะขอโทษ กลับพูดสวนมาว่า "ก็นี่สงกรานต์" ก่อนจะวิ่งหนีไปโดยไม่ใยดีว่าการกระทำของตนเองจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนเสียหายอย่างไร

อีกครั้งแล้ว...ที่ฉันโดนละเมิดสิทธิแล้วเอาคำว่า "สงกรานต์" มาเป็นข้ออ้าง

โชคดีที่โทรศัพท์ของฉันไม่เป็นอะไร แต่ถ้ามันเสียขึ้นมาล่ะ ใครจะชดใช้!

ถ้าปลายสายไม่ใช่แค่เพื่อนคุยเล่นกันธรรมดา แต่เป็นธุระสำคัญ แล้วฉันต้องพลาดธุระนั้นไปเพราะโทรศัพท์โดนสาดน้ำใส่จนเสีย ใครจะรับผิดชอบ!

ถึงจะสนุกสนานกันเต็มที่เพียงไร แต่ฉันก็อยากให้ทุกคนตระหนักถึงการเคารพสิทธิของคนอื่นบ้าง ในเมื่อมีทั้งคนที่สนุกสนานตามไปด้วย คนที่ไม่ถือสาหาความอะไร และคนที่อาจจะไม่พอใจกับการกระทำเหล่านั้นด้วยเหตุผลส่วนตัว

คงจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงใช่ไหม ถ้าจะเอ่ยปากถามสักคำว่า "ขอสาดน้ำได้ไหมคะ" หรือ "ขอประแป้งได้ไหมครับ"

ฉันคิดว่าการเอ่ยปากขออนุญาตจะเป็นการดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะคนเล่นกับคนถูกเล่นจะได้มีโอกาสสื่อสารความต้องการให้ตรงกัน ว่าขอบเขตของอีกฝ่ายอยู่แค่ไหน ก่อให้เกิดความสุขทั้งสองฝ่าย

ผิดกับการเล่นอย่างจาบจ้วงจนกลายเป็นการละเมิดสิทธิของอีกฝ่าย ซึ่งรังแต่จะทำให้รู้สึกแย่ทั้งผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ (ในกรณีที่ผู้ถูกกระทำเอาเรื่องกลับ)

ฉันยังหวัง....ว่าสักวัน ฉันจะกลับมารู้สึกดีกับเทศกาลสงกรานต์ได้อีกครั้ง

เมื่อทุกคนที่เล่นกันต่างเคารพสิทธิของผู้อื่น และไม่ก่อให้เกิดผลเสียเหมือนที่ฉันเคยโดนมา จนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า.......

"ฉันเกลียดสงกรานต์"

[platu]

อืม ต้องพบกันครึ่งทางนะ คนที่ไม่ชอบ ก็ต้องเก็บตัวไม่ออกไปนอกบ้านแล้วก็วางแผนหาอะไร

มาตุนไว้ช่วงสงกรานต์ เพราะต้องเข้าใจว่าเป็นเทศกาลที่ปีนึงจะมีสักครั้ง

ส่วนคนที่เล่นก็ต้องมีจิตสำนึกในการเล่น ไม่งั้นไปเจอขาโหดขึ้นมาอาจได้อย่างอื่นสวนมาก็ได้

ดูข่าวพี่สรยุทธอยู่ มีแต่มีเรื่องกันทั้งนั้นเลยอะ

 

[blue dragon]

เรียกว่าเกลียดคนเล่นสงกรานต์ที่ไม่มีสามัญสำนึกดีกว่านะครับ
เทศกาล ทำให้คนได้สนุกสนานกัน
แต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่ทำให้สงกรานต์ ไม่น่าเล่น

[platu]

เรียกว่าเกลียดคนเล่นสงกรานต์ที่ไม่มีสามัญสำนึกดีกว่านะครับ
เทศกาล ทำให้คนได้สนุกสนานกัน
แต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่ทำให้สงกรานต์ ไม่น่าเล่น

เยี่ยมมมมมมมมมม  หันตวยจ้า