คณะกรรมการเซ็นเซอร์สั่งแบน "เชคสเปียร์ต้องตาย" ติดเรท"ห้ามฉาย"
เกรง "ก่อความขัดแย้งในชาติ"นี่อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับวงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้ง จากเหตุการณ์เมื่อปี 2553
คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ พิจารณาไม่ผ่านและไม่อนุญาตให้
ฉายภาพยนตร์เรื่อง "Insects in the Backyard" ซึ่งกำกับโดย "ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์"
เพราะมีเนื้อหาขัดต่อมาตรา 29 ในพ.ร.บ.ภาพยนตร์ พ.ศ.2551
ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังมีเนื้อหาทำลายและขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน หรืออาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐและเกียรติภูมิของประเทศไทย
เช่นบางฉากมีภาพลามกอนาจาร จึงมีความเห็นว่าไม่อนุญาตให้ฉาย
ผ่านมาเกือบ 2 ปี ปัญหาเก่าที่ยังค้างคาใจหลายๆคน ยังไม่ทันจางไปจากความทรงจำ
ของคนดูหนัง ปัญหาที่ยังคงมีการถกเถียงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ในวันนี้ (3 เม.ย.) ทีมงานผู้ผลิตได้ออกมาเปิดเผยทางเฟซบุ๊กว่า ภาพยนตร์เรื่อง
"เชคสเปียร์ต้องตาย" (Shakespeare MustDie) ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ
ให้เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งก็คือการได้รับ "เรต ห" หรือ"ห้ามฉาย" นั่นเอง
โดยทีมงานเขียนผ่านสเตตัสว่า "หนังเรื่องนี้ ไม่ได้รับความเห็นชอบ "ให้ฉาย"
จากกรรมการเซ็นเซอร์ จำนวน 7 คนเพราะเกรงว่าคนดูจะแยกไม่ได้ว่า อันไหน "เรื่องจริง"
หรือ "เรื่องแต่ง" ก่อนที่จะระบุว่า "เราไม่ได้รับอนุญาต ให้ฉายในราชอาณาจักรไทย"
และกล่าวยืนยันว่า "นี่คือ บทหนังที่ถอดมาจาก บทประพันธ์ของเชคสเปียร์ ตัวต่อตัว คำต่อคำ"
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Bioscope Magazine ได้ตัดทอนข้อความตามเอกสารการพิจารณาบางส่วน
มาเผยแพร่ดังนี้
วาระการพิจารณา:
คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่อง เชคสเปียร์ต้องตาย
(SHAKESPEARE MUST DIE) มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ
ตามกฏกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ.๒๕๕๒ ข้อ ๗ (๓)
จึงมีมติ ไม่อนุญาต โดยจัดเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร
ตามมาตรา ๒๖ (๗) แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยในเว็บไซต์ของภาพยนตร์กล่าวอย่างเด่นชัดว่า"ภาพยนตร์ขนาดยาว เนื้อหาอิงจากบท
ประพันธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์ นักประพันธ์เอกของโลก ถ่ายทอดในรูปแบบภาพยนตร์
โดยถอดความหมาย "คำต่อคำ" เพื่อคงความสวยงามของภาษากวีโดยใช้ภาษาไทย
นับเป็นภาพยนตร์เชคสเปียร์ไทยเรื่องแรก"
รายงานข่าวระบุว่า หลังจากส่งหนังเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาจัดเรตติ้ง
ไปตั้งแต่วันพุธที่แล้ว (28 มี.ค.) จนกระทั่งวานนี้ (2 เม.ย.) คณะกรรมการพิจารณาฯ
ดูหนังไปแล้วถึงสามรอบ แต่ก็ยังไม่สามารถพิจารณาได้ ขณะที่ผู้สร้างก็ไม่ยอมตัดทอน
ส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากหนัง

ทั้งนี้ในเว็บไซต์ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยระบุเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า
"เรื่องราวแห่งการเมืองและไสยศาสตร์ ที่แปลเป็นไทยอย่างซื่อตรงต่อต้นฉบับละคร
“โศกนาฏกรรม แม็ตเบธ” ของวิลเลี่ยมเชคสเปียร์ กวีเอกของโลก โดยมีการดัดแปลง
เพื่อให้เป็นภาษาภาพยนตร์ และเข้ากับบริบทของวัฒนธรรมไทย หนังผีเชคสเปียร์เรื่องนี้
ดำเนินไปพร้อม ๆ กันสองโลก ในโลกของโรงละคร โลกของขุนพลกระหายเลือด
มักใหญ่ใฝ่สูง งมงามในไสยศาสตร์ ผู้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นราชาโดยการฆาตกรรม
และโลกภายนอก ในชีวิตร่วมสมัยของนักปกครองเผด็จการของประเทศสมมุติแห่งหนึ่ง
ผู้ที่งมงายในไสยศาสตร์ โหดเหี้ยมบ้าอำนาจ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าท่านผู้นำ
และภริยาไฮโซน่าสะพรึงกลัวของท่าน เหตุการณ์ต่าง ๆ ในสองโลกแฝดนี้
ส่องสะท้อนเข้าหากัน ค่อย ๆ เริ่มซึมเข้าหากัน จนกระทั่งสุดท้ายมันประสานงากัน
อย่างรุนแรง และโหดร้าย เมื่อคณะละครต้องชดใช้ด้วยชีวิต โทษฐานอุตริแสดงละครเรื่องนี้
ในสังคมที่ปกครองโดยมนุษย์ เช่นท่านผู้นำ พวกเขาคิดอย่างไรที่จะต่อสู้กับความกลัวด้วย
ศิลปะ"ล่าสุด มานิต ศรีวานิชภูมิ ในฐานะผู้อำนวยการสร้างได้ออกคำชี้แจง "แถลงข่าวเรื่อง
หนังไทยเชคสเปียร์โดนแบนโดยรัฐบาลไทย" ในเว็บไซต์ shakespearemustdie.com
ซึ่งมีใจความดังนี้:
วันที่ 3 เมษายน 2555
บ่ายวันนี้ คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ (กองเซ็นเซอร์) ในกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติสั่งห้ามฉาย ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’
ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ได้รับทุนสร้างจากกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์ของ
สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง
ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี 2553 ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จและเข้าตรวจพิจารณาปีนี้
ตามเอกสารบันทึกการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ (แนบมาใน attachment) : “คณะกรรมการฯ
พิจารณาเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย (Shakespeare Must Die) มีเนื้อหาที่ก่อให้
เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภท
ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2552 ข้อ 7 (3)
“จึงมีมติไม่อนุญาต โดยจัดเป็นประเภทภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร
ตามมาตรา 26 (7) แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ. 2551”
ภาพยนตร์เรื่อง ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ เป็นภาพยนตร์ไทยที่สร้างขึ้นจากบทละคร
‘โศกนาฏกรรมแม็คเบ็ธ’ (The Tragedy of Macbeth) ของ วิลเลียม เชคสเปียร์
(William Shakespeare) กวีเอกของโลก เป็นเรื่องราวของขุนพลที่มักใหญ่ใฝ่สูง
อย่างไร้ขอบเขต และคลั่งไคล้ในไสยศาสตร์ เมื่อมีแม่มดมาทักว่าจะได้เป็นกษัตริย์ในภายหน้า
และโดยการยุยงของภรรยา เขาสังหารพระราชาเพื่อสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์แม็คเบ็ธ
ปกครองแผ่นดินด้วยความบ้าอำนาจ พาให้บ้านเมืองตกอยู่ในยุคมืดมนแห่งความหวาดกลัว
โดยที่ตัวเขาเองก็ปราศจากความสุข ต้องใช้ความรุนแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพื่อรักษาอำนาจของตน
อนึ่ง ละครเรื่องแม็คเบ็ธนี้ เมื่อปีที่แล้วได้มีการจัดแสดงโดยคณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ‘แม็คเบ็ธ’ นั้น บรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษาของเด็กมัธยม
ต้นทั่วโลก (ในทุกประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ) มาเป็นเวลาหลายชั่วคน และได้ถูกสร้างเป็น
ภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งโดยนักทำหนังอินเดีย ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมเห็นว่า เราไม่สามารถพูดถึงเรื่องศีลธรรม ความโลภ ความบ้าอำนาจ
ความมักใหญ่ใฝ่สูงอันไร้ขอบเขตกันได้อีกแล้วในประเทศไทย ผู้คนอยู่กันด้วยความกลัว
ราวกับว่าอยู่ใต้แม็คเบ็ธในบทละครของเชคสเปียร์จริงๆ มันแปลกประหลาดมากที่องค์กรของ
กระทรวงวัฒนธรรมลุกขึ้นแบนหนังที่กระทรวงวัฒนธรรมเองเป็นผู้สนับสนุน และกองเซ็นเซอร์
ภายใต้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เห็นควรแบนเชคสเปียร์
ด้วยความนับถือ
มานิต ศรีวานิชภูมิ
ผู้อำนวยการสร้าง ‘เชคสเปียร์ต้องตาย’ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333445431&grpid=01&catid&subcatid