"เชียงรายโมเดล" ต้นแบบป้องกันภัยบนถนน!! // จะลดหรือเพิ่ม มาดูกัน..

[boondham]

"เชียงรายโมเดล" ต้นแบบป้องกันภัยบนถนน!!



ทุกวันจะต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนท้องถนนหลวงทั่วประเทศมีทั้งบาดเจ็บแลเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเหตุรถชนรถ หรือรถชนคน ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน เวลาและการสูญเสียบุคคล ซึ่งทางสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน พบว่า พาหนะที่ประสบอุบัติเหตุจากการเดินทางทางถนน ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์มากที่สุด ร้อยละ 74.2 รองลงมาเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ร้อยละ 18.3 รถบรรทุก ร้อยละ 2.5 รถโดยสารสาธารณะ ร้อยละ 1.8 และ พาหนะอื่นอีกร้อยละ 3.2 ตามลําดับ

ช่วงที่ผ่านมาได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมการทำงานป้องกันอุบัติเหตุของโครงการสนับสนุนการดำเนินงานป้องกัน ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดนำร่อง (สอจร.) ที่หมู่บ้านสันหนองล้อม ตำบลปาก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ซึ่งที่นี้ได้มีการดำเนินงานการป้องกันอุบัติเหตุประสบความสำเร็จและที่หมู่บ้านอื่นๆนำไปเป็นแบบจนเรียกกันติดปากว่า "เชียงรายโมเดล" เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางคุณสริยา ทวีกุล หรือ "พี่ยา" พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แต่เป็นพี่เลี้ยงสอจร.ภาคเหนือ ได้เล่าให้ฟังถึงที่มาของ "เชียงรายโมเดล" ว่า เริ่มจากการใช้เวลาว่างจากการทำงานปกติเดินสายเข้าชุมชนบูรณาการงานด้านสาธารณสุขเข้ากับนโยบายการป้องกันอุบัติเหตุจราจรทางถนน เนื่องจากมีชาวบ้านประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์มาที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมากเราก็คิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุไปมากกว่านี้

เมื่อได้ใช้งานด้านสาธารณสุขเข้ากับงานนโยบายการป้องกันอุบัติเหตุจราจรทางถนน ตนก็ได้เข้าไปพูดคุยกับพ่อหลวงหรือผู้ใหญ่บ้านว่าจะทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้ชาวบ้านประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน จึงช่วยกันคิดหาวัสดุอุปกรณ์ในหมู่บ้าน ตั้งแต่ฝาถังสี ล้อรถยนต์ แผ่นซีดีที่ไม่ใช้ มาทำเป็นวัสดุอุปกรณ์เขียนป้ายเครื่องหมายจราจรเพื่อนำไปติดไว้ตามที่ต่าง ๆ ที่คิดว่าสามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้

ดังนั้น จึงเริ่มสำรวจว่าจุดไหนที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุดก็จะให้ชาวบ้านช่วยกันทำป้ายเครื่องหมายจราจรและนำไปติดไว้ เพื่อให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ได้สังเกตและรู้ว่าใกล้จะถึงทางแยกแล้วต้องระวัง หรือบอกให้รู้ว่า ตรงจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยให้ขับขี่อย่างระมัดระวัง โดยจะใช้สีขาว-แดงเป็นสัญลักษณ์ทาบนยางรถยนต์ หรือ ทำเป็นกระถางปลูกต้นไม้แล้วทาสีนำไปวางไว้บนทางแยกหรือทางโค้งบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ตอนแรกที่เริ่มใช้เป็นเพียงล้อยางและทาสีบริเวณรั้วบ้านของชาวบ้าน แต่เมื่อหมู่บ้านตั้งแต่หมู่ 7 ไปจนหมู่ 10 ที่ได้นำ “เชียงรายโมเดล” ไปเป็นแบบอย่างก็เริ่มมีจะมีการดัดแปลง ด้วยการนำแผ่นซีดีมาแขวนไว้ตรงกลางของล้อรถยนต์เพื่อที่ว่าเวลารถวิ่งมาในตอนกลางคืนแผ่นซีดีจะได้สะท้อนแสงมาแต่ไกลคนขับขี่รถจะได้มองเห็นจะได้ขับขี่อย่างระมัดระวัง

ด้าน นายเพลิน คำแก้ว พ่อหลวงหมู่6 เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ชาวบ้านช่วยกันทำสัญลักษณ์เครื่องหมายการจราจรติดตามท้องถนนช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้มาก จากที่เคยบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสียชีวิตก็ลดลงเป็นบาดเจ็บเล็กน้อย เช่น หัวเข่าถลอก หรือ บางเดือนแทบจะไม่เกิดอุบัติเหตุเลย สำหรับล้อยางรถยนต์ที่นำมาใช้ก็ได้รับการบริจาคมา โดยบอกว่าจะนำมาทำเครื่องหมายจราจร ทางพ่อค้าหรือบ้านที่มีล้อยางก็จะให้โดยไม่คิดเงินเพราะจริงๆแล้วเขาเอาไว้ขาย

ดังนั้น ใครที่มีโอกาสผ่านไปยังบริเวณหมู่บ้านสันหนองล้อม ตำบลปาก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่หมู่บ้านหมู่ 6 ไล่ไปตลอดเส้นทางจนถึง หมู่10 ตลอดแนวสองข้างทางของถนนจะมีแต่เครื่องหมายสัญลักษณ์ป้ายจราจรที่ทาสีขาว-แดง ที่ทำขึ้นมาจากวัสดุเหลือใช้ เช่น ฝาถึงสี แผ่นซีดี ล้อยางรถยนต์ และ บางพื้นที่ทาสีขาว-แดงบนตัวบ้าน บริเวณรั้วบ้านของตัวเอง ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ขับขี่รถได้มองเห็นเด่นมาแต่ไกล ซึ่งคนในหมู่บ้านหรือแม้แต่ประชาชนที่ผ่านไปมา ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องประหลาดหรือแปลกที่ในพื้นที่ล้วนทาสีขาว-แดงตลอดแนวเส้นทางของถนน เพราะพวกเขาภูมิใจว่าเป็น “เชียงรายโมเดล" ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงและมันสมองของชาวบ้านที่ช่วยกันคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หากจังหวัดใดหรือหมู่บ้านใดอยากจะนำไปต่อยอดจากโครงการ “เชียงรายโมเดล” เพื่อช่วยกันป้องกันอุบัติเหตุ ทางเจ้าของความคิดก็ไม่ขัดข้อง.

อุบล ชาญปรีชาสมุทร รายงาน

http://www.dailynews.co.th/article/440/15738

[ball93]

 

[corolado4]

แค่สร้างสำนึกในจิตใจชาวบ้าน ไล่ตั้งแต่ผู้นำชุมชนได้ก่อน
ผู้นำเอาด้วย ประชาคมทำตาม ความร่วมมือจากชาวบ้านมาเสริม
อะไรมันก็ดีไปหมด ผลปรากฎก็เกิดขึ้นได้จากสถิติที่ลดลง
ฝากเป็นการบ้านไว้ด้วยครับ อย่าลืม จดสถิติห้วงสงกรานต์มาตอบกระทู้นี้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นรถคนที่อื่นวิ่งผ่านไปมาแล้วเกิดเหตุ  รถคนในชุมชนเกิดเหตุเอง
ยอดลดลงไม่มีเลย  หรือว่า คงเช่นเดียวกับชุมชนอื่นๆ
ต้องสร้างระบบการป้องกัน ตักเตือน ห้ามปราม ใช้บุคคลากรเพิ่มเติมด้วยครับ
ป้าย ๆ ๆ สีสะท้อน อุปกรณ์สะกิดตา   อย่างเดียวไม่เพียงพอ

[boondham]

สสจ.ชร.เข้มเร่งรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   4 เมษายน 2555 14:53 น.   


   

สสจ.ชร.เข้มเร่งรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์”
       เชียงราย - สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายเร่งรณรงค์ความปลอดภัยช่วงสงกรานต์ เน้นบูรณาการทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยตรวจเข้ม เตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งการรักษาพยาบาลเร่งด่วนที่ตั้งเป้าจะไปถึงพื้นที่เกิดเหตุได้ไม่เกิน 10 นาที อีกทั้งตั้งเป้าช่วงสงกรานต์นี้ตัวเลขการตายต้องเป็นศูนย์
       
       นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี เป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน จึงทำให้มีการใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้นจนทำให้เกิดสถิติอุบัติเหตุสูงกว่าช่วงปกติมากถึง 2 เท่าตัว
       
       ดังนั้น ในปีนี้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้กำหนดให้วันที่ 11-17 เมษายน 2555 เป็นช่วงรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน 7 วันแห่งความปลอดภัย โดยใช้ชื่อการรณรงค์ว่า “สงกรานต์ปลอดภัยตายเป็นศูนย์” โดยบูรณาการงานทุกภาคส่วนภายในจังหวัดตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน กำหนดให้มีการรายงานผลการปฏิบัติงาน และรณรงค์ส่งเสริมความปลอดภัย ตั้งจุดตรวจ จุดบริการร่วม โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ ร่วมกันเฝ้าระวัง และให้บริการชุมชน
       
       โดยเฉพาะผู้ที่มักจะเมาสุราและขับขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนสายรองซึ่งเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด รวมทั้งจัดให้โรงพยาบาลเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บ รวบรวมข้อมูลเฝ้าระวังการบาดเจ็บช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อวิเคราะห์สาเหตุการบาดเจ็บต่อไป
       
       นายแพทย์ชำนาญกล่าวว่า จากสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2554 ที่ผ่านมา จ.เชียงราย เกิดอุบัติเหตุช่วง 7 วันดังกล่าวจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 120 ราย และเสียชีวิต 5 ราย ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมาย จึงได้เตรียมความพร้อมด้วยการเริ่มรณรงค์ตั้งแต่ 11-17 เมษายนแล้ว
       
       ส่วนการเตรียมการด้านอื่นๆ ประกอบด้วย ด้านการรักษาพยาบาล ได้จัดให้โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลชุมชน ได้เตรียมพร้อมห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องไอซียู ตึกผู้ป่วยในตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมความพร้อมการแพทย์ฉุกเฉินทางสายด่วน 1669 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
       
       “ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุจะประสานหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินไปถึงจุดเกิดเหตุภายใน 10 นาทีให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของกรณีที่ได้รับแจ้ง อีกทั้งให้เตรียมพร้อมด้านการประสานงานและการสั่งการ ทั้งทางโทรศัพท์ วิทยุสื่อสาร ให้สามารถติดต่อประสานงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย” นายแพทย์ชำนาญกล่าว และว่า
       
       ปัจจุบันได้จัดทีมกู้ชีพพร้อมรถพยาบาล เครื่องมือช่วยชีวิตเอาไว้แล้วกว่า 150 ทีม ประจำการทั้งในตัวเมือง อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน พร้อมวิ่งถึงจุดเกิดเหตุภายใน 10 นาที


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000042626