กรม ชลฯยันเดินหน้าคลี่คลาย กรณีนายทุนฝรั่งยึดอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริเต็มที่ แต่ต้องรออธิบดีฯลงนามในประกาศใช้อำนาจ พ.ร.บ.ชลประทาน 2485 ขณะที่ชาวบ้านยังแคลงใจ แฉเคยรับปากจัดการใน 7 วันมาแล้วครั้งหนึ่งแต่เหลว ย้ำให้เวลาถึง 10 วันก่อนเคลื่อนไหวกันอีกรอบ เผยพิรุธอดีตนายกฯอบต.ห้วยสัก คนเซ็นยกอ่างฯในพระราชดำริให้นายทุนยังรับงานกรมชลประทานถึงทุกวันนี้
หลังชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย ออกมาต่อต้านโครงการคอมเพล็กซ์กีฬา "กลิซ" ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยสัก ทำข้อตกลงให้บริษัทแบ๊ค-อาร์ แพลนเน็ต เวคบอร์ด จำกัด ของกลุ่มทุนต่างชาติให้เข้าไปใช้พื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยสัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดให้นักท่องเที่ยวใช้บริการเล่นสกีน้ำ นาน 30 ปี ตั้งแต่กลางปี 2549 เป็นต้นมาโดยไม่เรียกรับผลประโยชน์ค่าเช่าใดๆ พร้อมทั้งเข้าไปครอบครองที่ดินริมอ่างเก็บน้ำฝั่งตะวันตก ซึ่งโครงการชลประทานเชียงราย ผู้ดูแลพื้นที่ รับปากชาวบ้านว่า จะออกประกาศให้เอกชนย้ายออกไปภายใน 7 วันหรือครบกำหนดวันที่ 22 มิ.ย.นี้
ปรากฏว่าจนถึงวันที่ 22 มิ.ย.53 ก็ยังไม่มีการออกประกาศจากกรมชลประทานให้บริษัทดังกล่าวย้ายออกไปแต่อย่างใด โดยบริษัทยังคงวางเครื่องมืออุปกรณ์และเรือสำหรับเล่นกีฬากลิซ หรือสกีน้ำ เอาไว้ที่ฝั่งตะวันตกของอ่างเหมือนเดิม เพียงแต่ยังไม่เปิดให้เล่น เพราะระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำแห้งลงเท่านั้น ขณะที่ชาวบ้านต่างก็รอคอยความหวังว่าจะมีการเข้าไปดำเนินการโดยเร็วเนื่อง จากพวกเขาเรียกร้องกันมานานกว่า 4 ปีแล้ว
ด้านนายปรีชา ไพจิตราสคนธ์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการ สำนักงานชลประทานที่ 2 กล่าวว่า การจะอาศัยอำนาจจากพระราชบัญญัติชลประทาน พ.ศ.2485 มาตรา 16 ประกาศให้ยุติการประกอบกิจการเป็นอำนาจของอธิบดีกรมชลประทานโดยตร งและไม่ได้มอบหมายให้หน่วยงานใดในพื้นที่ ตอนนี้กองกฎหมายของกรมชลประทาน ก็กำลังศึกษาการออกประกาศเรื่องนี้ให้มีความละเอียดเพื่อจะได้นำเสนอต่อ อธิบดี พิจารณาต่อไป
ตนได้มีการติดต่อประสานงานกับกองกฎหมายอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะได้ไปรับปากกับชาวบ้านเอาไว้แล้ว และเห็นว่าชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจริง
นายปรีชา กล่าวอีกว่า คาดว่ากองกฎหมายจะใช้เวลาไม่นาน และขั้นตอนต่อไปคือการร่างเป็นประกาศเพื่อให้อธิบดีกรมชลประทาน ลงนาม แล้วนำไปประกาศตามขั้นตอนต่อไป
สาเหตุที่ต้องทำให้รอบคอบ เพราะพื้นที่แห่งนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อปี 2528 ให้กรมชลประทาน มอบพื้นที่ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้าไปดูแลแทน จากนั้นปี 2548 กรมชลประทานก็ได้ขอกลับมาอยู่ในการดูแลของกรมชลประทานอีกครั้ง ขณะที่อบต.ห้วยสัก กับเอกชนไปทำข้อตกลงกันในปี 2549 ดังนั้น เพื่อป้องกันการฟ้องร้องจึงต้องทำให้ละเอียด
ขณะที่นางขจีรัตน์ แสงคง อายุ 42 ปี ชาวบ้านหมู่ 13 ต.ห้วยสัก กล่าวว่า ในการเรียกร้องครั้งที่ผ่านๆ มากรมชลประทาน ก็เคยรับปากจะดำเนินการในลักษณะนี้ภายใน 7 วันมาครั้งหนึ่งแล้ว และในครั้งนี้ก็ยังทำเหมือนเดิมอีก แต่พวกเราก็จะไม่ถอย เพราะต่างเดือดร้อนกันโดยถ้วนหน้า และต้องการให้อ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริกลับมาเป็นของส่วนรวม เหมือนเดิมแทนที่จะให้สิทธิแก่นายทุนต่างชาติ โดยจะให้เวลากรมชลประทานต่อไปอีกให้ครบ 10 วัน จากนั้นคงจะประสานไปยังคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดําริ (กปร.) ให้ได้รับทราบความคืบหน้า ตามที่ได้เคยทูลเกล้าฯถวายฎีการ้องทุกข์ไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนบรรดาชาวบ้านก็อาจจะมีการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องกันอีกครั้ง
สำหรับโครงการคอมเพล็กซ์กีฬา "กลิซ" อบต.ห้วยสัก เมื่อครั้งที่มีนายประเสริฐ กายาไชย เป็นนายก อบต.ห้วยสัก ทำข้อตกลงกับบริษัทแบ๊ค-อาร์ แพลนเน็ต เวคบอร์ด จำกัด ลงวันที่ 26 เมษายน 2549 ให้สามารถเข้าไปก่อสร้างโครงการ หลังจากจังหวัดที่มีนายวรเกียรติ สมสร้อย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด อนุมัติให้สามารถดำเนินการได้ ตามมติเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจสอบความเหมาะสม ที่นายวรเกียรติ แต่งตั้งนั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า ปัจจุบันนายประเสริฐ ยังมีส่วนร่วมในการรับงานก่อสร้างคลองชลประทานของกรมชลประทาน ที่เชื่อมต่อระหว่างอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริกับพื้นที่ ทางการเกษตรในพื้นที่ ต.ห้วยสัก ด้วย
ส่วนบริษัทแบ๊ค-อาร์ แพลนเน็ต เวคบอร์ด จำกัด ดังกล่าวมี น.ส.ปิยะกาล ญาณกาย และนายเบคแกร์ จิล เคล้าค แพทริค สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของโดย น.ส.ปิยะกาล เป็นคนที่มีพื้นเพเดิมมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือแถบ จ.กาฬสินธุ์ ส่วนนายเบคแกร์ ค่อนข้างปิดตัวไม่ค่อยพบปะหรือติดต่อกับชาวบ้าน ทั้งคู่ได้พากันเข้าไปลงทุนทำโครงการดังกล่าวควบคู่กับรีสอร์ตที่อยู่ใกล้ กับอ่างเก็บน้ำ โดยมีการรับนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ให้ไปเล่นสกีน้ำและเข้าพักที่รีสอร์ต ของตนเอง
หลังเกิดกรณีชาวบ้านออกมาต่อต้านดังกล่าวได้มีผู้พบเห็นนายเบคแกร์ ไปนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง และพูดจาในทำนองว่า ไม่เกรงกลัวต่อการออกมาต่อต้านดังกล่าว เพราะได้ทำสัญญากับ อบต.ห้วยสัก เอาไว้อย่างยาวนานถึง 30 ปีด้วยอ้างอิง จาก
http://www.e-chiangrai.com/webboard/index.php?topic=640.0