เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 กรกฎาคม 2025, 17:30:24
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ถ่านหินพม่าปนเปื้อนแม่นํ้ากก ภัยใกล้ตัวที่ชาวเชียงรายควรรู้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน ถ่านหินพม่าปนเปื้อนแม่นํ้ากก ภัยใกล้ตัวที่ชาวเชียงรายควรรู้  (อ่าน 2725 ครั้ง)
Benzram
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216


หนุ่มน้อย ไร้ร้อยตีนกา


« เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2012, 11:21:42 »

 หนึ่งของขวัญจากพม่าแด่ 750 ปี เชียงราย : หรืออีกครึ่งทศวรรษภัยร้ายในสายน้ำกกจะมาเยือน?
สายน้ำกกเป็นเส้นเลือดหลักของลุ่มน้ำกกที่หล่อเลี้ยงผู้คนเมืองเชียงรายมากว่า 750 ปี แม่น้ำกกเริ่มต้นน้ำจากป่าในรัฐฉานประเทศพม่า ไหลผ่านเมืองก๊ก เมืองสาด เมืองยอนแล้วเข้าสู่ประเทศไทย ณ ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่แล้วไหลวกอ้อมผ่านตัวเมืองเชียงราย แล้วออกสู่แม่น้ำโขง ที่บ้านสบกก อ.เชียงแสน นับรวมความยาว 130 กม. ในไทย ส่วนในรัฐฉานยังไม่ชัดเจนในการสำรวจ

 

แม่น้ำกกตอนบนเป็นหุบดอยและเกาะแก่ง มีพื้นที่ราบน้อย แต่เมื่อเข้าสู่เขตเชียงรายแม่น้ำกกมีพื้นที่ลุ่มราบกว้างใหญ่ไปจนถึงแม่น้ำ โขง ด้วยที่มีดินดีน้ำชุ่มและอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติในอดีต พญามังรายและผู้ติดตามจึงเลือกตั้งเมืองเชียงรายในปี พ.ศ. 1805 กระทั่งเป็นศูนย์กลางของแว่นแคว้นในเขตลุ่มน้ำกก คำ จัน ก่อนที่จะย้ายศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาไปอยู่ที่เชียงใหม่ในลุ่มน้ำปิง

 

การท่องเที่ยวแบบล่องแพไม้ไผ่เปิดแม่น้ำกกสู่การท่องเที่ยวผจญภัยในยุคสมัยใหม่ ให้คนรู้จักเชียงรายและแม่น้ำกก กระทั่งเกิดเขื่อนกั้นแม่น้ำกกในตอนกลางล่างเมืองเชียงราย การท่องเที่ยวล่องแพก็หายไปพร้อมไม้ไผ่ในดอยต้นน้ำลดจำนวนลงมากเช่นกัน แต่แม่น้ำกกก็ยังเป็นสายน้ำอุปโภคบริโภคและการกษตรของคนเชียงรายตลอดมา

 

ในช่วงทศวรรษนี้ปี 2550 นี้ มีข่าวเล็ดลอดมาว่า บริษัทสระบุรีถ่านหินจำกัด เริ่มสำรวจถ่านหินในเขตแม่น้ำกกตอนบน ณ เมืองก๊ก (กกในสำเนียงไทย) แต่ผู้คนในลุ่มน้ำกกยังแทบไม่ได้ยินข่าวนี้ ต่อมาในช่วงเมษายน 2551 การรับรู้ของคนเชียงรายสะท้อนออกมาว่า เขาจะขนถ่านหินผ่านเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ ส่วนข่าวมีว่า สระบุรีถ่านหินได้รับสัมปทานในการขุดถ่านหินลิกไนต์ที่เมืองก๊กจากรัฐบาล ทหารพม่า แล้วส่งออกมาประเทศไทยผ่านเชียงราย บริษัทฯ เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ขอเปิดด่านชั่วคราวตรงข้ามหมู่บ้านเทิดไทย จังหวัดเชียงราย เพื่อนำเข้าถ่านหิน  กรกฎาคม 2552 ตัวแทนชาวบ้านในนามชมรมท้องถิ่นไทย เขียนจดหมายร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสภาทนายความแห่งประเทศไทย จัดเวทีสาธารณะเรื่องเส้นทางขนถ่านหิน โดยมีรองผู้ว่าฯ เข้าร่วมประชุม ณ ม.แม่ฟ้าหลวง ต่อมาเสียงสะท้อนของผู้นำชุมชน ชาวบ้าน นักแสดง ได้จัดกิจกรรมคัดค้านถนนขนส่งถ่านหิน ณ อนุสาวรีย์พญามังราย

 

ฝ่าย บริษัทฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอิตาเลี่ยน-ไทย เดินหน้าต่อ โดยพฤศจิกายน 2552 รัฐบาลไทยอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้า Tariff MOU โครงการ มาย-กก โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จะรับซื้อไฟฟ้าจำนวน ๓๖๙ เมกะวัตต์จากบริษัทอิตาเลี่ยน-ไทย ชาวบ้านและผู้นำชุมชนจาก 50หมู่บ้าน ยื่นหนังสือคัดค้านถนนขนส่งถ่านหินที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ต่อผู้ว่าฯ และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาในเดือนมีนาคม โครงการโรงไฟฟ้าเมืองก๊กได้บรรจุในแผนการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของไทย โดยจะเริ่มผลิตไฟฟ้าและส่งขายมาไทยในปี 2559 และผู้แทนจากบริษัทสระบุรีถ่านหิน ได้แจ้งในที่ประชุมอนุกรรมการของจังหวัดว่า ได้ยกเลิกโครงการที่จะสร้างถนนผ่านอำเภอแม่ฟ้าหลวง

 

ดูเหมือนว่า ภัยจากมลภาวะทางฝุ่นถ่านหินที่จะมาตามเส้นทางถนนเข้าสู่เชียงรายจะหมดไป แต่ภัยสารพิษจากเหมืองถ่านหินที่ลงมาตามกระแสน้ำตามลำน้ำกกจากเมืองก๊กซึ่ง อยู่ใกล้แม่น้ำจะไหลมาสู่เมืองเชียงรายให้เป็นของขวัญในบรรยากาศการเฉลิม ฉลองครบรอบ 750 ปี เมืองเชียงราย โดยของขวัญนี้น่าจะเดินทางมาถึงอย่างเร็วในปี 2559 ที่เหมืองและโรงไฟฟ้าถ่านหินเปิดทำการ

 

เมืองก๊กและเมืองเชียงรายฤาจะรอดภัยจากเหมืองถ่านหิน

 

ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา เวทีสาธารณะ "750 ปี เชียงราย บนเส้นทางถ่านหินและสายน้ำแร่ : ผลกระทบจากเหมืองและโรงไฟฟ้าถ่านหินเมืองกก ประเทศพม่า" ณ วัดเจ็ดยอด เมืองเชียงราย  โดยภาคประชาสังคมเชียงรายและกลุ่มฮักเมืองกก ได้เปิดเผยเอกสาร "ปกป้องเมืองก๊กให้ปลอดภัยจากเหมืองถ่านหิน" ในภาษาอังกฤษ ไทย ไทใหญ่และพม่า

 

เมืองก๊กเป็นชุมชนชาวไทใหญ่ ลาหู่ อาข่า กว่าพันคนทำเกษตรกรรมในที่ราบริมน้ำกกและบนดอย พื้นที่นี้เป็นเขตต่อสู้ระหว่างกองทัพรัฐบาลพม่ากับกองกำลังในพื้นที่อยู่ เป็นประจำ ในปี 2543 ทหารพม่าจึงสร้างฐานทัพเมืองก๊กอย่างเป็นทางการ และมีรายงานการละเมิดสิทธิประชาชนท้องถิ่นในระดับสูงและบ่อยครั้ง รวมทั้งได้นำกำลังเข้ามารักษาความปลอดภัยให้เหมืองถ่านหินด้วย ในเดือนมกราคม 2554 ผู้นำทหารในเขตเมืองกกได้เรียกผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านมาร่วมประชุมแล้วแจ้ง ให้ชาวบ้านวัดพื้นที่นาของตนเอง และในปลายมีนาคม 2554 ได้เรียกประชุมครั้งที่สองแล้วมีคำสั่งให้ชาวบ้านขายพื้นที่นาตอนใต้แม่น้ำ ตุดซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำกกในเมืองก๊กให้กับบริษัทไทย ในราคาไร่ละไม่ถึง 240 บาท (20,000 จ๊าดต่อหนึ่งเอเคอร์) ชาวบ้านกว่า 80 ครอบครัวที่อยู่ตอนใต้ของเมืองก๊ก คือบ้านก๊กใต้ ก๊กกลาง และบ้านเวียง ถูกสั่งให้อพยพไปอยู่ทิศเหนือในพื้นที่จัดสรรใหม่ ใกล้บ้านปุ่งและบ้านหนองปูน โดยให้จับฉลากและไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น โดยพื้นที่เหล่านั้นไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก

 

รายงาน ยืนยันว่า บริษัทสระบุรีถ่านหินกับอิตาเลี่ยน-ไทย ได้สร้างแคมป์คนงานให้คนงานไทยกว่า 100 คน โดยคนงานชุดแรกทำการสำรวจเจาะเอาตัวอย่างถ่านหินรอบๆ เมืองก๊ก มาตั้งแต่ปี 2553 และได้ส่งเข้ามาทางท่าขี้เหล็กเพื่อทดสอบคุณภาพถ่านหินในไทยอยู่เป็นประจำ ทางรถบรรทุก คนงานชุดที่สองปรับปรุงเส้นทางถนนเพื่อการขนส่งถ่านหินจากเมืองก๊กไปด่านแม่ โจ๊ก ตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีการจัดหาที่ดินเพื่อพักถ่านหินในพื้นที่ขนาดใหญ่ ชุดที่สามกำลังสำรวจรังวัดเตรียมก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ทิศตะวันตกและทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองก๊ก รถบรรทุกจำนวนมากนำหินทราย เหล็ก ปูนซีเมนต์จากไทยเข้าไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2554

 

เหมืองถ่านหินเมืองก๊กเป็นเหมืองแบบเปิด มีลิกไนต์จำนวน 120 ล้านตันในเนื้อที่ 30 ตร.กม. บริษัทสระบุรีถ่านหินจำกัดได้รับสัมปทานให้ทำเหมืองแรกเริ่ม 10 ปี ต่อสัญญาได้ 5 ปีครั้ง จะส่งถ่านหินเข้ามาไทยวันละ 5,000 ตันต่อวัน 1.5 ล้านตันต่อปี แต่ต่อมาเมื่อชาวบ้าน ชุมชนท้องถิ่นและผู้นำท้องถิ่นในเชียงรายคัดค้านการขนส่งถ่านหินผ่านเขตท่อง เที่ยวในจังหวัดเชียงราย ทำให้โครงการฯ ปรับโครงการให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าเหมืองถ่านหินในพื้นที่เมืองก๊กโดยตรง ซึ่งทำให้เห็นว่า ชาวเชียงรายน่าจะรอดพ้นจากภัยมลพิษทางฝุ่นและเสียงที่มากับรถบรรทุกจำนวนมาก ผ่านพื้นที่โดยตรง

 

โรงไฟฟ้าเหมืองถ่านหิน บริษัทอิตาเลี่ยน-ไทย จะสร้างขนาดกำลังการผลิต 405 เมกะวัตต์ จะขายไฟฟ้า 369 เมกะวัตต์ให้กับกฟผ. เป็นเวลามากกว่า 25 ปี ผ่านสายส่งขนาด 230 กิโลวัตต์ ระยะทาง 80 กม. เข้าทางจังหวัดเชียงราย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2559 แน่นอนว่า ผลกระทบทางตรงจากโรงไฟฟ้าเหมืองถ่านหินเมืองก๊กย่อมส่งผลต่อคนเมืองก๊ก และประสบการณ์เหมืองถ่านหินแบบเปิดในรัฐฉาน ณ ถี่จี๊ก ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในพม่า ซึ่งชาวบ้านทนทุกข์จากกองขี้เถ้าถ่านหิน แม่น้ำทุ่งนาเป็นที่สะสมของสารพิษและมลภาวะทางอากาศ ชาวบ้านกว่าครึ่งในจำนวนประชากรประมาณ 12,000 คน ต้องรับเคราะห์อยู่ก็น่าจะฉายภาพให้คนเมืองก๊กรับรู้ได้เช่นกัน

 

แหล่งข่าวจากชาวไทใหญ่ผู้หนึ่งกล่าวว่า โรงงานไฟฟ้าต้องใช้น้ำจากแม่น้ำกกเป็นจำนวนมากในการผลิตไอน้ำเพื่อหมุน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า น้ำทิ้งจากเหมืองและโรงไฟฟ้าจะปล่อยลงสู่แม่น้ำกก ทั้งมีความร้อนสูงและปนเปื้อนสารเคมีเป็นพิษหลายชนิด เช่น สารหนู ปรอท โครเมี่ยม และแคดเมี่ยม สารเหล่านี้จะทำลายระบบนิเวศแม่น้ำโขง รวมถึงคนท้ายน้ำอย่างเมืองเชียงราย น้ำประปาอุปโภคบริโภคก็จะมีสาพิษปนเปื้อน คนเชียงรายก็หลีกเลี่ยงผลกระทบทางอ้อมและเรื้อรังในระยะยาวไปไม่ได้เช่นกัน

 

รวมทั้งมีนักวิเคราะห์ที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์ในรัฐฉาน ถามคำถามสำคัญว่า เมืองก๊กจะมีคนมาอยู่มากขึ้น เมืองสาด เมืองยอน ก็จะใหญ่ขึ้น ปัจจุบัน ทหาร ตำรวจพม่าและครอบครัวมีจำนวนมากกว่าชาวบ้านดั้งเดิมในเมืองก๊กอยู่แล้วใน ปัจจุบัน การต้องการน้ำจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งการนำน้ำไปใช้ในโรงงานไฟฟ้าและกิจกรรมของเหมืองแร่ รวมทั้งป้อนให้เมืองต่างๆ โดยรอบ หากรัฐบาลทหารพม่าและนายทุนใหญ่สัญชาติไทยรวมกันสร้างเขื่อนที่อยู่เหนือ เมืองก๊กขึ้นไปในลำน้ำโขง แล้วเมืองเชียงรายจะเป็นอย่างไร?

 

นี่จึงเป็นของขวัญสำคัญที่รัฐทหารพม่าร่วมกับบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อ ว่าสัญชาติไทย ร่วมกันมอบของขวัญสำคัญให้คนเชียงรายในวาระครบ 750 ปี ในปี 2555 นี้ได้ขบคิด แล้วในอีกห้าปีข้างหน้าคือปี 2559 หากโรงไฟฟ้าเหมืองถ่านหินเดินหน้าได้ต่อไป โดยที่คนเชียงรายรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวและเป็นเรื่องภายในรัฐพม่า และเข้าใจเอาว่ารอดพ้นภัยจากเหมืองถ่านหินโดยตรงแล้ว โดยลืมไปว่า สายน้ำกกเป็นสายน้ำสองสัญชาติที่เชื่อมถึงชีวิตคนเมืองเชียงรายใช้อุปโภคและ บริโภคและการเกษตรอยู่ทุกวี่วัน รวมทั้งสายน้ำนี้ไหลไปเชื่อมกับสายน้ำโขงด้วย แล้วเมื่อสายน้ำคายพิษออกมา คนเชียงรายจะทำอย่างไร?

 

หรือ คนเชียงรายจะไม่ยอมรับของขวัญที่ยังไม่ถูกเปิดออกมาให้ชัดเจนชิ้นนี้ ในวาระครบรอบ 750 ปี เมืองเชียงราย ที่พญามังรายและคนรุ่นก่อนเพียรสร้างมาให้รุ่งเรืองจนปัจจุบัน หรือว่าจะปล่อยให้โรคจากสารพิษทางน้ำเกิดขึ้นกับลูกหลานเราในอนาคตในนามโรค ใหม่ครั้งแรกของโลกว่า "โรคเอ่อเจียงฮาย"แล้วชะตากรรมของเมืองเชียงรายขึ้นอยู่กับรัฐบาลทหารพม่าที่จัดการทรัพยากรลุ่มน้ำกกโดยไม่สนใจคนท้ายน้ำ

 

โรคนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนเจียงฮายทั้งหมดจะใส่ใจต่อเรื่องโรงไฟฟ้า เหมืองถ่านหินและต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนเมืองก๊กและคนรัฐฉานซึ่งเป็น เชื้อพันธุ์เครือญาติกันมาแต่ครั้งพญามังราย  หรือไม่อย่างไร?

 

 

 

 

ที่มา : http://www.mekonglover.com/article_info_mekong.asp?status=ArticleDetail&ArticleId=150
ปะชาธรรม สถานีข่าวประชาชน
IP : บันทึกการเข้า
Benzram
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216


หนุ่มน้อย ไร้ร้อยตีนกา


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2012, 11:27:17 »

อ่านแล้วเครียดนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
civilroom
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,113



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2012, 11:45:26 »

ยังดีแค่ถ่านหิน ถ้าเป็นมอคิวรี่ หรือที่เรียกว่าปรอทปนเปื้อนในน้ำรับรอง ยอมไม่ได้แน่ๆ

ยังงัยก็แค่ให้หน่วยงานในเชียงรายมอนิเตอร์ดูว่าน้ำกก ในแต่ล่ะปีมีสารปนเปื้อนหรือไม่

อย่าไปรวบกลุ่มประท้วงเลยครับ น่าเบื่อ
IP : บันทึกการเข้า
ลูกหลานพญานารา
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237


Together chiang rai united.


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2012, 12:01:14 »

อ่านแล้วน่าใจหายแต้...
IP : บันทึกการเข้า
tonkla
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,333


ธรรม=ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมนูญ


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2012, 20:22:47 »

อ่านแล้วน่าใจหายแต้...

ผมกับอาจารย์ศรีวรรณ เคยเตือนที่ประชุมยุทธศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องมลพิษถ่านหินจากน้ำกกครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๓ และได้พยายามเสนอโครงการประชาคมลุ่มน้ำกก เพื่อบริหารจัดการน้ำกก โดยชุมชนมีส่วนร่วม เพื่อใช้เป็นพลังในการต่อรองเรื่องน้ำกก อันเป็นอีกหนทางหนึ่งในการเผฃฝ้าระวังเรื่องสารพิษ จากน้ำกก เพราะต้นน้ำไม่ได้อยู่ที่ประเทศเรา ซึ่งโครงการนี้ได้บรรจุในยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงราย ปี ๕๖
และล่าสุดครับ โครงการนี้โดนเบียดหลุดออกจากบัญชีรายชื่อ โครงการทั้งหมด พร้อม ๆกับอีกหลาย ๆ โครงการ ตามคุณขอมา
 จึงจำเป็นต้องฝากชะตากรรมไว้กับลิขิตฟ้าแล้วครับ

และหากวันหนึ่ง เมื่อมีสารพิษจากเหมืองถ่านหินมากับน้ำกกจริง  วันนั้นสุขภาพของคนริมน้ำกกก็คงจะเหมือนที่เห็นและเป็นข่าวในหลาย ๆ แห่ง  วิถีการล่องแพของนักท่องเที่ยวก็คงหดหาย หอศิลป์กลางน้ำก็คงเป็นสุสานร้าง นึกแล้วหวันวิตก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

ปัจจุบันก็เลยพยายามศึกษาและทำฐานข้อมูลสัตว์น้ำในลำน้ำกก อย่างน้อยก็เพื่อเป็นตัวบ่งชี้ถึงระบบนิเวศและคุณภาพน้ำที่ส่งผลต่อสัตว์น้ำในอนาคตครับ 
IP : บันทึกการเข้า

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง"(ไว้เตือนตนเอง)
Benzram
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216


หนุ่มน้อย ไร้ร้อยตีนกา


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 29 มีนาคม 2012, 09:20:01 »

อย่าเห็นเป็นเรื่องใกลตัวนะครับ ภัยมันเริ่มมาถึงในบ้านเราแล้วแล้ว ตัวอย่างก็มีให้เห็น อย่างที่แม่เมาะ หรือที่บ้านครีตี้ 
IP : บันทึกการเข้า
yayong
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,207


แข็งแกร่ง แต่อย่าแข็งกร้าว อ่อนน้อม แต่อย่าอ่อนแอ


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 10:03:17 »

อ่านแล้วได้ความรู้และมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อนถึงภัยที่กำลังมาเยือนขอบคุณจขกท.มากครับที่นำข้อมูลมาบอกกล่าว
ยังดีแค่ถ่านหิน ถ้าเป็นมอคิวรี่ หรือที่เรียกว่าปรอทปนเปื้อนในน้ำรับรอง ยอมไม่ได้แน่ๆ

ยังงัยก็แค่ให้หน่วยงานในเชียงรายมอนิเตอร์ดูว่าน้ำกก ในแต่ล่ะปีมีสารปนเปื้อนหรือไม่

อย่าไปรวบกลุ่มประท้วงเลยครับ น่าเบื่อ
ผมอยากถามว่าเมื่อวันนั้นมาถึงคุณยังจะนิ่งเฉยได้หรือครับแล้วคุณอ่านบทความจบหรือเปล่าที่คุณว่า (ยังดีแค่ถ่านหิน ถ้าเป็นมอคิวรี่ หรือที่เรียกว่าปรอทปนเปื้อนในน้ำรับรอง ยอมไม่ได้แน่ๆ)แต่ที่เรากำลังจะเจอผมว่ามากกว่านั้นแน่ครับยังไงควรหาทางแก้ไขไว้ก่อนถ้าพวกเราเป็นลูกหลานคนเชียงรายและรักเชียงรายเพราะปัญหานี้เราโดนเต็มๆแน่ครับถ้าเป็นแบบข้อมูลที่ได้มายังไงผมขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะขอมีส่วนร่วมในการต่อต้านครับถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆเพราะมันมีเหตุมีผลมากกว่าที่จะทำเพื่อใครบางคนหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งครับ(ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับอย่าเข้าใจผิด)
IP : บันทึกการเข้า

รองเท้าใหม่ราคาถูกปลีก-ส่งอยู่บ้านป่ากล้วยต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย รับฝากขายบ้านและที่ดินในเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง(ที่บ้าน-ที่นา,สวน-ที่สวนยาง)โทรหาเราได้
083-2087079   085-7134607
พลายชุมพล
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,643


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 10:19:34 »

อย่ามาทําเลย ผลประโยชน์ตกกับที่อื่น แต่ทิ้งสิ่งสกปรกและปัญหา ไว้ที่บ้านเรา
IP : บันทึกการเข้า
tonkla
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,333


ธรรม=ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมนูญ


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 10:49:37 »

เขาทำไปแล้วครับท่าน

มีทางเดียวที่เราทำได้ คือ ต้องรวมตัวกันในภาคประชาสังคมและภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อบีบใหเให้เขาทำระบบบำบัด ไม่ให้ปล่อยน้ำไหลลงลงกลับน้ำกก   ให้เขาทำระบบน้ำหมุนเวียนใช้ในเหมืองของเขาเอง
IP : บันทึกการเข้า

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง"(ไว้เตือนตนเอง)
Benzram
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216


หนุ่มน้อย ไร้ร้อยตีนกา


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 12:15:58 »

ยังดีแค่ถ่านหิน ถ้าเป็นมอคิวรี่ หรือที่เรียกว่าปรอทปนเปื้อนในน้ำรับรอง ยอมไม่ได้แน่ๆ

ยังงัยก็แค่ให้หน่วยงานในเชียงรายมอนิเตอร์ดูว่าน้ำกก ในแต่ล่ะปีมีสารปนเปื้อนหรือไม่

อย่าไปรวบกลุ่มประท้วงเลยครับ น่าเบื่อ
การรวมกลุ่มประท้วงมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเหรอครับ ถ้าการประท้วงหรือต่อต้านก็เพื่อคนเชียงราย ลูกหลานของเรา
IP : บันทึกการเข้า
civilroom
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,113



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 15:14:07 »

ชาวเจียงฮายจะรวมกลุ่มประท้วงใคร๋?? พม่าทำมันนอกประเทศไทย แล้วจะหื้อประท้วงคนไทยตวยกั๋นก่ะ
ชาวเจียงฮายจะประท้วงตี๋ไหนดี?? ทำได้แต่ในไทยหรือนำเข้าสู่การประชุมอาเชียดี ถ้าจะทำต้องมีหลักฐานว่าพม่าทิ้งหรืออาจจะทิ้งของเสียลงแม่น้ำกก ในเมื่อเราไม่มีน้ำหนักพอประท้วงไปก็ไม่มีใครได้ยิน แล้วก็จะตกประเด็น
ประท้วงอย่างไร?? ประท้วงเมื่อไหร่??

ผมเลยบ่าเห็นการประท้วงมันได้ประโยชน์ในกรณีนี้

ถึงแนะนำหื้อมอนิเตอร์ดูน้ำมีของเสียเพิ่มขึ้นหรือเปล่าวแล้วเกิดจากอะหยั๋ง เป็นวิธีที่ดีพอที่จะทำได้ในตอนนี้แล้ว

อืม ผมอ่านบทความบ่าจบ แต่อ่านคราวๆแล้วว่าพม่ากำลังจะทำ โรงงานทำถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า ดูแล้วเทคโนโลยีที่พม่าทำในสมัยนี้น่าจะเพียงพอที่จะรักาาสิ่งแวดล้อม อย่าลืมเขาเพิ่งเริ่มเปิดประเทศ เหมือนประเทศเฮาเมื่อในอดีต พอเราเจริญกว่าเขาแล้วไปว่าเขาจะทำหื้อสิ่งแวดล้อมเสีย
 เหมือนประเทศตะวันตกสมัยก่อนใช้เทโนโลยีทำลายโอโซนไปเยอะแล้ว แล้วพอเรามีเทคโนโลยีที่จะเริ่มทำลายมั้งก่อมาห้าม แล้วหื้อเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีอันใหม่ที่เขาสร้างมาแทนมันบ่าทำลายบรรยากาศ

ผมบ่าชอบการประท้วง  แนะนำว่าแทนที่จะประท้วง สู้หาวิธีที่จะไม่สนับสนุนหากเขาทำบ่าดีเช่นไม่ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวมากนักเพื่อจะได้ดูว่าหากเขาทำลายสิ่งแวดล้อมแล้วมากระทบเราจะได้ไม่ต่อสัญญาซื้อขายจนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขหื้อดีขึ้น หรือ คว่ำบาตรปิดด่านแม่สายก้อได้มั้งง่ายดี หรือยอมไปเผยแพร่หือเห็นถึงความตะนักด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้อง  บ่าใจ๋อันนั้นก่อบ่าดีอันนี้ก่อบ่าถูก เขียนเยอะเดี๋ยวบ่ามีคนอ่านแล้วมาเหม็นขี้หน้าผมแห๋ม  อันไหนอู้บ่าถูกหูก่อขอโทษโตยเน้อ
IP : บันทึกการเข้า
civilroom
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,113



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 15:28:54 »

ถาม... ถ้าท่านๆตะนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ตอนนี้ท่านค้นหาแล้วหรือยังว่า ใคร หรือ หน่วยงานไหนเก็บตัวอย่างในแม่น้ำกกมาตรวจสอบสารปนเปื้อนในแต่ล่ะปีเก็บไว้เป็นข้อมูลหรือยัง

ถ้ายัง สิ่งที่ทำคือให้หน่วยงานไหนหน่วงงานหนึ่งจะเป้นกรมทรัพยกรน้ำ อบต อบจ หรือ บริษัทเอกชน หรือมหาลัยก็ได้ จ้างทีมสำรวจเก็บข้อมูลไว้ เมื่อเกิดได้ข้อมูลผิดปกติวันใด ก้อเอาข้อมูลที่ได้ไปแจ้งผู้ว่า หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แนวทางนี้เป็นแนวทางแก้ไขที่ผมคิดว่าดีพอนะ

ถ้าไม่มีงบประมาณ  ท่านก็เริ่มเก็บตัวอย่างไว้เองเลย ตามวิธีนี้

การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อการวิเคราะห์คุณลักษณะกายภาพ เคมีและสารเป็นพิษ

1. ภาชนะบรรจุ
    ใช้ขวดแก้วหรือพลาสติก (สำหรับการวิเคราะห์ Oil&Grease ต้องเก็บใส่ขวดแก้วสีชาเท่านั้น) ความจุไม่น้อยกว่า 4 ลิตร ซึ่งล้างอย่างสะอาดและแห้ง   โดยก่อนเก็บตัวอย่างน้ำให้ใช้น้ำที่จะเก็บล้างขวด 2-3 ครั้ง ห้ามนำภาชนะที่เคยบรรจุยา สารเคมี หรือน้ำมัน หรือสิ่งอื่นที่ไม่สามารถล้างออกได้หมดมาใช้เก็บตัวอย่างน้ำ เพราะสิ่งที่เปรอะเปื้อนภาชนะอาจทำให้ผลการวิเคราะห์น้ำไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง
2. วิธีการเก็บตัวอย่างน้ำ
      1.2.1 น้ำบาดาล    ถ้าเก็บจากบ่อบาดาลควรสูบน้ำทิ้งประมาณ  5 นาที แล้วจึงเก็บหรือถ้าเก็บจากก๊อกต้องล้างก๊อกให้สะอาดก่อน   โดยใช้สำลีเช็ดทำความสะอาด แล้วจึงเปิดน้ำแรงๆ ไหลทิ้งไป 3-5 นาที เพื่อให้น้ำค้างท่อไหลออกให้หมดก่อน และเมื่อน้ำไหลอย่างสม่ำเสมอแล้ว จึงนำขวดเก็บตัวอย่างไปเก็บตัวอย่างได้   การจับขวดเก็บตัวอย่างน้ำ   ควรจับบริเวณก้นขวด อย่าจับบริเวณปากขวด   บรรจุน้ำให้ถึงคอขวดแล้วปิดจุกให้แน่น และปิดฉลากบอกรายละเอียดของตัวอย่างน้ำ
      1.2.2 น้ำประปา เก็บจากก๊อกโดยใช้วิธีเดียวกับการเก็บน้ำบาดาล
     1.2.3 น้ำผิวดิน การเก็บน้ำจากอ่างเก็บน้ำ ลำคลอง หรือแม่น้ำ ควรเก็บที่กึ่งกลางลำน้ำ ลึกจากผิวน้ำอย่างน้อย 30 เซนติเมตร (ไม่ควรเก็บใกล้ฝั่ง) ให้หย่อนขวดเก็บน้ำแล้วรอสักครู่     เพื่อให้สภาพน้ำที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการหย่อนขวดเก็บน้ำกลับสู่สภาพเดิมก่อน  จึงเปิดจุกขวดให้น้ำไหลเข้าขวด
3. การเขียนฉลากปิดขวดตัวอย่างน้ำ
      1.3.1 ชนิดของน้ำ  เช่น น้ำบาดาล แม่น้ำ อ่างเก็บน้ำ หรืออื่นๆ
      1.3.2 สถานที่เก็บ  เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล หมู่บ้าน
      1.3.3 วัน เดือน ปี และเวลาที่เก็บตัวอย่าง
4. ระยะเวลาในการเก็บและนำส่งตัวอย่างน้ำ
       นำส่งตัวอย่างน้ำไปยังห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์ทันที  เนื่องจากคุณภาพน้ำเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  ในระหว่างขนส่งระวังอย่าให้ตัวอย่างโดนแสง      ควรมีอลูมิเนียมฟรอย (aluminium foil) ปิดครอบปากขวดตัวอย่างไว้  และตัวอย่างต้องแช่เย็นในภาชนะแช่เย็นที่เป็นกระติกน้ำแข็งหรือโฟม

ถึงแม้ว่าจะหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายยังไม่ได้แต่ก้อดีกว่ามาว่าผมหนา คนตั้งกระทุ้ไปเก็บตัวอย่างเลยยยยย งานง่ายๆ ใครว่าบ้าก่อจ่าง เฮาอยากปกป้องลูกหลานนิ ^ ^

IP : บันทึกการเข้า
Benzram
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216


หนุ่มน้อย ไร้ร้อยตีนกา


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 18:18:24 »

ถาม... ถ้าท่านๆตะนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ตอนนี้ท่านค้นหาแล้วหรือยังว่า ใคร หรือ หน่วยงานไหนเก็บตัวอย่างในแม่น้ำกกมาตรวจสอบสารปนเปื้อนในแต่ล่ะปีเก็บไว้เป็นข้อมูลหรือยัง

ถ้ายัง สิ่งที่ทำคือให้หน่วยงานไหนหน่วงงานหนึ่งจะเป้นกรมทรัพยกรน้ำ อบต อบจ หรือ บริษัทเอกชน หรือมหาลัยก็ได้ จ้างทีมสำรวจเก็บข้อมูลไว้ เมื่อเกิดได้ข้อมูลผิดปกติวันใด ก้อเอาข้อมูลที่ได้ไปแจ้งผู้ว่า หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แนวทางนี้เป็นแนวทางแก้ไขที่ผมคิดว่าดีพอนะ

ถ้าไม่มีงบประมาณ  ท่านก็เริ่มเก็บตัวอย่างไว้เองเลย ตามวิธีนี้

การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อการวิเคราะห์คุณลักษณะกายภาพ เคมีและสารเป็นพิษ

1. ภาชนะบรรจุ
    ใช้ขวดแก้วหรือพลาสติก (สำหรับการวิเคราะห์ Oil&Grease ต้องเก็บใส่ขวดแก้วสีชาเท่านั้น) ความจุไม่น้อยกว่า 4 ลิตร ซึ่งล้างอย่างสะอาดและแห้ง   โดยก่อนเก็บตัวอย่างน้ำให้ใช้น้ำที่จะเก็บล้างขวด 2-3 ครั้ง ห้ามนำภาชนะที่เคยบรรจุยา สารเคมี หรือน้ำมัน หรือสิ่งอื่นที่ไม่สามารถล้างออกได้หมดมาใช้เก็บตัวอย่างน้ำ เพราะสิ่งที่เปรอะเปื้อนภาชนะอาจทำให้ผลการวิเคราะห์น้ำไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง
2. วิธีการเก็บตัวอย่างน้ำ
      1.2.1 น้ำบาดาล    ถ้าเก็บจากบ่อบาดาลควรสูบน้ำทิ้งประมาณ  5 นาที แล้วจึงเก็บหรือถ้าเก็บจากก๊อกต้องล้างก๊อกให้สะอาดก่อน   โดยใช้สำลีเช็ดทำความสะอาด แล้วจึงเปิดน้ำแรงๆ ไหลทิ้งไป 3-5 นาที เพื่อให้น้ำค้างท่อไหลออกให้หมดก่อน และเมื่อน้ำไหลอย่างสม่ำเสมอแล้ว จึงนำขวดเก็บตัวอย่างไปเก็บตัวอย่างได้   การจับขวดเก็บตัวอย่างน้ำ   ควรจับบริเวณก้นขวด อย่าจับบริเวณปากขวด   บรรจุน้ำให้ถึงคอขวดแล้วปิดจุกให้แน่น และปิดฉลากบอกรายละเอียดของตัวอย่างน้ำ
      1.2.2 น้ำประปา เก็บจากก๊อกโดยใช้วิธีเดียวกับการเก็บน้ำบาดาล
     1.2.3 น้ำผิวดิน การเก็บน้ำจากอ่างเก็บน้ำ ลำคลอง หรือแม่น้ำ ควรเก็บที่กึ่งกลางลำน้ำ ลึกจากผิวน้ำอย่างน้อย 30 เซนติเมตร (ไม่ควรเก็บใกล้ฝั่ง) ให้หย่อนขวดเก็บน้ำแล้วรอสักครู่     เพื่อให้สภาพน้ำที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการหย่อนขวดเก็บน้ำกลับสู่สภาพเดิมก่อน  จึงเปิดจุกขวดให้น้ำไหลเข้าขวด
3. การเขียนฉลากปิดขวดตัวอย่างน้ำ
      1.3.1 ชนิดของน้ำ  เช่น น้ำบาดาล แม่น้ำ อ่างเก็บน้ำ หรืออื่นๆ
      1.3.2 สถานที่เก็บ  เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล หมู่บ้าน
      1.3.3 วัน เดือน ปี และเวลาที่เก็บตัวอย่าง
4. ระยะเวลาในการเก็บและนำส่งตัวอย่างน้ำ
       นำส่งตัวอย่างน้ำไปยังห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์ทันที  เนื่องจากคุณภาพน้ำเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  ในระหว่างขนส่งระวังอย่าให้ตัวอย่างโดนแสง      ควรมีอลูมิเนียมฟรอย (aluminium foil) ปิดครอบปากขวดตัวอย่างไว้  และตัวอย่างต้องแช่เย็นในภาชนะแช่เย็นที่เป็นกระติกน้ำแข็งหรือโฟม

ถึงแม้ว่าจะหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายยังไม่ได้แต่ก้อดีกว่ามาว่าผมหนา คนตั้งกระทุ้ไปเก็บตัวอย่างเลยยยยย งานง่ายๆ ใครว่าบ้าก่อจ่าง เฮาอยากปกป้องลูกหลานนิ ^ ^


ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ผม  จุดประสงค์ของผมเองก็แค่อยากให้สมาชิกในเชียงรายโฟกัส ทราบข่าว และรู้ตัวว่าทุกวันนี้เรากำลังจะเผชิญปัญหาอะไร และมาช่วยแชร์ความคิดเห็นแค่นั้นเผื่อจะเจอคนที่มีความรู้เหมือนคุณมาช่วยให้คำแนะนำครับ ดูจากหัวข้อกระทู้ก็ได้ ไม่ได้ตั้งกลุ่มรวมกลุ่มจะประท้วง หรือเดินขบวนแบบที่คุณไม่ชอบครับ เพราะผมก็แค่พนักงานบริษัทคนนึงครับที่ชอบศึกษาหาความรู้ใส่ตัว ไม่ได้มีความรู้หรือความชำนา๊ณในด้านนี้ แค่มีความรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของแผ่นดินที่ผมเกิดและเติบโตมาเองครับ ที่จริงอนาคตมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ แต่ก็ตื่นตัวไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนี่ครับ ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 18:31:37 โดย Benzram » IP : บันทึกการเข้า
artfactory
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 708



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 19:07:59 »

น้ำนี่ ยังเฉยๆนะ  เพราะ process ของการผลิตถ่านหินกับเผาในไฟฟ้า นี่ยุ่งกับน้ำแหล่งน้ำดิบน้อย ยกเว้น มีการสูบน้ำทิ้งจากเหมือง แต่มันคงไม่กระทบกว้างมาก


ไอ้ที่น่าจะโดนเต็มๆ คงโดนแบบ แม่เมาะ มากกว่า คือ "ควัน"
พวก ซัลเฟอร์ ที่จะมาเยือน พวกเราแน่ๆ ยิ่งใกล้ๆ ยิ่งเข้มข้น

ยิ่งเปิดโรงงานในฝั่งพม่า ยิ่งมันส์ ยิ่งไม่ต้องติดระบบกรองฝุ่น กรองสารพิษ
ปล่อยดิบๆเลย


ใครอยู่ใกล้ๆระวังให้ดีละกันครับ ตัวใครตัวมัน
IP : บันทึกการเข้า

0888-4888-35
Benzram
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216


หนุ่มน้อย ไร้ร้อยตีนกา


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 31 มีนาคม 2012, 08:01:43 »

อย่ามาทําเลย ผลประโยชน์ตกกับที่อื่น แต่ทิ้งสิ่งสกปรกและปัญหา ไว้ที่บ้านเรา
ไม่ทันแล้วครับเขาก่อสร้างไปแล้ว แล้วบริษัทที่ได้สัมปทานก็บริษัทในประเทศไทยอีกตะหาก เฮ้อใจหายแต๊
IP : บันทึกการเข้า
civilroom
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,113



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 31 มีนาคม 2012, 20:38:14 »

ผมก่อปากไวไปหน่อย ก่อขอสูมาตวยเน้อครับอ้าย Benzram ^ ^

เหมืองถ่านหินเมืองก๊กเป็นเหมืองแบบเปิด มีลิกไนต์จำนวน 120 ล้านตันในเนื้อที่ 30 ตร.กม. บริษัทสระบุรีถ่านหินจำกัดได้รับสัมปทานให้ทำเหมืองแรกเริ่ม 10 ปี ต่อสัญญาได้ 5 ปีครั้ง จะส่งถ่านหินเข้ามาไทยวันละ 5,000 ตันต่อวัน 1.5 ล้านตันต่อปี แต่ต่อมาเมื่อชาวบ้าน ชุมชนท้องถิ่นและผู้นำท้องถิ่นในเชียงรายคัดค้านการขนส่งถ่านหินผ่านเขตท่อง เที่ยวในจังหวัดเชียงราย ทำให้โครงการฯ ปรับโครงการให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าเหมืองถ่านหินในพื้นที่เมืองก๊กโดยตรง ซึ่งทำให้เห็นว่า ชาวเชียงรายน่าจะรอดพ้นจากภัยมลพิษทางฝุ่นและเสียงที่มากับรถบรรทุกจำนวนมาก ผ่านพื้นที่โดยตรง

เมื่อเจอทรัพยากรแล้วเขาจึงต้องนำทรัพยากรมาใช้ เมื่อโดนกีดกันจากชุมชนเชียงรายบ่าหื้อทำก้อต้องหาทางออกด้านอื่น ผลกระทบเลยตกไปอยู่ที่เมืองก๊กและประชาชนแถวนั้น เพราะประเทศเราเองที่ซื้อพลังงานเขา ทำไมประเทศไทยยังต้องใช้พลังงานถ่านหิน???  ก่อเพราะปัจจุบันนี้เราใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติประมาณ 70 % หากมีเหตุการณ์ที่ไม่สามารถใช้ก๊าซมาเป็นพลังงานเมื่อใด เช่นโรงผลิตไฟฟ้าจากก๊าซโดนระเบิด 2-3 โรง พลังงานเราลดลง 20-30%(ถ้าใคร๋เกยเล่นเกมส์ ยูริ จะหู้ว่าต้องทำลายโรงไฟฟ้าก่อนแล้วจะสามารถทำลายฐานศตรูได้ง่ายๆ หรือดูญี่ปุ่นตอนโดนซึนามิถล่มโรงไฟฟ้านิวเคียสเป็นต้น) ประเทศจึงต้องการพลังงานสำรองจากแหล่งอื่นๆที่บ่าใจ๋มาจากก๊าซธรรมชาติอย่างเดียว


นึกออกแระหน่วยงานที่ดูในเรื่องนี้ตอนนี้เป็นการประปาภูมิภาคเขต  เพราะหน่วยงานนี้จะมีก๋านเก็บตัวอย่างน้ำในแต่ล่ะปีไปเข้าเลปเพื่อตรวจดูน้ำก่อนเข้าโรงทำน้ำประปาอยู่แล้ว หาหน่วยงานที่น่าเชื่อถือเช่นมหาวิทยาลัยทำหนังสือไปขอข้อมูลน้ำทุกๆปีเก็บไว้ก่อดี

IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 01 เมษายน 2012, 12:53:39 »

ไม่อยากให้มี..

ตัวอย่างแม่เมาะ น่าจะเห้นภาพชัดเจน..

คนกับเหมืองแร่อยู่ด้วยกันไม่ได้..และบริษัท ยังโฆษณา CSR ว่าอากาศดีๆ ไม่เชื่อไปถามเด็กที่แม่เมาะ..

ตอนนี้ชาวบ้านลุกมาประท้วง และฟ้องสื่อ ออกทีวี  ฮืม ฮืม
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
dak rob wiang
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 217



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2012, 02:31:13 »

ไม่น่าเลย
IP : บันทึกการเข้า

งานหนักไม่เคยฆ่าคน
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2012, 05:58:11 »

ทุกสรรพสิ่ง มีได้ มีเสีย  มีดี  มีเลว ปะปนกัน แล้วแต่จะเอาด้านไหนมาตั้งโจทย์
จะขนถ่านหินเอามาทำในไทย ก็กลัวมลภาวะ ส่วน การขุดใกล้บ้านไม่กลัว? เหมือนหมอกควันไฟ
ขนมาแล้วจะถลุง เผาผลิตไฟฟ้าในไทยก็กลัว?  การถลุงใกล้บ้านก็กลัว? เหมือนหมอกควันไฟ
น้ำกก ถ้าจะมีมลภาวะ นอกเหนือจากการปนเปื้อนนี้ อย่างอื่นมีน่ากลัวกว่าไหม?.สารเคมี ยาฆ่าแมลง ฯ
หรือมองการพังทลายของต้นน้ำ การชะล้างดินตะกอนให้มาตื้นเขินในเขตไทย
(น้ำกกไหลผ่านแค่ อ.แม่อาย เชียงใหม่ ผ่าน เชียงราย ลงน้ำโขงที่สบกก บ้านแซว)
ในเขตเชียงราย มีลำน้ำสาขาย่อยของน้ำกก ที่มีปริมาณน้ำมาเสริม มาเติมให้น้ำกกฟอกตัวเองได้
หรือมาเติมเพื่อเจือจางสิ่งน่ากลัวนั้นได้ไหม?
ในแง่ของสัตว์น้ำ  สัตว์อยู่ได้  คนอยู่ได้  อาจไม่มีผลระยะสั้น ในระยะยาวก็เป็นประเด็นที่ต้องค้นหา?
ในแง่ของน้ำดิบที่นำมาผลิตน้ำประปา ถ้ามีปนเปื้อน เขาคงไม่นิ่งดูดาย ต้องออกมาบอกกล่าวกัน
..ตระหนักรู้ในสิ่งที่เกิด คงอยู่ และอาจไม่ดับไป...นำมาเตือนตนให้ระวัง ให้มีการป้องกัน บอกลูกหลาน
อย่างน้อย ก็ทำให้มีชีวิตอยู่ในเชียงราย อย่างเป็นสุข..เรื่องกังวลใจ(อีกเยอะในเชียงราย)จะน้อยลง...



IP : บันทึกการเข้า

tonkla
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,333


ธรรม=ธรรมชาติ ธรรมดา ธรรมนูญ


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2012, 16:53:44 »

ทุกสรรพสิ่ง มีได้ มีเสีย  มีดี  มีเลว ปะปนกัน แล้วแต่จะเอาด้านไหนมาตั้งโจทย์
จะขนถ่านหินเอามาทำในไทย ก็กลัวมลภาวะ ส่วน การขุดใกล้บ้านไม่กลัว? เหมือนหมอกควันไฟ
ขนมาแล้วจะถลุง เผาผลิตไฟฟ้าในไทยก็กลัว?  การถลุงใกล้บ้านก็กลัว? เหมือนหมอกควันไฟ
น้ำกก ถ้าจะมีมลภาวะ นอกเหนือจากการปนเปื้อนนี้ อย่างอื่นมีน่ากลัวกว่าไหม?.สารเคมี ยาฆ่าแมลง ฯ
หรือมองการพังทลายของต้นน้ำ การชะล้างดินตะกอนให้มาตื้นเขินในเขตไทย
(น้ำกกไหลผ่านแค่ อ.แม่อาย เชียงใหม่ ผ่าน เชียงราย ลงน้ำโขงที่สบกก บ้านแซว)
ในเขตเชียงราย มีลำน้ำสาขาย่อยของน้ำกก ที่มีปริมาณน้ำมาเสริม มาเติมให้น้ำกกฟอกตัวเองได้
หรือมาเติมเพื่อเจือจางสิ่งน่ากลัวนั้นได้ไหม?
ในแง่ของสัตว์น้ำ  สัตว์อยู่ได้  คนอยู่ได้  อาจไม่มีผลระยะสั้น ในระยะยาวก็เป็นประเด็นที่ต้องค้นหา?
ในแง่ของน้ำดิบที่นำมาผลิตน้ำประปา ถ้ามีปนเปื้อน เขาคงไม่นิ่งดูดาย ต้องออกมาบอกกล่าวกัน
..ตระหนักรู้ในสิ่งที่เกิด คงอยู่ และอาจไม่ดับไป...นำมาเตือนตนให้ระวัง ให้มีการป้องกัน บอกลูกหลาน
อย่างน้อย ก็ทำให้มีชีวิตอยู่ในเชียงราย อย่างเป็นสุข..เรื่องกังวลใจ(อีกเยอะในเชียงราย)จะน้อยลง...





เห็นด้วยครับ
เหรียญ มี ๓ ด้านเสมอ
ปัญหามันอยู่ที่ว่า   เราไม่มีข้อมูลเหล่านั้นอยู่เลย  เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยสนใจข้อมูล ว่ามันสำคัญเพียงไร
มุมของปริมาณน้ำสาขาที่ไหลเข้ามาในน้ำกก  มีเท่าไร  มีมากช่วงไหน คุณภาพเป็นอย่างไร  ไม่มีหน่วยงานไหนรู้ ซักหน่วย แม้กระทั่ง กรมทรัพยากรน้ำ และ การประปา(ที่ทำหน้าที่เพียงใช้ประโยชน์จากน้ำ)
มุมของสัตว์น้ำ ในอดีตมีสภาพเป็นอย่างไร มีกี่ชนิด มีกี่สายพันธุ์ มีชุกชุมมากน้อยเพียงไร ปัจจุบัน มีสภาพเป็นอย่างไร  กรมประมง (หน่วยงานผมนี่แหละ) ก็ไม่เคยมีข้อมูล ตอนนี้ผมก็พยายามหาข้อมูล(โดยส่วนตัวในฐานะที่เป็นคนที่รักเชียงราย)
มุมของน้ำดิบ ความเห็นส่วนตัว ผมไม่เคยแน่ใจว่า การประปา เคยวิเคราะห์หรือไม่ว่า ในน้ำกก ที่นำมาใช้น้ำประปา มีสารพิษอะไไรบ้าง

จึงอยากให้ทุกคนที่มีข้อมูลเหล่านี้นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
IP : บันทึกการเข้า

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง"(ไว้เตือนตนเอง)
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!