ความหย่อนยานของพระอุปัชฌาย์ ๑.
เห็นแก่หน้า ๑.
เห็นแก่ลาภ ๑.
มารอฟังความชัดเจนด้วยอีกคนค่ะ
สบงยาวถึงข้อเท้า รัดประคตจนเอวคอด รับไม่ได้เลยค่ะ มีทางออกที่ดีบ้างไหม
ขอพระผู้ใหญ่พิจารณาด้วยเถอะค่ะ
ที่พระกะเทยมีอยู่มากมายก็พระผู้ใหญ่นี่แหละบวชให้ พระผู้น้อยบวชให้ไม่ได้หรอก
ถ้าไปถามพระอุปัชฌาย์ก็จะบอกว่า...
ตอนที่เข้ามาบวชเขาไม่เป็นกะเทย หรือไม่รู้ว่าเป็นกะเทย ซึ่งฟังไม่ขึ้น
เราจึงเห็นกะเทยอยู่มากมาย ที่เป็นใหญ่เป็นโตก็มีไม่น้อย
......................................................
บุคคลที่พระพุทธเจ้าห้ามบวชโดยเด็ดขาด อภัพบุคคลเหล่านี้ ต้องห้ามบวชเพราะเพศบกพร่องก็มี เพราะประพฤติผิดพระธรรมวินัยก็มี เพราะประพฤติผิดต่อ (ผู้ให้) กำเนิดของเขาเองก็มี.
จำพวกมีเพศบกพร่องนั้น คือ บัณเฑาะก์ ที่แปลว่ากะเทย, อุภโตพยัญชนก ที่แปลว่าคนมีทั้ง ๒ เพศ
กะเทย นั้นได้ความตามบาลีและอรรถกถาว่า ได้แก่ชายมีราคะกล้า ประพฤตินอกจารีตในทางเสพกามและยั่วยวนชายอื่นให้เป็นเช่นนั้น
ชายผู้ถูกตอน (ขันที) ก็ห้ามอุปสมบทเหมือนกัน คนชนิดนี้เป็นที่รังเกียจของคนอื่นในทางกามารมณ์
อุภโตพยัญชนก คือคนมี ๒ เพศ เป็นหญิงก็มี เป็นชายก็มี
จำพวกคนทำผิดต่อพระศาสนา นั้นแสดงไว้ ๗ ประเภท คือ คนฆ่าพระอรหันต์, คนผู้ข่มขืนภิกษุณี, คนลักเพศ, ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ (ทั้งที่ยังเป็นภิกษุอยู่ สึกแล้วมาบวชใหม่ก็ห้าม), ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว, ภิกษุผู้ทำสังฆเภท, คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิต
คนลักเพศ นั้นคือถือเพศภิกษุเอาเองด้วยตั้งใจจะปลอมเข้าอยู่ในหมู่ภิกษุ เช่นปลอมตัวว่าบวช ปลอมเข้าอยู่ในหมู่ภิกษุ
ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ นั้นเพ่งเอาผู้ไปเข้ารีตทั้งที่กำลังเป็นภิกษุ คฤหัสถ์เข้ารีตหรือภิกษุสึกแล้วจึงเข้ารีต ไม่จัดเข้าในข้อนี้
คนผู้ทำสังฆเภท หมายเอาภิกษุผู้มีสังวาสเสมอกัน ภายหลังแตกจากสงฆ์ไปตั้งคณะหนึ่งต่างหาก มีพระเทวทัตเป็นตัวอย่าง การจัดภิกษุผู้ทำสังฆเภทเป็นอภัพบุคคลนั้น ความว่า แม้ภิกษุนั้นกลับใจมาขอบวชเข้าหมู่อีก ก็ห้ามมิให้รับเข้าบวชเป็นเด็ดขาด
คนทำผิดต่อกำเนิดของตน นั้น คือ คนฆ่าพ่อฆ่าแม่
อภัพบุคคลเหล่านี้ ถ้ารู้มาก่อนก็ไม่พึงให้อุปสมบท(บวช) แต่ถ้าให้บวชแล้วเพราะไม่รู้ เมื่อภายหลังรู้ พึงให้สึกเสีย
อรรถกถาจารย์แบ่งกะเทยไว้ ๕ ประเภท คือ ๑. อาสิตตบัณเฑาะก์ (ยสฺส ปเรสํ องฺคชาตํ มุเขน คเหตฺวา อสุจินา อาสิตฺตสฺส ปริฬาโห วูปสมติ อยํ อาสิตฺตปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกที่ชอบใช้ปากอมองคชาตของผู้อื่น ความเร่าร้อนสงบไปเมื่อถูกน้ำอสุจิรั่วรดแล้ว พวกนี้เรียกว่า อาสิตตบัณเฑาะก์
๒. อุสสุยบัณเฑาะก์ (ยสฺส ปน ปเรสํ อชฺฌาจารํ ปสฺสโต อุสฺสุยยาย ปริฬาโห วูปสมติ อยํ อุสฺสุยฺยปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกที่เห็นคนอื่นเขาประพฤติล่วงประเวณี หรือเห็นคนอื่นเขาเสพสังวาสกันความเร่าร้อนด้วยราคะที่ฟุ้งขึ้นของเขาก็สงบไป พวกนี้เรียกว่า อุสสุยยบัณเฑาะก์ (พวกชอบแอบดู)
๓. โอปักกมิยบัณเฑาะก์ (ยสฺส อุปกฺกเมน พีชานํ อปนีตานิ อยํ โอปกฺกมิย ปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกที่ถูกตอนแล้ว ถ้าเป็นประเพณีเก่าของจีนคือพวกขันที คือคนพวกที่ถูกเขาควักเอาอัณฑะออกแล้ว (น่าจะตัดออก) พวกนี้เรียกว่า โอปักกมิยบัณเฑาะก์
๔. ปักขบัณเฑาะก์ (เอกจฺโจ ปน อกุสลวิปาเกน กาฬปกฺเข ปณฺฑโก โหติ ชุณฺหปกฺเข ปนสฺส ปริฬาโห วูปสมติ อยํ ปกฺขปณฺฑโก) หมายความว่า กะเทยพวกนี้เป็นกะเทยมีราคะกล้าเฉพาะวันข้างแรมไปจนถึงเดือนดับเพราะอกุศลวิบาก แต่พอข้างขึ้นก็สงบไป พวกนี้เรียกว่า ปักขบัณเฑาะก์
๕. นปุงสกบัณเฑาะก์ (อิตฺถีอุภโตพยญฺชนกสฺส อิตฺถีสุ ปุริสตฺตํ กโรนฺตสฺส อิตฺถี นิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ ปุริสนิมิตฺตํ ปากฏํฯ ปุริสอุภโตพยญฺชนกสฺส ปุริสานํ อิตฺถีภาวํ อุปคจฺฉนฺตสฺส ปุริสนิมิตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ อิตฺถีนิมิตฺตํ ปากฏํ โหติฯ อิตฺถีอุภโตพยญฺชนโก สยญฺจ คพฺภํ คณฺหาตีติ ปรญฺจ คณฺหาเปติฯ ปุริสอุภโตพยญฺชนโก ปน สยํ น คณฺหาติ ปรํ คณฺหาเปติฯ)
หมายความว่า กะเทยพวกนี้มี ๒ เพศในร่างเดียวกัน คือ พวกอุภโตพยัญชนกเมื่อทำหน้าที่ของผู้ชายให้หญิง ก็ซ่อนรูปเพศหญิงไว้แต่เพศชายปรากฏ, เมื่อทำหน้าที่เป็นหญิง เพศชายหายไปแต่เพศหญิงปรากฏ, เรียกพวกนี้ว่า ปุริสอุภโตพยัญชนกฯ ส่วนอิตถีอุภโตพยัญชนก ท้องเองก็ได้ และทำผู้อื่นท้องก็ได้ ส่วนปุริสอุภโตพยัญชนกไม่ได้ตั้งท้องเอง แต่ทำให้หญิงท้องก็ได้