ตัดใจเสียตอนนี้ ดีกว่าทรมานไปทั้งชีวิต ทั้งตัวเขาและตัวเรา
ดาวน์ซิมโดรมไม่ใช่ปัญญาอ่อนนะคะ เด็กสามารถพัฒนาได้ เรียนหนังสือแบบปกติได้ ใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลทั่วไปได้
ไอ้คำว่า ทรมานไปทั้งชีวิตนั้น เด็กไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเองเลย ผู้ใหญ่คิดให้ล้วนๆ
โทษทีค่ะ เห็นแล้วมันงึ๊ดดดด
ขอโทษด้วยนะครับที่เขียนไปแบบนั้น ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี แต่ผมก็ขอ confirm คำพูดเดิมครับ
พ่อ แม่ แหละตัดสินใจ ว่าพร้อมยอมรับได้หรือไม่ ถามใจตัวเองเลย ถ้าท่านไม่พร้อมก็รู้ดีว่าทำอย่างไร ถ้าท่านพร้อมยอมรับท่านก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร อายุ 30 อัพแล้ว ......มันเป็นเรื่องอ่อนไหว หากมีการเสนอแนะไป อาจไปกระทบจิตใจ อีกคน........เหมือนๆ เมนต์ที่ผ่านๆมา
+100
+100
กำลังใจ และทางออกดีๆ มีอยู่เยอะแยะ
แต่ถ้าโพสต์ให้กำลังใจกันไม่ได้ แล้วเสนอแนะไปอย่างคนที่ "ไม่ใช่ธุระของชั้น" ข้อความที่ออกมามันก็จะเป็นแบบที่คุณ ohio888 กล่าวมา
เพราะมีหลานที่เป็นดาวน์ซินโดรม อยู่ จึงรู้ว่า
๑. ผู้ปกครอง ต้องมีความพร้อม เพราะตั้งแต่เล็กต้องหมั่นพาไปหาหมอเฉพาะทาง เช่นที่กรุงเทพฯ ไปที่รพ.ยุวประสาท แถว ปากน้ำ หรือที่รพ.ประสาท แถวราชวิถี หรือรพ.อื่นที่มีหมอผู้เชี่ยวชาญ
พอโตขึ้นมาพาไปเรียนที่รร.ศึกษาพิเศษ และรร.อื่นที่เขารับเด็กพิเศษแบบนี้
(เราจะเรียกว่าเด็กพิเศษกัน )
อาจจะต้องเหนื่อยในระยะแรก ที่ต้องสอนให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตัวเอง แต่งตัว กินข้าวเอง
๒. กำลังใจ ต้องยอมรับลูกของเรา ว่าเป็นแบบนี้ พาออกสังคม ไปไหน พาไปด้วย อย่าเก็บไว้ในบ้าน เพราะอาย คิดว่าเป็นปมด้อย หรือกลัวคนอื่นว่า ล้อเลียน เพราะจะทำให้เด็กเข้ากับสังคมได้
๓. ถ้าเป็นหญิง หากโตเป็นสาว ลองปรึกษาแพทย์ว่าจะทำอย่างไร ในการป้องกันลูก
มีหลายกรณีที่คนเลว มาล่วงละเมิดเด็ก เพราะคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่องทำให้เด็กท้อง/ติดโรคโดยหาคนเลวไม่ไ้ด้
(เคยเจอกับแม่ที่พาลูกมาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันไว้ก่อน)
๔. ความรัก เอาใจใส่ ดูแล แก่เด็กพิเศษเหมือนกับลูกคนอื่น
จริงๆแล้วเด็กพิเศษ ก็น่ารักเหมือนกับเด็กทั่วไป อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะไร้เดียงสา
จากกรณีของหลาน(ลูกของญาติ) พูดคุยกันรู้เรื่องดี เด็กเรียนชั้น ป๓ แม้จะเรียนช้ากว่าคนอื่น แต่ก็เข้าใจในระดับสติปัญญาของเด็ก พ่อแม่พาออกสังคมตลอด
ไม่ว่าจะเป็นงานไหน พามาเที่ยวชร. ๒ครั้งแล้วไม่มีปัญหาอะไรเลย
อ้อ ๕. เด็กจะกินมากกว่าปกติ เพราะไม่รู้ว่าอิ่มหรือยัง ให้อะไรมาก็กินหมด ดังนั้นเด็กพิเศษ ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักมากกว่าปกติ ต้องให้ออกกำลังด้วย
ให้กำลังใจพ่อแม่นะคะ ขอให้เลือกทางที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเอง และเด็กค่ะ
Down Syndrome = ผู้คนส่วนมากจะเรียกว่าเด็ก XXX (ไม่มีเจตนาจะใช้คำพูดนี้ แต่ไม่สามารถหาคำใดที่จะชัดเจนไปกว่านี้ได้ ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย)
Autistic / Autism = เด็กพิเศษ
แตกต่างกันมากนะครับ ลองไปดูประวัติบุคคลสำคัญของโลก หลายๆท่านเป็น Autistic / Autism = เด็กพิเศษ
พอดีลูกชายเป็น Autistic / Autism = เด็กพิเศษ แต่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับเด็กปรกติได้ และกินจุ แต่สอบได้ที่ 1 ของโรงเรียน ย้ำนะครับ ที่ 1 ของโรงเรียน
Down Syndrome ยังเหนื่อยน้อยกว่า Autism นะคะ
ลูกชายเราก็เป็นเด็กออทิสติก อยู่ในระดับที่ดูไม่ออก
ขนาดว่าดูไม่ค่อยออกยังต้องฝึกกิจกรรมบำบัดอยู่ 2-3 ปีกว่าจะพาเข้าโรงเรียนได้
เด็กดาวน์ที่ฝึกอยู่รุ่นเดียวกันเค้ายังไปได้เร็วกว่าซะอีก