
นายกิตติวัฒน์ แสวงเจริญ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 194 หมู่ 4 ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุรพงษ์ บุญยืน สารวัตรเวร สภ.เมืองเชียงราย โดยกล่าวว่า ตนเองมีตำแหน่งเป็นประธานสภาเทศบาลตำบลระหาน จ.กำแพงเพชร ได้เดินทางขึ้นมาท่องเที่ยว พร้อมกับนางสาว รุจิรัตน์ รัชธำรง อายุ 35 ปี เลขที่ 165/264 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แฟนสาว ที่ จ.เชียงราย โดยตั้งใจจะไปเที่ยวที่ อ.แม่สาย และจะเดินทางไปไหว้พระต่อที่ จ.เชียงใหม่ ในวันหยุดได้ออกเดินทางออกมาจาก จ.กำแพงเพชร ด้วยรถยนต์เก๋งมินิคูเปอร์ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน สศ 900 กรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.โดยตนเองเป็นผู้ขับ
เมื่อมาถึงตัวเมือง จ.เชียงราย เวลาประมาณ 01.00 น. จึงได้เข้าพักที่ โรงแรมเรสโรส บริเวณหัวสนามบินเก่า ภายในตัวเมือง จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. รู้สึกว่าหิวข้าวกันเลยขับรถออกมาจากโรงแรมที่พักเพื่อหาอะไรกิน และเนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัดไม่รู้พื้นที่ในเมือง จึงขับรถช้าๆ มาตามถนน จนมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมแสนภูเพลส ถนนบรรพปราการ ซึ่งมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก และพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีดำ ไม่ทราบหมวดอักษร และเลขทะเบียน เปิดไฟซีนอนสีฟ้า ลักษณะแต่งซิ่ง จอดอยู่ริมถนนหน้าโรงแรม สังเกตภายใรรถเห็นมีผู้นั่งมาด้วย แต่ไม่ทราบจำนวนเนื่องจากรถปิดกระจกมองเห็นเพียงรางๆ เท่านั้น
ขณะที่ตนหยุดรถเพื่อมองหาร้านอาหาร คนขับรถยนต์คันดังกล่าวได้เปิดกระจกตะโกนใส่ตนเป็นภาษาเหนือ 1 คำ ซึ่งตนก็แปลไม่ออก และไม่ได้สนใจจึงขับรถเลยมาถึงหน้าโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จึงกลับรถเพื่อหาร้านอาหารต่อ ขณะนั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับย้อนศรข้ามเลนมาดักตรงหน้าประจันกับรถยนต์ของตน คนขับเป็นชายรูปร่างสูง ผิวขาว ผมฟู สวมหมวกแก๊ป สวมเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนสีน้ำเงิน ได้เดินลงมาจากรถ และใช้มือทุบกระจกทางฝั่งที่ตนเองนั่งอยู่อย่างแรง 1 ครั้ง แฟนที่นั่งมาด้วยได้บอกให้ตนถอยออก และขับหนีออกมาทางหอนาฬิกา แต่ชายคนดังกล่าวได้รีบวิ่งไปขึ้นรถ และขับไล่ติดตามตนเองมาอย่างกระชั้นชิด ตนเป็นคนต่างจังหวัดไม่รู้เส้นทางจึงขับรถเตลิดไปเนื่องจากกลัวถูกทำร้าย แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้ไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด และได้พุ่งชนท้ายรถตนเองจนเกิดความเสียหาย ที่บริเวณใกล้ถึงห้าแยกพ่อขุนฯ แต่ตนก็ไม่ได้จอดลงมาดูเนื่องจากกลัวถูกทำร้าย ได้ขับหนีข้ามสะพานแม่น้ำกกไป แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้ไล่ติดตามอย่างไม่ลดละ เมื่อมาถึงบริเวณตู้ยามแม่กก ตนพยายามชะลอรถเพื่อจะไปแจ้ง ตร.ที่ตู้ยาม แต่รถคันดังกล่าวได้ขับปิดทางจุดกลับรถไม่ยอมให้ตนเลี้ยวไปแจ้งความ ครั้นเมื่อเลยตู้ยามแม่กกไปไปแล้ว ตนสังเกตุเห็นรถยนต์คันดังกล่าวเลี้ยวแอบไปทางด้านซ้าย และจอดแอบอยู่ในซอยปิดไฟหน้ารถ ตนจึงไม่กล้ากลับรถไปแจ้งความที่ตู้ยามดังกล่าว
ตนได้ขับรถไปจนถึง 3 แยก หน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จึงลงรถไปแจ้ง ตร.ที่ตู้ยาม แม่ฟ้าาหลวง และขอร้องให้เจ้าหน้าที่ ตร.พามาส่งที่ สภ.เมืองเชียงรายเพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ตร.ดังกล่าว
นายกิตติวัฒน์ ยังได้กล่าวต่อว่า เชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยว มีสถานที่ที่สวยงามมากมาย ตนคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เข้ากับนักท่องเที่ยวอย่างตน ขอให้เจ้าหน้าที่ ตร.เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาลงโทษตามกฏหมายโดยด่วน และตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับคนร้ายรายนี้มาก่อน โดยขอให้ตรวจที่กล้องวงจรปิดที่จังหวัดใหญ่ๆ อย่างเชียงรายน่าจะมี เนื่องจากขับรถไล่กันแบบในหนัง ตามวัน เวลา ดังกล่าวน่าจะทราบว่าคนร้ายเป็นใคร และตนคงไม่อยู่อีกแล้วจะเดินทางกลับทันที เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย และเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก รองประธานสภาฯ กล่าวทิ้งท้ายอย่างมีอารมณ์
ด้าน พ.ต.ท.สุรพงษ์ บุญยืน กล่าวว่าวัยรุ่นที่ก่อเหตุ อาจเขม่นเนื่องจากรถยนต์ของตนเองแต่งซิ่ง และเห็นรถยนต์ของผู้เสียหายเด่นสะดุดตากว่า จึงเกิดอาการไม่พอใจ และก่อเหตุดังกล่าวในเบื้องต้น ได้ส่งรถยนต์ของนายกิตติวัฒน์ ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสภาพร่องรอยการเฉี่ยวชนที่หน้ากองพิสูจน์หลักฐาน หาพยานหลักฐานตรวจสอบที่กล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฏหมาย ต่อไป
http://www.cr-businessonline.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539365412&Ntype=18