เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 00:54:40
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  แด่เธอผู้มาใหม่ : เรื่องเรียบง่ายและธรรมดาที่เรียกว่า ธรรมะ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน แด่เธอผู้มาใหม่ : เรื่องเรียบง่ายและธรรมดาที่เรียกว่า ธรรมะ  (อ่าน 2520 ครั้ง)
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 18:50:40 »


อันนี้เป็นบทความที่ผมเริ่มสนใจการปฏิบัติใหม่แล้วก็หาดูในเน็ต แล้วก็พบเขาแล้วเป็นแรงบันดาลใจให้สนใจการปฏิบัติและเป็นหลักในการปฏิบัติในสายดูจิต ซึ่งเนื้อความก็เกี่ยวกับการปฏิบัติที่เป็นแบบสติปัฏฐาน 4 และเมื่อผมเกิดความสงสัยหรือยึดหลักไม่ได้ก็จะกลับมาอ่าน
บทความนี้ทำให้เขาใจและได้หลักปฏิบัตินำไปปฏิบัติต่อ  ซึ่งผู้เขียนก็คือ คุณสันตินันท์ สมัยที่ยังเป็นฆาราวาสหรือหลวงพ่อปราโมทย์ในปัจจุบัน ผมจะขอตัดตอนมาเฉพาะเนื้อความ เดี๋ยวเนื้อความแบบเต็มจะวางลิงค์ไว้ให้ตอนท้ายน่ะครับ..


* 003.jpg (48.41 KB, 598x400 - ดู 308 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 18:52:31 »

แท้จริงแล้ว ธรรมเป็นเรื่องใกล้ตัว ใกล้จนถึงขนาดที่เรียกว่า
เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ตัวเราเอง
และขอบเขตของธรรมะก็มีเพียงนิดเดียวคือ
ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดความทุกข์

ถ้าจะศึกษาธรรมะ ก็ศึกษาลงไปเลยว่า
"ความทุกข์อยู่ที่ไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร และดับไปได้อย่างไร"
และความสำเร็จของการศึกษาธรรมะ
อยู่ที่ปฏิบัติจนเข้าถึงความพ้นทุกข์
ไม่ใช่เพื่อความรอบรู้รกสมอง
หรือเพื่อความสามารถในการอธิบายแจกแจงธรรมได้อย่างวิจิตรพิสดาร

แท้จริงแล้ว ความทุกข์ของคนเราอยู่ในกายในจิตของตนนั่นเอง
สนามศึกษาธรรมะของเรา จึงอยู่ที่กายที่จิตนี้แหละ
แทนที่เราจะเที่ยวเรียนรู้ออกไปภายนอก
ก็ให้เราย้อนเข้ามาศึกษาอยู่ในกายในจิตของเรานี้แหละ

วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก ขอเพียงให้หัดสังเกตกายและจิตของเราเองให้ดี
เริ่มต้นง่ายๆ จากการสังเกตร่างกายก่อนก็ได้

ขั้นแรก ทำใจให้สบายๆ อย่าเคร่งเครียด
อย่าไปคิดว่าเราจะปฏิบัติธรรม แต่ให้คิดเพียงว่า
เราจะสังเกตดูร่างกายของเราเองเท่านั้น
สังเกตแล้วจะรู้ได้แค่ไหนก็ไม่เป็นไร
เอาแค่ว่าจะเฝ้าสังเกตให้ได้เท่าที่ทำได้ก็พอ

เมื่อทำใจสบายๆ แล้ว ลองนึกถึงร่างกายของเรา
นึกถึงให้รู้พร้อมทั้งตัวเลยก็ได้
เหมือนเรากำลังดูหุ่นยนต์อยู่สักตัวหนึ่ง
ที่มันเดินได้ เคลื่อนไหวได้ ขยับปากได้
กลืนอาหารอันเป็นวัตถุเข้าไปในร่างกาย
ขับถ่ายกากอาหารออกจากร่างกาย

ถ้าเราเห็นหุ่นยนต์ที่ชื่อว่าตัวเรา มันทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ
เราเป็นคนดูเฉยๆ
ถึงจุดหนึ่งก็จะเห็นแจ้งประจักษ์ใจเองว่า
ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา   มันเป็นวัตถุก้อนหนึ่งเท่านั้น
มีความไม่หยุดนิ่ง ไม่คงที่ แม้แต่วัตถุที่ประกอบเป็นเจ้าหุ่นตัวนี้
ก็ยังมีความเปลี่ยนแปลงไหลเข้าไหลออกอยู่ตลอดเวลา
เช่นหายใจเข้าแล้วก็หายใจออก กินอาหารและน้ำแล้วขับถ่ายออก
ไม่ใช่สิ่งที่เป็นก้อนธาตุที่คงที่ถาวร
ความยึดถือด้วยความหลงผิดว่า กายเป็นเรา ก็จะบรรเทาเบาบางลงได้
แล้วก็จะเห็นอีกว่า
ยังมีธรรมชาติที่เป็นผู้รู้ร่างกาย อาศัยอยู่ในร่างกายนี้เอง

เมื่อเห็นชัดแล้วว่า กายนี้เป็นแค่ก้อนธาตุ ไม่คงที่ ไม่ใช่ตัวเรา
คราวนี้ก็ลองมาสังเกตสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายนี้ต่อไป
เป็นการเรียนรู้เรื่องของเราเองให้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก


* 010.jpg (73.29 KB, 450x307 - ดู 625 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 18:54:12 »

สิ่งที่แฝงอยู่ในร่างกายที่เห็นได้ง่ายๆ
คือความรู้สึกเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง เฉยๆ บ้าง
เช่นเมื่อเราเห็นหุ่นยนต์ตัวนี้เคลื่อนไหวไปมา
ไม่นานก็จะเห็นความเมื่อยปวด ความหิวกระหาย
หรือความทุกข์อย่างนั้นอย่างนี้แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ
พอความทุกข์นั้นผ่านไปทีหนึ่ง
ก็จะรู้สึกสบายไปอีกช่วงหนึ่ง(รู้สึกเป็นสุข)
เช่นกระหายน้ำ เกิดเป็นความทุกข์ขึ้น
พอได้ดื่มน้ำ ความทุกข์เพราะความกระหายน้ำก็ดับไป
หรือนั่งนานๆ เกิดความปวดเมื่อย รู้สึกเป็นทุกข์
พอขยับตัวเสีย ก็หายปวดเมื่อย รู้สึกว่าทุกข์หายไป(รู้สึกเป็นสุข)

บางคราวมีความเจ็บไข้ได้ป่วย
ก็จะรู้ความทุกข์ทางกายได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้น
เช่นเกิดปวดฟันติดต่อกันนานๆ เป็นวันๆ
ถ้าคอยสังเกตรู้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น
ก็จะเห็นชัดว่า ความปวดนั้นเป็น สิ่งที่แทรก อยู่กับเหงือกและฟัน
แต่ตัวเหงือกและฟัน มันไม่ได้เจ็บปวดด้วยเลย
กายเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีความเจ็บปวด
เพียงแต่มีความเจ็บปวด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แฝงอยู่ในกาย

เราก็จะรู้ชัดว่า ความรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์ หรือรู้สึกเฉยๆ
ไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นสิ่งอีกสิ่งหนึ่งที่แทรกอยู่ในร่างกาย
และที่สำคัญ เจ้าความรู้สึกเหล่านั้น
ก็เป็นสิ่งที่กำลังถูกรู้ ถูกดูอยู่ เช่นเดียวกับร่างกายนั้นเอง

ถัดจากนั้น เรามาเรียนรู้เรื่องราวของตัวเองให้ละเอียดมากขึ้น
คือคอยสังเกตให้ดีว่า เวลาที่เกิดความทุกข์ขึ้นนั้น
จิตใจของเรามันจะเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจตามมาด้วย
เช่นหิวข้าวแล้วจะโมโหง่าย เหนื่อยก็โมโหง่าย
เจ็บไข้ก็โมโหง่าย เกิดความใคร่แล้วไม่ได้รับการตอบสนองก็โมโหง่าย
ให้เราหัดรู้ให้เท่าทันความโกรธที่เกิดขึ้น ในเวลาที่เผชิญกับความทุกข์

ในทางกลับกัน เมื่อเราได้เห็นของสวยงาม ได้ยินเสียงที่ถูกใจ
ได้กลิ่นหอมถูกใจ ได้ลิ้มรสที่อร่อย
ได้รับสิ่งสัมผัสร่างกายที่นุ่มนวล
มีอุณหภูมิพอเหมาะ ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป
ได้คิดถึงสิ่งที่พอใจ
เราจะเกิดความรักใคร่พึงพอใจในสิ่งที่
ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น  ได้รส ได้สัมผัส และได้คิดนึกนั้น
ก็ให้เรารู้เท่าทันความรักใคร่พอใจที่เกิดขึ้นนั้น

พอเรารู้จักความโกรธ หรือความรักใคร่พอใจแล้ว
เราก็สามารถรู้จักกับอารมณ์อย่างอื่นๆ ได้ด้วย
เช่นความลังเลสงสัย ความอาฆาตพยาบาท ความหดหู่ใจ
ความอิจฉาริษยา ความคิดลบหลู่ผู้อื่น
ความผ่องใสอิ่มเอิบของจิตใจ ความสงบในจิตใจ ฯลฯ

เมื่อเราเรียนรู้อารมณ์หรือความรู้สึกเหล่านี้มากขึ้นๆ
เราก็จะเริ่มรู้ว่า ความจริงแล้วอารมณ์ทุกอย่างนั้นไม่คงที่
เช่นเมื่อโกรธ และเราก็รู้อยู่ที่ความโกรธนั้น
ก็จะเห็นระดับของความโกรธเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
อยู่ไปๆ ความโกรธก็ดับไปเอง
และไม่ว่าความโกรธจะดับหรือไม่ก็ตาม
ความโกรธก็เป็นแค่สิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีเราอยู่ในความโกรธ
แม้อารมณ์อื่นๆ ก็จะเห็นในลักษณะเดียวกับความโกรธนี้ด้วย


* 015.jpg (9.75 KB, 274x184 - ดู 284 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 18:56:26 »

ถึงตอนนี้ เราจะรู้ชัดว่า ร่างกายก็เป็นแค่หุ่นยนต์ตัวหนึ่ง
ความรู้สึกสุขทุกข์ และอารมณ์ทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ใช่ตัวเรา
เมื่อหัดสังเกตเรียนรู้จิตใจตนเองมากขึ้น
คราวนี้ก็จะเห็นการทำงานของจิตใจได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
จนรู้ความจริงว่า ความทุกข์เป็นเพียงสิ่งที่มีเหตุทำให้เกิดขึ้นเป็นคราวๆ เท่านั้น

เราจะพบพลังงานหรือแรงผลักดันบางอย่างในจิตใจของเรา
เช่นพอเห็นผู้หญิงสวยถูกใจ
พอจิตใจเกิดความรู้สึกรักใคร่พอใจแล้ว
มันจะเกิดแรงผลักดันจิตใจของเรา
ให้เคลื่อนออกไปยึดเกาะที่ผู้หญิงคนนั้น
ทำให้เราลืมดูตัวเอง เห็นแต่ผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น

(เรื่องจิตเคลื่อนไปได้นี่ ถ้าเป็นคนที่เรียนตำราอาจจะงงๆ
แต่ถ้าลงมือปฏิบัติจริง จะเห็นว่า ความรับรู้มันเคลื่อนไปได้จริงๆ
ตรงกับที่พระพุทธเจ้าท่านพูดเรื่องจิตเที่ยวไปได้ไกล
ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่คำเดียว)

หรือเมื่อเราเกิดความสงสัยในธรรม ว่าเราควรปฏิบัติอย่างไร
ก็จะเห็นแรงผลักดันที่บังคับให้เราคิดหาคำตอบ
จิตใจของเราเคลื่อนเข้าไปอยู่ในโลกของความคิด
ตอนนั้น เราลืมดูตัวเราเอง
เจ้าหุ่นยนต์นั้นก็ยังอยู่ แต่เราลืมนึกถึงมันก็เหมือนกับว่ามันหายไปจากโลก
ความรู้สึกต่างๆ ในจิตใจเราเป็นอย่างไร เราก็ไม่รู้
เพราะมัวแต่คิดหาคำตอบในเรื่องที่สงสัยอยู่นั่นเอง

หัดรู้ทันจิตใจตนเองมากเข้า ไม่นานก็จะทราบด้วยตนเองว่า
ความทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร
ความพ้นทุกข์เกิดขึ้นได้อย่างไร
สภาพที่ไม่ทุกข์ เป็นอย่างไร
สภาพจิตใจมันจะพัฒนาของมันไปเองทุกอย่าง
ไม่ต้องไปคิดเรื่องฌาน เรื่องญาณ หรือเรื่องมรรคผลนิพพานใดๆ ทั้งสิ้น

ถึงตรงนี้ อาจจะพูดธรรมะไม่ได้สักคำ แปลศัพท์บาลีไม่ได้สักตัว
แต่จิตใจพ้นจากความทุกข์ หรือมีความทุกข์ ก็ทุกข์ไม่มากและไม่นาน

*******************************************************************

ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นเป็นของฝากสำหรับผู้เริ่มสนใจจะศึกษาธรรมะ
เพื่อบอกว่า ธรรมะ เป็นเรื่องธรรมดาๆ เป็นเรื่องของตัวเราเอง
และสามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากนัก ด้วยตนเอง
อย่าพากันท้อถอยเสีย เมื่อได้ยินคนอื่นพูดธรรมะแล้วเราฟังเขาไม่รู้เรื่อง
เราไม่ต้องรู้อะไรเลยก็ได้
รู้แค่ว่า ทำอย่างไรเราจะไม่ทุกข์ ก็พอแล้ว
เพราะนั่นคือใจความทั้งหมดของพระพุทธศาสนา
ซึ่งจำเป็นที่คนๆ หนึ่งควรจะเรียนรู้ไว้


* 012.jpg (61.8 KB, 400x320 - ดู 459 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 19:03:04 »

อันนี้เป็นลิงค์

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/000373.htm

เพื่อท่านใดจะอ่านเนื้อความเต็มและเก็บตกในรายละเอียด จริงๆแล้วบทความนี้ก็ได้รวบรวมไว้ในหนังสือเรื่อง แด่เธอผู้มาใหม่ ซึ่งผมได้รับหนังสือแด่เธอผู้มาใหม่นี้ ตอนไปดูดวงกับหมอพีร์ (หมอพีร์ก็คือคนที่กล่าวถึงในCDหลวงพ่อปราโมทย์ และที่เขียนในคอร์ลัมไดร์อารีหมอดู ในนิตยสาร ธรรมใกล้ตัว) ก็เลยนำมาอ่านดูก็เลยทำให้เขาใจมากขึ้น


    ธรรมสวัสดี ขอคุณงามความดีจงเกิดมีกับทุกท่าน...  _/\_


* แด่เธอผุ้มาใหม่.jpg (32.37 KB, 250x350 - ดู 418 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 22:53:05 »

คุณเมฆพัตรครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้พอจะมีการรวมกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงพ่อบ้างหรือเปล่าครับ ถ้ามีเผื่อจะได้มีโอกาสไปส่งการบ้านกับหลวงพ่อที่สวนฯบ้าง (จะไปเองก็กำลังทรัพย์ไม่พอ) หรืออย่างน้อยๆก็จะได้ส่งการบ้านกับรุ่นพี่ๆเพื่อเพิ่มเติมกำลังในการเดินทางครับ.... ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
poupoushop.com
~..Rose Apple..~
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 719


แม่ค้า-คนเชียงใหม่.


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 23:19:04 »

ขอบคุณค่ะสำหรับบทความดีๆ   ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

ชุดผ้าปูที่นอนราคาถูก http://poupoushop.com
ร้านLine https://shop.line.me/@poupoushop
vitits
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 107



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2012, 23:26:52 »

สาธุกับเจ้าของกระทู้ครับ  ขออนุญาติบอกข่าวนิดหนึ่งนะครับ  ในวันที่24มีนาคมนี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อปราโมทย์คือคุณมาลีและคุณหมอณัฐ (เรามักจะได้ยินหลวงพ่อกล่าวถึงบ่อย ๆ เวลาฟังซีดี) จะมาสนทนาธรรมกับผู้ที่สนใจแนวทางการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ณ วัดพระธาตุโกฏิแ้ก้ว ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เวลา 13.00น ก็ขอเชิญท่านที่สนใจไปร่วมได้ในวันและเวลาดังกล่าวได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มจิตตภาวนาความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 07 มีนาคม 2012, 09:12:27 »

สาธุกับเจ้าของกระทู้ครับ  ขออนุญาติบอกข่าวนิดหนึ่งนะครับ  ในวันที่24มีนาคมนี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อปราโมทย์คือคุณมาลีและคุณหมอณัฐ (เรามักจะได้ยินหลวงพ่อกล่าวถึงบ่อย ๆ เวลาฟังซีดี) จะมาสนทนาธรรมกับผู้ที่สนใจแนวทางการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ณ วัดพระธาตุโกฏิแ้ก้ว ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เวลา 13.00น ก็ขอเชิญท่านที่สนใจไปร่วมได้ในวันและเวลาดังกล่าวได้ครับ
เป็นโอกาสอันดีมากๆเลยครับ ผู้ที่สนใจไม่ควรพลาด ยิงฟันยิ้ม
แต่.............ทั้งงานนี้และงานที่หลวงพ่อมา ผมมาไม่ได้ทั้งคู่เลย ฮืม
IP : บันทึกการเข้า
little girl
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,174



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 07 มีนาคม 2012, 12:31:05 »

ได้อ่านแล้วรู้สึกได้ความรู้และสบายใจขึ้นค่ะ...ขอขอบคุณ จขกท มากเลยค่ะ
IP : บันทึกการเข้า

เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 08 มีนาคม 2012, 00:01:49 »

คุณเมฆพัตรครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้พอจะมีการรวมกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงพ่อบ้างหรือเปล่าครับ ถ้ามีเผื่อจะได้มีโอกาสไปส่งการบ้านกับหลวงพ่อที่สวนฯบ้าง (จะไปเองก็กำลังทรัพย์ไม่พอ) หรืออย่างน้อยๆก็จะได้ส่งการบ้านกับรุ่นพี่ๆเพื่อเพิ่มเติมกำลังในการเดินทางครับ.... ยิงฟันยิ้ม

1.การรวมกลุ่มของลูกศิษย์นี้ผมก็ไม่แน่ใจน่ะครับ รอผู้รู้มาตอบอีกทีครับ
2.การเดินทางที่จะไปทีสวนฯนี้ก็มีแนวความคิดเหมือนกันครับ ก่ะว่า 3 เดือนเดินทางไปที่สวนสันติธรรมครั้งหนึ่ง ตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลเรื่องรถตู้อยู่ครับ ยังไงเมื่อได้ข้อมูลแล้วหรือมีผู้สนใจ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งครับ
3.ตอนที่ผมพิมพ์กระทู้อยู่นี้ผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทยน่ะครับ ตอนนี้ผมอยู่อินเดีย  
 เพราะฉะนั้นข้อมูลข่าวสารที่เกียวกับเชียงรายผมจะไม่ทราบครับ ต้องอาศัยท่านผู้รู้มาช่วยตอบและเผยแพร่ข้อมูลครับ

                                                                                       ขอบคุณครับ



* 000003.jpg (101.23 KB, 536x800 - ดู 324 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มีนาคม 2012, 08:54:40 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
sabaidree
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2012, 00:07:59 »

คุณเมฆพัตรครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้พอจะมีการรวมกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงพ่อบ้างหรือเปล่าครับ ถ้ามีเผื่อจะได้มีโอกาสไปส่งการบ้านกับหลวงพ่อที่สวนฯบ้าง (จะไปเองก็กำลังทรัพย์ไม่พอ) หรืออย่างน้อยๆก็จะได้ส่งการบ้านกับรุ่นพี่ๆเพื่อเพิ่มเติมกำลังในการเดินทางครับ.... ยิงฟันยิ้ม

1.การรวมกลุ่มของลูกศิษย์นี้ผมก็ไม่แน่ใจน่ะครับ รอผู้รู้มาตอบอีกทีครับ
2.การเดินทางที่จะไปทีสวนฯนี้ก็มีแนวความคิดเหมือนกันครับ ก่ะว่า 3 เดือนเดินทางไปที่สวนสันติธรรมครั้งหนึ่ง ตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลเรื่องรถตู้อยู่ครับ ยังไงเมื่อได้ข้อมูลแล้วหรือมีผู้สนใจ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งครับ
3.ตอนที่ผมพิมพ์กระทู้อยู่นี้ผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทยน่ะครับ ตอนนี้ผมอยู่อินเดีย 
 เพราะฉะนั้นข้อมูลข่าวสารที่เกียวกับเชียงรายผมจะไม่ทราบครับ ต้องอาศัยท่านผู้รู้มาช่วยตอบและเผยแพร่ข้อมูลครับ

                                                                                       ขอบคุณครับ


ของผมถ้าเป็นไปได้ ก็อยากไปปีละครั้งครับ (ตามประสาลูกศิษย์ที่ไม่ค่อยจะเอาไหนครับ.........) ไปบ่อยกว่านี้คงไม่มีการบ้านส่งเป็นแน่แท้ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
tabu
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 31 มีนาคม 2012, 19:11:11 »

ขอบคุณมากค่ะ  สำหรับบทความดีๆ  ธรรมะคือธรรมชาติ
จะไปหามาอ่านเพิ่มเติมค่ะ      ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!