เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 02 สิงหาคม 2025, 21:12:44
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0
ห้ามประกาศซื้อขาย แลกเปลี่ยน สัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิด บนเว็บไซต์แห่งนี้ เจอกระทู้ไหนประกาศ จะดำเนินการลบออก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ตลาดกลางซื้อขายสินค้าออนไลน์
| |-+  สัตว์เลี้ยง (ผู้ดูแล: ตาต้อม, Active Oper, “๏.๎฿ @ ์ N ' K๎.๏™”)
| | |-+  เพื่อนๆคนไหนเลี้ยงน้องแบบ BARF บ้างคะ ?
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เพื่อนๆคนไหนเลี้ยงน้องแบบ BARF บ้างคะ ?  (อ่าน 631 ครั้ง)
Angellaz
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 128


« เมื่อ: วันที่ 26 มกราคม 2012, 11:10:36 »

อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอ่ะค่ะ...
IP : บันทึกการเข้า
Angellaz
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 128


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 26 มกราคม 2012, 11:36:04 »

นี่คือข้อมูลคร่าวๆค่ะ

รื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงดูสุนัขอย่างง่ายๆ ให้มีอายุยืนยาวและประหยัดค่าอาหารตลอดจนรักษาสิ่งแวดล้อม

เมื่อ 30 ปีก่อน ไม่มีอาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ด เราจะเลี้ยงดูสุนัขด้วยกระดูกและเศษอาหาร หรืออาหารอื่นๆที่หาได้ง่ายๆ ราคาถูกจากตลาดใกล้บ้าน สุนัขก็มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และแทบไม่มีปัญหาเรื่องการเจ็บป่วย

เมื่อผู้เขียนเริ่มเลี้ยงสุนัขด้วยอาหารสำเร็จรูป (ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทำมาก่อน) ประมาณ 2 ปี ต่อมา สุนัขที่เคยสมบูรณ์แข็งแรงของผู้เขียน ก็เริ่มมีปัญหา แรกๆก้อเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่ก็เห็นได้ไม่ช้าไม่นานก็ต้องมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน เริ่มด้วยเป็นโรคผิวหนัง, ตาแฉะ, ขนหยาบแข็ง, คันยุกยิกทั้งวัน, หูอักเสบ และต่อมทวารอักเสบ ขนเหม็นสาบ, ปากเหม็น, ฟันมีปัญหา, อึเหม็นมาก และมีพยาธิ จากนั้นต่อมาก็มีปัญหาผสมติดยาก และปัญหาเจริญเติบโตผิดปกติ

ก่อนนี้ผู้เขียนเป็นสัตวแพทย์ชนบท ซึ่งเราก็เลี้ยงสุนัขกันด้วยเนื้อกระต่าย กระดูกดิบๆ และอาหารเหลือที่เรากิน ในช่วงนั้น สุนัขของเราไม่เคยต้องถ่ายพยาธิหรือฉีดวัคซีนเลย การผสมก็ติดง่าย คลอดลูกง่าย และได้ลูกครอกใหญ่และแข็งแรงมาก

ในที่สุดก็พบว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็มีปัญหาประสบการณ์เดียวกันคือ พวกที่เลี้ยงสุนัขด้วยอาหารสำเร็จรูป สุนัขของพวกเขาก็จะมีปัญหามาก ส่วนพวกที่เลี้ยงสุนัขด้วยกระดูกและอาหารเหลือๆ สุนัขก็จะแข็งแรง

** ดังนั้นผู้เขียนจึงเปลี่ยนมาให้อาหารแบบธรรมชาติ คือ กระดูกติดเนื้อดิบๆเช่นเนื้อแกะ, ไก่, เศษอาหารเหลือ, เศษผักผลไม้, น้ำเกรวี่, ข้าว, มันบด, พาสต้า ฯลฯ บางครั้งก็มีไข่, ตับ, ไต, น้ำมันพืช, น้ำผึ้ง, บริวเวอร์ยีสต์, สาหร่ายทะเล, น้ำมันตับปลา และเสริมด้วยไวตามินบางชนิด หลังจากนั้นสุนัขของผู้เขียนเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้รับอาหารแบบธรรมชาติ คือไม่มีปัญหาผิวหนัง, ฟัน, ตา, การเจริญเติบโต, การผสมพันธุ์ และไม่มีพยาธิ อึก็ไม่มีกลิ่นเหม็น และปริมาณอึก็น้อย กลิ่นปากไม่มี ค่าใช้จ่ายลดลงอย่างมาก เพราะค่าอาหารถูกลงและไม่ต้องสิ้นเปลืองค่ายารักษาโรคและยาถ่ายพยาธิ ฯลฯ

 วิธีเลี้ยงสุนัขที่ควรปฏิบัติ:
- ให้กระดุกติดเนื้อ (ดิบ) ประมาณ 60 %
- อีก 40% เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่คนรับประทาน และควรเป็นอาหารสด (ที่ไม่ได้ทำให้สุข) เช่น ผักผลไม้สด, นม, โยเกิร์ต, ไข่ ฯลฯ


เราต้องมาเริ่มคิดกันใหม่ว่า สุนัขคือ อะไร???

1. สัตว์กินเนื้อ (Carnivore): สุนัขเป็นสัตว์ที่ชอบกินเนื้อสัตว์อื่น ตามปกติมันจะต้องกินเครื่องในก่อน แล้วก็กินเนื้อ, กระดูก, และส่วนอื่นๆ
 ดังนั้น ทุกส่วนของสุนัขที่กินเข้าไป จะสามารถสร้างสมดุลได้ในระบบการย่อยของตัวสุนัขเอง

2. สัตว์กินพืช (Vegetarian): หมาป่าและสุนัขประเภทอื่นๆก็เป็นสัตว์กินพืชด้วย เมื่อหมาป่าฆ่าสัตว์ได้มันจะกินส่วนกระเพาะและลำไส้ก่อนอวัยวะส่วนอื่นๆ ในกระเพาะมักจะมีพวกหญ้าต่างๆและส่วนพืชอยู่เต็ม ตามปกติหมาป่าและสุนัขทั่วๆไป มักจะชอบผลไม้สดสุกๆ มันจะกินเป็นประจำคราวละครั้งมากๆ โดยนอนเฝ้ารออยู่ใต้ต้นนั้นเลยที่เดียว
ในช่วงสงครามโลกฝั่งทวีปยุโรป ว่ากันว่าพวกสุนัขทั้งหลายรอดตาย และมีลูกมีหลานสืบต่อกันมาได้ ก็โดยอาศัยอาหารจากเครื่องในของพวกแกะ และฝูงปศุสัตว์นั้นเอง และสุขภาพของพวกมันก็ดีมากในช่วงนั้น
 ดังนั้นผลไม้และผักหญ้าต่างๆควรจะเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่จะช่วยสร้างสมดุลในระบบย่อยของสุนัขได้
- ผลไม้ โดยทั่วไปจะกินดีที่สุดตอนช่วงที่สุกงอมเต็มที่
- ผัก+หญ้า ก็ควรผ่านการเคี้ยวบดให้ระเอียดเหมือนอย่างในกระเพาะของสัตว์ ต่างๆนั่นเอง

3. พวกเก็บขยะ (Scavenger): ถ้าคุณทิ้งสุนัขไว้กับถังขยะ ตามลำพังก็จะได้เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นคือ
หมาป่า มักจะเป็นผู้เก็บกินซากที่เหลือทิ้งของบรรดาสัตว์ที่ถูกล่า หรือตายในป่า แม้แต่ซากสัตว์ที่เป็นโรคตาย
สุนัขกินอึด้วย ซึ่งอึเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่มีกรดไขมันและไวตามินที่ละลายในไขมันหลายตัว เช่น ไวตามิน K, B และแร่ธาตุต่างๆอีกมากมาย รวมถึงสาร แอนตี้ - ออกซิแดนซ์ และเอนไซม์ตลอดจนเส้นใยอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
สุนัขที่กินอาหารสำเร็จรูปหลายตัว เราอาจพบเห็นว่า สุนัขเหล่านั้นต้องกินอึกเพื่อช่วยให้คงความสมดุลและสมบูรณ์ขึ้น
 ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากให้สุนัขของเรากินอึ เราต้องให้อาหารที่มีส่วนประกอบและแร่ธาตุที่มีคุณค่าทางอาหารแบบที่มีอยู่ในมูลสัตว์ ให้สุนัขของเรากิน เช่น โยเกิร์ต, ผักสด, ไขมันไม่อิ่มตัว, บริวเวอร์ยีสต์, ข้าวกล้อง ฯลฯ


4. นักล่า (Hunter): สุนัขที่ชอบอาหารสดจากอวัยวะของเหยื่อ สุนัขจะกินทุกอย่างที่เคลื่อนไหว ตั้งแต่ยัง
เป็นลูกสุนัขก็จะเริ่มไล่จับ กินแมลง, มด, จิ้งจก หรือตัวอะไรที่คลานผ่านมา เมื่อโตขึ้น มันก็จะไลล่ากินสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

5. นักฉวยโอกาส (Opportunitist): เมื่อสุนัขหิว มันจะกินทุกอย่างที่พบเห็นว่าสามารถกินเป็นอาหารได้ พวกสุนัขที่ชอบรื้อถังขยะกิน จะแข็งแรงกว่า สุนัขที่เลี้ยงอย่างดีด้วยอาหารเม็ดชั้นยอด เพราะเศษอาหารในถังขยะส่วนใหญ่จะเป็นพวกเศษผัก ผลไม้ เปลือกผลไม้, เศษกระดูก, เนื้อ, เครื่องในที่ยังดิบๆ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของสุนัข

6. นักกินทุกอย่างที่ขวางหน้า (Omnivore): อาหารที่คุณใช้เลี้ยงสัตว์ทุกชนิดในโลกได้ ก็สามารถใช้เลี้ยงสุนัขได้ทั้งนั้น สุนัขเป็นสัตว์กินทุกอย่าง โดยมีพื้นฐานเป็นสัตว์กินเนื้อ มันจึงมีรูปร่างและฟันแบบนี้ ส่วนคนมีฟันและรูปร่างแบบสัตว์กินพืช แต่ทั้งคนและสุนัขต่างก็มีระบบอวัยวะภายในที่สามารถกินได้ทุกอย่างเหมือนกัน

**********************************************************
สรุปได้ว่า: จะเลี้ยงสุนัขให้แข็งแรงสมบูรณ์ตามธรรมชาตินั้นจะต้อง
- สุนัขต้องกินกระดก และเนื้อสัตว์ที่ยังดิบ
- สุนัขต้องกินเครื่องใน ตับไต ไส้พุงดิบๆ
- สุนัขต้องกินผักหญ้า กินผลไม้ (แบบที่ถูกย่อยแล้วในกระเพาะอาหารของสัตว์อื่น) ที่บดละเอียด
- สุนัขต้องกินมูลสัตว์ กินอ้วก กินรก กินเนื้อเน่า (ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีจุลินทรีย์ตัวเล็กๆ หรือเจิร์ม) ซึ่งในที่นี้เราใช้บริวเวอร์ยีสต์และโยเกิร์ตแทน
- สุนัขต้องกินอาหารสดและดิบ
- สุนัขสามารถปรับสมดุลในอาหารที่กินเข้าไปได้เองตามเวลาที่เหมาะสม จึงไม่จำเป็นต้องกินอาหารที่สมดุลทุกมื้อ
**********************************************************

*ข้อเสียของทำอาหารให้สุกแก่สุนัข*
• ทำลายวิตามินที่อยู่ในอาหาร โดยเฉพาะวิตามิน B และ C
• ทำลายเอนไซม์ – เนื้อเยื่อที่มีชีวิตต่างมีเอนไซม์ จำนวนมากมาย
เอมไซด์คือโปรตีนที่ทำหน้าที่ควบคุมปฏิกิริยาเคมีทั้งหมดในการดำรงชีพของสัตว์ และจะถูก ทำลาย โดยความร้อน
เอนไซม์ ที่อยู่ในอาหารดิบ จะช่วยทำหน้าที่ในการย่อยอาหารและช่วยยืดอายุ

• การทำลายเอนไซม์ ในอาหาร ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักเพราะต้องผลิตเอนไวม์เพื่อช่วยย่อยมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของกสรป่วยหลายๆโรคในสุนัข รวมถึงโรคตับอ่อนพิการ, ตับอ่อนอักเสบ, และเบาหวาน และยังเกี่ยวโยงไปถึงการขาดสาร Zinc (สังกะสี) โดยเฉพาะอาหารเม็ดของสุนัขในปัจจุบันนี้
• เอนไซม์ในอาหารทั้งหมด จะถูกดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดทันที่ที่เข้าสู่ร่างกาย มันก็จะทำหน้าที่ช่วยชะลอหรือแม้แต่หยุดกระบวนการทำลายในร่างกาย หรือที่เรียกว่า “Cross-linking” ซึ่งหมายถึง การะบวนการทำลายเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดการแก่ตัว ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น, เส้นเลือดแดงแข็งเปราะ, และเป็นกลไกอีกอันหนึ่งที่ทำให้โมเลกุลในยีนส์ถูกทำลาย อันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งและการให้ลุกที่พิการ
• การทำอาหารสุนัขให้สุก คุณจะก่อปัญหาให้สุนัขของคุณในเรื่องกระบวนการแก่ตัว และปัญหาการผสมไม่ติด
• การทำอาหารให้สุกนี้ เป็นการทำลายกระบวนการชะลอการแก่ตามธรรมชาติ สิ่งที่ช่วยชะลอความแก่ มี่เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งมีอยู่ในอาหารดิบ จะถูกทำลาย และทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาเช่น มะเร้ง, โรคไต, โรคหัวใจ และข้อกระดูกอักเสบ ฯลฯ
• การทำอาหารให้สุก จะทำให้คุณค่าอาหารและปริมาณโปรตีนลดลง เป็นผลให้เกิดการสูญเสีย กรดอะมีโน 2 ชนิดคือ ไลซีน และเมธิโอนีน ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาการเจริญเติบโต, ปัญหาเกี่ยวกับกระดูก, ผิวหนัง, การตั้งท้อง, การผลิตน้ำนมของแม่สุนัข, สุขภาพร่างกายอ่อนแอ และภูมิต้านทานที่ลดลง
• การทำอาหารให้สุก จะทำให้เกิดสิ่งแปลกปลอมในอาหาร เนื่องจากบรรดาสารอาหารหลัก เช่น ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรท จะถูกแปรสภาพ โดยถ้ายิ่งสุกมาก ยิ่งแปรสภาพไปมาก ยิ่งเปลี่ยนแปรไปมาก ก็ยิ่งย่อยยากมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดร่างกายก็จะถือว่าโมเลกุลของสารอาหารที่เปลี่ยนไปนี้เป็นสารแปลกปลอม
• ขาดการออกกำลังและการทำความสะอาดฟัน โดยสุนัขที่กินอาหารสำเร็จรูป จะไม่รู้จักการขบเคี้ยว ดึงทึ้ง กัดฉีกอาหาร เลยขาดการออกกำลังกายในการกิน และฟันก็ไม่มีการทำความสะอาดจากการเสียดสีของอาหารเวลาดึงทึ้งอาหารดิบ ทำให้เกิดการสะสมของเศษอาหารในปาก และเกิดแบคทีเรียที่เป็นพิษผ่านเข้าร่างกาย
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!