ภาระหนี้กองทุนฟื้นฟู ระหว่าง ธปท. และ รัฐบาล มีผลกระทบต่อประชาชนยังไง

[【กามนิตหนุ่ม】]

ถกเถียงกันมานานว่าใครจะเป็นผู้รับภาระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.1 ล้านล้านบาท ระหว่าง คลัง กับ ธปท. ในที่สุด ครม.ก็อนุมัติในหลักการให้โอนหนี้ดังกล่าวให้ ธปท.จัดการ อ้างช่วยลดหนี้สาธารณะลง10%


ข้อดี ข้อเสียยังไง?
ถ้า ธปท. รับภาระ
ถ้า รัฐบาล รับภาระ
(แต่สุดท้าย ธปท. ก็ต้องรับไป)

ประชาชนกระทบอะไรบ้างครับ

[Temujin]

    จำได้กองทุนนี้เกิดขึ้นตอนวิกฤตต้มยำกุ้งช่วงปี ๔๐ ที่ทำให้สถาบัณการเงินต่างๆ ถึงขั้นยื่นล้มละลายไปหลายแห่ง

เนื่องจากการบริหารทางการเงินผิดพลาดของธนาคารพานิชต่างๆ รวมทั้งนโยบายการกำกับดูแลผิดพลาดของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) เอง

จนทำให้กระทรวงการคลังต้องเข้ามาอุ้ม โดยการรับโอนหนี้เสีย (NPL) และทรัพย์สินมาบริหารจัดการ ภายใต้กองทุนนี้

และให้คนที่ฝากเงินตอนนั้นไปรับเงินคืนที่ ธนาคารกรุงไทย ใครที่ผ่านกรณีนั้นมาก็คงรู้ ว่าเงินที่ฝากกับธนาคารไม่ได้ปลอดภัยเลย


   สำหรับผมภาระหนี้นี้เป็นของ ธปท. อยู่แล้ว ที่บริหารกันผิดพลาด (มีกลุ่มนักการเมืองร่วมด้วย) นาย ราเกซ สักเสนา มายังเงียบเลย

ข้อดีคือภาระหนี้ของกระทรวงนี้จะลดลง และสามารถกู้เพิ่มได้เพื่อนำมาพัฒนาประเทศ (มองในแง่ดี) เพราะไม่เกินโควต้าของ GDP

ส่วนผลกระทบกับประชาชนก็ต้องมีบ้าง เพราะธนาคารต่างๆ ก็ต้องถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อนำไปชำระหนี้ของ ธปท. เกี่ยวกับกองทุนนี้

  และในตอนนี้ก็เห็นมีกองทุนคุ้มครองเงินฝากขึ้นมา เพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ไม่ให้นำเงินฝากประชาชน

ไปลงทุน ปล่อยกู้แบบไม่สนใจได้อีกแล้ว โดยเฉพาะธนาคารบางธนาคารที่เป็นตู้ ATM ของบางพรรคการเมือง  

[Cupid]

.....ฯลฯ.....   
   สำหรับผมภาระหนี้นี้เป็นของ ธปท. อยู่แล้ว ที่บริหารกันผิดพลาด (มีกลุ่มนักการเมืองร่วมด้วย) นาย ศักดิ์ เสนา มายังเงียบเลย
.....ฯลฯ.....

เขาชื่อ ราเกซ สักเสนา ครับ

[Temujin]

.....ฯลฯ.....  
   สำหรับผมภาระหนี้นี้เป็นของ ธปท. อยู่แล้ว ที่บริหารกันผิดพลาด (มีกลุ่มนักการเมืองร่วมด้วย) นาย ศักดิ์ เสนา มายังเงียบเลย
.....ฯลฯ.....

เขาชื่อ ราเกซ สักเสนา ครับ

 ขออภัย แก้แล้วครับ  

ราเกซ สักเสนา

ราเกซ สักเสนา (อังกฤษ: Rakesh Saxena) (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2495) เป็นนักการเงินการธนาคาร ชาวอินเดีย อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ (บีบีซี) เจ้าของฉายา "พ่อมดการเงิน"

นายราเกซ เกิดที่เมืองอินดอร์ รัฐมัธยประเทศ จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวรรณกรรม มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยหลังปี พ.ศ. 2520 ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเงินและการลงทุน และที่ปรึกษาของหลายบริษัท ได้เป็นที่ปรึกษาของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 และถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์เป็นเงิน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2539 หลังการล้มละลายของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ในปี พ.ศ. 2538 และออกหมายจับ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2539

นายราเกซ เดินทางหลบหนีออกจากประเทศไทย ไปอาศัยอยู่ที่เมืองวิสต์เลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และถูกจับกุมโดยกองตำรวจม้าหลวงแห่งแคนาดา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ทางการไทยได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่แคนาดา เพื่อนำตัวนายราเกซเป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย แต่นายราเกซได้ให้ทนายความยื่นคัดค้าน โดยอ้างว่าถ้าถูกส่งกลับประเทศไทยอาจถูกสังหารหรือถูกขังในคุกอย่างโหดร้ายทารุณ

ศาลฎีกาแคนาดายกคำร้องคัดค้านของนายราเกซเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เป็นผลให้ทางการแคนาดาต้องส่งตัวนายราเกซ สักเสนา ให้ทางการไทยตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในที่สุด

[~SmR~]

ข้อดี หนี้ก้อน 1.14 ล้าน ๆ ก็จะค่อย ๆ ลดไปจนหมดจากการใช้หนี้ หนี้ก้อนนี้เพิ่งลดไป 3 แสนล้าน จากปี 40 แต่ดอกจ่ายไป 6 แสนกว่าล้านแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ คลังรับดอก ธปท รับต้น แต่ ธปท ไม่มีรายได้มากพอที่จะจ่ายต้นก็เรยยืดยาวมาแบบนี้

ข้อเสีย การที่โยนหนี้ก้อนนี้ให้ ธปท จัดการ โดยเพิ่มอำนาจการหารายได้ให้ ธปท มีอำนาจในส่วนนี้เพิ่มเข้า ซึ่งก็มาจากค่าธรรมเนียม ที่ ธปท จะไปเก็บกับธนาคาร ถ้าธนาคารยอมรับส่วนนี้ไปก็ดี แต่ถ้าไม่ยอม ธนาคารก็ต้องมาลงที่เรา = ฝากดอกลด กู้ดอกเพิ่ม อะไรแบบนี้

แต่ข้ออื่นที่เพิ่มมาให้ รัฐ สามารถกู้เพิ่ม เอามาทำโน่นนั้นนี่ เกรงว่าจะเป็นการกู้แบบไร้สาระเหมือน ไทยเข็มแข็งนะ พี่น้อง

ผิดพลากประการใดขออภัย

[Temujin]

  นี่ก็คือสินทรัพย์ของกองทุนนี้ด้วย.