เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 19:07:29
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  อยากซื้อหุ้นกลุ่มของห้างสรรพสินค้าเข้าท่าก่อครับ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน อยากซื้อหุ้นกลุ่มของห้างสรรพสินค้าเข้าท่าก่อครับ  (อ่าน 3260 ครั้ง)
boyfriend
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 66


« เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2012, 21:02:36 »

ตามนั้นเลยครับช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ
IP : บันทึกการเข้า

รับฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
รับฝากขายสินค้า
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2012, 23:02:20 »

  ดีครับ แต่ก็หากลุ่มอื่นเข้าไปด้วย เช่น อาหาร สื่อสาร หุ้นปันผล อื่นๆ ตามความเหมาะสม เพื่อกระจายความเสี่ยง
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
boyfriend
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 66


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2012, 11:06:05 »

แมครโครเข้าท่าก็ครับ
บิีกซี  ตวย อันไหนจะเข้าท่ากว่าคับ
IP : บันทึกการเข้า

รับฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
รับฝากขายสินค้า
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2012, 12:52:46 »

แมครโครเข้าท่าก็ครับ
บิีกซี  ตวย อันไหนจะเข้าท่ากว่าคับ

ดีทั้งคู่ครับ แต่ผมมีความเห็นว่าราคาหุ้นขณะนี้ค่อนข้างสูง ให้ท่านศึกษาก่อนซื้อลงทุนนะครับ

หุ้นของทั้งสองกิจการมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยปกติจะไม่ค่อยมีสภาพคล่องเท่าใดนัก เป็นหุ้นที่
นักลงทุนซื้อถือลงทุนเพื่อรับปันผล แต่ราคาขณะนี้ไม่น่าคุ้มกับการลงทุนเพื่อรับปันผล ถ้าจะซื้อลงทุน
เพื่อเพื่อรอขายเอาส่วนต่าง (กำไร) ก็ยากครับ

ถ้าท่านสนใจจะลงทุนในกิจการทั้งสองนี้ ผมขออนุญาตแนะนำให้ศึกษาให้รอบคอบ และมีความเห็น
เป็นส่วนตัวว่า ให้รอนานๆ ให้ราคาหุ้นลงมาต่ำกว่านี้อีก ต่ำแค่ไหนให้ศึกษาก่อนและใช้ดุลพินิจเอานะครับ ยิงฟันยิ้ม


IP : บันทึกการเข้า
boyfriend
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 66


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2012, 16:05:58 »

ขอบคุงกาปปป
IP : บันทึกการเข้า

รับฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
รับฝากขายสินค้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 14 มกราคม 2012, 02:49:15 »

     จริงๆแล้วผมก็อยากตอบคุณ  boyfriend  นะ  แต่ติดที่ว่าถ้าผมลงความคิดเห็นของผมไป  มันอาจจะไปกระทบกับกระทู้ของท่านอื่นที่ได้ลงไปแล้ว  ซึ่งอาจจะทำให้ผมกับบางท่านที่ชอบพอกันอยู่อาจจะเคืองกัน  แต่ถ้าท่านที่ได้ตอบคุณมาแล้วพอจะรับความเห็นที่แตกต่างได้  ผมก็ยินดีที่จะมาช่วยตอบความเห็นส่วนตัวของผมบ้างครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
Wave i
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 110



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2012, 20:54:12 »

อยากอ่าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 มีนาคม 2012, 15:42:03 โดย Wave i » IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 23 มกราคม 2012, 21:36:29 »

     ถ้าจะให้แจกแจงเรื่องการลงทุนทำนองนี้  มันก็สามารถมองได้หลายมิติ  มิติแรกเลยถ้าผู้ลงทุนพูดถึงราคาของหุ้นก่อนว่า  ราคานี้มันแพงไปโดยไม่ได้ดูปัจจัยอย่างอื่นประกอบด้วย  อย่างนี้มันไม่ใช่การลงทุนที่รอบรู้ครับ  ถ้าคุณบอกว่า  เคยเห็นหุ้นบิ๊กซีแถวๆ  60  บาท  แต่วันนี้มันปาเข้าไปตั้งร้อยกว่าแล้ว  ถ้าคุณดูแค่ราคาหุ้นอย่างเดียวก็จะเห็นว่า  ราคานี้ไม่ใช่แพงนะครับ  แต่ต้องบอกว่าโคตรแพงเลย  แล้วถ้ามันโคตรแพงจริง  ทำไมนักลงทุนถึงยังยอมซื้อกันที่ราคานั้นอยู่  ประเด็นนี้อธิบายง่ายๆได้ว่า  ปัจจัยพื้นฐานมันเปลี่ยนไปครับ  เหมือนอย่างเช่นหุ้น  7-11  ที่ผมถืออยู่  ช่วงก่อนหน้านี้เขาไปเปิดห้างโลตัสที่จีน  แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร  และห้างที่จีนก็เป็นตัวดึงกำไรโดยรวมของบริษัทให้ดูไม่ดีด้วย  ราคาหุ้นจึงไม่ได้ขยับไปไหน  เมื่อเป็นดังนี้แล้ว  7-11  ก็เลยขายกิจการนั้นออกไป  เพื่อไม่ให้มันเป็นเนื้อร้ายที่จะคอยฉุดกำไรโดยรวมลง  เมื่อขายกิจการออกไปได้  ประกอบกับ  7-11  ค้นพบจุดเด่นของตัวเองว่ามีบริษัทแม่คือ  CPF  ซึ่งผลิตอาหารแบบครบวงจรอยู่  จึงทำให้บริษัทสามารถได้เปรียบคู่แข่งขันในด้านของต้นทุนการผลิต  เมื่อเป็นเช่นนั้น  บริษัทจึงค่อยๆปรับเปลี่ยนสัดส่วนสินค้าจากค้าปลีกมาเน้นหนักที่อาหารพร้อมทานเพิ่มขึ้น  โดยดูได้จากสโลแกนที่ว่าหิวเมื่อไหร่ก็แวะมา  และเมื่อบริษัทเปลี่ยนรูปแบบของสินค้า  กำไรของบริษัทก็เพิ่มขึ้นมาก  และเมื่อนั้นราคาหุ้นก็ระเบิด  ส่วนเรื่องของบิ๊กซีนั้น  ถ้าเราได้ตามข่าวเกี่ยวกับการซื้อกิจการของคาร์ฟูร์มาบ้างก็จะทราบว่า  คนที่ซื้อกิจการได้คือบิ๊กซี  และเมื่อบิ๊กซีซื้อกิจการของคาร์ฟูร์มารวมกับของตัวเองได้แล้ว  สาขามันก็เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด  มันจึงเป็นผลทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นทันที  ซึ่งตรงนี้ก็มองกันอย่างง่ายๆนะครับ  แต่นักเก็งกำไรหรือนักเทคนิคหรือคนเล่นหุ้นแบบซื้อขายรายวันจะไม่ค่อยเข้าใจ  เมื่อเขาเห็นหุ้นพุ่งขึ้นเป็น  80  บาทในตอนรู้ข่าว  แต่ละคนก็พากันขายหุ้นทำกำไร  โดยหวังว่าเมื่อราคาหุ้นตกลง  เขาจะกลับเข้าไปซื้ออีกเพื่อเป็นการเล่นรอบ  แต่หลังจากที่ขายไปแล้ว  ราคาหุ้นมันก็ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงร้อยกว่าอย่างทุกวันนี้  พวกที่เทขายกันออกมาก็อาจจะเสียดายบ้างที่ได้กำไรน้อยไป  แต่เขาก็คงไม่ได้ตระหนักว่า  ถ้าว่ากันตามพื้นฐานจริงๆแล้ว  ราคาหุ้นคงจะไม่ลงไปต่ำกว่าราคาที่เขาขายออกมาอย่างแน่นอน  และการที่เราคิดว่าอยากจะได้มันกลับคืนมาหลังจากขายไปแล้ว  คำตอบที่ใช้ปลอบใจตัวเองก็คือให้อดทนรอ  แต่ทีนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่า  ถ้าคุณรอไปเรื่อยๆ  แต่หุ้นก็ไม่ยอมตกลงมาให้ซื้อเสียที  หนำซ้ำ  ยิ่งนานวันเข้า  ราคาหุ้นมันก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆตามพื้นฐานที่ดีขึ้น  ถ้าเป็นอย่างนี้จริง  คุณก็คงต้องเสียหุ้นนั้นไปจริงๆแน่นอน  หรือบางทีหุ้นนั้นอาจจะตกลงมาให้คุณซื้ออีกก็เป็นได้  แต่ถ้าพื้นฐานมันได้เปลี่ยนไปแล้วล่ะ  อย่างเช่นหุ้นเพจเจอร์กับหุ้นมือถือ  ถ้าหุ้นเพจเจอร์ลดลงเรื่อยๆ  ในขณะที่หุ้นมือถือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  คุณจะว่าหุ้นมือถือแพงและเข้าไปซื้อหุ้นเพจเจอร์ที่ราคาถูกกว่าไหม?  อันนี้คือมิติแรก  มิตินี้ว่ากันด้วยเรื่องพื้นฐานกิจการล้วนๆ  การที่เรามองที่พื้นฐานก่อน  จะสามารถช่วยให้เรากำหนดจุดซื้อขายได้ดีกว่า  แต่ผมต้องย้ำด้วยว่า  คุณจะต้องเข้าใจในกิจการนั้นด้วย  คุณจะต้องรู้ว่ากำไรของเขาจะมาจากไหน  และอะไรจะทำให้เขาดีขึ้นหรือแย่ลง

     ส่วนมิติถัดมาจะว่ากันด้วยเรื่องของตลาด  เท่าที่ผมอยู่ในตลาดหุ้นมา  ผมก็เห็นว่าตลาดนั้นผันผวนเสมอ  บางทีการที่เราอยากจะซื้อหุ้น  แต่ราคาในขณะนั้นมันก็สมเหตุสมผลต่อกิจการแล้ว  ถ้าเราคิดว่า  จะจ่ายทั้งทีต้องได้ของถูกเท่านั้น  อย่างนี้คุณก็คงต้องรอไปก่อน  เพราะมันจะมีเป็นบางช่วงที่ตลาดจะตกลงมาเกินจริง  เมื่อนั้นคุณก็ค่อยเข้าซื้อ  แต่คุณต้องมีความหนักแน่นเพียงพอด้วยว่า  เมื่อถึงเวลาหุ้นตกจริงๆแล้วคุณจะต้องซื้อ  หรือคุณอาจจะรออีกหน่อยโดยให้เหตุผลว่า  บางทีมันอาจจะตกลงไปกว่านี้  อันนี้ก็แล้วแต่วิธีการของใครของมันนะครับ  แต่จากประสบการณ์ของผม  การที่หุ้นจะตกลงไปถึงตรงไหนนั้น  เราไม่มีทางรู้หรอก  บางคนอาจจะระวังตัวมากเกินไป  รอจนมันตกลงมาถึงที่สุดแล้ว  หลังจากนั้นหุ้นมันก็เด้งกลับขึ้นไป  เมื่อเป็นอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร  บางคนก็จะรีบซื้อเพราะเห็นว่า  ราคามันผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว  แต่บางคนไม่เป็นเช่นนั้น  เขาจะบอกว่า  ตอนที่มันถูกกว่านี้ยังไม่ซื้อเลย  จะให้ซื้ออะไรกันตอนนี้  เดี๋ยวรอให้มันลงมาอีกรอบก็จะเข้าซื้อแล้ว  แต่ถ้ามันขึ้นแล้วขึ้นเลยล่ะคุณจะทำอย่างไร  คุณจะตามไปซื้อที่ราคาที่แพงขึ้น  หรือคุณจะไม่ยอมซื้อเด็ดขาด

     อธิบายมาเสร็จแล้วก็ปวดหัว  คุณงงบ้างไหมครับ  ถ้าคุณงงล่ะก็  ผมจะแนะนำวิธีการเข้าซื้อตามแบบฉบับของผมอย่างย่อๆว่า

-เตรียมพร้อม  (หาข้อมูลและทำความเข้าใจกับกิจการที่เราสนใจ)

-เล็ง  (เมื่อสนใจกิจการไหนแล้วก็ประเมินเองว่า  เราจะยอมซื้อในราคาไม่เกินเท่าไหร่)

-ยิง  (เมื่อหุ้นที่เราเล็งไว้ราคาตกลงมาให้ซื้อจริงๆโดยที่พื้นฐานยังไม่เปลี่ยน  คุณต้องมีความกล้าหาญที่จะเหนี่ยวไกโดยไม่ต้องสนใจหรอกว่า  หลังจากที่คุณซื้อไปแล้วราคามันจะตกลงไปต่อ  เพราะถ้าเราพอใจในผลการประเมินของเราแล้ว  และราคาที่เราเข้าซื้อเราก็พอใจ  คุณก็จะนอนหลับอย่างมีความสุข)

     และกลับมาที่ประเด็นเดิม  ที่ถามว่าหุ้นทั้งสองตัวนั้นน่าซื้อไหม  ผมตอบได้เลยว่าไม่รู้  คุณต้องศึกษาเอาเองว่ามันน่าซื้อไหม  และถ้าถามว่าราคาทุกวันนี้แพงไปไหม  ผมก็บอกว่าไม่รู้อีกนั่นแหละ  คุณต้องศึกษาและประเมินเอาเอง  แต่ถ้าให้ผมประเมิน  ผมคิดว่าทุกวันนี้ราคาอาจจะเหมาะสมกับตัวมันเองก็ได้  เพราะถ้าเราเทียบสาขาที่มันมีอยู่  บวกกับความสามารถในการทำกำไรในอนาคต  มันก็จะสะท้อนออกมาในราคาหุ้นนั่นแหละ  ถ้าราคาหุ้นในขณะนี้มันเหมาะสมกับตัวมันจริง  แล้วถ้าเขาเปิดสาขาเพิ่มอีกล่ะ  ราคาหุ้นมันก็จะต้องวิ่งตามขึ้นไปอีกแน่นอนถูกต้องไหม  อย่างนี้ก็เท่ากับว่า  ประเด็นในการซื้อหุ้นมันจะไม่ใช่ว่าตอนนี้มันถูกหรือมันแพง  แต่ผมคิดว่าคุณอาจจะสนใจมันช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง  เนื่องจากสาขามันมีเยอะแล้ว  แต่ถ้าคุณรู้ว่ามันจะสามารถขยายสาขาเพิ่มไปได้อีกมาก  นี่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วล่ะ  คุณต้องรู้จักตกปลากินเองนะครับ  ไม่ใช่รอให้คนอื่นตกให้ทุกครั้งเวลาที่คุณหิว
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 24 มกราคม 2012, 09:17:48 »


ขออนุญาตใช้สิทธิพาดพิงนะครับ ผู้ที่เข้ามาตอบกระทู้นี้ก่อนหน้าท่านวายุมีเพียง ๒- ๓ ท่าน หนึ่งใน
นั้นคือผม และเมื่อท่านวายุมาบอกว่าไม่อยากตอบเพราะเกรงผู้มาตอบก่อนซึ่งเป็นคนชอบๆกันจะเคืองเอา
แรกๆก็ไม่ทราบว่าหมายถึงใคร แต่พอท่านวายุมาตอบแล้ว คำตอบของท่านวายุจึงวินิจฉัยได้ว่าท่านหมายถึงผมนั่นเอง ยิงฟันยิ้ม

ด้วยความเคารพนะครับ ขออนุญาตเรียนย่อๆว่า กิจการใดที่มีการขยายหรือเพิ่มสาขาออกไป หรือมีการ
ควบรวมกันนั้น ไม่ได้หมายความว่ารายได้และกำไรจะเพิ่มขึ้นรวดเร็วในชั่วข้ามคืนดังเช่นราคาหุ้นดอก
ครับ เพราะทุกสาขา หรือทุกส่วนของกิจการที่ควบรวมเข้าด้วยกันก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเช่นกัน


มันต้องใช้เวลาพอสมควร แต่การที่ราคาหุ้นของกิจการวิ่งขึ้นหลายเท่าตัวในเวลาไม่กี่เดือน
มันเกิดจากการกระทำของมนุษย์
และเมื่อหุ้นขึ้นไปถึงระดับหนึ่งก็จะมีการปรับตัว ผมจึงใช้วิธี
ทยอยลงทุนหรือทยอยซื้อ ตามที่ได้เรียนไว้ในกระทู้ >>> ศิลปการลงทุนในตลาดหุ้น <<< ไงครับ ยิ้มเท่ห์

และขออนุญาตเรียนว่า ไม่ว่าในวงการใด เอาเท่าที่ผมคลุกคลีมา เช่น วงการก่อสร้าง กฎหมาย ทนาย
ความ ซื้อขายรถยนต์ อู่ซ่อมรถยนต์ ค้าของชำ หรือในวงการค้าหุ้น (ลงทุนในหลักทรัพย์) นั้นล้วน
แล้วแต่ เขี้ยวตัน เรียนกันไม่จบดอกครับ   


และขอเรียนด้วยความเคารพอีกนั่นแหละครับ (สำหรับทุกท่านนะครับ) ว่า อย่าจริงจังกับเหตุการณ์หรือ
เรื่องราวใดๆมากเกินไป อาจทำให้ไม่สบายได้ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 24 มกราคม 2012, 15:37:20 »

 ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!