เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 02:36:35
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  การทูไนท์โชว์ นิมนต์ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโลเทศนาเรื่อง"ศึกษาธรรมจากพุทธวจน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน การทูไนท์โชว์ นิมนต์ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโลเทศนาเรื่อง"ศึกษาธรรมจากพุทธวจน  (อ่าน 1399 ครั้ง)
NoOK-ManiA
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 422


"WE LOVE OUR KING"


« เมื่อ: วันที่ 25 พฤษภาคม 2010, 21:58:28 »

24 พ.ค.53 รายการทูไนท์โชว์ นิมนต์ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
   วัดนาป่าพง (สายหลวงพ่อชา สุภัทโท) คลอง 10 อำเภอ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
      มาแสดงธรรมเทศนาเรื่อง "ศึกษาธรรมจากพุทธวจน"

http://www.youtube.com/watch?v=3SIry5d6-bk&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=AUtR24-BSz4&NR=1

http://www.youtube.com/watch?v=mzOjfesYJ8Q&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=ky0xbYV3-tg

ประวัติในช่วงเป็นฆราวาส

      พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เกิดวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๐๖ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ กรงเทพฯ ท่านจบปริญญาตรี นายร้อย จปร. สาขาวิศวกรรมเครื่องกล และ ปริญญาโท จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ จากนั้นท่านได้ รับราชการทหาร โดยมียศหลังสุดในชีวิตฆราวาสเป็นพันตรี

จุดเริ่มต้นในเส้นทางธรรม

            ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ขณะท่านเรียนอยู่เตรียมทหาร ชั้นปีที่ ๑ ระหว่างปิดเทอม โยมแม่ของท่านได้พาไปบวชกับ หลวงพ่อชา สุภัทโท ที่วัดหนองป่าพงเป็นเวลา ๑ เดือน เป็นครั้งแรกที่ไปสู่ดินแดนแห่งความสงบวิเวก ที่ยังใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ตามกุฏิ ใช้การจุดเทียนให้แสงสว่าง เดินตามทางใช้ไฟฉาย น้ำอุปโภค ใช้เชือกผูกกับปิ๊บหย่อนไปในบ่อดิน ช่วยกันดึงขึ้นแล้วเทใส่ถังในรถ เข็นไปไว้ตามกุฏิ ศาลา และที่ต่างๆ อาหารขบฉันที่มีไม่มาก ต้องใช้พระตัวแทนสงฆ์มาจัดแจกแบ่งปันส่วน เพื่อให้เพียงพอกับทุกชีวิตในวัด และได้พบหลวงพ่อชา ได้ใกล้ชิด และสัมผัสกับธรรมะ รวมถึงข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด งดงามน่าเลื่อมใสของท่าน สัมผัสกับจิตบริสุทธ์ทีมีอยู่จริง เกิดใคร่สนใจอยากศึกษา จึงเริ่มมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อครบกำหนดลาสิกขากลับมาสู่การศึกษาเล่าเรียน จึงตั้งใจเริ่มฝึกหัดรักษาศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ตามสติกำลังอยู่ตลอดมามิได้ขาด

     ท่านได้กลับไปยังวัดหนองป่าพงในทุกช่วงเวลาปิดเทอม จนกระทั่งได้มีโอกาสบวชอีกทีในตอนปิดเทอมชั้นปีที่ ๔ ของนายร้อย จปร. ในครั้งนี้ ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อหลวงพ่อชา ว่า จะใช้ชีวิตฆราวาสอีกเพียง ๑๐ ปี แล้วขอให้มีเหตุปัจจัยผลักดันให้ได้ครองเพศบรรพชิตไปตลอดชีวิต


ชีวิตในเพศบรรพชิตครั้งสุดท้าย


     หลังจากได้ตั้งอธิษฐานกับหลวงพ่อชาในครั้งนั้น ท่านก็ใช้ชีวิตทางโลกอย่างปรกติเรื่อยมา ท่านเล่าว่าการใช้ชีวิตโดยมีสติและธรรมะอยู่กับตัว ช่วยให้การดำเนินชีวิตทางโลกของท่านเป็นไปอย่างสะดวก ไม่เศร้าหมอง และมีส่วนสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก แต่บางครั้งการมีสติ ก็ทำให้การไปเที่ยวเตร่หรือการเที่ยวเล่นเริ่มไม่เป็นเรื่องสนุกเหมือนอย่างเคย เพราะท่านมองเห็นแต่โทษภัยของการขาดสติ โทษของการที่เผลอเพลินไปกับกิเลสต่างๆ จนในที่สุด เมื่อครบ ๑๐ ปี ตรงกับที่ได้ตั้งอธิษฐานไว้ และเป็นปีที่หลวงพ่อชาได้มรณภาพ ในกาลนั้นเองท่านได้เห็นสัจธรรมความไม่เที่ยงของสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ไม่เว้นแม้แต่ครูบาอาจารย์ที่ท่านเคารพ ท่านจึงอาศัยสิ่งนี้เป็นอันดับแรก เป็นอนุสติเครื่องกระตุ้นเตือนใจ ผลักตัวเองให้ออกจากชีวิตทางโลก ประกอบกับเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่ค่อยเห็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตฆราวาสเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งได้รู้สึกถึงความก้าวหน้าของผลการปฏิบัติ ที่ค่อยๆ ฝึกหัดกระทำมาตลอด ๑๔ ปี นับแต่เจอหลวงพ่อชา สิ่งเหล่านี้จึงรวมมาเป็นเหตุปัจจัยผลักดันให้ท่านเข้ามาบวชอีกครั้ง

     ครั้งนี้ท่านเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์ ที่สำนักสงฆ์บุญญาวาส จังหวัดชลบุรี ปัจจุบันเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง มีพระอาจารย์ตั๋น (พระอาจารย์อัครเดช ถิรจิตฺโต) เป็นเจ้าอาวาส หลังจากบวชได้ระยะหนึ่ง ในระหว่างออกปลีกวิเวกธุดงค์ร่วมกับพระเถระอีก ๒ รูป ท่านได้มาบำเพ็ญภาวนา พำนักอยู่ยังผืนนาอันเป็นของโยมแม่ท่านยกถวาย ณ.บริเวณถนนลำลูกกา คลองสิบ จังหวัดปทุมธานี เรื่อยมาจนท่านได้ ๕ พรรษา จากนั้นเป็นช่วงเวลาที่ท่านได้พำนัก อยู่เพียงลำพังผู้เดียว ท่านจึงอาศัยความสันโดษวิเวกนี้ เป็นโอกาสแห่งการปฏิบัติภาวนาอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมทั้งศึกษาธรรม และวินัยจากพระโอษฐ์ควบคู่กันไป

     ในช่วงหน้าแล้งของแต่ละปี ท่านได้หาโอกาสออกวิเวกตามป่าเขา จนในพรรษาที่ ๗ หลังออกวิเวกธุดงค์ โดยเดินจากเมืองกาญจนบุรีผ่านทุ่งใหญ่นเรศวร  ขึ้นจังหวัดตาก และเมื่อกลับมาถึงคลองสิบ ได้เป็นไข้มาลาเรีย นอนป่วยอยู่ผู้เดียวเป็นเวลา ๗ วัน จึงมีคนมารับไปรักษา ผลจากอาพาธครั้งนี้ทำให้ท่านมีอาการอ่อนเพลียต่อเนื่องมาอีก ๕ ปี จึงเริ่มหายเป็นปกติ ในระหว่างนั้นสถานที่ดังกล่าวค่อยๆ ได้รับการพัฒนาตามลำดับ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ หรือประมาณ ๘ ปี นับแต่ท่านได้มาอยู่บำเพ็ญภาวนาสถานที่แห่งนี้ จึงได้ขึ้นทะเบียนตั้งเป็นวัดนาป่าพงจวบจนถึงปัจจุบัน

     ท่านได้วางแนวทางการปฏิบัติของพระสงฆ์ในวัดได้อย่างชัดเจน โดยยึดแต่คำสอนที่เป็นพุทธวจนะของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทาง ท่านได้วางนโยบายในวัดให้มีความสงบสอดคล้องเหมือนกับการออกวิเวกธุดงค์ กำหนดกิจข้อวัตรของพระในวัดให้กระชับที่สุด และเป็นกฎเกณฑ์ของหมู่คณะที่ต้องเคร่งครัด เพื่อเปิดโอกาสให้พระได้มีเวลาในการภาวนามากๆ

     ผู้ที่จะบวชในวัดนี้ควรจะต้องมีเวลาอย่างน้อย ๑ เดือน เพื่อเตรียมตัวอยู่เป็นผ้าขาวก่อนประมาณ ๒ อาทิตย์ จากนั้นบรรพชาเป็นสามเณรอีกประมาณ ๑ อาทิตย์ แล้วจึงสามารถบวชเป็นพระได้ ทั้งนี้เพื่อฝึกฝนข้อวัตรปฏิบัติ และเป็นการชำระกายใจให้บริสุทธิ์เสียก่อน เนื่องเพราะท่านเห็นว่าการบวชในระยะสั้นๆ นั้นเกิดประโยชน์น้อย และเสี่ยงต่อการทำผิดในเพศบรรพชิตได้ง่าย

     ท่านเน้นย้ำมากในเรื่องการศึกษาและปฏิบัติธรรมะว่า ควรศึกษาโดยตรงในธรรมะจากพระโอษฐ์เท่านั้น เพราะที่ทรงตรัสถึงขีดจำกัดของสาวกที่เป็นเพียงผู้เดินตามมรรค การแสดงความเห็นของสาวกย่อมมีข้อผิดเพี้ยน ซึ่งเป็นเหตุเสื่อมและเป็นความอันตรธานแห่งธรรมวินัยของตถาคตในกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต และเป็นเหตุแห่งการนับถือศาสนาพุทธที่ผิดเพี้ยนไปด้วย รวมถึงการนำพระพุทธศาสนาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

      ท่านแนะนำการศึกษาพระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ จากหนังสือที่ท่านพุทธทาสได้รวบรวมเฉพาะคำพูดจากพระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยตรง ไม่ปนความเห็นของผู้ใด มี ๕ เล่ม คือ ๑.อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น ๒.อริยสัจจากพระโอษฐ์  ภาคปลาย ๓. ขุมทรัพย์จากพระโฮษฐ์   ๔.พุทธประวัติจากพระโอษฐ์  และ ๕.ปฏิจฺจสมุปฺบาทจากพระโอษฐ์  ซึ่งทางธรรมสภาได้รวบรวมและจัดส่งให้โดยสะดวกแก่ผู้โทรสั่งซื้อ ท่านกล่าวว่า การที่พุทธบริษัทศึกษาและปฏิบัติจากคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยตรงนี้ จะทำให้การภาวนาเจริญก้าวหน้า และเป็นทางเดียวที่จะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 พฤษภาคม 2010, 13:07:14 โดย www.Stang-Agel.com » IP : บันทึกการเข้า
watinta
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2010, 21:34:59 »

ชอบฟังธรรมพระอาจารย์คึกฤทธิ์ขนาดเลยครับ  ท่านเอาพุทธวจนะมาอธิบายในแง่มุมต่างๆได้อย่างแจ่มแจ้ง  ท่านมีความรอบรู้แตกฉานในพระพุทธวจนะขนาดเลยครับ  ฟังแล้วได้ความฮู้มากมายครับ
IP : บันทึกการเข้า
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 23 สิงหาคม 2010, 20:05:05 »

สาธุ..อนุโมทามิ
IP : บันทึกการเข้า

..............
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!