1 มกราคม 2555
สวัสดีปีใหม่ครับ...
ผมหายไปหลายวัน เนื่องจากมีกิจธุระที่ต่างจังหวัด เกี่ยวกับการหางานใหม่ทำ ซึ่งจนป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าจะออกหัว หรือ ออกก้อย
ต้องขออภัยสำหรับท่านใดที่อาจจะรอติดตาม เล่าเรื่อง ประสบการณ์ต่างๆ ในการทำงาน ที่ผมได้โฆษณาแจ้งไว้ในความเห็นด้านบน ซึ่งผมได้ออกตัวว่า ผมคงจะเล่าเอาตามความสะดวก ทั้งนี้ เพราะว่าชีวิตของผมยังไม่เข้าที่ เข้าทาง ยังเป็นลูกจ้างตัวเองอยู่ เลยหาเวลาว่างไม่ค่อยมี แถมเวลามีเวลาว่างก็นึกไม่ออกว่าจะเขียน เรียบเรียงมันออกมา อย่างไร เพราะไม่ใช่นักเขียน ดังนั้นผมต้องขออภัยล่วงหน้า โดยเฉพาะท่าน สมพร 1962 ที่ถึงขนาดบอกว่าจะกางเต้นท์รอฟัง ซึ่งเมื่อได้อ่าน ได้ฟังอย่างนี้ ทำให้ผมถึงกับเครียดเลย
และต้องขอบคุณท่านวายุ อีกครั้ง ที่เข้ามาทักทายและวาง link เรื่องเล่าประสบการณ์ของท่านเอาไว้ให้อ่าน อีกครั้ง ซึ่งกระทู้นี้ผมเคยได้อ่านไปแล้ว ยอมรับว่าผมอ่านด้วยความ"ทึ่ง" ในความเป็นนักสู้ของท่านวายุเป็นอย่างยิ่ง.
ครับ จริงๆเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือสลัก สำคัญอะไร มากไปกว่าเรื่องราวชีวิตธรรมดาๆ ของคนๆหนึ่ง ที่พบเห็นได้ทั่วไป เท่านั้นเอง และเป็นเรื่องที่อาจจะบอกไม่ได้ 100 % ว่า เป็นความล้มเหลว ย่อยยับ ทั้งหมด แบบหาชิ้นดี ไม่ได้เลย ดังที่ผมได้ให้ภาพร้ายๆ เกริ่นไว้ก็ได้ ซึ่งผมคิดว่า อันนี้มันคงจะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ที่จะมองมากกว่า แต่สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว ในภาพรวมผมก็ยังมั่นใจว่า ถึงปัจจุบันนี้ ผมยังไม่ประสบความสำเร็จ หรือผมยังล้มเหลวอยู่ นั่นเองครับ สำหรับความคาดหวังในเรื่องเล่านี้ ผมหวังเพียงว่าจะมีประโยชน์ และเป็นกำลังใจต่อท่านอื่นๆ ซึ่งกำลังต่อสู้กับชีวิต เช่นเดียวกับผมในปัจจุบัน.
ครับก่อนจะเข้าเรื่อง ผมต้องขออนุญาตชี้แจง ตามประสาคนชอบวิตกจริต สักหน่อยว่า อันที่จริง คำว่าความสำเร็จ นี้ โดยความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่ามันอาจจะมีหลายความหมาย หลายนิยามก็ได้นะครับ และแต่ละคนอาจจะนิยาม ความหมายของคำว่า ความสำเร็จ ต่างกันไป เช่น สำหรับคนที่อยู่ในเพศบรรพชิต หรือพระ อาจจะนิยามความสำเร็จไปแบบหนึ่ง เช่นการได้พ้นทุกข์ เป็นต้น นักธุรกิจก็อาจจะนิยามคำสำเร็จว่าคือยอดขายตามเป้า หรือผลกำไร ประกอบการก็ได้ หรือนักวิทยาศาสตร์อาจจะนิยามความสำเร็จว่าคือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ก็เป็นได้.
อันนี้ ก็แล้วแต่ใครจะให้คำจำกัดความ หรือนิยามกันไป แต่สุดท้ายผมเชื่อว่า คำว่าความสำเร็จที่ควรจะเป็นจริงๆ แล้วมันก็น่าจะหมายถึงคือ ความต้องการ อย่างใด อย่างหนึ่งของมนุษย์ ที่เป็นประกอบด้วยความดี ความงาม ที่เราท่านทั้งหลาย ต้องการบรรลุถึงเท่านั้นเอง( การบรรลุ ความต้องการที่ไม่ถูกต้องตามทำนอง ครองธรรม ไม่น่าจะนิยามว่าเป็นความสำเร็จได้ อันนี้ ใครไม่เห็นด้วย ก็แย้งมาได้นะครับ)
ครับ ก่อนที่ผมจะมายืน อยู่ตรงจุดนี้ ตรงที่ผมอยากจะเรียกมันว่า “หลักกิโลของความล้มเหลว” นี้ หรือพูดให้ดีหน่อยก็คือ “หลักกิโลเมตรของความไม่สำเร็จ”นี้ เมื่อมองย้อนกลับไปทบทวนหลายๆครั้งแล้ว ผมคิดว่าผมได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งกับตัวเองว่า คงเพราะความที่ผมเป็นคนไม่ดื้อรั้น ไม่กล้าคิด กล้าทำ ไม่เด็ดขาด ไม่มุ่งมั่นชัดอย่างเพียงพอ นั่นแหละ จึงทำให้ชีวิตของผม ไม่ไปไหน ยังห่างไกลจากความสำเร็จ อย่างเช่นทุกวันนี้.
ผมเคยฝันเอาไว้เยอะ แต่ก็ไม่สามารถบรรลุตามความฝันนั้นได้.
ถ้าให้ขมวดความคิดฝันลงสัก 2 เรื่อง ผมคิดว่า 2 เรื่องข้างล่างนี้ เป็นความฝันที่สำคัญที่สุด ที่ผมอยากบรรลุให้ได้ ไปให้ถึง.
ความฝันแรก ตอนยังเป็นวัยรุ่น ผมเคยกำหนดเป้าหมายในความสำเร็จของอาชีพของผมไว้ แบบคนขี้โม้อย่างมโหฬาร คุยโตกับคนในครอบครัวแบบลมๆ แล้งๆ ว่า สักวันหนึ่งเถอะผมจะเป็นครีเอทีพไดเร็คเตอร์ หรือ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของบริษัทโฆษณาชื่อดัง มีเงินเดือนๆ ละ 300,000 บาทให้ทุกคนดู
.
แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้..
ความฝันที่ 2 ในเรื่องเกี่ยวกับความรัก คู่ครอง ผมวาดฝันไว้ สวยหรูไม่น้อย เข้าทำนอง ไม่ดู สังขารและสารรูปของตัวเอง
ภาพวาดในความต้องการสำหรับคนที่จะมาเป็นแฟนของผมนั้น ไม่ธรรมดาครับ ผมนั้นชอบผู้หญิงในลักษณะแบบ
สาวเชื้อจีนหมวยๆ น่ารักๆ มีการศึกษาดี ซึ่งจะว่าตอนเป็นวัยรุ่นผมก็ได้มีโอกาส รู้จักสาวหมวยคนหนึ่งเหมือนกัน แม้จะกึ่งๆบังเอิญก็ตาม
ผมรู้จักเธอจากหนังสือ Student weekly ซึ่งอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ให้ฝึกเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษไปหา Pen friends เธอคนนี้ ทำให้เรารู้จักกันทางจดหมาย
ผมติดต่อกับ Pen friend ของผมคนนี้ประมาณ 5 ปี ก่อนที่ความสัมพันธ์ทางจดหมายของเราจะจบลง ในท้ายที่สุด และโดยที่เราไม่เคยเจอกันตัวเป็นๆ เลยตลอดทั้ง 5 ปีนั้น
.
ขออนุญาตพักเท่านี้ก่อน นะครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป ในโอกาสหน้าครับ