เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 12:45:44
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น (ผู้ดูแล: แชทซาโนย่า กอยุ่ง~*-., ©®*)
| | |-+  พุทธทำนายและอาเพศพยายามบิดเบือนความจริงเข้ากับความเชื่อ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน พุทธทำนายและอาเพศพยายามบิดเบือนความจริงเข้ากับความเชื่อ  (อ่าน 1416 ครั้ง)
asia-for-u
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,816



« เมื่อ: วันที่ 28 พฤศจิกายน 2011, 10:32:44 »

   จากภาวะน้ำท่วมที่ส่งผลให้เกิดความเครียดที่เขม็งเกลียวหลายชั้นสำหรับคนพื้นที่ราบลุ่มทั้งหลาย บ้างกล่าวขวัญกันว่าบ้านเมืองเกิดอาเพศร้าย หรือเป็นไปตามคำทำนายบ้าง แล้วแต่พื้นปูมหลังของแต่ละคนที่มีทรรศนะและมุมมองต่อรัฐบาลอย่างไร...แต่จะมีสักกี่คนที่เชื่อว่ามันคือความโหดร้ายของธรรมชาติไร้ความปรานี อาจจะเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เองที่เป็นฝ่ายรุกล้ำธรรมชาติเกินเลยจากเส้นที่ขีดไว้ให้ จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์ “เอาคืน” จากธรรมชาติบ้าง หรืออาจจะเป็นเพียงความอ่อนด้อยของการบริหารจัดการที่ขาดประสบการณ์สำหรับการจัดการมวลน้ำที่มากมายมหาศาล...

นั่นเป็นเพียงสมมุติฐานของคนสารพัดทิศที่คิดอ่านประการใดเป็นไปได้ทั้งนั้น ตามแบบฉบับความเชื่อและค่านิยมเดิม รวมถึงความใจกว้างที่กล้าเปิดรับความเป็นจริง ไม่อิงแอบกับความเชื่อที่ยึดตัวเองหรือกลุ่มความเชื่อของตนเองเท่านั้นที่ถูกต้องเป็นใหญ่

เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนที่มักจะโทษผู้อื่นก่อนโทษตัวเองเสมอ โดยเฉพาะเมื่อยามที่ชีวิตต้องเผชิญความช้ำชอกทุกข์ตรม หรือเผชิญวิกฤตใหญ่ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ช่วงเวลานี้เองที่มนุษย์เราไม่สามารถครองสติให้อยู่กับตัว ความสามารถในการเข้าใจปัญหาและยึดกุมข้อมูลกลั่นกรองความถูกผิดใดๆได้มากนัก จึงมักตกอยู่ในภวังค์ที่สามารถถูกชักจูงได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการปั่นพลิ้วอารมณ์ความรู้สึกให้เกิดความกลัวหรือความเกลียดชังต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้โดยง่าย ลักษณะเช่นนี้เองถือให้เป็นการขาดกระบวนการคิดเชิงวิจารณ์ (critical thinking) หรือกระบวนการทางจิตสำนึกที่มีความบกพร่อง สามารถวิเคราะห์หรือประเมินข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงได้ แม้แต่ความสามารถในการตรึกตรองด้วยเหตุผลหรือการตรวจสอบพยานหลักฐาน

ยิ่งในช่วงเวลาสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในช่วงวิกฤตอุทกภัยเช่นนี้ บางคนพยายามอ้างเหตุอาเพศภัย ยก “บทกลอนถิ่นกาขาว” ขึ้นมาอ้างอิง หวังสร้างเป็นความเชื่อที่ใช้เหตุการณ์ของประเทศมาเป็นสิ่งเสริมและสนับสนุน ทำให้บทกลอนนี้มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ซ้ำหนักเข้าไปอีกเมื่อมีการอ้างว่าเป็นคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแห่งวัดท่าซุง จนทีมงานวัดท่าซุงต้องปฏิเสธเป็นพัลวัน

เนื้อหาของบทกลอนเป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต สามารถเทียบเคียงและเชื่อมโยงไปสู่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ไม่ปรากฏผู้แต่งและช่วงเวลาในการแต่งแต่อย่างใด แต่กลับให้เป็นบทกลอนพุทธทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแทน ที่โดดเด่นในช่วงน้ำท่วมเช่นนี้ต้องยกให้บาทที่ว่า “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง  สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ”

ส่วนใครสนใจจะหาบทความฉบับเต็มอ่านก็หาได้ตามโลกออนไลน์ทั้งหลาย...โดยการชี้นำให้คล้อยตามนั้นเริ่มตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และมีแรงเชียร์จากมวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมาก ตรงกับ “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง” และเมื่อได้รับตำแหน่งฝนฟ้าตกหนักทุกหย่อมหญ้า ยิ่งเมื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 2 เดือน เกิดภาวะอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของเมืองไทย แถมพื้นที่น้ำท่วมส่วนใหญ่ในแต่ละจังหวัดเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น ผูกโยงให้เป็น “ความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ความบังเอิญหรือจะเป็นอาเพศที่คนคิดร้ายต่อแผ่นดินจะถูกชะล้างด้วยสายน้ำที่ไหลมาจากทั่วสารทิศ” ชี้นำให้เข้ากับ “สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ”

ความเกี่ยวพันระหว่างคำพยากรณ์กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำเห็นจะมีเพียงการได้อ่านสมุดข่อยของ หลวงพ่อปาน วัดบางโคนม ซึ่งเดิมเป็นสมบัติของหลวงปู่คล้าย เนื้อหานั้นเป็นคำทำนายของหลวงพ่อใย ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นคำทำนายที่เรียกว่า “คำพยากรณ์ 10 รัชกาล” ความว่า “มหากาฬ พาลยักษ์ รักมิตร สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฎร์จน ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาววิไล”

สอดคล้องกับคำทำนายชะตาเมืองไทยของสมเด็จโตในหนังสือ “ปัญญาไทย 1” ที่เขียนบันทึกเกี่ยวกับประวัติ ผลงาน อภินิหาร และเกียรติคุณของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ของมหาอำมาตย์ตรีพระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) ซึ่งเป็นฉบับที่ ม.ล.พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ รวบรวมในปี พ.ศ. 2473 โดยไม่มีการแก้ไขข้อความเดิม

ในเว็บไซต์ของวัดท่าซุงเองได้ยืนยันถึงที่มาของคำทำนายนี้ว่าผู้เขียนคำพยากรณ์นี้คือ “พระอรหันต์ในอดีตนามว่าพระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจักแตกเสียอิสรภาพให้แก่พม่าก่อนที่กรุงเทพฯยังไม่ปรากฏ” เมื่อพิเคราะห์ตามนี้แล้วหลวงพ่อฤาษีลิงดำจึงไม่ได้เกี่ยวพันใดๆกับเรื่องของคำพยากรณ์ 10 รัชกาล หรือบทกลอนถิ่นกาขาวแต่อย่างใด?...

ยิ่งสำทับด้วยเหตุการณ์เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่พระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือหลวงปู่จรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ได้กล่าวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะผู้บริหารพรรค เมื่อคราวการเดินทางลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำท่วมในบริเวณ จ.สิงห์บุรีว่า “หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนายไว้ว่าถ้าประเทศไทยมีนายกฯเป็นผู้หญิงจะทำให้บ้านเมืองเสียหายมีปัญหา จึงขอให้นายอภิสิทธิ์รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี เพราะจะได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหนึ่งแน่ ให้ดูแลทุกข์สุขชาวบ้านไว้” ไม่รู้ว่าคำทำนายที่หลวงปู่จรัญอ้างนั้นจะเป็นคำทำนายเดียวกันหรือไม่?...

นอกจากนี้ นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้กล่าวในรายการหักศอกนอกทำเนียบ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เสียงประชาชนช่อง 13 สยามไท เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยได้ชี้ว่า “การเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ผิดปรกติอาจเป็นอาเพศที่สวรรค์เบรกนักการเมืองไม่ให้ก่อกรรมทำเข็ญกับบ้านเมือง ทำให้เรื่องหลายเรื่องที่นักการเมืองต้องการทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองแต่จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติต้องหยุดชะงักไป ได้แก่ การตั้งกองทุนมั่งคั่ง โครงการรับจำนำข้าว โครงการก่อหนี้รถคันแรก โครงการก่อหนี้บ้านหลังแรก การทุบทิ้งสนามบินดอนเมือง และหมู่บ้านแดงต้องหยุดชะงัก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วมยับเยิน และน้ำท่วมเฉพาะพื้นที่ของคนเสื้อแดงเท่านั้น?”

เรื่องอุทกภัยนี้อย่าคิดมาก...สถิติและข้อมูลของทางธรณีวิทยา อุทกวิทยาเกี่ยวกับฟ้าฝนที่มักจะเกิดอุทกภัยในรอบ 25 ปี ก็มีให้ศึกษาอยู่ รวมทั้งพื้นที่ประเทศไทยเองที่ตั้งอยู่ใกล้กับส่วนที่เรียกว่าวงแหวนแห่งไฟ หรือ Ring of fire  ตะเข็บของเปลือกโลกมีการเปลี่ยนแปลงทำให้แผ่นดินยุบตัว

อีกทั้ง รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ เคยได้วิเคราะห์ไว้เมื่อปลายปี 2553 ในโทรทัศน์ฟรีทีวี.ช่องหนึ่งว่า ภายใน 10 ปีนี้ ซึ่งอาจจะหมายถึงใน 1 ปี 5 ปี 8 ปี หรือ 10 ปีก็ได้ น้ำจะท่วมหนักเหมือนปี 2538 หรืออาจจะหนักกว่านั้นก็เป็นได้ โดยในบทวิเคราะห์มีความเหมือนกับเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ชนิดทาบกันลงตัวเลยทีเดียว แล้วไม่ได้ระบุว่าจะเกิดในช่วงนายกฯที่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายซะด้วย

พุทธทำนายจึงเป็นเพียงเครื่องมือในการพยายามเชื่อมโยงความเชื่อกับความจริงที่เกิดขึ้นให้เป็นสิ่งเดียวกัน บิดเบือนความจริงไปจากความจริง มันจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการใช้วิชาทุตรรกบทเท่านั้น...

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับ 333 วันที่ 22  - 28 ตุลาคม 2554  พ.ศ. 2554 หน้า 15 คอลัมน์ กรีดกระบี่บนสายธาร โดย เรืองยศ  จันทครีรี

 
 
2011-10-21
IP : บันทึกการเข้า

086 730 2938
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!