เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 เมษายน 2024, 13:43:14
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  เป็นคนพุทธแต่มีความรู้น้อย เลยอยากถาม
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เป็นคนพุทธแต่มีความรู้น้อย เลยอยากถาม  (อ่าน 1848 ครั้ง)
Thaiboxer
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 02:23:19 »

ข้อความยาว น่าเบื่อหน่อยนะครับ

ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนนะครับว่าผมเคยบวชเณรมาตอนอายุ 13 และได้ศึกษาทางโลก(เรียนมัธยม+นักธรรมเอก) มากกว่าทางธรรม(ปัจจุบันก็เจ็บใจตัวเองเหมือนกัน) ผมมีความรู้เกี่ยวกับธรรมะน้อยมากเสียดายที่เป็นคนพุทธซะเปล่า
เมื่อสอง ปีก่อนแม่ของผมท่านได้คุยโทรศัพท์กับญาติคนน้องท่านหนึ่ง โทรแต่ละครั้งเกิน 1ชั่วโมง จนเมื่อต้นปีก่อนแม่ผมต้องการจะยกที่ดินซึ่งเป็นมรดกของตากับยายแบ่งไว้ให้ กับลูกๆ เพราะญาติท่านนั้นจะทำเป็นวัด แต่ผมกับพ่อก็ถามให้มั่นใจว่าต้องการอย่างนั้นจริงหรือเปล่า เพราะเราก็ไม่ใช่คนรวยอะไรอยากมีที่ทำกินเลี้ยงครอบครัวบ้าง แม่บอกว่าอย่ายึดติดกับสิ่งนอกกาย อีกหน่อยตายไปก็ไม่ใช่ของเรา ตอนแรกก็จะใจอ่อนแล้ว แต่มาเห็นอะไรแปลกๆ ช่วงหลังๆ เช่นตอนก่อนหน้าอ้างว่าจะไปค้างที่นั่นแค่วันพระ แต่ต่อมาเริ่มนานขึ้นจาก 2-3วัน กลายเป็นสัปดาห์ ปล่อยพ่ออยู่ที่บ้านคนเดียว ซึ่งบ้านเพิ่งปลูก(เพราะเคยบ่นว่าบ้านปลูกไม่เสร็จ มาอยู่ก็หนาว โดนลม โดนฝน แต่พอปลูกเสร็จบอกว่าจะไปแค่วันพระ ตอนนี้เดือนนึงกลับมาบ้าน 2-3ครั้ง มาแล้วก็เอาของติดไม้ติดมือกลับไปทุกครั้ง) แล้วก็มีคำสอนที่ได้มาบอกให้ผมและพ่อฟังอยู่เรื่อยๆ แปลกๆ ชอบกล และผมก็มีข้อแย้งใน "ความเห็นส่วนตัว" ของผมที่เรียนธรรมะมาน้อยดังนี้ครับ

1. ให้พ่อขายสวนยางที่กำลังจะทำอยู่ซึ่งเก็บเงินซื้อเกือบทั้งชีวิต แล้วซื้อสร้อยคอทองคำมาใส่ซะ เพราะวาสนาที่จะทำมาหากินให้รวยมันมาได้แค่นี้เอง ทำต่อไปก็ไม่รวยแล้ว (หากพ่อไม่ทำอะไรเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงชีพ และหาสิ่งของมาจุนเจอแม่ตอนที่แม่อยู่วัดล่ะครับ และปลงขนาดนั้นมันสำหรับคนที่ไม่ห่วงหลังแล้ว หรือสมณะ ใช่ไหมครับ)

2. ถ้าหากถวายที่ดินให้กับทางวัดแล้ว บุญกุศลจะได้พอกพูน และครอบครัวจะได้อะไรเยอะกว่าที่ดินที่นำไปถวายอีก (แล้วไม่มีที่ปลูกผักขาย ไม่มีที่เกษตร พ่อผมและผมกับน้องจะได้อะไรมาทดแทนปากท้องที่หิวทุกวันเหรอครับ) ตอนนั้นบอกว่าไม่ต้องรีบถวายก็ได้ รอพร้อมทุกคนก่อน แต่ตอนนี้เริ่มมีปฏิกริยาอยากได้แล้วครับ(เพราะโฉนดยังเป็นหลังแดงอยู่ ห้ามซื้อ-ขาย-โอน ภายใน 10ปี ตอนนี้ 8ปีแล้ว)

3. ทุกคนที่ภาวนาจะมีขั้นของแต่ละคน หากใครขั้นต่ำกว่าไม่สามารถใช้หรือวานคนที่ขั้นสูงกว่าได้ และได้ทราบมาว่า คนเป็นพี่ที่ขั้นต่ำกว่า กราบคนน้องซึ่งได้ขั้นเทพด้วย (การนั่งภาวนา หรือการเรียนรู้ธรรมะ มีขั้นและชั้นแบบนี้ พอเคยได้ยิน แต่ที่ว่าไม่สามารถใช้หรือวาน และกราบคนที่มีขั้นสูงกว่านี้ ไม่เคยได้ยิน และเป็นว่ากลุ่มพี่ๆ กราบน้องเนี่ยะเหรอครับ ทั้งที่ไม่ใช่พระไม่ใช่ชี แม่ผมมีศักดิ์เป็นพี่สาว กราบน้องชายและน้องสาวทุกวัน)

4. ญาติอีกท่านแนะนำให้พ่อไปอยู่กับแม่ที่นั่น เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้รักษาทัน เพราะอีกหน่อยถ้าแม่จบแล้ว ก็สามารถกลับมาที่บ้าน ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวปกติ (ถ้าหากเป็นการเรียนแบบแผนที่ถูกต้องไม่เป็นไรครับ แต่ผมถามญาติท่านนั้นแล้วเค้าบอกว่า ก็เหมือนญาติคนน้องคนนั้นไง เค้าตัดหมดซึ่ง รัก โลภ โกรธ หลง เมื่อจบแล้วเขาก็มาทำธุรกิจและอยู่กับครอบครัวเหมือนเดิม) ผมขอถามท่านผู้รู้หน่อยครับว่า เป็นไปได้หรือที่คนเราตัดแล้วซึ่ง รัก โลภ โกรธ หลง หมดสิ้น แล้วกลับมาดำเนินชีวิตของปุถุชนทั่วไปได้อีก แล้วมันมีการจบอย่างงี้ด้วยเหรอครับ)

5. แม่อยู่ที่นั่นจะทานข้าว 2มื้อ เหมือนพระสงฆ์เป๊ะ และไม่ให้พ่อฆ่าสัตว์ ไม่ว่าอะไรก็ตาม (ผมเข้าใจว่าสมณะ หรือท่านที่ถือศีล 8 จะทานข้าว 2มื้อ เพราะอะไรผมไม่ทราบ แต่แม่ผมตอนนี้เหมือนหนังหุ้มกระดูก ใส่เสื้อผ้าเหมือนคนขาดสารอาหาร ซึ่งท่านก็บอกว่าผอมอย่างงี้แหละดี ไม่มีโรคภัย หากอ้วนแล้วเดี๋ยวเป็นโน่นเป็นนี่ ... แล้วกลับมาที่พ่อของผม แม่จะไม่ให้ฆ่าสัตว์เลย แล้วหากเป็นสัตว์เลี้ยงโลกแบบปลาล่ะครับทำยังไง ปัจจุบันพ่อผมก็คงต้องทานผักไปเรื่อยๆ รอแม่ไม่รู้ก็จะแอบซื้อปลามาทำกับข้าวแทน ผมสงสารพ่อครับ)

6. ผมเคยได้ยินพระที่มาจำวัดอยู่รูปนึง เทศน์ให้ผมกับแม่ฟังว่า ผัวเมียอยู่กันตอนแรกมีความสุข เมื่อเวลาผ่านไป มีลูกขึ้นมาก็จะเกิดความทุกข์ คือต้องหาอาหารและทรัพย์สินให้ตอนโต จากที่อยู่กันดีๆ กลับต้องไปรับจ้างขนขวายเพื่ออนาคตของลูก เห็นไหมว่ามีความทุกข์ละ เมื่อมีลูกแล้วมีความทุกข์จะมีมันขึ้นมาทำไม !!!!??? (ผมอึ้งครับว่าทำไมถึงเทศน์อย่างงี้ แต่มองอีกแง่มันจริงครับว่ามีลูกแล้วก็มีทุกข์ตามมา แต่ทำไมบอกว่ามีแล้วทุกข์จะมีทำไมครับ สุดท้าย 2สัปดาห์ผ่านไป แม่โทรหาน้องสาวที่อยู่ ตจว. กับแฟนว่า อย่ามีลูกนะ ผมก็คุยกับน้องนานเหมือนกัน กว่าที่จะเข้าใจกันว่าต้องเป็นคนที่ปลงจากทางโลกจริงๆ หรือสมณะ จะต้องทำอย่างงั้น)

7. มีการสอบว่าใครถึงบทไหนขั้นไหนแล้วทางโทรศัพท์กับพระอาจารย์ บางทีถ้าไม่ผ่านก็โดนด่าแรงๆ บ้าง (ผมไม่รู้ว่าพระรูปนี้ท่านเป็นศิษย์ของหลวงตาบัวจริงหรือเปล่า หากจริงทำไมท่านแนะนำแม่ว่าน้องสาวคือพญามาร และทำไมคำสอนไม่เหมือนหลวงตาบัวเลย แถมยังมีการสอบว่าใครถึงขั้นไหนด้วย) มีข่าวมาว่าเคยมีน้าชายสอบไม่ผ่านโดนด่าเป็นหมูเป็นหมา ซึ่งสมณะทำไมพูดเช่นนั้น ... ที่ผมได้เห็นมาส่วนมากพระผู้ใหญ่ หรือท่านเกจิ จะพูดกับฆารวาสว่า "โยม" หรือพูดชื่อเลย แต่นี่ได้ข่าวว่าพูด ม. ก. อ.  E (ขออภัยคำไม่สุภาพ) ซึ่งผมก็เคยเห็นและได้ยินหลวงพ่อคูณพูดอยู่เหมือนกัน แต่ท่านเป็นของท่านอย่างงั้นแต่ไหนแต่ไร ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นการเลียนแบบหรือเปล่า)

8. ตอนนี้พยายามให้แม่ผมมาขอโฉนดที่ดินกลับไปแล้วอ้างว่ายายต้องการดู(ทั้งที่ยายจำอะไรไม่ได้แล้ว) และให้ป้าไปอาละวาดทะเลาะกับลุงที่บ้าน เพราะว่าลุงขายสวนให้กับญาติกันเอง ซึ่งคนในสถานที่นี้เขาไม่ต้องการให้ที่ดินหลุดมือไป เขาต้องการทั้งหมดเป็นของวัดของเขา

9. ได้ยินมาว่าพระอาจารย์ท่านนี้ได้นำกลุ่มของญาตผมไปงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงตามหาบัว สามารถนำรถนี้ไปจอดที่ในวัดได้เลย และข่าวแว่วๆ ว่าได้อยู่ในกลุ่มและวงของศิษย์หลวงตาที่ 40พรรษาขึ้นทั้งที่ท่านพรรษาไม่ถึง และท่านได้น้ำเหลืองของหลวงตามา จะนำมาให้ให้ญาติๆ
ของผมด้วย (ผมไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ วันนั้นในงานหลวงตาที่ผมเห็น ไม่มีรถคันไหนที่จะจอดเข้าใกล้เมรุเลย เพราะสานุศิษย์เยอะมากๆ บางท่านยังอยู่แค่นอกกำแพงวัดเอง แต่คนในกลุ่มนั้นบอกว่าพระอาจารย์เป็นศิษย์ของหลวงตา ซึ่งปกติไปกราบหลวงตาได้คุยกันตัวต่อตัวกับหลวงตาในกุฏิเลย
อันนี้ผมงงครับว่า ศิษย์ของหลวงตาแต่ละท่านนั้นอายุอานามร่วม 60ขึ้นแล้ว แต่ท่านยังไม่ถึง 50 แล้วได้คุยกับหลวงตาตัวต่อตัวในกุฏิได้ ผมทึ่งครับ พอคุยกับแม่ก็โดนตอกกลับมาว่าผมคอยจะจับผิดท่าน ผมเลยหยุดครับ)

10. ปัจจุบันไม่ได้ตั้งเป็นวัดแล้ว แต่ใช้ชื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมแทน และเมื่อก่อนว่าจะไม่เรี่ยไรเงินบริจาค แต่ปัจจุบันเห็นมีซองผ้าป่าเอย อะไรเอยตามมา ซึ่งจัดพิมพ์กันเอง ทำตรายางกันเองด้วย (หากจะสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมขึ้นมาจริงต้องมีขั้นตอนอะไรบ้างข้อนี้ผมไม่ รู้ แต่กลัวว่าการเทศน์และคำสอนจะบิดเบือนจากศาสนา และครอบครัวไหนได้ดีก็จะเอามาปะติดปะต่อว่าเป็นเพราะญาติคนนั้นภาวนาเลยทำ ให้ครอบครัวได้ดี แต่หากครอบครัวผมที่เพิ่งตกงานก็ว่าเพราะขัดขวางแม่เข้าวัด แต่ตอนนี้ผมจะได้ที่ทำงานใหม่ ก็มาว่าเพราะแม่ผมภาวนาเลยทำให้ผมได้งานเร็ว ซึ่งข้อนี้ผมก็ 50-50 ไม่ปักใจเชื่อน่ะครับ แต่ถ้าหากเป็นจริงทำไมแม่ผมยังมีโกรธเมื่อมีคนว่าคำสอนนั้นผิด หลงเข้าไปสถานที่นั้นจนถึงขนาดพ่อปวดหัวรุนแรงจนต้องนำเข้าอนามัยหมู่บ้าน แต่ตัวเองต้องนอนเฝ้าวัด เพราะไม่มีใครอยู่ อีกวันถัดมาถึงจะเข้ามาดูพ่อ หากวันนั้นผมไม่อยู่กับพ่อด้วยล่ะก็ไม่อยากจะคิดครับเดี๋ยวจะว่าแช่งพ่อ

11. สุดท้ายผมเคยได้ยินเกจิ หรือพระอาจารย์หลายท่านกล่าวว่า ก่อนจะทำบุญเลี้ยงพระในวัด ให้ดูแลรักษาพระในบ้านให้ดีซะก่อน แต่ที่เห็นไม่เป็นอย่างนั้น (ผมเห็นเต็มๆ ว่ายายของผมตอนนี้ท่านหลงๆ ลืมๆ ความดันสูงก็มาเยือน แต่วันหนึ่งท่านความดันขึ้นที่บ้าน อ๊วกเอยอะไรเอย ดีที่ลุงผมนำไปส่ง รพ.ทัน ซึ่งลูกๆ ที่เหลือก็ไปสถานที่นั้นกันหมด กลางปีก่อนก็พากันไปสถานปฏิบัติธรรมแถวภาคอิสานที่ทำกันขึ้นมา แล้วปล่อยยายผมไว้กับญาติอีกคนที่ไม่เข้ากลุ่มนี้ให้ดูแลแทน ทำไมไม่มีใครห่วงพระที่บ้านอย่างงี้ ปล่อยให้อยู่ตามประสาคนแก่ทั่วไป แล้วไปหาสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างนี้เหรอ) และอยากจะฝากอีกเรื่องครับ คนที่มียศเป็นน้องและอ้างตัวว่าเป็นผู้สำเร็จ และเป็นอรหันต์แล้วนั้น ได้ให้ลูกซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร(แต่มีจิตศรัทธาจริง) ทำเวบขึ้นมา เพื่อที่จะเรี่ยไรผ้าป่าจากเพื่อนหรือคนรู้จักของญาติ หรือแม้กระทั่งญาติกันเอง ซึ่งดูในเวบตอนแรกผมก็ศรัทธามาก แต่พอได้ยินเทศน์ และเห็นพฤติกรรมกับการอวดอุตริมนุษธรรมแล้วผมเลิกนับถือครับ เช่นว่าบอกแม่ผมกับน้าผมว่า เกือบตายแล้วเพราะชะตาขาด แต่ตอนนี้ดีขึ้นละ เพราะเทวดาต่อชะตาให้ ฮืม!!!!!

หากต้องการทราบหรือรู้ว่าท่านเทศยังไงก็ลองให้คนแอบไปเข้ากลุ่มดู หากผิดสังเกตจะเทศปกติ แต่ว่าหากหลวมตัวแล้ว จะให้ขาดจากทางบ้าน บอกว่าคนที่เขาเข้าไม่ถึงน่ะจะห้ามเรา เราไม่ต้องสนใจ เพราะเราคือศิษย์ของพระพุทธเจ้า หรือหากใครตีสนิทและทำตัวเป็นพวก เป็นกลุ่มป้ากับแม่ของผม แล้วลองแกล้งถามจะรู้ทันทีว่าท่านเทศและสอนยังไงครับ

อยากถามท่านผู้รู้ว่า ความคิดเห็นส่วนตัวของผม และคำสอนของสถานที่ปฏิบัติธรรมนี้ อะไรเป็นยังไงบ้างครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ
IP : บันทึกการเข้า

======================
   ชกมวยมานาน สังขารไม่ไหว
  ขอเปลี่ยนสไตล์ ถ่ายภาพดีกว่า
======================
ลุงหนาน
ผู้ดูแลบอร์ด
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 249



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2011, 12:32:34 »

จากการอ่านข้อความดู ก็จะสรุปได้ว่า ความคิดระหว่าง คุณ แล้วก็พ่ออย่างหนึ่ง ความคิดแม่อย่างหนึ่ง ถามว่าแม่มีเจตนาผิดไหมที่ไปอยู่วัด ก็ไม่ได้ผิดอะไรมันเป็นความต้องการและจริตนิสัยที่แม่ต้องการ และเป็นสิ่งที่ดีด้วย หากไปอยู่วัดปฏิบัติขัดเกลาจิตใจของตน..แต่ว่า สำหรับพ่อกับตัวคุณ ถามว่า ปล่อยวางสามารถสละทุกอย่าง แล้วปปฏิบัติธรรมได้ไหม.. ก็ทำยังไม่ได้เพราะจิตยังไม่ถึง ชีวิตก็เลยต้องเกี่ยวเนื่องกับโลก แล้วก็ต้องมีชีวิตตามวิถีคนปกติที่เขาปฏิบัติกัน เรียกว่า การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เพราะเราไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร แต่อ่านดูแล้วเห็นใจพ่อคุณนะ.. ขอแสดงความคิดเห็นเป็นข้อๆ ละกัน
1. ให้พ่อขายไร่ ขายสมบัติ แล้วบอกว่า ทำไปก็ไม่รวย.. มันน่าจะเป็นความคิดที่ผิด เพราะการมีสัมมาอาชีพที่ถูกต้อง และมีชีวิตพออยู่พอกิน ถึงไม่รวย อย่างน้อยชีวิตก็มีความสุขได้..เพราะเราไม่ได้มีชีวิตต้องไปแข่งขันกะใคร แต่ว่า เราอยู่เพื่อตัวเอง ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
2.เราถวายที่ดินแล้วได้บุญ แต่ว่า คนในครอบครัวยังมีความทุกข์ จะเอาบุญที่ไหนมา เราจะเปรียบตัวเองกับพระเวสสันดรไม่ได้ เพราพระองค์เป็นกษัตริย์ มีทุกอย่าง การสละสิ่งของ ยังไงมันก็ไม่มีวันหมด แต่เรายังเป็นมนุษย์ปุถุชนและยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป นอกเสียจากว่า เราพร้อมทุกอย่าง แล้วทำ ก็ขออนโมทนา แต่ตัวเองยังลำบาก แล้วทำบุญ จะเอาบุญไหนมา เพื่อเบียดเบียนตน และผู้อื่น
3.คนที่จะกราบกันได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นพระที่มีความอาวุโสกว่า แต่ว่าชาวบ้านต้องนับถือกันตามอายุ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนนี้สูง คนนี้ต่ำ ขั้นนั้นขั้นนี้ ตามธรรมดา น้องก็ต้องเคารพพี่จึงจะถูกต้อง ที่เรียกว่า ระบบอาวุโส
4.ไม่เข้าใจว่าจบนั้นคืออะไร หากหมายถึงการจบกิจศาสนา คงไม่มีคนไหนกลับมาอยู่แบบโลกๆ หรอก เพราะพระอริเจ้าท่านเบื่อหน่ายโลก เรื่องอะไรจะมาใช้ชีวิตปกติอีก มันก็ต้องสูงๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป งั้นพระสงฆ์ท่านคงไม่ว่า เป็นผู้ออกจากเรือน ไม่ให้มีห่วง
5เรื่องอาหาร พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า ไม่ให้ทานเนื้อสัตว์ พระองค์ตรัสว่า ไม่ให้เห็น ไม่ให้ได้ยิน ไม่ได้ทำเอง แต่เราซื้อกิน มันจะผิดอะไร
เอาไว้จะมาต่อข้อต่อไป
IP : บันทึกการเข้า

อย่ายึดมั่นกับสิ่งใดๆ เพราะอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน
Thaiboxer
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 10 พฤศจิกายน 2011, 00:31:02 »

ขอบคุณลุงหนานจ้าดนักครับที่ทำให้ผมรู้เรื่องธรรมะ(จริงๆ) ขึ้นมาหน่อย
คุณแม่ท่านเข้าไปด้วยใจบริสุทธิ์ครับ แต่ว่าพอเข้าไปนานๆ เริ่มได้ยินท่านพูดแบบที่เล่ามาน่ะครับ แล้วให้พ่อผมเอาน้ำแข็งบ้าง หรือเอาของใช้บ้างไปให้ท่านที่นั่น พอพ่อเข้าไปก็รั้งให้พ่ออยู่ทำวัตรด้วยกัน กว่าพ่อจะกลับบ้านก็ 2-3ทุ่ม ซึ่งระหว่างทางเป็นทุ่งนาที่เปลี่ยว กลัวพวกวัยรุ่นติดยามันจะทำร้ายเอาน่ะครับ ตอนนี้แม่กับป้าของผมเจอใครก็จะเอาคำประมาณนี้ไปสอนให้แต่ละคน จนชาวบ้านเอือมกันแล้วล่ะครับ
แถมยังทำสวนผักคนเดียว ประมาณ 20แปลง เพื่อทำให้คนที่นั่นทานกัน และซักผ้าให้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ลูกหรือหลานๆ ของคนที่อยู่ที่นั่น ผมสืบมาได้ความว่า เค้าบอกกันว่าคนไหนล้างห้องน้ำจะได้เป็นนางฟ้า ทำอาหารให้จะได้เป็นเทวดา แม้แต่อยู่ที่นั่นตัดจากทุกอย่างจะได้เป็นอรหันต์ครับลุงหนาน

ผมรอคำแนะนำข้อต่อไปของลุงหนานและท่านผู้รู้อยู่เน้อครับ ยอมรับทุกความเห็น และคำแนะนำครับ

ขอบคุณครับ


* Y10396704-2.gif (79.98 KB, 300x400 - ดู 202 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

======================
   ชกมวยมานาน สังขารไม่ไหว
  ขอเปลี่ยนสไตล์ ถ่ายภาพดีกว่า
======================
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 10 พฤศจิกายน 2011, 00:54:56 »

เคยได้ยินคุ้น ๆ คล้าย ๆ กับเขาปฏิบัติกันที่สำนักสันติ.....นี่แหละครับ คือออกจากบ้านไปอยู่วัดแล้วให้ขายทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเข้าไปปฏิบัติอยู่ในวัดเลยทำนองนี้..ส่วนตัวผมว่ามันดูเพี้ยน ๆ ชอบกลนะ..คล้าย ๆ กับพระในคลิปที่โด่งดังเมื่อสองสามเดือนที่แล้วหรือปล่าวครับ..สรุปก็คือ เพี้ยน ๆ ครับ ไม่น่าใช่ของจริง..(จากที่ท่านบอกเล่าพฤติกรรมมานะ)..แต่จะเป็นของเก๊ก็คงไม่ใช่ น่าจะเป็นแบบเพี้ยน ๆ มากว่า ฮืม ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
ลุงหนาน
ผู้ดูแลบอร์ด
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 249



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 10 พฤศจิกายน 2011, 17:29:18 »

6.ที่บอกว่าการมีครอบครัว แล้วมีความทุกข์ นั่นก็ต้องใช่อยู่แล้ว คนเราเมื่ออยู่กับอะไร ย่อมทุกข์กับสิ่งนั้น แม้แต่ร่างกาย เราก็ยังต้องทุกข์ไปกะมัน แต่ว่าในเมื่อเรามีมาแล้ว เพราะความไม่รู้ เราก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ไม่ใช่ว่า รู้ว่ามีความทุกข์แล้วก็ทิ้งไปหรือไม่รับผิดชอบอะไร เราเป็นฆราวาสก็ต้องมีชีวิตเหมือนคนทั่วๆ ไปเพียงแต่ว่า เราเว้นในสิ่งที่ควรเว้น ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้นเอง พระอริยเจ้าขั้นโสดาบัน ท่านยังมีครอบครัวเลย เพียงแต่ท่านไม่ละเมิดศีล 5  และที่สำคัญคนที่จะปฏิบัติให้หลุดพ้นได้นั้น อันดับแรกต้องตัดห่วงให้ได้ก่อน ถ้าไม่ได้ถึงจะไปอยู่ป่า หรืออยู่วัด หากใจยังไม่สงบ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะการฝึกใจอยู่ไหนก็ทำได้ เพียงแต่การเป็นฆราวาสเวลามันจำกัดเท่านั้นเอง แต่ว่าหากจะทำ ก็ทำได้ค่อยสั่งสมไป.บารมีเป็นสิ่งที่ค่อยสะสมไป พระพุทธเจ้าและพระสาวก สร้างบารมีมา กี่อสงขัย เป็นกัปๆ เทียบกับอายุมนุษย์หลายแสนล้านปี...หรืออาจจะมากกว่านั้น  กว่าจะมาถึงชาติสุดท้าย.. เราก็เหมือนกันถ้าบารมีมันถึงแล้วอะไรก็หยุดไม่ได้..กรรมมันกำหนดให้เป็นไปหมดแล้ว ทุกคนเกิดมามีบารมีสะสมไม่เหมือนกันหรอก ถ้าเป็นอย่างนั้นคนก็ต้องเป็นคนดีหมด หรือคนชั่วหมด นั้นเพราะอนุสัย หรือบารมีแต่ละคนต่างกัน ทุกคนเลยต้องต่างทำหน้าที่ของตนไป ถึงเวลา ทุกอย่างจะลงตัวเอง
IP : บันทึกการเข้า

อย่ายึดมั่นกับสิ่งใดๆ เพราะอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 12 พฤศจิกายน 2011, 19:04:57 »

แม่คุณเสียสติไปแล้วครับ
ศาสนาพุทธ
 พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องทุกข์และการดับทุกข์ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
Thaiboxer
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2011, 22:31:18 »

เหมือนที่ท่าน Unlimited แหล... บอกแหละครับ เรื่องอย่างนี้ผมก็ไม่กล้าพูดเต็มปากล่ะครับว่าคำสอนผิด เพราะคุณแม่ท่านก็ไม่ฟัง แต่จะบอกคำเดียวว่า "ลูกยังเข้าไม่ถึง" พอถามว่าเข้าถึงน่ะมันเป็นยังไง ก็ตอบกลับมาว่า บอกไม่ได้ ต้องไปศึกษาเอง
ผมพยายามบอกท่านแล้วว่า ศาสนาเขามีไว้ให้เผยแพร่ ไม่ใช่มีไว้เพื่อกั๊กไว้ และหากเขาบอกแม่ว่าบอกไม่ได้ อาจจะแสดงว่าเขาไม่สามารถอธิบายได้ ก็แสดงว่าเขารู้ไม่จริง .... คำตอบที่ได้ยินมาก็คือ "นี่แหละ คนบาป ไม่รู้จักพระไม่รู้จักเจ้า" เฮ้ออออ

ขอบคุณลุงหนานมากครับสำหรับข้อ 6

ท่าน Ck401 บางครั้งผมก็อยากคิดอย่างงั้นเหมือนกันครับ แต่ติดที่ว่าท่านเป็นแม่ และท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานานแล้ว เพียงแต่ไม่เคยเจอสถานที่และคนสอนแบบนี้ ยิ่งมาเป็นน้องแท้ๆ ของตัวเอง กับคนที่ชื่อว่าเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า คงไม่โกหกท่านน่ะครับ  ร้องไห้

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ
IP : บันทึกการเข้า

======================
   ชกมวยมานาน สังขารไม่ไหว
  ขอเปลี่ยนสไตล์ ถ่ายภาพดีกว่า
======================
เวียงเก่า
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2011, 12:50:45 »

ศรัทธา กับศาสนา เป็นของคู่กันอยู่แล้ว แต่ศาสนาพุทธต่างจากศาสนาอื่น ตรงที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้ใช้ปัญญานำศรัทธา แืม้แต่คำสอนของท่านเอง ท่านก็ไม่ให้เชื่อโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรองก่อน (กาลามสูตร)
ในความเห็นผม ผมว่าคุณแม่ไม่ได้เพี้ยนหรอกครับ  เพียงแต่โชคร้ายไปเจอสำนักเพี้ยนเข้า และท่านมีศรัืทธาเยอะ ศรัทธาจึงนำปัญญา จะให้ท่านหยุดไป และบอกว่ามันผิดทางคงยาก
ทางแก้ก็คือน่าจะลองชวนท่านไปปฎิบัติในที่ทีุุ่ถูกทาง ผมไม่รู้ว่าเชียงรายมีที่ใหนบ้าง เท่าที่ทราบก็วัดถ้ำผาจม แต่อยู่ดีๆจะให่ท่านไปคนเดียวคงยาก คงต้องใช้ิุอุบายว่าคุณอยากปฎิบัติแต่ไม่อยากไปวัดนั้น แต่คุณอยากให้ท่านไปเป็นเพื่อน ท่านจะได้เห็นคำสอนที่ต่างออกไป  ดีไม่ดี นอกจากแม่ ตัวคุณเองก็ึคงจะเข้าใจอะำไรบางอย่างด้วยเหมือนกัน ว่าทำไมต้องไปปฎิบัติ ปฎิบัติแล้วได้ประโยชน์อะไร  ยิ้ม ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ผลมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง จะมานั่งเสียใจไปทำไม เมื่อได้พยายามทำเหตุให้ดีที่สุดแล้ว
ลุงหนาน
ผู้ดูแลบอร์ด
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 249



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2011, 17:10:57 »

ตอบ ข้อ 7-9  หากจะให้ตอบว่า ใครอยู่ขั้นไหน ระดับไหน..ยากที่ใครจะตอบได้อย่างนั้นได้ เพราะพระสุปฏิปันโนจริงๆ ท่านไม่อวดคุณวิเศษใดๆ แม้แต่ครูบาอาจารย์หลากหลายท่าน ท่านไม่บอกหรอกว่า คนนี้ได้ โสดา สกิทาคา หรือเป็นพระอนาคามี หรือพระอรหันต์  แต่ส่วนใหญ่แล้ว พระท่านจะแนะนำว่า ไปกราบหลวงพ่อ นั้น หลวงพ่อนี้เพราะท่านสำเร็จแล้ว.. อะไรประมาณนี้ แต่จะมาบอกจิตแต่ละภูมิ คงยากจริงๆ แต่ไม่ได้ประมาทท่านนะ.. คือพูดไปตามหลักการจริงๆ คนที่จะอ่านภูมิจิตของคนอื่นได้นั้น จิตของท่านนั้นต้องเหนือกว่า คนอื่นๆ แต่เราจะเอาอะไรมาวัดล่ะ ว่าท่านนั้นถึงไหน.. หลวงตามหาบัวถึงแม้ท่านจะดูเป็นพระเถรตรง มีอะไรจะพูดตรงๆ แต่ท่านก็ไม่ได้ว่า ใครเป็น มึง กู อี หรืออื่นๆ ที่ไม่เหมาะสม.. แตท่านจะบอกว่า ไอ้นั้นไม่ดี คือไม่ดีนไร.. ท่านด่าพร้อมกับอ้างเหตุผลที่ด่าว่าเพราะอะไร  ท่านบอกว่า ด่ากิเลส ไม่ได้ด่าคน.
การที่คนเราะมีศรัทธาอะไรก็ดี อย่าให้มันสุดโต่งเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นพระองค์คงไม่บอกให้เราเดินทางสายกลาง ไม่เคร่ง ไม่หย่อน. แต่พอกำลังของตนที่จะพึงปฏิบัติได้ เพราะศาสนาพุทธเราเป็นศาสนาที่สอนเรื่องของเหตุและผล อ้างอิงกับหลักวิทยาศาสตร์ได้.. การที่เราจะเชื่อเรื่องอะไรก็ตาม มันต้องพิสูจน์ได้..และมีเหตุมีผล ไม่งมงาย..  การทำดี หรือการสร้างบารมีของคนเราก็เหมือนกัน เดินทางสายกลาง และที่สำคัญเมื่อใครยังปล่อยวางไม่ได้ ก็สำเร็จไม่ได้เช่นกัน แต่ทุกวันนี้เรายังภาระ และสิ่งที่เกี่ยวเนื่องมากมาย เราก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ ทำควบคู่กันไป ระหว่างโลก และธรรม อย่างน้อยเราก็ทำหน้าที่เราได้ดีแล้ว ไม่ได้ละเลย หรือไม่สนใจ การที่เราระวังจิตไม่ให้ตกอยู่อำนาจฝ่ายต่ำ นั่นคือการทำดีแล้ว
IP : บันทึกการเข้า

อย่ายึดมั่นกับสิ่งใดๆ เพราะอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!