ออสติน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 400
วัชชิระ ลาพิงค์
|
 |
« เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2011, 09:23:30 » |
|
ควรจ่ายมั้ยคับ เครมประกันชั้นหนึ่งช่อมเสร็จ อู่บอก บ.ประกันขอเรียกค่าทำงาน2000บาท
|
วัชชิระ ลาพิงค์ 0866566342 455-2-10760-3 กสิกรไทย วัชชิระ ลาพิงค์
|
|
|
|
|
คนบ้านนอก
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 432

เราชาวนาอยู่กับควาย
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2011, 09:31:40 » |
|
มันคือ ค่า excess ในความหมายทางประกันภัย หมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าความเสียหายส่วนแรก(Excess) หมายถึง จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยตกลงรับผิดชอบเองกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่ผิดจากเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ เช่น กรณี รถยนต์ถูกขีดข่วน และไม่สามารถทราบตัวผู้กระทำ หรือการที่ผู้เอาประกัน ไม่สามารถแจ้งคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้บริษัทประกันทราบได้ ,ดังนั้นเจ้าของรถ ผู้เอาประกันภัย ต้องเสียค่า excess ในการซ่อม ทำสีในครั้งนั้น ซึ่งจะต้องเสียเท่าไรก็แล้วเเต่ความหนักเบา หรือ ตกลงกัน แต่โดยทั่วไป อยู่ที่ จุดละ 1,000 (เมื่อก่อนครั้งละ 2,000 บาท)
เหตุผลหนึ่งในการที่ต้องจ่ายค่า excess ก็เพื่อให้เจ้าของรถ หรือ ผู้เอาประกันภัยได้มีความระมัดระวัง มีสามัญสำนึกในการใช้งาน ขับขี่ รักษาทรัพย์ ไม่ใช่ว่ามีประกันรถยนต์ชั้น1 แล้ว ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรเลย ซึ่งอาจจะสร้างค่านิยม หรือ พฤติกรรมที่ไม่ดีได้ หรือแม้กระทั่งทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่น ขับรถไม่ระวัง เพราะคิดว่ามีประกันรถยนต์แล้ว ยังไงประกันก็จ่าย แต่หารู้ไม่ว่า ประกันจ่าย แต่จ่ายตามเงื่อนไขความคุ้มครองเท่านั้น ประกันแค่จ่ายเพื่อบรรเทาความเสียเท่านั้น
ค่าความเสียหายส่วนแรกที่กำหนดขึ้นเพื่อลดเบี้ยประกัน โดยเป็นการตกลงกัน ระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกัน และบริษัทประกันต้องการให้ผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยบริษัทจะยินยอมให้ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยในจำนวนที่ลดลงเท่ากับค่าเสียหายส่วนแรก กรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้นในแต่ครั้ง
ยกตัวอย่าง ค่าเบี้ยประกันปกติอยู่ที่ 15,000 บาท และ ผู้เอาประกันรถยนต์ ทำข้อตกลงกับบริษัทว่า หากเกิดอุบัติเหตุแต่ลครั้ง ผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ที่เป็นค่าใช้จ่าย สมมุติ 5,000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นค่าซ่อมรถ หรือ อื่นๆ
ด้วยข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ผู้เอาประกันรถยนต์ได้สิทธิจ่ายเบี้ยประกันลดลง 5,000 บาท คือ จ่ายเบี้ยทำประกันรถยนต์แค่ 10,000 บาทเท่านั้น ต่อมาหลังจากทำประกัน หากเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด บริษัทประเมินความเสียหายแล้ว อยู่ที่ 8,000 บาท ดังนั้น ผู้เอาประกัน ต้องจ่าย "ค่าเสียหายส่วนแรก" เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้ตอนที่ทำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ในครั้งแรก ส่วนที่เหลืออีก 3,000 บาท บริษัทประกันจะจ่ายต่อไป
ข้อสังเกตุ "ค่าเสียหายส่วนแรก" จากกรณีดังกล่าว ใช้คำว่า Deductible แทนการใช้ excess เพราะ excess เป็นค่าเสียหายที่เราไม่ต้องทำข้อตกลงต่างหาก เหมือนอย่าง deductible จึงใช้ชื่อเรียกต่างกัน
|
|
|
|
|
|
|
|
I.T.Solution@Chiangkham
สมาชิกลงทะเบียน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 311

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวและไม่ได้พังลงในวันเดียวเช่นกัน
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2011, 10:09:39 » |
|
มันคือ ค่า excess ในความหมายทางประกันภัย หมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าความเสียหายส่วนแรก(Excess) หมายถึง จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยตกลงรับผิดชอบเองกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่ผิดจากเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ เช่น กรณี รถยนต์ถูกขีดข่วน และไม่สามารถทราบตัวผู้กระทำ หรือการที่ผู้เอาประกัน ไม่สามารถแจ้งคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้บริษัทประกันทราบได้ ,ดังนั้นเจ้าของรถ ผู้เอาประกันภัย ต้องเสียค่า excess ในการซ่อม ทำสีในครั้งนั้น ซึ่งจะต้องเสียเท่าไรก็แล้วเเต่ความหนักเบา หรือ ตกลงกัน แต่โดยทั่วไป อยู่ที่ จุดละ 1,000 (เมื่อก่อนครั้งละ 2,000 บาท)
เหตุผลหนึ่งในการที่ต้องจ่ายค่า excess ก็เพื่อให้เจ้าของรถ หรือ ผู้เอาประกันภัยได้มีความระมัดระวัง มีสามัญสำนึกในการใช้งาน ขับขี่ รักษาทรัพย์ ไม่ใช่ว่ามีประกันรถยนต์ชั้น1 แล้ว ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรเลย ซึ่งอาจจะสร้างค่านิยม หรือ พฤติกรรมที่ไม่ดีได้ หรือแม้กระทั่งทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่น ขับรถไม่ระวัง เพราะคิดว่ามีประกันรถยนต์แล้ว ยังไงประกันก็จ่าย แต่หารู้ไม่ว่า ประกันจ่าย แต่จ่ายตามเงื่อนไขความคุ้มครองเท่านั้น ประกันแค่จ่ายเพื่อบรรเทาความเสียเท่านั้น
ค่าความเสียหายส่วนแรกที่กำหนดขึ้นเพื่อลดเบี้ยประกัน โดยเป็นการตกลงกัน ระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกัน และบริษัทประกันต้องการให้ผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยบริษัทจะยินยอมให้ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยในจำนวนที่ลดลงเท่ากับค่าเสียหายส่วนแรก กรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้นในแต่ครั้ง
ยกตัวอย่าง ค่าเบี้ยประกันปกติอยู่ที่ 15,000 บาท และ ผู้เอาประกันรถยนต์ ทำข้อตกลงกับบริษัทว่า หากเกิดอุบัติเหตุแต่ลครั้ง ผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ที่เป็นค่าใช้จ่าย สมมุติ 5,000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นค่าซ่อมรถ หรือ อื่นๆ
ด้วยข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ผู้เอาประกันรถยนต์ได้สิทธิจ่ายเบี้ยประกันลดลง 5,000 บาท คือ จ่ายเบี้ยทำประกันรถยนต์แค่ 10,000 บาทเท่านั้น ต่อมาหลังจากทำประกัน หากเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด บริษัทประเมินความเสียหายแล้ว อยู่ที่ 8,000 บาท ดังนั้น ผู้เอาประกัน ต้องจ่าย "ค่าเสียหายส่วนแรก" เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้ตอนที่ทำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ในครั้งแรก ส่วนที่เหลืออีก 3,000 บาท บริษัทประกันจะจ่ายต่อไป
ข้อสังเกตุ "ค่าเสียหายส่วนแรก" จากกรณีดังกล่าว ใช้คำว่า Deductible แทนการใช้ excess เพราะ excess เป็นค่าเสียหายที่เราไม่ต้องทำข้อตกลงต่างหาก เหมือนอย่าง deductible จึงใช้ชื่อเรียกต่างกัน
เงื่อนไขนี้ เป็นทุกบริษัท หรือปล่าวครับ หรือว่าบางบริษัทเท่านั้น
|
I.T. Solution"I.T. Professional In Chiangkham" จำหน่าย-ซ่อม-อัพเกรด คอมพิวเตอร์,โน๊ตบุ๊ค,อุปกรณ์ ITทุกชนิด ยินดีให้คำปรึกษาแก้ไขทุกปัญหาของคอมพิวเตอร์ ข้างร.ร.ปิยมิตรวิทยา อ.เชียงคำ 089-5592482
|
|
|
ออสติน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 400
วัชชิระ ลาพิงค์
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2011, 10:33:28 » |
|
อู่เพิ่งแจ้งตอนจะไปรับรถอะคับถามเพื่อนที่เคยเครมไม่เห็นเคยมีใครได้จ่ายบ้างเลยคับ
|
วัชชิระ ลาพิงค์ 0866566342 455-2-10760-3 กสิกรไทย วัชชิระ ลาพิงค์
|
|
|
lanna_99
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 262
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2011, 10:48:17 » |
|
มันคือ ค่า excess ในความหมายทางประกันภัย หมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าความเสียหายส่วนแรก(Excess) หมายถึง จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยตกลงรับผิดชอบเองกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่ผิดจากเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ เช่น กรณี รถยนต์ถูกขีดข่วน และไม่สามารถทราบตัวผู้กระทำ หรือการที่ผู้เอาประกัน ไม่สามารถแจ้งคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้บริษัทประกันทราบได้ ,ดังนั้นเจ้าของรถ ผู้เอาประกันภัย ต้องเสียค่า excess ในการซ่อม ทำสีในครั้งนั้น ซึ่งจะต้องเสียเท่าไรก็แล้วเเต่ความหนักเบา หรือ ตกลงกัน แต่โดยทั่วไป อยู่ที่ จุดละ 1,000 (เมื่อก่อนครั้งละ 2,000 บาท)
เหตุผลหนึ่งในการที่ต้องจ่ายค่า excess ก็เพื่อให้เจ้าของรถ หรือ ผู้เอาประกันภัยได้มีความระมัดระวัง มีสามัญสำนึกในการใช้งาน ขับขี่ รักษาทรัพย์ ไม่ใช่ว่ามีประกันรถยนต์ชั้น1 แล้ว ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรเลย ซึ่งอาจจะสร้างค่านิยม หรือ พฤติกรรมที่ไม่ดีได้ หรือแม้กระทั่งทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่น ขับรถไม่ระวัง เพราะคิดว่ามีประกันรถยนต์แล้ว ยังไงประกันก็จ่าย แต่หารู้ไม่ว่า ประกันจ่าย แต่จ่ายตามเงื่อนไขความคุ้มครองเท่านั้น ประกันแค่จ่ายเพื่อบรรเทาความเสียเท่านั้น
ค่าความเสียหายส่วนแรกที่กำหนดขึ้นเพื่อลดเบี้ยประกัน โดยเป็นการตกลงกัน ระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกัน และบริษัทประกันต้องการให้ผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยบริษัทจะยินยอมให้ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยในจำนวนที่ลดลงเท่ากับค่าเสียหายส่วนแรก กรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้นในแต่ครั้ง
ยกตัวอย่าง ค่าเบี้ยประกันปกติอยู่ที่ 15,000 บาท และ ผู้เอาประกันรถยนต์ ทำข้อตกลงกับบริษัทว่า หากเกิดอุบัติเหตุแต่ลครั้ง ผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ที่เป็นค่าใช้จ่าย สมมุติ 5,000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นค่าซ่อมรถ หรือ อื่นๆ
ด้วยข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ผู้เอาประกันรถยนต์ได้สิทธิจ่ายเบี้ยประกันลดลง 5,000 บาท คือ จ่ายเบี้ยทำประกันรถยนต์แค่ 10,000 บาทเท่านั้น ต่อมาหลังจากทำประกัน หากเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด บริษัทประเมินความเสียหายแล้ว อยู่ที่ 8,000 บาท ดังนั้น ผู้เอาประกัน ต้องจ่าย "ค่าเสียหายส่วนแรก" เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้ตอนที่ทำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ในครั้งแรก ส่วนที่เหลืออีก 3,000 บาท บริษัทประกันจะจ่ายต่อไป
ข้อสังเกตุ "ค่าเสียหายส่วนแรก" จากกรณีดังกล่าว ใช้คำว่า Deductible แทนการใช้ excess เพราะ excess เป็นค่าเสียหายที่เราไม่ต้องทำข้อตกลงต่างหาก เหมือนอย่าง deductible จึงใช้ชื่อเรียกต่างกัน
เงื่อนไขนี้ เป็นทุกบริษัท หรือปล่าวครับ หรือว่าบางบริษัทเท่านั้น ผู้ทำประกันรถ ควรศึกษาเงื่อนไขของการประกันให้ดี ก่อนตัดสินใจเลือก การมี First deductible 1-2000 บาท จะทำให้เบี้ยประกันถูกลง นอกจากนี้ การระบุชื่อคนขับ ลงในกรมธรรม์ ก็ช่วยให้ค่าเบี้ยฯลดลง (ระบุชื่อ ผู้ขับ ได้ 2 คน) ควรสอบถามคนที่ขายประกันให้ละเอียดก่อนทำ และจดเงื่อนไขไว้เพื่อเปรียบเทียบ เมื่อได้รับกรมธรรม์ตัวจริง
|
|
|
|
|
คนบ้านนอก
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 432

เราชาวนาอยู่กับควาย
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2011, 10:55:55 » |
|
มันคือ ค่า excess ในความหมายทางประกันภัย หมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าความเสียหายส่วนแรก(Excess) หมายถึง จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยตกลงรับผิดชอบเองกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่ผิดจากเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ เช่น กรณี รถยนต์ถูกขีดข่วน และไม่สามารถทราบตัวผู้กระทำ หรือการที่ผู้เอาประกัน ไม่สามารถแจ้งคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้บริษัทประกันทราบได้ ,ดังนั้นเจ้าของรถ ผู้เอาประกันภัย ต้องเสียค่า excess ในการซ่อม ทำสีในครั้งนั้น ซึ่งจะต้องเสียเท่าไรก็แล้วเเต่ความหนักเบา หรือ ตกลงกัน แต่โดยทั่วไป อยู่ที่ จุดละ 1,000 (เมื่อก่อนครั้งละ 2,000 บาท)
เหตุผลหนึ่งในการที่ต้องจ่ายค่า excess ก็เพื่อให้เจ้าของรถ หรือ ผู้เอาประกันภัยได้มีความระมัดระวัง มีสามัญสำนึกในการใช้งาน ขับขี่ รักษาทรัพย์ ไม่ใช่ว่ามีประกันรถยนต์ชั้น1 แล้ว ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรเลย ซึ่งอาจจะสร้างค่านิยม หรือ พฤติกรรมที่ไม่ดีได้ หรือแม้กระทั่งทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่น ขับรถไม่ระวัง เพราะคิดว่ามีประกันรถยนต์แล้ว ยังไงประกันก็จ่าย แต่หารู้ไม่ว่า ประกันจ่าย แต่จ่ายตามเงื่อนไขความคุ้มครองเท่านั้น ประกันแค่จ่ายเพื่อบรรเทาความเสียเท่านั้น
ค่าความเสียหายส่วนแรกที่กำหนดขึ้นเพื่อลดเบี้ยประกัน โดยเป็นการตกลงกัน ระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกัน และบริษัทประกันต้องการให้ผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยบริษัทจะยินยอมให้ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยในจำนวนที่ลดลงเท่ากับค่าเสียหายส่วนแรก กรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้นในแต่ครั้ง
ยกตัวอย่าง ค่าเบี้ยประกันปกติอยู่ที่ 15,000 บาท และ ผู้เอาประกันรถยนต์ ทำข้อตกลงกับบริษัทว่า หากเกิดอุบัติเหตุแต่ลครั้ง ผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ที่เป็นค่าใช้จ่าย สมมุติ 5,000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นค่าซ่อมรถ หรือ อื่นๆ
ด้วยข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ผู้เอาประกันรถยนต์ได้สิทธิจ่ายเบี้ยประกันลดลง 5,000 บาท คือ จ่ายเบี้ยทำประกันรถยนต์แค่ 10,000 บาทเท่านั้น ต่อมาหลังจากทำประกัน หากเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด บริษัทประเมินความเสียหายแล้ว อยู่ที่ 8,000 บาท ดังนั้น ผู้เอาประกัน ต้องจ่าย "ค่าเสียหายส่วนแรก" เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้ตอนที่ทำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ในครั้งแรก ส่วนที่เหลืออีก 3,000 บาท บริษัทประกันจะจ่ายต่อไป
ข้อสังเกตุ "ค่าเสียหายส่วนแรก" จากกรณีดังกล่าว ใช้คำว่า Deductible แทนการใช้ excess เพราะ excess เป็นค่าเสียหายที่เราไม่ต้องทำข้อตกลงต่างหาก เหมือนอย่าง deductible จึงใช้ชื่อเรียกต่างกัน
เงื่อนไขนี้ เป็นทุกบริษัท หรือปล่าวครับ หรือว่าบางบริษัทเท่านั้น ผู้ทำประกันรถ ควรศึกษาเงื่อนไขของการประกันให้ดี ก่อนตัดสินใจเลือก การมี First deductible 1-2000 บาท จะทำให้เบี้ยประกันถูกลง นอกจากนี้ การระบุชื่อคนขับ ลงในกรมธรรม์ ก็ช่วยให้ค่าเบี้ยฯลดลง (ระบุชื่อ ผู้ขับ ได้ 2 คน) ควรสอบถามคนที่ขายประกันให้ละเอียดก่อนทำ และจดเงื่อนไขไว้เพื่อเปรียบเทียบ เมื่อได้รับกรมธรรม์ตัวจริง ถูกต้องนะคร้าบบบบ.... o(=O=)o >>
|
|
|
|
คนบ้านนอก
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 432

เราชาวนาอยู่กับควาย
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2011, 10:56:03 » |
|
|
|
|
|
|
|
เท้าสะเอวคลับ Ver.CaZzAmAnIaN
ระดับ :ป.โท
   
ออฟไลน์
กระทู้: 3,306

LuV me LuV My CatZ
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2011, 07:46:30 » |
|
มันคือ ค่า excess ในความหมายทางประกันภัย หมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าความเสียหายส่วนแรก(Excess) หมายถึง จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยตกลงรับผิดชอบเองกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่ผิดจากเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ เช่น กรณี รถยนต์ถูกขีดข่วน และไม่สามารถทราบตัวผู้กระทำ หรือการที่ผู้เอาประกัน ไม่สามารถแจ้งคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้บริษัทประกันทราบได้ ,ดังนั้นเจ้าของรถ ผู้เอาประกันภัย ต้องเสียค่า excess ในการซ่อม ทำสีในครั้งนั้น ซึ่งจะต้องเสียเท่าไรก็แล้วเเต่ความหนักเบา หรือ ตกลงกัน แต่โดยทั่วไป อยู่ที่ จุดละ 1,000 (เมื่อก่อนครั้งละ 2,000 บาท)
เหตุผลหนึ่งในการที่ต้องจ่ายค่า excess ก็เพื่อให้เจ้าของรถ หรือ ผู้เอาประกันภัยได้มีความระมัดระวัง มีสามัญสำนึกในการใช้งาน ขับขี่ รักษาทรัพย์ ไม่ใช่ว่ามีประกันรถยนต์ชั้น1 แล้ว ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรเลย ซึ่งอาจจะสร้างค่านิยม หรือ พฤติกรรมที่ไม่ดีได้ หรือแม้กระทั่งทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่น ขับรถไม่ระวัง เพราะคิดว่ามีประกันรถยนต์แล้ว ยังไงประกันก็จ่าย แต่หารู้ไม่ว่า ประกันจ่าย แต่จ่ายตามเงื่อนไขความคุ้มครองเท่านั้น ประกันแค่จ่ายเพื่อบรรเทาความเสียเท่านั้น
ค่าความเสียหายส่วนแรกที่กำหนดขึ้นเพื่อลดเบี้ยประกัน โดยเป็นการตกลงกัน ระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกัน และบริษัทประกันต้องการให้ผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น โดยบริษัทจะยินยอมให้ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยในจำนวนที่ลดลงเท่ากับค่าเสียหายส่วนแรก กรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้นในแต่ครั้ง
ยกตัวอย่าง ค่าเบี้ยประกันปกติอยู่ที่ 15,000 บาท และ ผู้เอาประกันรถยนต์ ทำข้อตกลงกับบริษัทว่า หากเกิดอุบัติเหตุแต่ลครั้ง ผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ที่เป็นค่าใช้จ่าย สมมุติ 5,000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นค่าซ่อมรถ หรือ อื่นๆ
ด้วยข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ผู้เอาประกันรถยนต์ได้สิทธิจ่ายเบี้ยประกันลดลง 5,000 บาท คือ จ่ายเบี้ยทำประกันรถยนต์แค่ 10,000 บาทเท่านั้น ต่อมาหลังจากทำประกัน หากเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด บริษัทประเมินความเสียหายแล้ว อยู่ที่ 8,000 บาท ดังนั้น ผู้เอาประกัน ต้องจ่าย "ค่าเสียหายส่วนแรก" เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ตามที่ได้ทำข้อตกลงไว้ตอนที่ทำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ในครั้งแรก ส่วนที่เหลืออีก 3,000 บาท บริษัทประกันจะจ่ายต่อไป
ข้อสังเกตุ "ค่าเสียหายส่วนแรก" จากกรณีดังกล่าว ใช้คำว่า Deductible แทนการใช้ excess เพราะ excess เป็นค่าเสียหายที่เราไม่ต้องทำข้อตกลงต่างหาก เหมือนอย่าง deductible จึงใช้ชื่อเรียกต่างกัน
เงื่อนไขนี้ เป็นทุกบริษัท หรือปล่าวครับ หรือว่าบางบริษัทเท่านั้น ทุกบริษัทคับผม แต่ส่วนมาก ประกัน จะเรียกเก็บก่อนซ่อมรถนะ ไม่ใช่ ซ่อมจนจะรับรถออกจากอู่แล้ว ค่อยมาเกบ แบบ จขกท นี้ แปลกๆนะ
|
|
|
|
ChaN
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 482

|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2011, 08:32:24 » |
|
แต่เมียผมเอาไปขับชน ฟุตบาต...กันชนหน้าเป็นรอย
แล้วไม่แจ้ง เอากลับมา 2 วันกว่าจะรู้ (ไม่ยอมบอก)
แจ้งภายหลังเสีย ครับ...
งงหว่ะบอย คู่กรณีเป็นฟุตบาตบ่าได้เหรอ หรือหมายความว่าถ้าชนฟุตบาตวันนั้นแล้วแจ้งประกั๋นเลยนี่ บ่าต้องเสียพันแรกกา 
|
|
|
|
|
kaewmarloon
มัธยม
 
ออฟไลน์
กระทู้: 661

〖ໂ ສ ດ ຕ າ ນ ເ ค ຍ】
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 10 กันยายน 2011, 23:31:26 » |
|
เงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรก จากคูมือตีความของ คปภ. ( หรือประกันภัยจังหวัด ) เงื่อนไขนี้ใช้ทุกบริษัทเหมือนกัน แต่อยู่ที่บริษัทไหนผ่อนผันให้เท่านั้นเอง
|
|
|
|