ปริศนาธรรม ท่านกล่าวไว้ ให้แง่คิด
"สี่คนหาม" คนโบราณ ไขขานว่า
คือชีวา มนุษย์นี้ ไม่มีขาด
เป็นรูปร่าง ตัวตน คนพิลาส
รวมสี่ธาตุ มารวมกัน แบ่งสรรเป็น
ธาตุที่หนึ่ง คือ
"ธาตุดิน" ใช่สินทรัพย์
ผมดำขลับ เนื้อหนัง ยังมองเห็น
กระดูกเล็บ สุดเจ็บ เล็บก็เป็น
ทุกสิ่งเช่น เป็นธาตุดิน ชีวินเรา
ธาตุที่สอง คือ
"ธาตุน้ำ" ช้ำเลือดหนอง
ไม่หมายปอง คือน้ำลาย คายออกเข้า
อีกน้ำมัน ในข้อต่อ พอบรรเทา
เว้นน้ำเหล้า ไม่เกี่ยวข้อง เพียงลองใจ
ธาตุที่สาม คือ
"ธาตุลม" ไม่ตรมจิต
ขาดเพียงนิด ชีวิตสิ้น ดิ้นไฉน
ลมที่ว่า แสนสุขสม ลมหายใจ
หากขาดไป ชีวิตสิ้น ดิ้นแดยัน
ธาตุที่สี่ คือ
"ธาตุไฟ "อยู่ในร่าง
ไม่เหินห่าง แสนใกล้ชิด ติดตัวท่าน
คอยบอกร้อน บอกเย็น เป็นชีวัน
ร้อนนอกนั้น ไม่ข้องเกี่ยว แท้เทียวจริง
สี่ธาตุนี้ จึงเปรียบมี "สี่คนหาม"
เป็นรูปธรรม ตามแน่ ที่แท้ยิ่ง
จะอ้วนผอม สูงใหญ่ ในความจริง
สี่ธาตุสิ่ง รวมกัน พลันเป็นคน
“สามคนแห่" ความหมายแท้ แก้ให้รู้
เปรียบคนอยู่ ในไตรลักษณ์ ภักดีผล
ธรรมชาติ สรรพสิ่งไป ในสกล
ล้วนดิ้นรน ในสามสิ่ง อย่างจริงจัง
หนึ่ง
"อนิจจัง" นั้นไม่เที่ยง เลี่ยงไม่ได้
ชีวิตไหน ก็ไม่แน่ แปรหน้าหลัง
จากเด็กเล็ก โตเป็นหนุ่ม รุ่มพลัง
แต่ภายหลัง กลายเป็นแก่ เปลี่ยนแปรไป
คนเคยรวย กลับมาจน ยลให้เห็น
จนกลายเป็น กลับรวย ถูกหวยได้
ความแน่นอน ไม่เที่ยงแท้ เปลี่ยนแปรไป
ไม่ว่าใคร ต้องผูกติด "อนิจจัง"
สอง
"ทุกขัง" แปรตรงตัว มัวเมาทุกข์
จะกี่ยุค กี่ชาติเกิด ประเสริฐสังค์ (สังค์=การยึดเหนี่ยว)
จะเกิดแก่ เจ็บตาย ไข้ประดัง
ย่อมทุกข์ทั้ง สิ้นหมด รันทดใจ
สาม
"อนัตตา "ชีวิตตน ที่ทนอยู่
ก็ไม่รู้ จะเปลี่ยนแปร แน่นอนได้
เหมือนกับคน ที่แดดิ้น สิ้นหายใจ
ยังถูกไฟ ผลาญเผา เป็นเถ้าธุลี
ชีวิตตน ใช่ตัวตน คนแน่แท้
ย่อมเปลี่ยนแปร ไม่แน่นอน ตอนสุขศรี
ดังอดีต คนกำเนิด เกิดร้อยปี
แต่บัดนี้ กลับไร้ตน เป็นคนไป
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
ทั้งสามมา เป็นสัจจธรรม "สามคนแห่"
ชีวิตเรา ย่อมเปลี่ยนไป ไม่แน่แท้
ทุกข์เหตุแห่ แปรไป ไร้ตัวตน
“หนึ่งคนนั่งแคร่" นั้นที่แท้ แปรความหมาย
ดั่งจิตใจ จิตวิญญาณ ประมาณผล
เมื่อคนเกิด วิญญาณเข้าสถิต ชีวิตคน
เป็นจิตตน จิตวิญญาณ ชีวันเรา
จิตใจนั้นคอย บงการ บันดาลชีวิต
สิงสถิต ในร่างกาย ใจคอยเฝ้า
โบราณท่าน จึงเปรียบไว้ จิตใจเรา
เทียบไว้เอา "คนนั่งแคร่" แค่ใจคน
"สองคนพาไป" มีความหมาย เปรียบไว้ว่า
เราเกิดมา มีบาปบุญ หนุนกุศล
หากทำบาป ย่อมลำบาก ยากทุกข์ทน
หากบุญล้น ย่อมเกิดดี ศรีสุขกัน
ชีวิตที่ คงอยู่ สู่ชาตินี้
กับชีวิต ที่เกิดมา ชาติหน้านั้น
เกิดมาแล้ว จะทุกข์ หรือสุขสันต์
บาปบุญนั้น จะกำหนด ตามกฏกรรม
เพราะบาปบุญ หนุนนำ ทำทุกข์สุข
จึงต้องถูก นำมาเทียบ และเปรียบย้ำ
"สองคนพาไป" คือ
บาปบุญ ที่หนุนนำ
สู่ภพกรรม ที่กระทำ ตามชั่วดี
ปริศนาธรรม ทั้งสี่ ตามที่กล่าว
แปลเรื่องราว โบราณความ ตามวิถี
เป็นคำสอน ให้คนเรา เฝ้าทำดี
เพื่อได้มี บุญเป็นทุน หนุนตนเอง.......
นพกรณ์ กุลตวนิช ผู้ประพันธ์