เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 เมษายน 2024, 02:10:12
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  เถียงพระ ..ฮา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เถียงพระ ..ฮา  (อ่าน 1536 ครั้ง)
๋๋P
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,917



« เมื่อ: วันที่ 23 สิงหาคม 2011, 13:44:35 »

วันนั้น ไปเทศน์ที่...สิงห์บุรี...
เทศน์ให้ครูฟัง...
ครูนั่งกันเต็มห้องประชุม... ๒-๓ ร้อยคน...
พวกครูผู้ใหญ่...พวกผู้อำนวยการ... ก็นั่งโซฟาข้างหน้า...

มีครูผู้ชายคนหนึ่ง... นั่งเก้าอี้ข้างหน้า...เหยียดขา...
ตาแดง...โงนไป...โงนมา...เมา....

ชาวบ้านเวลาฟังพระเทศน์.เขาพนมมือกันหมด... มันไม่พนมมือ...
แถมเวลาพระเทศน์...มันกระดิกขา...เคาะจังหวะอีก.
ผู้อำนวยการอยู่ข้างหน้า...พยายามจ้องหน้ามัน...
มันหันหนี...ไม่สบตา...ทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้...

อาตมาเทศน์ไปสักพัก...ทนไม่ไหว...เลยถามว่า...
'โยม...ทำไมไม่ไหว้พระล่ะ...'
'พระเดี๋ยวนี้ประพฤติตัวไม่ค่อยดี...ไหว้แล้วเสียมือ. ..'
แน๊ะ...มันเมาเหล้ากลิ่นคลุ้ง...จนโงหัวไม่ขึ้น... ยังมาสอนพระอีก...

'โยม...ที่พระเทศน์นี่...ท่านเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาสอนเรา...
ไม่ใช่ความคิดของท่าน...การที่เราไหว้...เวลาพระเทศน์...
เป็นการบูชาธรรม...เป็นการแสดงความเคารพพระพุทธเจ้า...'

ไม่ไหว้...
'โยม...อาตมาขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?'
'ถามอะไร...?'
'ระหว่างเรายกมือไหว้พระเอง...กับมีคนจับมือให้ไหว้พระ... อันไหนดีกว่ากัน...?

ระหว่างสวดมนต์เอง...กับนอนให้พระสวดให้...อันไหนดีกว่ากัน..?'
มันเงียบ...ไม่ตอบ...คงเริ่มสำนึกบาปแล้วล่ะ...

อาตมารีบถามต่อเลย...เดี๋ยวจะช้าไป...
'โยม...เคยไปวัดบ้างไหม...?'
'ไม่ไป...ไม่ชอบวัด...'

'โยม...ระหว่างเดินไปวัดเอง...กับเขาหามไปวัด...อันไหนดีกว่ากัน...?'
มันจ้องตาเขม็งเลย...แล้วลุกขึ้นยืน....
'นี่...หลวงพี่...ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม...?'
'ได้...'
'ระหว่างเดินกลับวัดเอง.กับมีคนหามกลับวัด...อันไหนดี กว่ากัน...?' ยิงฟันยิ้ม

ที่มา : เทศนา...ฮาสุดขีด ของ พระพยอม กัลยาโณ


* 0ea.gif (51.29 KB, 186x158 - ดู 217 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 สิงหาคม 2011, 14:17:04 โดย ๋๋P » IP : บันทึกการเข้า
๋๋P
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,917



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2011, 10:36:56 »

ใส่บาตร เรื่องบางอย่างที่คุณโยมยังไม่ค่อยเข้าใจ  ยิงฟันยิ้ม

1. นิมนต์พระ

หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน

การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ" ( ใช้คำไฮโซมาก) มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์ " ( เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว) การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ทำไมต้องตะคอกด้วย)

การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง " ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์

2. จบ

อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ
การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน
การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม
ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร
ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่
ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้

นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า ?"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 สิงหาคม 2011, 10:46:43 โดย ๋๋P » IP : บันทึกการเข้า
๋๋P
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,917



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2011, 10:40:51 »


เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า

พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควร ถอดรองเท้าใส่บาตร นะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ
อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล ( เรื่องขำขันขณะฉันเพล) พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า
เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ
นำความร้อนได้ดี ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป

เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี" กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่
อาตมาไม่ว่า แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" ( อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)
คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า

"โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง" การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม
โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!!

นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)

รับพร

หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก) ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้ ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะครับ พี่น้อง


ที่มา : Fwd mail


* 4aa8dc4982f1c.gif (24.37 KB, 132x150 - ดู 184 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
๋๋P
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,917



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2011, 11:17:41 »

จงจำไว้นะ.. (โดนมาก)

เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใด
จะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...
ครั้นถึงเวลา ทั...่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่

จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน
เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย
จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า...


ลูกเอ๋ย ก่อนจะไปเที่ยวขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง
คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน
เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ
จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย
มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด
เพราะหนี้สินบุญบารมีที่เที่ยว
ไปขอยืมมาจนพ้นตัว
เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา
ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด
ไม่มีอะไรเหลือติดตัว
แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า
หมั่นสร้างบารมีไว้
แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง...

จงจำไว้นะ.. เมื่อยังไม่ถึงเวลา
เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...
ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่
จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย
จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า...

นี่คือ คำเทศนา ของเจ้าประคุณ
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิต
หลังจากที่ล่วงลับไปแล้ว เมื่อ100 กว่าปี
อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดี
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด


* zmDIvM280109-02.jpg (12.17 KB, 274x233 - ดู 177 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!