เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 กรกฎาคม 2025, 10:26:29
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  อยู่อย่างไรในออสซี่ตอน 4
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน อยู่อย่างไรในออสซี่ตอน 4  (อ่าน 1616 ครั้ง)
inAus
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 14:29:29 »

วันนี้นำเรื่องจากไดอารี่น้องอัน  สาวน้อยคนสวยข้างห้องเช่าผมมาแบ่งปันกัน

หลังเรียนจบทำให้เรารู้สึกว่า เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เลยขอคุณพ่อ คุณแม่ไปต่อที่ต่างประเทศ มี 2 ตัวเลือก คือ อังกฤษและออสเตรเลีย   ที่ประชุม (ที่บ้าน) ช่วยกันเลือกสรุปว่า เลือกประเทศออสเตรเลีย ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ชีวิตความเป็นอยู่ เป็นต้น  ตอนนั้นในใจเราคิดว่าประเทศไหนก็ได้ เพราะรู้อย่างเดียวคือ "ฉันอยากไปเมืองนอกกกกกก"

การผจญภัยเริ่มต้นขึ้น เมื่อจัดการทุกอย่างพร้อม จึงออกเดินทาง...เพียงคนเดียว!! ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ใจหายที่จะต้องห่างคุณพ่อ คุณแม่ เกือบ 3 ปี ก่อนขึ้นเครื่อง กอดกันตัวกลม (กลมอยู่แล้ว) และแล้วน้ำตาก็ไหลพราก ฮือๆๆๆ  จนกระทั่งได้เวลาขึ้นเครื่อง

เรารวบรวมกำลังใจเดินเข้าไปในช่องตรวจเอกสาร  รวบรวมความเชื่อมั่นและความกล้าหาญ  (ความรู้สึกเหมือนจะเข้าไปสนามรบ เวอร์จริงๆ) ได้เวลาขึ้นเครื่อง ระยะเวลาอยู่บนเครื่องเกือบ 9 ชั่วโมง “ทำอะไรดีละ ไม่รู้จักใครเลย” นี่เป็นการนั่งเครื่องบิน เพียงคนเดียวที่ยาวนานที่สุด นั่งอ่านหนังสือ เขียนบันทึกไปเรื่อยๆ คุยกับคนข้างๆ บ้าง เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง คือ ค่อนข้างสงบ จนหลับไปเลย ตื่นขึ้นมาตอนเสริฟอาหารพอดี สักพักได้ยินเสียงประกาศให้ทุกคนนั่งประจำที่ เครื่องกำลังร่อนลงแล้ว ในใจนึก “เย้ เราถึง Sydney” แล้ว


ออกจากเครื่องคราวนี้ งงไปหมดเลย ก็ใช้วิธีเดินตามคนอื่นไปเรื่อย จนเจอจุดรับกระเป๋า ทำไงดีละ กระเป๋าหนักมาก เกือบ 60 กก. (เอามาทุกอย่าง ทั้งหมอน ผ้าห่ม อาหารกระป๋อง) ตลกตัวเองเหมือนกัน ดีนะที่มีสุภาพบุรุษมาช่วย  เป็นชาวต่างชาติ สิ่งที่เราตอบแทนเขา คือ รอยยิ้มแห่งสยามและคำขอบคุณ “Thank you”


ก้าวแรกสู่ Australia 


จุดตื่นเต้นอีก 1 จุด คือ จุดตรวจคนเข้าประเทศ มีหลายๆ คนบอกว่า ด่านนี้จะใช้เวลานานที่สุด แต่สำหรับเราโชคดีมาก เพราะเจอเพียงคำถามว่า “มาทำอะไรที่นี่   ที่พักอยู่ที่ไหน แล้วจะอยู่นานเท่าไร”  รู้สึกภูมิใจที่ฟังเขาออกหมดเลย  พอออกจากสยามบิน ก็มีเพื่อนมารับ เดินทางเข้าไปในเมือง Sydney โดยรถไฟฟ้า เร็วมากๆ เลย

อากาศกำลังสบาย หนาวกว่าเมืองไทย ( ตรงกับหน้าร้อนของที่นั้น )  มาถึงที่พัก ครั้งแรกที่เห็นรับไม่ได้  เป็นเหมือน condo ที่มี 3 ห้องนอน แต่ใน 1 ห้องนอน ก็มี 3 เตียงนอน ที่ต้องนอนด้วยกัน สรุปบ้านที่อยู่ อยู่กันเกือบ 10 คน เป็นต่างชาติหมดเลย แชร์กันทุกๆ อย่าง ห้องทำครัว ห้องนั่งเล่น โทรทัศน์  เริ่มรับไม่ได้ ทำไมแน่นจัง แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพราะเดินทางมาเหนื่อย และเวลาที่ต่างจากเมืองไทย 4 ชั่วโมง เลยเกิดอาการง่วง ก็หลับไปเลยในห้องเพื่อน   ฮิๆๆๆๆๆ หลับไปเกือบ 4 ชั่วโมงเต็ม เริ่มหนาวแล้ว ทั้งๆ ที่ ตอนนั้นเป็นช่วงเข้าฤดูร้อน เพื่อนบอกว่าร้อนจะตาย ได้เวลาทานข้าว เมื่อแรกเลย กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเมืองไทยนี่แหละค่ะ อร่อยที่สุดในโลก เพราะเห็นราคาของกินแล้วทานไม่ลง แพงจัง เพราะเรายังติดเอา 30 บาท คูณอยู่ เลยทำให้ไม่กล้าซื้ออะไร 

สำรวจโรงเรียน
เราชวนเพื่อนออกไปสำรวจหาทำเลโรงเรียนดีกว่า เพื่อนบอกว่าเดินนะ เดินไกลจนขาลากเลยค่ะ  คนที่นี่ไปไหนมาไหนระยะใกล้ (แต่ไกลสำหรับเรา) เขาเดินเท้ากัน  เมื่อเจอโรงเรียนแล้ว   เราเกิดคำถามทันที  “ทำไมโรงเรียนเป็นตึกแถวละ” เพื่อนอธิบายว่าที่นี่ เขาจะสร้าง office เป็นตึกแถว ไม่เน้นสร้างเป็นตึกใหญ่อลังการ มีบริเวณกว้างๆ เหมือนเมืองไทย เราจึงเริ่มสังเกตดูโรงเรียนอื่นๆ ก็จริงเหมือนที่เพื่อนบอก พอเดินเข้าไปข้างในโรงเรียนก็ใหญ่ดี น่าเรียน เขาจะแยกเป็นห้อง ตามระดับต่างๆ

หางานทำ
วันที่ 2 ของการอยู่ Sydney ทำอะไรต่อดีละ บ้าพลังจริงๆ เพื่อนเล่าให้ฟังว่าคนไทยที่มาอยู่ที่นี่ เวลาว่าง คือ การทำงาน หาเงิน ฆ่าเวลากัน เอาละเราพวกบ้าพลัง ชวนเพื่อนเดินออกหางาน  เราใช้วิธีที่คนไทยที่อยู่ที่นี่เขานิยมทำกัน คือ เดินเข้าไปร้านที่เราต้องการทำ แล้วบอกว่าต้องการหางานทำ มีงานให้ทำหรือเปล่า  เขาจะมีสมุด 1 เล่ม กับ ปากกา  1 อัน ไม่มีแบบฟอร์มการสมัครงาน เราเขียนเพียงชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และตำแหน่งที่สนใจ แรกๆ เราก็ไม่เลือกงานเขียนไปว่าทำได้ทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ในชีวิตไม่เคยทำมาก่อน

วันที่ 3 ของการอยู่ Sydney เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นข่าวดีสุดๆ มี 2 ร้านเรียกให้ไปทำงานเป็นเด็กเสริฟ ดีใจมาก เพื่อนบอกว่าเราโชคดีมาก แต่ที่ตลก คือ เราได้ 2 ร้านอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แถมอยู่ฝั่งตรงกันข้าม แต่รูปแบบคนละแบบ คือ take away และ restaurant (ในใจคิดว่า เขาเป็นคู่แข่งหรือเปล่าเนี่ย)

วันที่ 4 ไปทำงาน งงไปหมด ทำอะไรไม่ถูก ทำได้อย่างเดียว คือ เดินเสริฟอาหารอย่างเดียวเลย หน้าตาอาหารก็แปลก ชื่อก็จำยาก จานหนักมาก เดินไปมาจนเหนื่อย  ยืนนานมาก แถมยังหิวมากด้วย  อยากร้องเพลงที่เนื้อเพลงบอกว่า ‘เรามาทำอะไรที่นี่’
ร้าน Take Away ขายดีมากๆ  ต้องเข้าแถวรอกัน มีโต๊ะนั่งเกือบ 10 โต๊ะ แต่อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรม และวิธีการกินของคนที่นี่ มีอยู่ 2 แบบ คือ ต่างคนต่างสั่ง ต่างกิน แต่นั่งโต๊ะเดียวกัน หรือ share เราจะต้อง เสริฟ ออร์เดิร์ฟก่อน ถึงจะเสริฟอาหารหลักได้ แต่ก่อนเสริฟ ต้องถามก่อนว่าจะกินแยกกันหรือ share เพราะต้องลงจานต่างกัน ยุ่งยากมากเลย ( แรกๆนะ )


ร้านที่เป็น Restaurant ยากกว่า เพราะมีพิธีรีตองเยอะกว่า แต่งกายชุดไทย เดินอย่างกุลสตรี จานใหญ่กว่า หนักกว่า รายละเอียดเยอะว่า  ข้อดีกว่า คือทำงานน้อยกว่า แถมได้ tip เยอะกว่า เพราะลูกค้าจะจ่ายหนักกว่า

กว่าจะกลับถึงบ้านเกือบ 5 ทุ่มทุกคืน เราทำงานได้ทุกวัน เพราะโรงเรียนยังไม่เปิด เรามาก่อนโรงเรียนเปิด ประมาณ 10 วัน ตอนนแรกๆ เราเหนื่อยจนแทบรับไม่ได้ เมื่อยขามาก จากคนที่ทำงาน office นั่งตลอด จะต้องมายืน ทำงานตลอดเกือบ 10 ชั่วโมง ที่สำคัญรับไม่ได้ คือ ต้องมาล้างห้องน้ำของร้านอาหารด้วย  เนื่องจากเป็นกฎของเด็กเสริฟ บอกจริงๆนะ อยากร้องไห้จริงๆๆ  แต่ก็ต้องทำ เพราะคนอื่นเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ ฮือๆๆๆ คิดถึงบ้านจัง อยากกลับแล้ว ฮือๆๆๆ

แต่พอสิ้นสัปดาห์ อารมณ์ทุกอย่างหายไปหมดเลย เพราะได้ค่าจ้าง รวมกันทั้ง tip ของทั้ง 2 ร้าน เกือบ 400 $/week ประมาณ 12,000 บาท   เปลี่ยนใจแล้ว ไม่กลับบ้านแล้ว ในใจคิดแต่ว่า ดีจัง จะได้ไม่ต้องเอาเงินที่ติดตัวมา มาใช้ ใช้เงินก้อนที่เราหาได้ดีกว่า จ่ายค่าบ้าน 150 $/week ใช้จ่ายส่วนตัวอีก 100 $/week ที่เหลือก็เก็บ เพราะข้าวฟรี 2 มื้อ กินที่ร้าน เราประหยัดมาก

IP : บันทึกการเข้า
inAus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 14:30:58 »

เราทำงานหนักมาก เหนื่อยมาก  ทำให้น้ำหนักลดลงไปเกือบ 4 กก. กลับถึงที่พักก็หลับ กว่าจะตื่นก็เกือบบ่าย เตรียมตัวไปทำงานต่อ ชีวิตเป็นอย่างนี้เกือบ 1 เดือนเต็ม

หลังจาก 10 วันแรก ต้องลดงานลง เนื่องจากมีเรียนแล้ว ตอนแรกเรียนปรับภาษาก่อน ประมาณ 3 เดือน คือ ทุกคนมาที่นี่ หากไม่มีผลการสอบทางภาษาอังกฤษ ก็ต้องเรียนปรับภาษาก่อน คราวนี้น้ำหนักลดลงกว่าเดิม อีก 2 กก. เพราะภารกิจมากขึ้น ตื่นเช้ามาไปเรียนก่อน 9 โมง และต้องไปทุกวัน เพราะเขาจะมีการ check  ชื่อ การเข้าเรียนด้วย หากไม่ถึง 80 % ทางโรงเรียนจะส่งเรื่องเข้า Immigration ทันที แจ้งพฤติกรรมของเด็กว่าไม่มาเรียน หากเรื่องไปถึง Immigration จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะทางเขามีสิทธิส่งเรากลับประเทศได้  เนื่องจากทำผิดกฎหมาย  กฎหมายเขาระบุว่าหากคุณถือ visa นักเรียน ต้องปฎิบัติตามกฎ คือ ต้องเข้าเรียนอย่างน้อย 80 % เราเองทำได้ตลอด เกือบ 100%  ไม่เคยขาด มีเพียงแต่ตื่นไม่ทัน  ไปสาย ฮิๆๆ

ขอโม้หน่อยนะ (จริงๆ ก็โม้มาเยอะแล้ว) ก่อนเข้าเรียนของเด็กนักเรียนใหม่ จะต้องมีการสอบ เพื่อวัดระดับความสามารถของเด็กก่อน   เราสอบได้ระดับดีๆ คือ ระดับความเก่ง มี  7 ระดับ เราสอบได้ระดับ 6 เก่งจริง เป็นเพราะเราเก่ง grammar  เขาทดสอบทุกทักษะ ทั้งการฟัง พูด อ่านและเขียน
 
การเรียนครั้งแรก ปรับตัวยากมาก เพราะการสอนที่นี่ เขาสอนให้เรากล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าพูด แต่สำหรับเรามันยากมาก เนื่องจากตอนเราอยู่ที่เมืองไทย  เราได้ฝึกได้ส่วนนี้น้อยมาก ทำให้เรานั่งแบบกลัวๆ กลายเป็นตัวประหลาดของห้อง แต่ไม่กี่วันเราก็พยายามปรับตัว คือ พูดมากขึ้น ที่นี่เขาไม่มีการดุ ว่าถูกหรือผิด ขอเพียงได้แสดงความคิดของคุณออกมา หลังจากนั้น 1 week ทำให้เราเรียนสนุกขึ้น การเรียนที่นี่เน้นการปฎิบัติ การรู้จริง เป็นเหตุให้เราได้ออกนอกพื้นที่บ่อยๆ คือ ทุกวันศุกร์ หรือ วันพฤหัสบดี จะต้องออกไปสำรวจพื้นที่ Sydney สนุกจริงๆ ไปห้องสมุดบ้าง ไปเรียนรู้วัฒนธรรมบ้าง เป็นเวลาที่เรามีความสุขที่สุด  เพื่อนๆ ก็จะรักกัน เสาร์อาทิตย์ ว่างๆ ก็จะนัดไป BBQ กันที่ชายหาด เพราะหาดที่นี่  ไม่ไกลจากเมือง เพราะเป็นเกาะ ทุกๆ ส่วนจะติดทะเล หรือไปสวน picnic กัน ไปนั่งฟังเพลง   เราเริ่มสนุกกับชีวิตใน Sydney แล้ว มีเงินเก็บ จากการทำงาน ที่ไม่ต้องเครียด ใช้เพียงแรงงาน และก็ได้เรียน ได้เที่ยว  คุ้มจริงๆ เราเริ่มรักที่นี่แล้ว คือ เราคิดว่า  “หากเราอยู่ที่ไหนที่มีความสุข จงอยู่และกอบโกยความสุขให้มากที่สุด ”


                                                     เพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ

การดำเนินชีวิตในช่วง 1 ปีแรก ใน Sydney
ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว คือ เรียน และทำงาน หลังจากการทำงานที่ร้านไทย 1 เดือนเต็ม ทำให้เราคิดว่า เรามาที่นี่เพื่อต้องการภาษา หากเราทำที่ร้านไทย คงสามารถพัฒนาภาษาเราได้น้อย เพราะอยู่แบบสังคมไทย ได้สื่อสารภาษาอังกฤษนิดหน่อย ตอนรับ order และตอนส่งแขกกลับ ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทำให้เราลองเปลี่ยนตัวเอง เพื่อค้นหาโอกาสและประสบการณ์ใหม่อีกครั้ง คือ เราต้องทำงานที่ร้านฝรั่งให้ได้  เพื่อจะได้พูดคุยภาษาอังกฤษได้ตลอด และแล้วความฝันเราเป็นจริง เข้าเริ่มเดือนที่ 2 เราได้ทำงานที่ร้านฝรั่ง เป็นร้าน take away แต่ค่อนข้างใหญ่ ประมาณ 20 โต๊ะ Board เป็นชาวอิรัก ตอนแรกๆ ทำอาหารในครัว คือ ทำสลัด ดีจัง เราสามารถได้เรียนรู้สูตรการทำสลัด ซีซ่าสลัด และสลัดอื่นๆ อีกมากมาย สลัดประมาณเกือบ 20 กว่าชนิด จากการเรียนรู้เบื้องหลังประมาณ 1 เดือน กับภาษาที่แข็งแรงขึ้น ทำให้ board เห็นถึงความขยัน ได้ออกไปอยู่หน้าร้าน เหมือน McDonald คอยรับ Order และทำตาม Order ที่เขาสั่ง งานเริ่มสบาย และ Board เขาเห็นความขยันของเรา ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ทำให้รายได้เราเพิ่มขึ้นเป็น 500 กว่า $/week ฮิๆๆๆ  ในใจคิดเริ่มรวยแล้ว (ประมาณ 15,000 – 17,000 บาท/สัปดาห์ )  เพราะร้านอาหารฝรั่งจะจ่ายค่าแรงเป็นรายชั่วโมง แต่ร้านอาหารไทยจะเหมาวันจ่าย คือ วันละ 50 $ ประมาณนี้ ข้อดีที่ทำร้านอาหารฝรั่งที่เราสรุปได้ คือ
• ได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษ
• ได้เรียนรู้การทำงานของชาวต่างชาติและได้เรียนรู้วัฒนธรรม
• ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้น
• ทำงานเหนื่อยน้อยลง
• อื่นๆๆๆ
การทำงานกับร้านอาหารฝรั่งต้องทำตอนเช้า ทำให้ต้องย้าย class เรียนเป็นช่วงบ่าย คราวนี้แหละได้เพื่อนชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะคนไทยที่นี่นิยมทำงานที่ร้านอาหารไทยกัน ซึ่งจะทำกันตอนเย็น แต่ชาวต่างชาติ นิยมทำงานกันตอนเช้า คราวนี้แหละตรงกับวัตถุประสงค์เลย ได้คุยภาษาอังกฤษตลอดเวลา ยกเว้นตอนนอนอย่างเดียว จนเพื่อนบอกว่าได้ยินเราละเมอเป็นภาษาอังกฤษ ขำดีจัง   
 
2 ปีเต็ม กับการใช้ชีวิตที่ Sydney
ทั้งเรียน เที่ยว และทำงาน ชีวิตครบรส โดยปกติเราเอง เป็นคนชอบเที่ยว คราวนี้เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ก็เที่ยวมากขึ้น ให้เวลากับตัวเองมากขึ้น ให้ความสุขกับตัวเองมากขึ้น อยู่ที่นี่แล้ว ไม่เครียดเลย 
IP : บันทึกการเข้า
inAus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 14:51:37 »

มีลูกหลานชายคนโปรดมาฝาก ลูกชายท่าน ไปรสัน รองเอกอัครชทูตฝรั่งเศษประจำประเทศออสเตรเลีย แม่คนไทยน้องสาวคนสวยของผม พาหลานชายที่เพิ่งคลอดมาให้ดูตัว และจองตัวให้สาวไทย ใครสนใจเลี้ยงต้อย ติดต่อผ่านผมได้เลยเน้ออออออ   ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม



IP : บันทึกการเข้า
TWITTY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 15:14:55 »

พี่ครับผมอยากไปทำงานที่ออสเตรเลียครับผม!!!!!!!!!!!
IP : บันทึกการเข้า
[[[ [[ [ ChERpaYO ] ]] ]]]
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 194


Take the time to know what real LOVE is.


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 15:23:51 »

เมื่อก่อนไปทำพาสปอร์ตไว้ คิดว่าจะไปให้ได้ "ออส" น่ะผ่านมาหลายปีจนพาสจะหมดอายุแล้วยังไม่ได้ไปเลย.
จนคนที่โน่นเค้าทยอยกลับกันหมดแล้ว ได้มาอ่านกระทู้นี้ ทำให้จุดประกายความคิดที่ไม่เคยทำอีกครั้งหนึ่ง
ทำให้ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยคิดจะทำอะไรไว้...ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ  ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก  จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย
inAus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 15:35:18 »

พี่ครับผมอยากไปทำงานที่ออสเตรเลียครับผม!!!!!!!!!!!
เมื่อก่อนไปทำพาสปอร์ตไว้ คิดว่าจะไปให้ได้ "ออส" น่ะผ่านมาหลายปีจนพาสจะหมดอายุแล้วยังไม่ได้ไปเลย.
จนคนที่โน่นเค้าทยอยกลับกันหมดแล้ว ได้มาอ่านกระทู้นี้ ทำให้จุดประกายความคิดที่ไม่เคยทำอีกครั้งหนึ่ง
ทำให้ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยคิดจะทำอะไรไว้...ขอบคุณครับ

การเตรียตัวมาออสเตรเลีย ต้องมีความพร้อมสูงครับในปัจจุบัน หลังจากมีรัฐประหาร ประทำให้คนไทยเดินทางสู่ดินแดนแห่งนี้มากขึ้น
 
(ข้อมูลต่อไปนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามกฎหมายใหม่ออสเตรเลีย)

คำถามหนึ่งเกี่ยวกับออสเตรเลียที่ผมพบบ่อยที่สุดได้แก่ คำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการไปออสเตรเลีย ซึ่งโดยส่วนมากทุกคนก็อยากไปโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

มีสองวีซ่าหลักๆที่ขอไม่ยากและอนุญาตให้คนไทยมาใช้ชีิวิต ทำงาน หรือเรียนหนังสือในออสเตรเลียได้

สองวีซ่านี้ได้แก่ วีซ่านักเรียน และ Work and Holiday ซึ่งวีซ่าทั้งสองประเภทมีค่าใช้จ่ายต่างกันพอสมควร

มาดูกันครับว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างหลักๆในการมาออสเตรเลียและการมาด้วยวีซ่าต่างกันมีค่าใช้จ่ายต่างกันอย่างไร

 

ค่าใช้จ่ายหลักๆที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ได้แก่ ค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกันสุขภาพ พอกเกตมันนี่ และ ค่าเรียนสำหรับผู้ถือวีซ่านักเรียนครับ

จากนี้ผมจะเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของทั้งสองวีซ่าให้ฟังครับ

ค่าใช้จ่ายสำหรับ Student Visa รวมค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางและพอกเกตมันนี่

เพื่อ ให้ได้วีซ่ายาวๆ เรามักจะขอวีซ่าเรียนภาษาหกเดือน และดิปโพลมาอีกปีครึ่ง สองปี ว่ากันไป ในกรณีนี้จะเทียบให้เป็นหนึ่งปีเท่ากัน ดังนั้นสมมติว่าจ่ายค่าเรียน certificate III สักหกเดือนครับ

(ซึ่งคอร์สเรียนแบบแพกเกจส่วนมากจะหกเดือน ปีครึ่ง สองปี ก็จ่ายก้อนแรกเท่าๆกันครับ)

ค่าเรียนมีหลายระดับ ตั้งแต่ 160-290 AUD ต่อสัปดาห์แตกต่างกันไปตามคุณภาพของโรงเรียนและคอร์สที่เรียน                                                                   
 คิดกันโดยเฉลี่ยที่ราคา 200AUD/wk x 24 week จะเป็น 4800 AUD
 ค่าเรียนดิปโพลมาเทอมแรก 1200 AUD
 ค่าธรรมเนียมการสมัครเรียน 100-200 คิดคร่าวๆที่ 150 AUD
 ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน 540 AUD
 ค่าตรวจสุขภาพ ราวๆ 2000 THB หรือ 67 AUD
 ค่าประกันสุขภาพ ราวๆ 354 AUD ต่อปี
 ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับราวๆ 800 AUD
 Pocket money 1500 AUD
รวมเป็น 9411 AUD หรือประมาณ 282,330 THB – ไม่รวมค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้ VFS และซื้อของจิปาถะ

อนึ่งราคาเรียนภาษาและค่าเทอมดิปโพลมานี้เป็นค่าเรียนสมมติครับ สามารถหาถูกหรือแพงกกว่านี้ได้ครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโรงเรียนที่ต้องการ



ค่าใช้จ่ายสำหรับการขอ Work and Holiday Visa รวมค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางและพอกเกตมันนี่
(ระยะเวลาวีซ่ายาวหนึ่งปี)

ค่าธรรมเนียมวีซ่า 230 AUD
ค่าตรวจสุขภาพ ราวๆ 67 AUD
ค่าประกันสุขภาพราวๆ 150 AUD
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับปีนึงสมมติว่า 1,000 AUD
Pocket money 1,500 AUD

รวมเป็นเงิน 2,947 AUD หรือ 88,410 THB (ไม่รวมค่าบริการ VFS และซื้อของใช้จิปาถะ)

สำหรับตัวของ Work and Holiday Visa เองมีข้อดีที่เห็นชัดกว่าวีซ่าอื่นๆคือเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเยอะครับ
น้อยที่ว่านี่คือน้อยกว่า โดยเปรียบเทียบกับอายุของวีซ่า ความยืดหยุ่นในการหางานทำ และโอกาสในการท่องเที่ยว เทียบกับวีซ่าชั่วคราวชนิดอื่นๆนะครับ

อย่างไรก็ตามต้นทุนในการขอ Work and Holiday Visa ไม่รวมถึงต้นทุนในการศึกษาด้วยครับ ทำให้ได้ราคาถูกกว่าเยอะ


โดยสรุปคือถ้าเป้าหมายหลักคือการไปท่องเที่ยว ทำงาน หรือ หาโอกาสให้ชีวิต โดยที่ยังไม่อยากเรียน ผมว่าวีซ่านี้น่าจะเหมาะที่สุดครับ

ในขณะที่ถ้าเป้าหมายหลักคือการเรียนต่อ วีซ่านักเรียนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าครับ


IP : บันทึกการเข้า
TWITTY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2011, 00:10:45 »

ขอบคุณมากครับ
IP : บันทึกการเข้า
inAus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2011, 05:02:52 »

ขอบคุณมากครับ

ยินดีให้คำปรึกษาครับ สำหรับคนเชียงรายหรือคนเหนือบ้านเรา
IP : บันทึกการเข้า
upon
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2011, 06:21:57 »

พี่ครับผมอยากไปทำงานที่ออสเตรเลียครับผม!!!!!!!!!!!
เมื่อก่อนไปทำพาสปอร์ตไว้ คิดว่าจะไปให้ได้ "ออส" น่ะผ่านมาหลายปีจนพาสจะหมดอายุแล้วยังไม่ได้ไปเลย.
จนคนที่โน่นเค้าทยอยกลับกันหมดแล้ว ได้มาอ่านกระทู้นี้ ทำให้จุดประกายความคิดที่ไม่เคยทำอีกครั้งหนึ่ง
ทำให้ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยคิดจะทำอะไรไว้...ขอบคุณครับ

การเตรียตัวมาออสเตรเลีย ต้องมีความพร้อมสูงครับในปัจจุบัน หลังจากมีรัฐประหาร ประทำให้คนไทยเดินทางสู่ดินแดนแห่งนี้มากขึ้น
 
(ข้อมูลต่อไปนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามกฎหมายใหม่ออสเตรเลีย)

คำถามหนึ่งเกี่ยวกับออสเตรเลียที่ผมพบบ่อยที่สุดได้แก่ คำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการไปออสเตรเลีย ซึ่งโดยส่วนมากทุกคนก็อยากไปโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

มีสองวีซ่าหลักๆที่ขอไม่ยากและอนุญาตให้คนไทยมาใช้ชีิวิต ทำงาน หรือเรียนหนังสือในออสเตรเลียได้

สองวีซ่านี้ได้แก่ วีซ่านักเรียน และ Work and Holiday ซึ่งวีซ่าทั้งสองประเภทมีค่าใช้จ่ายต่างกันพอสมควร

มาดูกันครับว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างหลักๆในการมาออสเตรเลียและการมาด้วยวีซ่าต่างกันมีค่าใช้จ่ายต่างกันอย่างไร

 

ค่าใช้จ่ายหลักๆที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ได้แก่ ค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกันสุขภาพ พอกเกตมันนี่ และ ค่าเรียนสำหรับผู้ถือวีซ่านักเรียนครับ

จากนี้ผมจะเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของทั้งสองวีซ่าให้ฟังครับ

ค่าใช้จ่ายสำหรับ Student Visa รวมค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางและพอกเกตมันนี่

เพื่อ ให้ได้วีซ่ายาวๆ เรามักจะขอวีซ่าเรียนภาษาหกเดือน และดิปโพลมาอีกปีครึ่ง สองปี ว่ากันไป ในกรณีนี้จะเทียบให้เป็นหนึ่งปีเท่ากัน ดังนั้นสมมติว่าจ่ายค่าเรียน certificate III สักหกเดือนครับ

(ซึ่งคอร์สเรียนแบบแพกเกจส่วนมากจะหกเดือน ปีครึ่ง สองปี ก็จ่ายก้อนแรกเท่าๆกันครับ)

ค่าเรียนมีหลายระดับ ตั้งแต่ 160-290 AUD ต่อสัปดาห์แตกต่างกันไปตามคุณภาพของโรงเรียนและคอร์สที่เรียน                                                                   
 คิดกันโดยเฉลี่ยที่ราคา 200AUD/wk x 24 week จะเป็น 4800 AUD
 ค่าเรียนดิปโพลมาเทอมแรก 1200 AUD
 ค่าธรรมเนียมการสมัครเรียน 100-200 คิดคร่าวๆที่ 150 AUD
 ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน 540 AUD
 ค่าตรวจสุขภาพ ราวๆ 2000 THB หรือ 67 AUD
 ค่าประกันสุขภาพ ราวๆ 354 AUD ต่อปี
 ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับราวๆ 800 AUD
 Pocket money 1500 AUD
รวมเป็น 9411 AUD หรือประมาณ 282,330 THB – ไม่รวมค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้ VFS และซื้อของจิปาถะ

อนึ่งราคาเรียนภาษาและค่าเทอมดิปโพลมานี้เป็นค่าเรียนสมมติครับ สามารถหาถูกหรือแพงกกว่านี้ได้ครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโรงเรียนที่ต้องการ



ค่าใช้จ่ายสำหรับการขอ Work and Holiday Visa รวมค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางและพอกเกตมันนี่
(ระยะเวลาวีซ่ายาวหนึ่งปี)

ค่าธรรมเนียมวีซ่า 230 AUD
ค่าตรวจสุขภาพ ราวๆ 67 AUD
ค่าประกันสุขภาพราวๆ 150 AUD
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับปีนึงสมมติว่า 1,000 AUD
Pocket money 1,500 AUD

รวมเป็นเงิน 2,947 AUD หรือ 88,410 THB (ไม่รวมค่าบริการ VFS และซื้อของใช้จิปาถะ)

สำหรับตัวของ Work and Holiday Visa เองมีข้อดีที่เห็นชัดกว่าวีซ่าอื่นๆคือเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเยอะครับ
น้อยที่ว่านี่คือน้อยกว่า โดยเปรียบเทียบกับอายุของวีซ่า ความยืดหยุ่นในการหางานทำ และโอกาสในการท่องเที่ยว เทียบกับวีซ่าชั่วคราวชนิดอื่นๆนะครับ

อย่างไรก็ตามต้นทุนในการขอ Work and Holiday Visa ไม่รวมถึงต้นทุนในการศึกษาด้วยครับ ทำให้ได้ราคาถูกกว่าเยอะ


โดยสรุปคือถ้าเป้าหมายหลักคือการไปท่องเที่ยว ทำงาน หรือ หาโอกาสให้ชีวิต โดยที่ยังไม่อยากเรียน ผมว่าวีซ่านี้น่าจะเหมาะที่สุดครับ

ในขณะที่ถ้าเป้าหมายหลักคือการเรียนต่อ วีซ่านักเรียนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าครับ




เป็นประโยชน์มากๆ ขอบคุณคับ
IP : บันทึกการเข้า
สาวเหลือน้อย
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 889


การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บางครั้งก็ดีบางทีก็ไม่ใช่


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2011, 13:33:55 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
upon
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 01:07:26 »

พี่ครับผมอยากไปทำงานที่ออสเตรเลียครับผม!!!!!!!!!!!
เมื่อก่อนไปทำพาสปอร์ตไว้ คิดว่าจะไปให้ได้ "ออส" น่ะผ่านมาหลายปีจนพาสจะหมดอายุแล้วยังไม่ได้ไปเลย.
จนคนที่โน่นเค้าทยอยกลับกันหมดแล้ว ได้มาอ่านกระทู้นี้ ทำให้จุดประกายความคิดที่ไม่เคยทำอีกครั้งหนึ่ง
ทำให้ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยคิดจะทำอะไรไว้...ขอบคุณครับ

การเตรียตัวมาออสเตรเลีย ต้องมีความพร้อมสูงครับในปัจจุบัน หลังจากมีรัฐประหาร ประทำให้คนไทยเดินทางสู่ดินแดนแห่งนี้มากขึ้น
 
(ข้อมูลต่อไปนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามกฎหมายใหม่ออสเตรเลีย)

คำถามหนึ่งเกี่ยวกับออสเตรเลียที่ผมพบบ่อยที่สุดได้แก่ คำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการไปออสเตรเลีย ซึ่งโดยส่วนมากทุกคนก็อยากไปโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

มีสองวีซ่าหลักๆที่ขอไม่ยากและอนุญาตให้คนไทยมาใช้ชีิวิต ทำงาน หรือเรียนหนังสือในออสเตรเลียได้

สองวีซ่านี้ได้แก่ วีซ่านักเรียน และ Work and Holiday ซึ่งวีซ่าทั้งสองประเภทมีค่าใช้จ่ายต่างกันพอสมควร

มาดูกันครับว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างหลักๆในการมาออสเตรเลียและการมาด้วยวีซ่าต่างกันมีค่าใช้จ่ายต่างกันอย่างไร

 

ค่าใช้จ่ายหลักๆที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ได้แก่ ค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกันสุขภาพ พอกเกตมันนี่ และ ค่าเรียนสำหรับผู้ถือวีซ่านักเรียนครับ

จากนี้ผมจะเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของทั้งสองวีซ่าให้ฟังครับ

ค่าใช้จ่ายสำหรับ Student Visa รวมค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางและพอกเกตมันนี่

เพื่อ ให้ได้วีซ่ายาวๆ เรามักจะขอวีซ่าเรียนภาษาหกเดือน และดิปโพลมาอีกปีครึ่ง สองปี ว่ากันไป ในกรณีนี้จะเทียบให้เป็นหนึ่งปีเท่ากัน ดังนั้นสมมติว่าจ่ายค่าเรียน certificate III สักหกเดือนครับ

(ซึ่งคอร์สเรียนแบบแพกเกจส่วนมากจะหกเดือน ปีครึ่ง สองปี ก็จ่ายก้อนแรกเท่าๆกันครับ)

ค่าเรียนมีหลายระดับ ตั้งแต่ 160-290 AUD ต่อสัปดาห์แตกต่างกันไปตามคุณภาพของโรงเรียนและคอร์สที่เรียน                                                                   
 คิดกันโดยเฉลี่ยที่ราคา 200AUD/wk x 24 week จะเป็น 4800 AUD
 ค่าเรียนดิปโพลมาเทอมแรก 1200 AUD
 ค่าธรรมเนียมการสมัครเรียน 100-200 คิดคร่าวๆที่ 150 AUD
 ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน 540 AUD
 ค่าตรวจสุขภาพ ราวๆ 2000 THB หรือ 67 AUD
 ค่าประกันสุขภาพ ราวๆ 354 AUD ต่อปี
 ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับราวๆ 800 AUD
 Pocket money 1500 AUD
รวมเป็น 9411 AUD หรือประมาณ 282,330 THB – ไม่รวมค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้ VFS และซื้อของจิปาถะ

อนึ่งราคาเรียนภาษาและค่าเทอมดิปโพลมานี้เป็นค่าเรียนสมมติครับ สามารถหาถูกหรือแพงกกว่านี้ได้ครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโรงเรียนที่ต้องการ



ค่าใช้จ่ายสำหรับการขอ Work and Holiday Visa รวมค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางและพอกเกตมันนี่
(ระยะเวลาวีซ่ายาวหนึ่งปี)

ค่าธรรมเนียมวีซ่า 230 AUD
ค่าตรวจสุขภาพ ราวๆ 67 AUD
ค่าประกันสุขภาพราวๆ 150 AUD
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับปีนึงสมมติว่า 1,000 AUD
Pocket money 1,500 AUD

รวมเป็นเงิน 2,947 AUD หรือ 88,410 THB (ไม่รวมค่าบริการ VFS และซื้อของใช้จิปาถะ)

สำหรับตัวของ Work and Holiday Visa เองมีข้อดีที่เห็นชัดกว่าวีซ่าอื่นๆคือเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเยอะครับ
น้อยที่ว่านี่คือน้อยกว่า โดยเปรียบเทียบกับอายุของวีซ่า ความยืดหยุ่นในการหางานทำ และโอกาสในการท่องเที่ยว เทียบกับวีซ่าชั่วคราวชนิดอื่นๆนะครับ

อย่างไรก็ตามต้นทุนในการขอ Work and Holiday Visa ไม่รวมถึงต้นทุนในการศึกษาด้วยครับ ทำให้ได้ราคาถูกกว่าเยอะ


โดยสรุปคือถ้าเป้าหมายหลักคือการไปท่องเที่ยว ทำงาน หรือ หาโอกาสให้ชีวิต โดยที่ยังไม่อยากเรียน ผมว่าวีซ่านี้น่าจะเหมาะที่สุดครับ

ในขณะที่ถ้าเป้าหมายหลักคือการเรียนต่อ วีซ่านักเรียนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าครับ




282,330 ค่าใช้จ่ายนี้ต่อ 2 ปีเหรอครับ หรือว่ามากกว่านี้สำหรับ 2 ปี
IP : บันทึกการเข้า
inAus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 08:40:26 »

282,330 บาท  เป็นราคาต้องจ่ายจริงเบื้องต้นครับ แต่ต่อไปก็จะลดลงเยอะ

เช่นค่าตั๋วเครื่องบินซื้อไปกลับเป็นรายปี 
ค่าเรียนภาษาก็ไม่ต้องจ่าย
ค่า diploma ไปจ่ายเทอมที่สอง 
ค่าธรรมเนียมวีซ่า ก็ไม่ต้องเสียจนกว่าจะต่อวีซ่าครั้งที่สอง
ค่าประกันสุขภาพจ่ายรายปีครับ
ส่วนเงินติดกระเป๋า พอมาได้แล้วก็มาหาเอาที่นี่ดีกว่าครับ เพราะคนที่มาที่นี่ไม่มีใครอยากใช้เงินไทยกัน ค่าแลกเปลี่ยนมันต่างกันเยอะ นอกจากมาเรียนปริญาโท ที่ต้องเรียนหนัก ต้องยอมทำงานน้อยแค่พอค่าที่พัก ค่ากินบางส่วน หรือบางคนก็ไม่ทำงานเพราะ พ่อแม่โค-ตะ-ระ รวย สองปีใช้เงินประมาณ 2-3 ล้านบาท

(ตอนนี้มันมีวีซ่าแบบต้องไปต่อที่ไทยด้วย ผมไม่แน่ใจว่าคนที่มาใหม่ตอนนี้ จะติดเงื่อนไขนี้หรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับสถานะบุคคลด้วยครับ ถ้าติดเงื่อนไขนี้ก็ต้องกลับไปต่อวีซ่าหลังจาก 6 เดือนแรกครับ ถ้าสนใจจริงๆ ลองติดต่อ เขาจะมีข้อมูลอัพเดทกว่าของผมครับ เพราะผมไม่ได้ทำงานด้านเอเจนท์มาพอสมควร)

8 Soi. Champi, Sirimangkalajarn Road,
T. Suthep
Muang
50200
Chiang Mai
Thailand
Ph: 08 5142 6869
Fax: 053 289 169

derekchiangmai@eden-education.com
eden-education.com
IP : บันทึกการเข้า
TWITTY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 17:10:21 »

ถ้าผมจะไปแบบวีซ่า Work and Holiday ผมต้องหางานเองหรือว่าทางโน้นเค้าหาให้ครับ แล้วไปเองหรือติดต่อกับเอเย่นครับ ถ้าไปวีซ่่าแบบนี้พี่ช่วยฝากงานให้ได้ใหมครับต้องมีState Ment หรืออะไรอย่างไร พี่พอจะช่วยในเรื่องนี้ได้ใหมครับ เพราะตอนนี้อยากไปมาก ถ้าState Ment ของผมไม่ถึงที่เค้ากำหนดสามารถใช้ของคนอื่นหรือญาติ รับรองแทนได้ใหมครับ
IP : บันทึกการเข้า
TWITTY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 18:37:28 »

ดัน
IP : บันทึกการเข้า
tonmaii
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 335


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 21:48:55 »

กำลังจะทำเรื่องไปเรียนภาษา 6 เดือนครับ ขอให้วีซ่าผ่าน  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
TWITTY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 22:30:15 »

กำลังจะทำเรื่องไปเรียนภาษา 6 เดือนครับ ขอให้วีซ่าผ่าน  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ขอให้ผ่านครับ อิ อิ
IP : บันทึกการเข้า
inAus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 23 สิงหาคม 2011, 08:40:51 »

ถ้าผมจะไปแบบวีซ่า Work and Holiday ผมต้องหางานเองหรือว่าทางโน้นเค้าหาให้ครับ แล้วไปเองหรือติดต่อกับเอเย่นครับ ถ้าไปวีซ่่าแบบนี้พี่ช่วยฝากงานให้ได้ใหมครับต้องมีState Ment หรืออะไรอย่างไร พี่พอจะช่วยในเรื่องนี้ได้ใหมครับ เพราะตอนนี้อยากไปมาก ถ้าState Ment ของผมไม่ถึงที่เค้ากำหนดสามารถใช้ของคนอื่นหรือญาติ รับรองแทนได้ใหมครับ
กำลังจะทำเรื่องไปเรียนภาษา 6 เดือนครับ ขอให้วีซ่าผ่าน  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ขอโทษครับผมจะตอบแต่เมื่อวานก็ดันติดธุระ  การมาวีซ่า working holiday ต้องหางานเองครับ จะลองดูคร่าวๆ ที่เวป www.natui.com.au (เจ้าของเวปคนเจียงฮายบ้านเฮา) เป็นเวปสื่อกลางการหางานและบ้านพัก ในออสซี่ครับ หรือสนใจงานไหน ที่พักตรงไหน Pm มาหาผมได้ ผมจะติดต่อตรวจสอบให้ครับ  เรื่องเสตทเม้นท์ ยืมเงินใครก็ได้ครับมาใส่ในบัญชีให้มีเงินหมุนเข้าออกด้วย ไม่ดองไว้อย่างเดียว Make ขึ้นมาได้ครับ หรือถ้ามีหลักทรัพย์หรือใบประกอบการก็ยื่นเป็นหลักฐานได้ ในกรณีเงินสดไม่พอในบัญชี  "



ขอให้วีซ่าผ่านครับ  เอาใจช่วย มีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกกันได้ครับผม หรือจะเอาเบอร์ติดต่อผมก็ pm เข้ามาครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!