เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 07:15:31
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  จักระทั้ง 7 ดวงกายสิทธิ์ ไปนิพพาน ฝึกไว้ปลุกเสกของขลังใช้เอง
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน จักระทั้ง 7 ดวงกายสิทธิ์ ไปนิพพาน ฝึกไว้ปลุกเสกของขลังใช้เอง  (อ่าน 3161 ครั้ง)
pmsale
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 28


« เมื่อ: วันที่ 21 เมษายน 2023, 01:50:39 »

     
ทำไมคนพุทธบางคนไม่เชื่อเรื่องผี ? เพราะอ้างพระไตรปิฏกที่บอกว่า "วิญญาณคือธาตุรู้"  วิญญาณไม่มีตัวตนเป็นแค่ตัวรู้  เมื่อบอกว่าผีคือวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว ก็เลยว่าผีไม่มี  
     แต่จิตมีจริง จิตคือกลุ่มก้อนพลังงานที่อัดกันแน่นเล็กจิ๋ว จิตเมื่อเข้าปฎิสนธิในกายก็ระเบิดเหมือนนิวเคลียร์ปล่อยพลังงานไปทุกอณูทั่วกายให้มีชีวิต วิญญาณก็คือพลังงานที่จิตส่งออกไปเป็นตัวรับรู้สื่อสารของจิต อธิบายให้เข้าใจง่ายๆเมื่อเทน้ำใส่แก้ว น้ำจะมีรูปร่างเป็นแก้ว ถ้าเอาไปแช่ให้เป็นน้ำแข็งแล้วทุบแก้วให้แตก ก็เหมือนร่างกายแตก แต่น้ำแข็งยังคงตัวเป็นแก้วนั้นอยู่ เปรียบกับจิตที่ยังยึดถือจดจำกายเดิมอยู่หรือยังแตกพลังงานตัวรู้เป็นรูปกายเดิมอยู่ จึงปรากฎเป็นกายพลังงานในรูปเดิมอาจเรียกว่า กายละเอียด กายทิพย์  ชาวบ้านเรียกผีหรือวิญญาณก็มีจริง ก็คือกลุ่มพลังงานตัวรู้ของจิตที่ยังยึดติดจดจำสภาพกายเดิมนั้นๆ กายวิญญาณก็มีชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ครบบ้างไม่ครบบ้าง ทำอะไรได้แค่ไหนก็แล้วแต่บุญกรรมของจิตที่ทำให้มีพลังงานไม่เท่ากัน  การอุทิศแผ่บุญกุศลให้ก็เหมือนเติมพลังงานให้ดวงจิตนั้นๆ  เมื่อตายเหลือแต่จิตมักทำบุญเองไม่ได้หรือยากมากเพราะมีแต่สัญญาความคิดไม่มีกายไปกระทำ ได้แค่รอคนทำบุญอุทิศให้  

     จิตเป็นอมตะ แต่เดิมเป็นประภัสสรหรือใสผุดผ่อง แต่เศร้าหมองขุ่นด้วยกิเลสหรือกรรม ส่วนความคิดของจิตนั้นเกิดดับเปลี่ยนตลอด จิตที่เข้ามาปฎิสนธิในกายผ่านทางสายสะดือ แล้วแยกไปอยู่ที่ฐานใหญ่มี 7 ฐานในกายหรือจักระทั้ง 7 แต่ล่ะฐานก็แตกพลังงานตัวรู้หรือวิญญาณคลุมทั่วกาย หรือคนหนึ่งคนมีจิต 7 ดวงในกาย ทำให้คนมีเซ้นสัมผัสญาณวิเศษต่างๆเช่น มีลางสังหารณ์รับรู้เรื่องที่ไกลตัวได้  สื่อสารกับคนสองคนที่อยู่คนล่ะที่ได้พร้อมกัน เพราะส่งจิตบางดวงออกไป ถ้าจิตบางดวงไม่อยู่กับที่หรือหลุดออกไปก็เกิดอาการเสียขวัญ ต้องทำพิธีเรียกขวัญกลับมา ที่ตายแล้วฟื้นเพราะจิตไม่ได้ออกจากร่างหมดทั้ง 7 ดวง กระแสพลังงานจักรวาลมีอำนาจต่อกายเนื้อส่งผ่านวิญญาณธาตุรู้ไปสู่จิตตลอดเวลา ทำให้จิตก่อเจตนาผูกห่วงโซ่กรรมตลอดกับสภาพรอบตัว ผูกกรรมในกระแสพลังงานจักรวาลแสดงออกในรหัสต่างๆเช่น ลายมือ ลายเท้า ดวงชะตา โหราศาสตร์ เลขศาสตร์ โหวงเฮ้ง ฮวงจุ้ย ทุกวิชาเหล่านี้เป็นจริงเพราะเจตนาของทุกจิตที่ไปผูกสร้างรหัสร่องรอยไว้ ขึ้นกับว่าใครอ่านเก่งแค่ไหน  
        
     การจะกลับนิพพานต้องปฎิบัติรวมดวงจิตทั้ง 7 ให้มารวมเป็นหนึ่ง ให้อยู่ในจุดที่เคยเข้ามาตอนปฎิสนธิหรือศูนย์กลางตัวใกล้สะดือ  อย่าส่งจิตออกไปสื่อกับกระแสพลังใดๆหรือภาพนิมิตใดๆจะผูกกรรมไม่รู้จบ คนที่นั่งสมาธิแล้วชีวิตแย่เพราะส่งจิตออกไปดึงเจ้ากรรมนายเวรหรือกรรมต่างๆเข้ามา ถ้าเริ่มรวมได้จะเห็นดวงสว่างใสจากเล็กจนใหญ่เท่าลูกตาที่จุดนี้เรียก ดวงกายสิทธิ์,ธรรมกาย,กายพุทธะ,ดวงประภัสสร คืออันเดียวกัน ถ้าสั่งดวงสว่างนี้ให้แสดงสีออกมาเป็นสีรุ้ง 7 สีได้คือรวมครบให้ปฎิบัติรักษาสีทั้ง 7 นี้ไว้ เมื่อตายจะไปนิพพานหรือพรหมโลกหรือภพสูงๆได้แล้วแต่จำนวนสีและความสว่างที่ได้  ใช้ดวงสว่างนี้เป็นแก้วสารพัดนึกอธิษฐานได้  ใช้ปลุกเสกเครื่องรางของขลังทำน้ำมนต์ได้  แต่ชีวิตคนปัจจุบันทำได้ยากเพราะวุ่นวายนัก มีคลื่นหลายชนิดรบกวนจักระทั้ง 7 ตลอดเวลาทุกที่เช่นคลื่น 5G อย่าปฎิบัติด้วยความเคร่งเครียดใจร้อน ทำได้ทั้งท่านั่งนอนยืน ถ้ายังไม่ได้ให้สั่งจิตภาวนา "นิพพานัง ปรมัง สุขัง" ไว้ก่อนหรือขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วย นิพพานไม่สูญเป็นแดนประภัสสร  


* ck.jpg (159.21 KB, 992x1110 - ดู 61 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 21 เมษายน 2023, 02:37:52 โดย pmsale » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!