ศาสนาพุทธของเราให้ความสำคัญกับจิตใจ ดังนั้นจึงมีนิทานมาเล่าให้ฟัง ^_^
****************************************
จบลงที่ใจ มีโยคีตนหนึ่งตั้งอาศรมอยู่ริมถนนนอกเมืองแห่งหนึ่งในสายตาของคนอื่น ท่านโยคีเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีลธรรม สวดมนต์ภาวนาทุกเช้าเย็น ทั้งสอนและให้พรแก่คนจำนวนมาก จนมีคนนับถือท่านอย่างล้นหลาม
ตรงข้ามกับอาศรมของโยคีก็มีสำนักโสเภณีอยู่แห่งหนึ่ง(เหมือนประเทศอะไรเอ่ย.....เมฆพัตร)และมีนางโสเภณีคนหนึ่งอยู่ประจำ เพื่อคอยบริการทางเพศแก่ประชาชน เธอก็มีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก พอ พอ กับที่มาใช้บริการทางธรรมของท่านโยคี
อยู่ต่อมาวันหนึ่ง เหตุร้ายเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทั้งท่านโยคี และ นางโสเภณีได้ตายลงพร้อมๆกัน วิญาณของทั้งสองจึงถูกยมทูตนำไปสู่ยมโลกเพื่อฟังคำพิพากษา ฝ่ายยมบาลพอเปิดสมุดประวัติของทั้งสองตรวจดูแล้ว ก็ชี้มือไปที่โยคีและกล่าวว่า
"ท่านโยคี ตกนรก!!!!!!! =_=' ส่วนนางโสเภณีขึ้นสวรรค์ ^_^ " (คนอ่านงง
)
ท่านโยคีตกตะลึกงงเป็นไก่ตาแตกในคำตัดสินของท่านยมบาล(เหมือนคนอ่านเลย
)ที่แสนจะปะหลาด จึงกล่าวประท้วงว่า
"ท่านยมบาลคงจะเข้าใจอะไรผิดเสียละมั้ง อย่าลืมน่ะว่าฉันเป็นโยคี ทำแต่ความดีมาตลอด จึงสมควรที่จะได้ขึ้นสวรรค์ ส่วนนางโวเภณีเป็นคนที่มีแต่ความชั่วช้าต่ำทราม อัปรีย์จัญไร ควรที่จะตกนรก ท่านกรุณาตรวจสอบบัญชีให้ละเอียดอีกครั้งด้วย"
ท่านยมบาลจึงตรวจดูอีกรอบ แต่ก็ยังยืนยันคำตัดสินเดิม
"เพราะอะไรละท่านยมบาล ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น" โยคีร้องถาม
เพื่อเป็นการแสดงความซื่อตรงของกฎแห่งกรรม ว่าเป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุด ท่านยมบาลจึงให้ความกระจ่างว่า
"ก็เพราะหลักฐานมันฟ้องนะสิ เมื่อท่านเป็นโยคีในโลกมนุษย์นั้น ตัวท่านเป็นโยคีอยู่อาศรมก็จริง แต่จิตใจของท่านข้ามถนนไปอยู่กับโสเภณีตลอดเวลา ไม่เว้นมีเวลาสวดมนต์และขณะจิตที่ท่านตาย ส่วนนางโสเภณีนั้นมีความเลื่อมใสศรัทธา เพราะฉะนั้น เธอจึงต้องขึ้นสวรรค์"
ในที่สุดโยคีก็ถูกจับซัดลงไปในนรก ส่วนนางโสเภณีก็ลอยละลิ่วขึ้นสู่สวรรค์ตามคำพพากษา โดยมีเกณฑ์วินิจฉัยความถูกและความผิดอยู่ที่เจตนาทางใจของคนนั้นๆ
ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงสอนไว้เสมอว่า คนเรามีใจประเสริฐที่สุด ทุกอย่างเริ่มต้นที่ใจ และสำเร็จลงได้ด้วยใจที่มีปัญญาคอยไตร่ตรองและมองเห็นความจริง...
**************************************************
จากหนังสือ "นิทานธรรมะ เรื่องเล่าชวนคิด เพื่อชีวิตที่ดีงาม"