เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 18 เมษายน 2024, 17:30:29
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ธรรมะสอนใจ...จบลงที่ใจ.... ^L^ (up date คำถามครับ)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ธรรมะสอนใจ...จบลงที่ใจ.... ^L^ (up date คำถามครับ)  (อ่าน 1749 ครั้ง)
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« เมื่อ: วันที่ 02 สิงหาคม 2011, 23:31:44 »

ศาสนาพุทธของเราให้ความสำคัญกับจิตใจ ดังนั้นจึงมีนิทานมาเล่าให้ฟัง ^_^
****************************************
จบลงที่ใจ
     มีโยคีตนหนึ่งตั้งอาศรมอยู่ริมถนนนอกเมืองแห่งหนึ่งในสายตาของคนอื่น ท่านโยคีเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีลธรรม สวดมนต์ภาวนาทุกเช้าเย็น ทั้งสอนและให้พรแก่คนจำนวนมาก จนมีคนนับถือท่านอย่างล้นหลาม
     ตรงข้ามกับอาศรมของโยคีก็มีสำนักโสเภณีอยู่แห่งหนึ่ง(เหมือนประเทศอะไรเอ่ย.....เมฆพัตร)และมีนางโสเภณีคนหนึ่งอยู่ประจำ เพื่อคอยบริการทางเพศแก่ประชาชน เธอก็มีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก พอ พอ กับที่มาใช้บริการทางธรรมของท่านโยคี
    อยู่ต่อมาวันหนึ่ง เหตุร้ายเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทั้งท่านโยคี และ นางโสเภณีได้ตายลงพร้อมๆกัน วิญาณของทั้งสองจึงถูกยมทูตนำไปสู่ยมโลกเพื่อฟังคำพิพากษา ฝ่ายยมบาลพอเปิดสมุดประวัติของทั้งสองตรวจดูแล้ว ก็ชี้มือไปที่โยคีและกล่าวว่า
    
     "ท่านโยคี  ตกนรก!!!!!!! =_='    ส่วนนางโสเภณีขึ้นสวรรค์ ^_^ " (คนอ่านงง ฮืม)
ท่านโยคีตกตะลึกงงเป็นไก่ตาแตกในคำตัดสินของท่านยมบาล(เหมือนคนอ่านเลย  ฮืม)ที่แสนจะปะหลาด จึงกล่าวประท้วงว่า
     "ท่านยมบาลคงจะเข้าใจอะไรผิดเสียละมั้ง อย่าลืมน่ะว่าฉันเป็นโยคี ทำแต่ความดีมาตลอด จึงสมควรที่จะได้ขึ้นสวรรค์ ส่วนนางโวเภณีเป็นคนที่มีแต่ความชั่วช้าต่ำทราม อัปรีย์จัญไร ควรที่จะตกนรก ท่านกรุณาตรวจสอบบัญชีให้ละเอียดอีกครั้งด้วย"
     ท่านยมบาลจึงตรวจดูอีกรอบ แต่ก็ยังยืนยันคำตัดสินเดิม
    "เพราะอะไรละท่านยมบาล ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น" โยคีร้องถาม
เพื่อเป็นการแสดงความซื่อตรงของกฎแห่งกรรม ว่าเป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุด ท่านยมบาลจึงให้ความกระจ่างว่า
     "ก็เพราะหลักฐานมันฟ้องนะสิ เมื่อท่านเป็นโยคีในโลกมนุษย์นั้น ตัวท่านเป็นโยคีอยู่อาศรมก็จริง แต่จิตใจของท่านข้ามถนนไปอยู่กับโสเภณีตลอดเวลา ไม่เว้นมีเวลาสวดมนต์และขณะจิตที่ท่านตาย ส่วนนางโสเภณีนั้นมีความเลื่อมใสศรัทธา เพราะฉะนั้น เธอจึงต้องขึ้นสวรรค์"
     ในที่สุดโยคีก็ถูกจับซัดลงไปในนรก ส่วนนางโสเภณีก็ลอยละลิ่วขึ้นสู่สวรรค์ตามคำพพากษา โดยมีเกณฑ์วินิจฉัยความถูกและความผิดอยู่ที่เจตนาทางใจของคนนั้นๆ

     ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงสอนไว้เสมอว่า คนเรามีใจประเสริฐที่สุด ทุกอย่างเริ่มต้นที่ใจ และสำเร็จลงได้ด้วยใจที่มีปัญญาคอยไตร่ตรองและมองเห็นความจริง...

**************************************************
จากหนังสือ "นิทานธรรมะ เรื่องเล่าชวนคิด เพื่อชีวิตที่ดีงาม"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 20:01:49 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 02 สิงหาคม 2011, 23:33:39 »

คิดเห็นอย่างไร แสดงความคิดกันได้นะครับ  หากชอบโปรดตอบเพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ   ขอบคุณครับ....^_^
IP : บันทึกการเข้า
เวียงเก่า
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 13:34:33 »

ไม่มีความเห็นครับ เพียงแค่สงสัยว่า เอ เรากำลัง ทำตัวเหมือนโยคี อยู่หรือปล่าว  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ผลมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง จะมานั่งเสียใจไปทำไม เมื่อได้พยายามทำเหตุให้ดีที่สุดแล้ว
yuan lanna
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 16:20:05 »

เคยได้อ่านได้ิยินมาว่า ก่อนดับจิต(ตาย) สำคัญว่าตอนนั้นเราคิดถึงกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม หากคิดถึงกุศลกรรม จิตก็จะขึ้นสูงภพภูมิที่สูง จิตตกหรืออกุศลก็ไปสู่อบายภูมิ เรื่องนี้ก็คงประมาณนี้ หรือเปล่าครับ
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 18:25:17 »

ตอบคุณ yuan lanna   ที่ถามนั้นถูกต้องครับ หมายความว่าอย่างไร??

หมายความว่าขณะใกล้ตาย จิตของเราคิดถึงสิ่งไหนก็จะไหลไปสู่สิ่งนั้น  แล้วอะไรล่ะที่กระตุ้นให้เราคิดถึงสิ่งนั้น??
 กระบวนการของจิตที่เกี่ยวข้องหรือกระตุ้นให้เกิดนิมิตก่อนตาย
1.กระบวนการทบทวนกรรม คือการที่จิตหวนระลึกได้ว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะที่หมั่นทำเป็นประจำจนเคยชิน ทำให้จิตเกิดความเศร้าโศกกับบาปกรรม หรือทำให้จิตเกิดโสมนัสกับบุญกุศล กระบวนการนี้เกิดที่จิต อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้เห็นด้วยตา ไม่ได้ยินด้วยหู และไม่สัมผัสด้วยประสาทหยาบอื่นๆ
2.กรรมนิมิต ได้แก่เครื่องหมายหรืออุปกรณ์ในการกระทำกรรมกรรม เช่นฆ่าสัตว์มามากๆ ก็อาจเห็นสัตว์กรูมาทวงชีวิต หรือเห็นปืนผ้าหน้าไม้ที่เคยใช้สังหารสัตว์ก็ได้  กรรมนิมิตนี้อาจจะมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจก็ได้ โดยมากจะเกิดทางตา ทางหู และทางใจ ส่วนน้อยจะเกิดขึ้นที่อื่น เช่นบางคนเคยยัดเยียดอาหารขมๆให้พ่อแม่ในช่วงที่พ่อแม่ช่วยตัวเองไม่ได้ ทั้งที่สามารถหาอาหารได้ดีกว่านั้น แต่มีเจตนาประหยัด หรือให้อย่างเสียไม่ได้ ให้อย่างคิดว่าเมื่อไหร่จะตายพ้นๆไปเสียที อย่างนี้แล้วอาจมีรสขมจัดที่สุดแสนจะกล้ำกลืนเกิดขึ้นที่ลิ้นได้เหมือนกัน (แต่ถ้ายากจนจริงๆซื้ออาหารไม่ค่อยดี ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้วตามฐานะ อย่างนี้ไม่เป็นบาป แต่เป็นบุญ)
3.คตินิมิต ได้แก่เครื่องหมายหรือสภาพแวดล้อมของคติหรือภพที่จะไปเกิด ถ้าเป็นคตินิมิตที่จะนำไปสู่สุคติ ก็จะปรากฏเป็นปราสาทราชวัง หรือความสว่างแห่งทองฟ้าที่นุ่มนวลลออตา แต่ถ้าเป็นทุคติ ก็อาจจะเห็นเปลวเพลิง กะทะทองแดงเป็นนิมิต

      สำหรับพวกใกล้ตายที่เห็นคตินิมิตนั้น ตัวของนิมิตจะปรากฎเสมือนแม่เหล็กที่มีพลังดึงดูด และจิตจะหนีแรงดึงดูดนั้นไปไหนไม่ได้ เช่นตาเห็นไก่ หูได้ยินเสียงไก่ขัน หรือเกิดนิมิตรูปไก่ขึ้นทางใจ ก็จะต้องไปเกิดเป็นไก่ตามนั้น พูดง่ายๆว่าเห็นอะไรก็เคลื่อนเข้าสู่ความเป้นเช่นนั้นโดยไม่มีสิ่งใดมาคั่นขวางได้
      แล้วอะไรล่ะเป็นตัวสร้างนิมิตหมายขึ้นมา พระสาวกผู้ปฏิบัติชอบก็จะตอบว่า "กรรม" นั้นแหละเป็นผู้ตัดสินว่าเราจะเจอกับนิมิตหมายแบบไหน กรรมเรียงลำดับความหนักเบาดังนี้  (มีต่อครับ)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 18:35:07 »

ภาพหลวงตามหาบัว และสมเด็จพระญาณสังวร ...( แก้ไข...เรียนผู้ดูแลระบบช่วยลบกระทู้นี้ด้วยครับ เนื่องจากผมได้กระทำการไม่เหมาะสม เหลือไว้เฉพาะรูปด้านล่างที่ไม่มีอักษรภาษาอังกฤษเพื่อผู้ที่จะนำไปเผยแพร่ต่อ จะได้รูปที่ชัดเจนครับ  ด้วยความเคารพครับ ได้โปรดลบให้ผมด้วย       ขอบคุณครับ..._/|\_ _/|\_
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 19:54:24 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 18:45:55 »

ภาพหลงตามหาบัวและสมเด็จพระญานสังวร ....(แก้ไขคำผิด)


* Y8828714-14.jpg (129.17 KB, 377x567 - ดู 264 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 18:50:40 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
khonmieng
เพื่อชีวืต โบราณคลาสสิค
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 532


ซื้อขายเขาควาย


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 19:25:25 »

ไม่เห็นมีอะไรเลย............ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ซื้อขายเขาควาย ปลอกเขาควาย โทรศัพย์มือถือรุ่นเก่า ธนบัตรเก่า ตะเกียงเก่า ของโบราณ ไอดีไลน์ khonmieng โทร 062-2862152
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 19:49:21 »

กรรม ที่กำหนดนิมิตก่อนตายเรียงตามลำดับความหนักเบาดังนี้
1.ครุกรรม หมายถึงกรรมหนักที่ทำครั้งเดียวก็ให้ผลแน่นอนเป็นสุคติหรือทุคติ ต่อให้ทำกรรมในขั้วตรงข้ามอื่นมากมายสักเพียงใดก็ไม่อาจยับยั้งการให้ผลที่แน่นอนของกรรมซึ่งทำเพียงครั้งเดียวนั้นได้ กรรมเหล่านี้มี 5 อย่างคือ ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้น  ทำสงฆ์ให้แตกแยก  ส่วนกรรมที่ทำให้ไปสู่สุคติแน่นอน ก็คือ "กรรมไม่ดำไม่ขาว" จนกระทั้งสำเร็จมรรคผลเป็นพระโสดาบันบุคคลขึ้นไป หากทำสำเร็จเพียงครั้งเดียว เป็นอันว่ามีสุคติเป็นที่ไปอย่างแน่นอน
2.อาสันนกรรม
 คือกรรมที่ทำเมื่อเวลาใกล้ตาย โดยมากจะหมายถึงกรรมทางความคิด ทำให้จิตพะวง หรือยังให้จิตบังเกิดปีติ  บางคนทำความดีมาทั้งชีวิต แต่ก่อนตายไม่นานเกิดความวิตกกังวลถึงกรรมชั่วบางอย่างที่เคยทำไว้แค่หนสองหน จิตจึงเกิดความระส่ำระส่าย หาความสุขสงบไม่ได้ เช่น พระนางมัลลิกา (  http://www.luangporruesi.com/807.html   )หรือบางคนไม่เคยเบียดเบียนใคร แต่เกิดเคราห์ร้ายต้องไปต่อสู้กับโจรแทงดจรตาย ทว่าก็โดนโจรแทงตายด้วย อย่างนี้จิตจะยึดเหนี่ยวกรรมอื่นยาก มีแต่พุ่งไปจับกรรมที่เพิ่งทำสดๆร้อนๆท่าเดียว เมื่อใกล้ตายจึงเห็นนิมิตหมายในทางร้ายปรากฏก่อน
     ส่วนบางคนทำชั่วมาตลอดชีวิต หรือไม่ก็ทำบุญน้อยกว่าทำบาป ทว่าก่อนตายไม่นานมีคนอ่านหนังสือธรรมะให้ฟัง จิตเกิดความเลื่อมใส ยึดพระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งได้ทันหรือกำลังตั้งใจเดินเอาของไปถวายพระสงฆ์แล้วหัวใจวายตายอย่างนี้จิตก็เหนี่ยวนำเอากรรมดีที่ทำไว้เป็นเรื่อน เมื่อใกล้ตายจึงเห็นนิมิตหมายในทางดีปรากฏก่อน
3.อาจิณณกรรม คือกรรมที่ทำเป็นประจำในระหว่างมีชีวิต อาจมีคำถามว่าแต่ละคนมีกรรมที่ทำเป็นประจำอยู่เยอะแยะ แล้วจะทราบได้อย่างไรว่ากรรมประจำอันใดจะให้ผลในขั้นสุดท้าย?  ต้องตอบว่าถ้าอาจิณกรรมฝ่ายกุศลมีน้ำหนักมากกว่าอาจิณณกรรมฝ่ายอกุศลเมื่อใกล้ตายจะเห็นนิมิตหมายไปในทางดีปรากฏก่อน ดังนั้นเราควรทำอาจิณณกรรมฝ่ายกุศลให้มากที่สุด  อาจิณณกรรมน่าสนใจกว่าครุกรรมและอาสันนกรรม เพราะมีโอกาสให้ผลมากที่สุด เป็นแรงบันดาลให้เกิดนิมิตหมายสุดท้ายได้มากที่สุด ทุกคนต้องมีอาจิณณกรรมหลายๆอย่างแน่นอนน ในขณะที่คนทั่วไปไม่ค่อยทำครุกรรมกัน และไม่ค่อยมีอาสันนกรรมที่กำลังแรงพอจะให้ผลขณะถูกเด็ดชีพ
     ยกตัวอย่าง เช่น คนที่ทำกรรมดีมาทั้งชีวิต แต่กรรมเก่าบางอย่างมาตัดรอนชีวิตให้สั้นลงด้วยอุบัติเหตุอันสุดวิสัยที่จะป้องกัน แบบที่เรียกว่า ตายโหง กะทันหันนั้น ดูสภาพศพเผินๆ แล้วน่าสยดสยอง ตามสามัญสำนึกของคนทั่วไปย่อมรู้สึกว่าถ้าตายร้ายย่อมไปร้าย แต่ความจริงก็คือกรรมวิบากไม่ได้ดูวิธีการตายของเราเหมือนตามนุษย์ แต่ดูแบบชั่งน้ำหนักว่าที่ทำๆมาทั้งชีวิตนั้นน้ำหนักเทไปทางใด หากเทไปทางดีแล้วล่ะก็ จะมีการประชุมกันก่อนิมิตหมายอันเป็นมงคลอย่างแน่นอน สภาพหลังทิ้งซากไปแล้วอาจขัดแย้งกับตัวซากศพแบบพลิกหลังมือเป็นหน้ามือกะทันหันเลยทีเดียว
4.กตัตตากรรม คือกรรมที่ทำไปโดยไม่ได้เจตนาให้เป็นไปอย่างนั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือไม่เต็มใจจะทำ ลักษระของจิตจะไม่เป็นกุศลหรืออกุศลชัดเจน อย่างเช่น ลูกถูกพ่อแม่บังคับไปใส่บาตรพระ โดยที่ลูกไม่ได้มีความเลื่อมใส่อยู่ด้วยตนเอง และถ้าพ่อแม่ไม่ใช้ก็จะไม่ทำเลย เป็นต้น กรรมชนิดนี้ถือว่าเป็นกรรมที่มีน้ำหนักน้อยมากแทบจะเท่าน้ำมันฉาบกะทะที่ใช้ปรุงอาหารไม่ได้ เนื่องจากกรรมทุกชนิดมีเจตนาเป็นประธาน หากเจตนาของเด็กเป็นไปเพื่อสักแต่ทำตามพ่อสั่ง ใจแทบไม่ยินดียินร้ายเอาเลย ก็คล้ายให้พ่อแม่ยืมแขนขาตนใส่บาตร โดยที่ใจตัวเองไปอยู่เสียที่อื่น  กรรมที่ใส่บาตรจะให้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น(ในทางตรงกันข้าม ถึงโดนใช้ให้ใส่บาตร แต่มีความเลื่อมใสในบุญ มีกำลังใจยิ่งกว่าคนสั่ง ผลก็หนักแน่นยิ่งกว่าคนสั่งได้ ขอให้ทราบว่ากตัตตากรรมอยู่ที่น้ำหนักเจตนาที่อ่อน มิใช่กรรมประเภททำเพราะคนอื่นสั่ง)
      ดังนั้นกรรมที่จะทำให้เกิดนิมิตก่อนตายก่อนก็คือ ครุกรรม ถ้าไม่มีครุกรรม ก็จะเป็นอาสันนกรรม ถ้าไม่มีอาสัณณกรรม ก็จะเป็นอาจิณณกรรม ถ้าไม่มีอาจิณณกรรมก็จะเป็นกตัตตากรรม........(ทำดีวันละนิด เพื่อชีวิตที่ดีในชาตินี้และชาติหน้า)
***************
คัดลอกมาจากหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน"
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2011, 19:58:49 »

อีกภาพ


* Y8828714-60.jpg (83.48 KB, 500x635 - ดู 260 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
yuan lanna
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 04 สิงหาคม 2011, 17:40:47 »

ขอบคุณครับ กระจ่างแจ้งดีเหลือเกิน ยิงฟันยิ้ม จะติดตามต่อไปครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!