การทำบุญด้วยวิธีง่าย ๆ

[koyjang]

การทำบุญและ"ได้บุญ" ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ บุญกิริยาวัตถุ 10
1.ทาน
2.ศีล
3.ภาวนา
4.ประพฤฒิอ่อนน้อม   (การอ้อนน้อมถ่อมตนมิใช่เป็นคนอ่อนแอ)
5.ช่วยเหลือผู้อื่น
6.แบ่งความดีให้ผู้อื่น    เช่นเมื่อทำบุญมาแล้วก็บอกบอกบุญให้แก่ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนา
7.ยินดีในความดีที่ผู้อื่นทำ   เช่นการอนุโมทนาบุญ
8.ฟังธรรม
9.สั่งสอนธรรม
10.ทำความเห็นให้ตรง เช่นเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง ตรัสรู้จริงเป็นต้น

[koyjang]

จะเห็นได้ว่า "บุญกิริยาวัตถุ 10" นี้ ยกเว้นเรื่อง ทาน ข้อเดียวเท่านั้น  นอกนั้น ไม่จำเป็นต้องเสียเงินแต่อย่างใดเลย  เราจะได้บุญมากหรือบุญน้อย  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าต้องเสียเงินสร้างโน้น สร้างนี่ เป็นจำนวนมากๆ   แต่ขึ้นอยู่กับว่า  "ตัวอย่างเช่น" เราจะทำบุญใส่บาตร มีข้า่วเพียง 1 ทัพพี แต่ไม่มีกับข้าว  หรือ มีสิ่งของที่จะถวายใส่บาตรหลาย ๆอย่าง  ผลจะไม่แตกต่างกันเลย  หากเรามีจิตคิดให้ทานนั้น ๆ ด้วย จิตใจที่ ก่อนทำ  ขณะทำ และหลังทำ มีจิตใจแจ่มใส   ตั้งใจทำทาน และหลังจากทำทานนั้นแล้ว คิดขึ้นมาขณะใด ก็รู้สึกอิ่มเอมใจทุกเมื่อ   นั่นคือ"ผลบุญ"ที่ท่านได้ 100%   การทำบุญตักบาตร, การบริจาคสิ่งของ,การสร้างพระประธาน, สร้างโบสถ์, สร้างถนน ฯลฯ  คือการทำ"ทาน"  แต่ได้ผลเป็น"บุญ"   มิใช่ว่าจะทำบุญต้องทำกับพระ  แต่ทำทานให้ทำกับคน หรือสัตว์  อยากให้เปลี่ยนมุมมองในข้อนี้ใหม่กัน  แม้ท่านทั้งหลายจะทอดผ้าป่า ทอดกฐิน สร้างโบสถ์ สร้างพระประธานกันใครมใหญ่ ๆ  แต่ถ้าจิตในขณะทำ เศร้าหมองหรือมีกิเลสมากมาย อธิษฐานขอนั่น ขอนี่  ก็ได้บุญ
เหมืิอนกัน  แต่ ไม่ถึง 100%

[nansom]

ความจริงแล้วมีรูปธรรม๕ กับนามธรรม๕
รูปธรรม คือมองเห็นได้ ด้วยการลงมือกระทำเช่น ทาน ศีล ภาวนา อ่อนน้อม และช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อพัฒนาจิตใจของคนให้สูงกว่ารูปธรรม เข้าสู่นามธรรมซึ่งเป็นศรัทธา เริ่มสลัดจากสิ่งที่เราสะสมความดีในข้อ ๑-๕ มาให้บุญเขา ยอมรับบุญเขา พิจารณาธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว และมีศาสดาหลากหลายมาพบเห็นหรือได้รับการถ่ายทอดมาอีกที ส่วนพระพุทธเจ้าตรัสรู้แจ่มแจ้งเอง แล้วกระทำสิ่งที่เป็นเลิศ คือเปิดดวงตาเห็นธรรมของคนอื่น คนที่เห็นก็เห็นและพัฒนาตนเองไป คนที่ยังมืดบอดท่านก็สอนไปเรื่อยๆ ไม่มีบ่น ไม่มีด่า ประชดประชันหยามหยันว่าต่ำต้อย อีกหน่อยเขาก็พบสัจธรรมเอง