+++คิดยังไงกับ...ประกันชิวิต+++

[Anothainat]

ปัจจุบันเราเป็นตัวแทนประกันชีวิต
วันนี้เราอยากรู้ว่า พี่ๆน้องๆ ทุกคนคิดยังไงกัน
และ เราอยากมาแลกเปลี่ยนความคิดกับทุกๆคน
?

[CK SPEED PART]

เป็นสิ่งที่ดีครับ ปัจจุบันทำหลายฉบับจนแทบไม่มีเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันละ 

[Fukduk]

  .. ได้อนุมัติบัตรหรือไปเปิดบัญชีปุ๊บ ไม่เกินทิตย์โทรมาเสนอละครับ ไอ้ใบยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลทางเครดิตอะไรนั่น มันใช้สำหรับตอนบริษัทที่เราไปขอสินเชื่อเขาเข้าไปดูในเครดิตบูโรไม่ใช่เหรอ นี่กลายเป็นว่าเป็นแหล่งเอาข้อมูลเรามาใช้ทางการตลาด

[lanna_99]

หลักการดี แต่ปฎิบัติแย่
หมายถึงการประกันชีวิตเป็นสิ่งที่ดี เป็นการกระจายความเสี่ยงลดความสูญเสียเมื่อมีการเสียชีวิต-บาดเจ็บเกิดขึ้น  ตัวแทนขายประกันต้องศึกษาข้อมูลของกรมธรรม์ที่เสนอขายให้ละเอียด ไม่มีการหมกเม็ดปิดบังข้อยกเว้นต่าง ๆ ไม่บอกลูกค้า

ปัจจุบันบริษัทประกันชีวิตนิยมขายแต่กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือเมื่อครบกำหนดระยะเวลา เช่น 20 ปี ก็จะได้เงินคืนก้อนหนึ่ง ระหว่างช่วงเวลาที่ยังไม่ครบกำหนด กรมธรรม์บางแบบก็จะมีคืนเงินเล็ก ๆ น้อย เรียกว่าเงินปันผล  นอกจากนี้ มักจะกำหนดให้ผู้เอาประกันส่งเบี้ยประกันในอัตราสูง ภายในระยะเวลาอันสั้น เช่นส่งเบี้ยฯ 7 ปี ๆ ละ 30,000 บาท และคุ้มครอง 20 ปี ในวงเงิน 200,000 บาท นั่นแปลว่าบริษัทประกันจะไม่มีความเสี่ยงเลยหลังปีที่ 7 ไปแล้ว อาจจะมีเงินปันผลคืน ปีที่5, 10, 15  รวมกันแล้วผู้เอาประกัน จะได้เงินคืนมากกว่า 200,000 นิดหน่อย  กรมธรรม์ประเภทนี้จะเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้สูง ระดับเลข 6 หลักขึ้นไป เพราะอาจช่วยประหยัดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10-15 % ของค่าเบี้ยฯที่จ่าย ดังนั้นผู้ที่จะทำประกัน ต้องพิจารณาเองว่าเราเสียภาษีอัตราเท่าใด และจะประหยัดภาษีจริงหรือไม่

มีการประกันชีวิตแบบธรรมดาซึ่งเบี้ยประกันถูก แต่ไม่ได้เงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา คนขายประกันจะไม่ชอบขายประกันแบบนี้ เพราะได้ค่านายหน้าน้อย บริษัทก็ได้กำไรน้อย

ใครจะประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ระวังออปชั่นพิเศษที่บริษัทจะแถมมาให้ (โดยไม่บอกให้เรารู้) คือถ้าผู้เอาประกันขาดส่งค่าเบี้ยฯ บริษัทจะโอนเงินสะสมที่เราจ่ายไปในปีก่อน (เรียกว่ามูลค่าเวนคืนเงินสด) มาชำระค่าเบี้ยฯที่เราขาดส่งแทนโดยอัตโนมัติอ้างว่าเพื่อรักษาความคุ้มครองให้คงอยู่ต่อไป  ถ้าขาดส่งสัก 2-3 งวด เงินสะสมของเราอาจจะกลายเป็น 0  และกรมธรรม์ของเราถูกยกเลิก ไม่คุ้มครองเราอีกต่อไป

ฉะนั้นก่อนทำประกันศึกษาให้ดีว่าเรามั่นใจจะส่งเบี้ยประกันได้ตรงกำหนดทุกงวดหรือไม่

ถ้าใครมั่นใจว่าตนเองมีใจเข้มแข็ง มีวินัยทางการเงิน ก็เอาฝากธนาคารทูกเดือนโดยไม่ถอน
ครบปีก็ถอนเงินฝากไปซื้อสลากออมสิน (เดี๋ยวนี้มีสลากอายุ 1 ปีด้วย)  ครบปีที่สอง ก็เอาเงินซื้อสลากเพิ่มรวมกับยอดปีแรก ยิ่งมีสลากมากก็ยิ่งมีโอกาสถูกรางวัลมากขึ้น

[lannaboy]

หลักการดี แต่ปฎิบัติแย่
หมายถึงการประกันชีวิตเป็นสิ่งที่ดี เป็นการกระจายความเสี่ยงลดความสูญเสียเมื่อมีการเสียชีวิต-บาดเจ็บเกิดขึ้น  ตัวแทนขายประกันต้องศึกษาข้อมูลของกรมธรรม์ที่เสนอขายให้ละเอียด ไม่มีการหมกเม็ดปิดบังข้อยกเว้นต่าง ๆ ไม่บอกลูกค้า

ปัจจุบันบริษัทประกันชีวิตนิยมขายแต่กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คือเมื่อครบกำหนดระยะเวลา เช่น 20 ปี ก็จะได้เงินคืนก้อนหนึ่ง ระหว่างช่วงเวลาที่ยังไม่ครบกำหนด กรมธรรม์บางแบบก็จะมีคืนเงินเล็ก ๆ น้อย เรียกว่าเงินปันผล  นอกจากนี้ มักจะกำหนดให้ผู้เอาประกันส่งเบี้ยประกันในอัตราสูง ภายในระยะเวลาอันสั้น เช่นส่งเบี้ยฯ 7 ปี ๆ ละ 30,000 บาท และคุ้มครอง 20 ปี ในวงเงิน 200,000 บาท นั่นแปลว่าบริษัทประกันจะไม่มีความเสี่ยงเลยหลังปีที่ 7 ไปแล้ว อาจจะมีเงินปันผลคืน ปีที่5, 10, 15  รวมกันแล้วผู้เอาประกัน จะได้เงินคืนมากกว่า 200,000 นิดหน่อย  กรมธรรม์ประเภทนี้จะเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้สูง ระดับเลข 6 หลักขึ้นไป เพราะอาจช่วยประหยัดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10-15 % ของค่าเบี้ยฯที่จ่าย ดังนั้นผู้ที่จะทำประกัน ต้องพิจารณาเองว่าเราเสียภาษีอัตราเท่าใด และจะประหยัดภาษีจริงหรือไม่

มีการประกันชีวิตแบบธรรมดาซึ่งเบี้ยประกันถูก แต่ไม่ได้เงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา คนขายประกันจะไม่ชอบขายประกันแบบนี้ เพราะได้ค่านายหน้าน้อย บริษัทก็ได้กำไรน้อย

ใครจะประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ระวังออปชั่นพิเศษที่บริษัทจะแถมมาให้ (โดยไม่บอกให้เรารู้) คือถ้าผู้เอาประกันขาดส่งค่าเบี้ยฯ บริษัทจะโอนเงินสะสมที่เราจ่ายไปในปีก่อน (เรียกว่ามูลค่าเวนคืนเงินสด) มาชำระค่าเบี้ยฯที่เราขาดส่งแทนโดยอัตโนมัติอ้างว่าเพื่อรักษาความคุ้มครองให้คงอยู่ต่อไป  ถ้าขาดส่งสัก 2-3 งวด เงินสะสมของเราอาจจะกลายเป็น 0  และกรมธรรม์ของเราถูกยกเลิก ไม่คุ้มครองเราอีกต่อไป

ฉะนั้นก่อนทำประกันศึกษาให้ดีว่าเรามั่นใจจะส่งเบี้ยประกันได้ตรงกำหนดทุกงวดหรือไม่

ถ้าใครมั่นใจว่าตนเองมีใจเข้มแข็ง มีวินัยทางการเงิน ก็เอาฝากธนาคารทูกเดือนโดยไม่ถอน
ครบปีก็ถอนเงินฝากไปซื้อสลากออมสิน (เดี๋ยวนี้มีสลากอายุ 1 ปีด้วย)  ครบปีที่สอง ก็เอาเงินซื้อสลากเพิ่มรวมกับยอดปีแรก ยิ่งมีสลากมากก็ยิ่งมีโอกาสถูกรางวัลมากขึ้น

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

[WEBMASTER]

มีไว้ก็อุ่นใจ  .. ข้อยกเว้น หรือเงื่อนไข ในการที่จะปฏิเสธการจ่ายเบี้ยประกัน อยากให้เขียนตัวใหญ่ๆชัดหน่อย   

[Anothainat]

ขอบคุณครับแต่ ที่ผมทำไม่ได้เป็นแบบนั้นน่ะครับ
ปัจจุบัน ผมขายประกันให้กับผู้เอาประกันแบบ วิน/วิน
คือ ผมขอข้อมูลจากผู้เอาประกัน เป็นการวางแผนทางการเงิน (ไม่ได้ไปเอาเปรียบเลยครับ)
เช่น ผู้เอาประกันชื่อ ก มีรายจ่าย/เดือน ค่ารถ 7,400 บ ค่าครองชีพ 5,000 บ ค่าน้ำมันรถ 2,000 บ
รวม นาย ก มีรายจ่าย 14,400 บ. (รายรับ/เดือน รวม 18,000 บ )
      ผมก็จะนำมาคิด วางแผนให้เขาเพราะมันเป็นจรรยาบรรณของตัวแทน
1.นาย ก อายุ 35 ซึ่ง หากรีบทำประกัน เบี้ยประกันจะถูกและสามารถนำไปลดหย่อยภาษีได้
2.นาย ก ทำงานเป็นโฟร์แมน ขับรถ และ อยู่ใกล้ความเสี่ยงทุกวัน
3.นาย ก เป็นเสาหลักของครอบครัว หากนาย ก เสียชีวิตก็จะมีเงินทุนไว้สำหรับคนข้างหลัง
4.อื่นๆ
      แบบแผนประกันชีวิตที่เหมาะกับนาย ก คือ 20PLife+CI Plus+HB Extra
-20PLife ประกันชีวิตตัวหลัก ทุน 100,000 บ. จ่ายวันละ7บ./เดือนละ216บ./ปีละ2,603บ.
จ่ายครบตามสัญญา20ปี คุ้มครองตลอดชีวิตสูงสุด99ปี *กาณีเสียชีวิตหลังจากพ้นเวลารอคอย 60 วันหรือ!!ได้กรมธรรม์แล้วรับเงินทุนประกันตามสัญญาทันที 100,000บ. (ยกเว้นฆ๋าตัวเอง หรือ มีสารเสพติดและแอลกอฮอล์ในเลือด)

-CI Plus ประกันเสริมโรคร้ายแรง คุ้มครอง 44 โรค ทุน 100,000 บ. จ่ายวันละ1บ./เดือนละ32บ/ปีละ348บ. กลุ่มมะเร็ง2โรค กลุ่มโรคหัวใจ8โรค กลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง13โรค กลุ่มโรคระบบการทำงานของร่างกาย8โรค กลุ่มโรคติดเชื้อ9โรค(ยกเว้นHIV) กลุ่มโรคร้ายแรงสำหรับเด็ก4โรค รวม 44 โรค *เมื่อบริษัทจ่ายผลประโยชน์เพียงข้อใดข้อหนึ่งแล้ว (หรือเสียชีวิต)ถือว่าสัญญา CI Plus สิ้นสสุดลงทันที

-HB Extra ประกันเงินชดเชยค่านอนพักเป็นผู้ป่วยใน ทุน 1,000 บ. จ่ายวันละ6บ./เดือนละ175บ./ปีละ2,100บ ค่าชดเชยรายวันกรณีเข้าพักเป็นผู้ป่ายในของโรงพยาบาล *วันละ1,000บ.
เช่น เข้ารกษาโรคหลอดเลือดในสมองแตก
  เข้าพัก 30 วัน
*รับการผ่าตัดสมอง
*เข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่ายธรรมดา 10 วัน
*เข้าพักเป็นผู้ป่ายวนห้องICU 20 วัน
10+20=30
รวมวัันเข้าพักเป็นผู้ป่ายใน 30 วัน 1,000X30วัน=30,000บาท
...............................นาย ก ต้องจ่ายประกันรวม*ปีละ 5,051 บาท....................................
                                       ห้าพันห้าสิบเอ็ดบาทถ้วน

[lanna_99]

ดีใจที่ยังมีตัวแทนดี ๆ แบบนี้อยู่
กรมธรรม์ที่คุณเสนอนาย ก. ก็คือการประกันแบบธรรมดาซึ่งนายก. จะไม่ได้รับเงินคืนเลย
การส่งเงินค่าเบี้ย ปีละ 2,600 จำวน 20 ปี ก็เป็นเงิน 52,000 เท่านั้น แต่คุ้มครอง 100,000
ถึงอายุ 99 ปี ถือว่าคุ้มค่าอยู่ และเหมาะสมกับ นาย ก.

คุณน่าจะเสนอขายกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ให้นาย ก. ด้วย เพราะอาชีพเขามีความเสี่ยง
ซึ่งจะคุ้มครองเขาตราบเท่าที่เขายังส่งเบี้ยฯอยู่

ผมเคยเจอตัวแทนที่คุยแต่ว่าถ้าเสียชีวิตแบบนั้น จะได้ชดเชย 2 เท่า ถ้าเสียชีวิตแบบโน้น
จะได้ชดเชย 3 เท่า ซึ่งผมก็โต้แย้งว่าโอกาศแบบนั้นเกิดกับผมยากมาก ถ้าตัดออปชั่น 2-3 เท่าที่ว่า
จะลดเบี้ยฯได้เท่าไร ปรากฎว่าเขาหายไปเลย ผมก็เลยไม่เคยทำประกันชีวิตสักที
แต่ก็ทำประกันอุบัติเหตุไว้ จ่ายผ่านบัตรเครดิตเดือนละ 223 คุ้มครองผม และภรรยา
คนละ 500,000 ส่วนเรื่องรักษาพยาบาลเราใช้สิทธิ์เบิกราชการได้อยู่แล้ว จีงไม่จำเป็นต้องทำประกัน

ก็ขอให้ผู้ที่คิดจะทำประกันมั่นใจว่าหลักการประกันเป็นสิ่งที่ดี เราต้องหาความรู้เองจะได้ถามปัญหาเขาได้ และต้องสร้างวินัยทางการเงินของตัวเอง อย่าฟุ้งเฟ้อตามคนอื่นเขา

[Anothainat]

ขอบคุณครับ​ แต่สิทธประโยชน์ก็ยังเหลืออีกมากมาย​ เช่นลดหย่อนภาษี​ บุคคลธรรมดา​ อีกด้วย
สำหรับผมมันคือสิ่งดีๆที่ผมอยากส่งต่อ
ขอบคุณมากๆครับ