โดยปกติแล้ว การพ่นสีรถยนต์นั้น คนส่วนมาก จะพ่นสีรถ ก็ต่อเมื่อ รถมีรอยถลอกจากการขูด, ขีด หรือ เฉี่ยวชน จากกรณีนี้ ลูกค้าควรที่จะเลือกใช้บริการอู่ซ่อมรถ ที่มีประสบการณ์ รวมถึง ใส่ใจ เรื่องของ คุณภาพสีเป็นอย่างดี และปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ต้องมีการเลือกสีที่เหมาะกับ รถของเรา อีกด้วย ในกรณีที่ต้องการ พ่นสีรถยนต์ บางส่วน หรือ พ่นใหม่ทั้งคันนั้น จะมีสีให้เลือกอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภท 1K กับ 2K ซึ่งคุณสมบัติของสีทั้งสองประเภทนี้ ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และในบทความนี้ จะมีการอธิบายถึง คุณสมบัติของสีทั้ง 2 ประเภทนี้ ให้คุณผู้อ่านที่สนใจจะพ่นสีอย่างง่ายๆ ตามนี้
สี 1Kเป็นสีที่มีคุณสมบัติส่วนผสมเดียว แปลง่ายๆ ว่า เป็น สีแห้งเร็ว โดยสีชนิดนี้ มีทั้งชนิดแบบ แห้งช้า และแบบสีผสม ที่แห้งเร็ว ซึ่งสีแบบแห้งเร็ว จะมีส่วนประกอบของ สีผสม กับ ตัวทำละลาย อย่างเช่น ทินเนอร์ และ สารระเหย อื่นๆ ซึ่งตัวทำละลาย จะระเหย ออกไปจนหมด หลังจากที่พ่นสีเสร็จเรียบร้อย ทำให้แห้งเร็ว และ พ่นแค่รอบเดียว เท่านั้น!! เป็นสีที่ มีต้นทุนค่อนข้างต่ำ จึงทำให้ ความทนทาน และ ความเงางาม ก็ต่ำด้วยเช่นเดียวกัน สีชนิดนี้ จะอยู่ได้ประมาณ 3 ปี โดยรวมแล้ว ถ้ามีงบประมาณน้อย และ อยากจะพ่นสีรถ จะแนะนำให้ใช้ สีประเภท 1K จะประหยัดมาก
สี 2K เป็นสีที่ตัวเนื้อสีมีการผสมกับ สารเร่งปฏิกิริยา โดยสีชนิดนี้ จะมีความเงา และทนทาน ต่อสารเคมี มากกว่า สี 1K ไม่จางง่าย อู่ซ่อมรถจึง สามารถ ซ่อมและ ทำสีรถยนต์ใหม่ได้ง่ายขึ้น จึงเหมาะสำหรับคนที่มีงบในระดับนึง เนื่องจาก สีชนิดนี้ มีทั้ง ความสวย, เงา, และ ทนทาน ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอู่ซ่อมรถทั่วไป ถ้าลูกค้าสนใจที่จะใช้ สี 2K ควรจะสอบถามกับทางช่างพ่นให้เรียบร้อยก่อน เนื่องจาก สี 2K นั้น มีมากมายหลากหลายในท้องตลาด และแต่ละตัว ก็มีคุณภาพของสีที่แตกต่างกันอีกด้วย
ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นรูปแบบของสีที่เป็นที่นิยมในการพ่นสีรถยนต์ และเพื่อให้คุณผู้อ่าน สามารถพ่นสีรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง ในบทความนี้ ก็จะแนะนำ การพ่นสีรถยนต์ที่เหมาะสมอย่างคร่าวๆด้วย ดังนี้
1) ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นแผลด้วยน้ำยาทำความสะอาด
2) เปิดปากแผลด้วยเครื่องขัดหัวกลม
3) เอาปืนเป่าลมทำความสะอาดและเช็ดตามด้วยน้ำยา
4) โป้วสีลงบนชิ้นงานตามสภาพความเสียหาย ประมาณ 3-4 เที่ยว
5) อบสีที่โป้วแล้วด้วยเครื่องอบ อินฟราเรด ที่ระดับความร้อน 70-80 องศาและปล่อยให้แห้งที่อุณหภูมิปกติ
6) ขัดเปิดหน้าสีโป้วและปรับสีผิวให้เรียบเสมอกัน
7) พ่นสีรองพื้น 2-3 เที่ยว เพื่อไม่ให้สีพิ้นซึม
อบสีรองพื้นโดยใช้เวลาประมาณ 12 นาที
9) ขัดหน้าเปิดสีรองพื้น และตรวจสอบความเรียบ
10) ใช้ปืนเป่าลมเป่าทำความสะอาด และเช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอีกรอบ
11) พ่นสีจริงเที่ยวแรก โดยกลบชิ้นงานก่อน ประมาณ 50-70%
12) พ่นสีจริงเที่ยวสอง โดยกลบชิ้นงาน 100%
13) พ่นสีจริงครั้งสุดท้าย
14) ตรวจสอบเฉดสีว่าได้ตรงตามที่ต้องการหรือไม่
การพ่นสีรถยนต์นั้นเป็นงานที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่ถ้าคุณผู้อ่านมีความเข้าใจในเรื่องของลักษณะสีที่ใช้ ประกอบกับ ทำตามขั้นตอนการพ่นเป็นลำดับ การพ่นสีรถ ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก อีกต่อไป
หากคุณผู้อ่าน มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการพ่นสีรถยนต์ หรือกำลังหาเครื่องมือ ที่จะใช้สำหรับการพ่นสีรถยนต์ สามารถคลิกเข้ามาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
tpm1980.com/เครื่องมือซ่อมสีและตัวถังรถยนต์/56fcecd88ac0890c16305d3c