เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 18:45:52
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมนักกลอน
| | |-+  <<< ยี่สิบหกมิถุนา วันสุนทรภู่ ยอดกวีเอกของโลก >>>
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน <<< ยี่สิบหกมิถุนา วันสุนทรภู่ ยอดกวีเอกของโลก >>>  (อ่าน 10159 ครั้ง)
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 18:22:57 »

ใกล้ถึงวันสุนทรภู่แล้ว ขออนุญาตคัดลอกประวัติของท่านมาลงย่อๆนะครับและขอเชิญชวนมวลสมาชิกฯ
แต่งกลอนรำลึกถึงยอดกวีเอกของโลกท่านนี้กันด้วยนะครับ
(ไม่ต้องรีบ...เร็วๆหน่อย ) ยิ้มกว้างๆ


สุนทรภู่
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นี่คือบทความคัดสรร คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
สุนทรภู่
Poo-2.jpg
รูปปั้น สุนทรภู่ ที่อนุสาวรีย์สุนทรภู่ จ.ระยอง
เกิด:    26 มิถุนายน พ.ศ. 2329
เขตพระราชวังหลัง
กรุงรัตนโกสินทร์
ถึงแก่กรรม:    พ.ศ. 2398
เขตพระราชวังเดิม
กรุงรัตนโกสินทร์
อาชีพ:    กวี
สัญชาติ:    ไทย
ช่วงเวลาในการเขียน:    ต้นรัตนโกสินทร์
แนวทางการเขียน:    แฟนตาซี, อิงประวัติศาสตร์
หัวข้อ:    กวีนิพนธ์
ผลงานครั้งแรก:    โคบุตร
ผลงานสำคัญ:    พระอภัยมณี

พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สุนทรภู่ (26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 - พ.ศ. 2398) เป็นกวีชาวไทยที่มีชื่อเสียง ได้รับยกย่องเป็น เชกสเปียร์แห่งประเทศไท


* 200px-Poo-2.jpg (16.05 KB, 200x255 - ดู 7125 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
flashi
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,797


on the internet nobody knows you’re a dog


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 18:29:09 »

เป็นกลอนที่แต่งไว้ตอนมัธยม กลับไปเยี่ยมโรงเรียนยังเห็นครูใช้กลอนของเราอยู่เลย ภูมิใจจัง  ยิงฟันยิ้ม



ปราชญ์เหนือยิ่ง แผ่นฟ้า ปรีชายิ่ง
เปรื่องเหนือสิ่ง ยิ่งปราชญ์ อาจกล่าวขาน
ประจักษ์แล้ว ยากยิ่ง สิ่งใดปาน
แม้นปราศปราน นามมะเลือง มิเลือนลาน
สุนทรภู่ ปราชญ์เหนือ ปาจรีย์
ปฐพี ยังลือลั่น แม้นกาลผ่าน
ทรงคุณค่า จารึก ชั่วกัลป์กาล
เป็นอาจารย์ ของกวี ทุกแผ่นดิน
IP : บันทึกการเข้า

ทุกอาชีพไม่มีไส้แห้ง ไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้น ที่เมิงไส้แห้ง เพราะเมิงกระจอกไง มันอยู่ที่ใจเมิง ใจเมิงสูงเมิงก็รอด ใจเมิงกระจอกเมิงก็จน!
--- (เชิญชมคลิปเต็ม)
http://www.youtube.com/watch?v=s-g89WcO6DQ
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 18:33:18 »

ขอภูมิใจด้วยคน
( เหมือนกับของท่านflashi ]ละกัน
เอ ทำไมคิดเหมือนกันก็ไม่รู้) ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 18:38:17 »

เป็นกลอนที่แต่งไว้ตอนมัธยม กลับไปเยี่ยมโรงเรียนยังเห็นครูใช้กลอนของเราอยู่เลย ภูมิใจจัง  ยิงฟันยิ้ม



ปราชญ์เหนือยิ่ง แผ่นฟ้า ปรีชายิ่ง
เปรื่องเหนือสิ่ง ยิ่งปราชญ์ อาจกล่าวขาน
ประจักษ์แล้ว ยากยิ่ง สิ่งใดปาน
แม้นปราศปราน นามมะเลือง มิเลือนลาน
สุนทรภู่ ปราชญ์เหนือ ปาจรีย์
ปฐพี ยังลือลั่น แม้นกาลผ่าน
ทรงคุณค่า จารึก ชั่วกัลป์กาล
เป็นอาจารย์ ของกวี ทุกแผ่นดิน

ไพเราะมากครับ สมควรแล้วที่คุณครูท่านได้ใช้เป็นแบบอย่างจนบัดนี้...
IP : บันทึกการเข้า
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 19:51:54 »

นามระบือ  ลือลั่น  สนั่นโลก
มิใช่โชค  หรือเห็น  เป็นวาสนา
อิทธิฤทธิ์  อิทธิเดช  หรือบุญญา
เหนือแผ่นฟ้า  แผ่นดินไทย  ไม่ใช่เลย

แต่ด้วยความ  สามารถ  ปราชญ์เปรื่องแท้
ที่ได้แพร่  ความบรรเจิด  อย่างเปิดเผย
จึงได้รับ  การเชิดชู  และชมเชย
นี่แหละเหวย  คนสำคัญ  ทางวรรณกรรม


องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้ท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลกทางด้านวรรณกรรม เมื่อ พ.ศ.2529
อันเป็นปีที่ครบ 200 ปี ชาตกาลของท่าน นับเป็นชาวไทยคนที่ 5 และเป็นสามัญชนคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้


* images.jpg (8.52 KB, 249x202 - ดู 6934 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 19:55:01 โดย cupid » IP : บันทึกการเข้า
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 24 มิถุนายน 2011, 09:30:07 »


จินตกวี  เรียงร้อย  ถ้อยอักษร
เป็นบทกลอน  ก่นไว้  ให้ศึกษา
ความงดงาม  เลิศล้ำ  คำพรรณณา
งามภาษา  งามจินต์  โลกยินดี

เป็นภาษิต  สอนใจ  ได้ทุกเมื่อ
มิรู้เบื่อ  แม้เนิ่นนาน  กาลวิถี
ในนิทาน  เรื่องพระ  อภัยมณี
นั้นเป็นที่  ลือทั่ว  ชั่วกัปกัลป์...


ในเรื่องพระอภัยมณี มีหลายบทหลายตอนที่เป็นสุภาษิตสอนใจได้ เช่น ตอนที่พระอภัยมณีขอ
ร้องสินสมุทร ให้คืนนางสุวรรณมาลีแก่อุศเรน

แล้วตรัสบอกลูกน้อยกลอยสวาท    เจ้าหน่อเนื้อเชื้อชาติดังราชสีห์
อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที              ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน
ทรลักษณ์อักตัญญุตาเขา    เทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน
ให้ทุกข์ร้อนงอนหง่อทรพล    พระเวทมนตร์เสื่อมคลายทำลายยศ
เพราะบิดามาด้วยอุศเรนนี้    คุณเขามีมากล้นพ้นกำหนด
เจ้าทำผิดก็เหมือนพ่อทรยศ    จงออมอดเอ็นดูพ่อแต่พองามฯ    


บรมครูสุนทรภู่เป็นทั้ง จินตกวี(แต่งตามความคิดของตน)  สุตกวี(แต่งตามที่ได้ยินได้ฟังมา)
อรรถกวี(แต่งตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง) และปฏิภาณกวี(แต่งตามไหวพริบปฏิภาณ คือแต่ง
เป็นกลอนสด) 


* fw_253_1.jpg (23.92 KB, 500x354 - ดู 17061 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 24 มิถุนายน 2011, 10:25:54 »

 ยิ้มกว้างๆ..ขออนุญาต นำที่มาของวันสุนทรภู่ มาให้ทราบกันก่อนนะคะ..
(ขอบคุณข้อมูลจาก กระปุกดอทคอม ค่ะ... ยิ้มเท่ห์)





ที่มาของวันสุนทรภู่

          องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและเผยแพร่ผลงาน ด้านวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่างๆ ทั่วโลก ด้วยการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ 100 ปีขึ้นไป ประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกให้ปรากฎแก่มวลสมาชิกทั่วโลก และเพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองร่วมกับประเทศที่มีผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ

          ในการนี้ รัฐบาลไทยโดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เพื่อให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและได้ประกาศยกย่อง "สุนทรภู่" ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก โดยในวาระครบรอบ 200 ปีเกิด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันสุนทรภู่ขึ้น เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานของสุนทรภู่ ให้แพร่หลายในหมู่เยาวชนและประชาชนชาวไทยมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทางรัฐบาลจึงได้กำหนดให้ วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปีเป็น "วันสุนทรภู่" ซึ่งนับแต่นั้น เมื่อถึงวันสุนทรภู่ จะมีการจัดงานรำลึกถึงสุนทรภู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ที่พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ "วัดเทพธิดาราม" และ ที่จังหวัดระยอง และมีการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติคุณและส่งเสริมศิลปะการประพันธ์บทกวีจากองค์กรต่างๆ โดยทั่วไป

          ทั้งนี้ ผลงานของสุนทรภู่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมาไม่ขาดสาย และมีการนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ เช่น หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงละคร มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ไว้ที่ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบิดาของสุนทรภู่ และเป็นกำเนิดผลงานนิราศเรื่องแรกของท่านคือ นิราศเมืองแกลง


กิจกรรมที่ควรปฏิบัติ ในวันสุนทรภู่

          1. มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติชีวิตและผลงาน
          2. มีการแสดงผลงานประเภทนิทานฯ ของสุนทรภู่
          3. มีการประกวด แข่งขัน ประชันสักวา ตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติชีวิต และผลงานของสุนทรภู่

IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
asia-for-u
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,816



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 24 มิถุนายน 2011, 13:05:15 »

ขอร่วมเชิดชูยอดกวีผู้ยิ่งใหญ่ด้วยครับ......
IP : บันทึกการเข้า

086 730 2938
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 24 มิถุนายน 2011, 20:57:58 »

    สุนทรภู่  ครูกวี  ศรีสยาม
ทั่วเขตคาม  นามประเทือง  เปรื่องอักษร
ทั้งนิราศ  อีกนิทาน  งานบทกลอน...
ท่านแรมรอน  เรียงร้อย  ถ้อยจำนรรจ์

     วรรณกรรม  คำสอน  สุภาษิต
ท่านพินิจ  พิจารณา  มาเสกสรรค์
ขุนสุนทร  โวหาร  โอฬารครัน
เลื่องลือลั่น  สนั่นเมือง  เรื่องกวี


                           .....<Fairy>.....
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 15:53:38 โดย <Fairy> » IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 08:34:16 »

ตอนที่สุดสาครถูกชีเปลือยลวงไปผลักตกเหวเพื่อชิงไม้เท้ากับม้ามังกร พระฤาษีได้ไปช่วยสุดสาคร
และได้สอนสุดสาคร ก็เป็นภาษิตสอนใจอีกตอนหนึ่งซึ่งตอนนี้ได้คติสอนใจหลายอย่าง ดังนี้ครับ

บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว
สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา
ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน


มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน
บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน
เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา


แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี




* 250px-Sudsakornposter.jpg (42.03 KB, 250x367 - ดู 10110 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
Yim sri
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,753



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 11:23:33 »

ที่เขียนกลอน อยู่ได้ทุกวันนี้
เพราะว่ามี  ภู่สุนทร ท่านสอนให้
เป็นแบบอย่าง เป็นบทเรียน  จนติดใจ
อยากจะได้ เป็นเช่นท่าน สักนิดหนึ่ง


(ขอกราบคารวะเพื่อระลึกถึงท่านสุนทรภู่ค่ะ)
IP : บันทึกการเข้า

ธ สถิตย์ในใจตราบนิรันดร์กาล
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 12:36:15 »

ขออนุญาตปักหมุดกระ ทู้นี้ไว้สักสองสามวันนะครับ
เพื่อรำลึกถึงท่านสุนทรภู่ บรมครูของนักกลอน...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 12:42:25 โดย cupid » IP : บันทึกการเข้า
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 13:36:07 »



    นามระบือ  ลือเลื่อง  ประเทืองปราชญ์
เก่งฉกาจ  ปราดเปรื่อง  เรื่องอักษร
วรรณกรรม  ธรรมคติ  นิราศกลอน
"พระสุนทร - โวหาร"  เชี่ยวชาญจริง

     อีกนิทาน  บทเสภา  สุภาษิต
ให้ข้อคิด  ถึงชีวิต  พินิจยิ่ง
บทประพันธ์ หลากหลาย ใช้อ้างอิง
ทุกทุกสิ่ง  ทรงคุณค่า  พาภาคภูมิ


                               .....<Fairy>.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 15:54:16 โดย <Fairy> » IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 15:51:27 »





          หนังสือบทกลอนของสุนทรภู่มีอยู่มาก เท่าที่ปรากฏเรื่องที่ยังมีฉบับอยู่ในปัจจุบันนี้คือ…

ประเภทนิราศ

          - นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. 2349) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง

          - นิราศพระบาท (พ.ศ. 2350) - แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา

          - นิราศภูเขาทอง (ประมาณ พ.ศ. 2371) - แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่งไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา

          - นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ.ศ. 2374) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง

          - นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ.ศ. 2375) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา

          - นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำพันถึงนางบุษบา

          - รำพันพิลาป (พ.ศ. 2385) - แต่งเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรำพันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รำพันพิลาป" จากนั้นจึงลาสิกขาบท

          - นิราศพระประธม (พ.ศ. 2385) –เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาบทและเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐมเจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี

          - นิราศเมืองเพชร (พ.ศ. 2388) - แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร


ประเภทนิทาน

          เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณวงศ์, เรื่องสิงหไกรภพ

ประเภทสุภาษิต

          - สวัสดิรักษา- คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์

          - สุภาษิตสอนหญิง - เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริงหรือไม่

          - เพลงยาวถวายโอวาท - คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว

ประเภทบทละคร

          - เรื่องอภัยณุรา ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประเภทบทเสภา

          - เรื่องขุนช้างขุนแผน (ตอนกำเนิดพลายงาม)

          - เรื่องพระราชพงศาวดาร

ประเภทบทเห่กล่อม

          แต่งขึ้นสำหรับใช้ขับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่พบมี 4 เรื่องคือ เห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องกากี



IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2011, 21:47:55 »

ตัวอย่าง... "วรรคทอง" ...ที่มีชื่อเสียงของสุนทรภู่

          ด้วยความที่สุนทรภู่เป็นศิลปินเอกที่มีผลงานทางวรรณกรรม วรรณคดีมากมาย
ทำให้ผลงานหลาย ๆ เรื่องของ สุนทรภู่ ถูกนำไปเป็นบทเรียนให้เด็กไทยได้ศึกษา
จึงทำให้มีหลาย ๆ บทประพันธ์ที่คุ้นหู หรือ "วรรคทอง" ยกตัวอย่างเช่น


บางตอนจาก นิราศภูเขาทอง

ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ




ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา



บางตอนจาก นิราศอิเหนา

จะหักอื่นขืนหักก็จักได้
หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก
แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ



บางตอนจาก พระอภัยมณี

บัดเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งวังเวงแว่ว
สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา
ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน


(พระฤาษีสอนสุดสาคร)




แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี


(พระฤาษีสอนสุดสาคร)




อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฎิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา





เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก    
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล





ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา

แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมประทุมทอง

แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป


(ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง ได้ถูกนำไปดัดแปลงเล็กน้อยกลายเป็นเพลง "คำมั่นสัญญา")


บางตอนจาก เพลงยาวถวายโอวาท


อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย





อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 มิถุนายน 2011, 09:12:22 โดย <Fairy> » IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 26 มิถุนายน 2011, 10:47:59 »

 ยิ้มกว้างๆ..วันนี้.. "วันที่๒๖ มิถุนายน..เป็นวันสุนทรภู่" ..ก็ขออนุญาตนำประวัติที่ค่อนข้างละเอียดมาลงเพิ่มเติม เพื่อแบ่งปันความรู้กันนะคะ... ยิ้มกว้างๆ

ชีวประวัติ "สุนทรภู่"
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก...กระปุกดอทคอม)


          สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดวันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 เวลา 2 โมงเช้า หรือตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 เวลา 8.00 น. นั่นเอง ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ชื่อพ่อพลับ ส่วนมารดาเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา ชื่อแม่ช้อย สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง เชื่อว่าหลังจากสุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าร้างกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ำ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิงจงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ดังนั้น สุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง ซึ่งสุนทรภู่ยังมีน้องสาวต่างบิดาอีกสองคน ชื่อฉิมและนิ่ม อีกด้วย

          "สุนทรภู่" ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ในกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำงานอื่นนอกจากแต่งบทกลอน ซึ่งสามารถแต่งได้ดีตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่ม เพราะตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้งรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว 20 ปี

          ต่อมาสุนทรภู่ลอบรักกับนางข้าหลวงในวังหลังคนหนึ่ง ชื่อแม่จัน ซึ่งเป็นบุตรหลานผู้มีตระกูล จึงถูกกรมพระราชวังหลังกริ้วจนถึงให้โบยและจำคุกคนทั้งสอง แต่เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2349 จึงมีการอภัยโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดถวายเป็นพระราชกุศล หลังจากสุนทรภู่ออกจากคุก เขากับแม่จันก็เดินทางไปหาบิดาที่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อ “พ่อพัด” ได้อยู่ในความอุปการะของเจ้าครอกทองอยู่ ส่วนสุนทรภู่กับแม่จันก็มีเรื่องระหองระแหงกันเสมอ จนภายหลังก็เลิกรากันไป

          หลังจากนั้น สุนทรภู่ ก็เดินทางเข้าพระราชวังหลัง และมีโอกาสได้ติดตามพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ในฐานะมหาดเล็ก ตามเสด็จไปในงานพิธีมาฆบูชา ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2350 และเขาก็ได้แต่ง “นิราศพระบาท” พรรณนาเหตุการณ์ในการเดินทางคราวนี้ด้วย และหลังจาก “นิราศพระบาท” ก็ไม่ปรากฏผลงานใดๆ ของสุนทรภู่อีกเลย

          จนกระทั่งเข้ารับราชการในปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนแต่งตั้งให้เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแต่งกลอนบทละครในเรื่อง "รามเกียรติ์" ติดขัดไม่มีผู้ใดต่อกลอนได้ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้สุนทรภู่ทดลองแต่ง ปรากฏว่าแต่งได้ดีเป็นที่พอพระทัย จึงทรงพระกรุณาฯ เลื่อนให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร"

          ต่อมาในราว พ.ศ. 2364 สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุราอาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไมนานก็พ้นโทษ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติดขัดบทพระราชนิพนธ์เรื่อง "สังข์ทอง" ไม่มีใครแต่งได้ต้องพระทัย ทรงให้สุนทรภู่ทดลองแต่งก็เป็นที่พอพระราชหฤทัยภายหลังพ้นโทษ สุนทรภู่ได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 และ เชื่อกันว่าสุนทรภู่แต่งเรื่อง "สวัสดิรักษา" ในระหว่างเวลานี้ ซึ่งในระหว่างรับราชการอยู่นี้ สุนทรภู่แต่งงานใหม่กับแม่นิ่ม มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ "พ่อตาบ

          "สุนทรภู่" รับราชการอยู่เพียง 8 ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. 2367 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) อยู่เป็นเวลา 18 ปี ระหว่างนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดต่างๆ หลายแห่ง ได้แก่ วัดเลียบ, วัดแจ้ง, วัดโพธิ์, วัดมหาธาตุ และวัดเทพธิดาราม ซึ่งผลจากการที่ภิกษุภู่เดินทางธุดงค์ไปที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ปรากฏผลงานเป็นนิราศเรื่องต่างๆ มากมาย งานเขียนชิ้นสุดท้ายที่ภิกษุภู่แต่งไว้ก่อนลาสิกขาบท คือ รำพันพิลาป โดยแต่งขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม พ.ศ. 2385 ทั้งนี้ ระหว่างที่ออกเดินทางธุดงค์ ภิกษุภู่ได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชมน์ สุนทรภู่จึงลาสิกขาบท รวมอายุพรรษาที่บวชได้ประมาณ 10 พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง 2 พรรษา ก็ลาสิกขาบท และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชวังเดิม รวมทั้งได้รับอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย

          ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น  "พระสุนทรโวหาร" ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวังในปี พ.ศ. 2394 และรับราชการต่อมาได้ 4 ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 70 ปี ในเขตพระราชวังเดิม ใกล้หอนั่งของพระยามนเทียรบาล (บัว) ที่เรียกชื่อกันว่า "ห้องสุนทรภู่"

          สำหรับทายาทของสุนทรภู่นั้น เชื่อกันว่าสุนทรภู่มีบุตรชาย 3 คน คือ"พ่อพัด" เกิดจากภรรยาคนแรกคือแม่จัน "พ่อตาบ" เกิดจากภรรยาคนที่สองคือแม่นิ่ม และ "พ่อนิล" เกิดจากภรรยาที่ชื่อแม่ม่วง นอกจากนี้ ปรากฏชื่อบุตรบุญธรรมอีกสองคน ชื่อ "พ่อกลั่น" และ "พ่อชุบ" อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้น และตระกูลของสุนทรภู่ได้ใช้นามสกุลต่อมาว่า "ภู่เรือหงส์"
IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
♡♡<Fairy>♡♡
นางฟ้า...ราตรี
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,585


เทพธิดา...ไร้ปีก


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 26 มิถุนายน 2011, 14:43:27 »

 ยิ้มกว้างๆ..ขอเรียนเชิญทุกท่าน..ร่วมรำลึกถึง "สุนทรภู่" ด้วยกันนะคะ.. ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

>>>>>....หากหัวใจไม่เข้มแข็ง    อย่าหวัง "แรง" จากสวรรค์....<<<<<
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!