เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 05:39:12
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  เข้าตลาดวันแรก
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เข้าตลาดวันแรก  (อ่าน 1779 ครั้ง)
singhato
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 697



« เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 11:47:16 »

อยากทราบว่าถ้าให้ได้กำไรควรจะกี่เปอร์เซนของหุ้นดี
แล้วถ้าขาดทุนควรตั้งไว้กี่เปอร์เซนดีครับมือใหม่จริิิิิิิิงๆ
IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 12:09:15 »

อยากทราบว่าถ้าให้ได้กำไรควรจะกี่เปอร์เซนของหุ้นดี
แล้วถ้าขาดทุนควรตั้งไว้กี่เปอร์เซนดีครับมือใหม่จริิิิิิิิงๆ
ตอบยากเหมือนกันนะครับ หุ้นขึ้นก็ต้องมานั่งวิเคราะห์หนักเลยว่าจะขึ้นไปสูงสุดเท่าไร เวลาตกก็ต้องเฝ้าระวังว่าจะตกแค่ปรับฐานหรือตกยาว เฮ้อออ ...ต้องคอยสอบถามเพื่อนๆนลท.ด้วยกันหรือสอบถามจากมาร์หรือนวค.ของโบรคนั้นๆครับ เป็นวิธีการดีที่สุด หรืออาจจะตั้งการคัทลอสของตนเองเลยก็ได้ เช่นกำไรแค่นั้นแค่นี้เปอร์เซนต์ ขาดทุนแค่นั้นแค่นี้เปอร์เซนต์ อีกวิธีหนึ่งคือต้องพอดูกราฟเป็นครับ จะได้รู้แนวรับแนวต้าน จะช่วยได้มากในการตัดสินใจ  ยิงฟันยิ้ม
รายละเอียดหรือวิธีการอื่นๆมีมากมายหลากหลาย เรียนเชิญเพื่อนๆนลท.ชี้แจงแถลงไข  ยิงฟันยิ้ม
แต่ถ้าเป็น super stock อย่างของท่านวายุ ตกคงไม่มีการคัทมั๊ง มีแต่จะคอยซื้ออีก จริงป่ะท่าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 12:15:28 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 12:14:17 »

อยู่ที่ความพอใจของเรา อย่าให้ความกลัวความโลภ ครอบงำคุณ
และวินัยอย่าเสื่อม... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม อยากให้ทยอยสะสม จะเหมาะสมกว่าสำหรับมือใหม่
เช่น เดือนละ 20-30 เปอร์ฯ ของรายรับ ตามหลักเหรียญสองด้าน...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 12:18:32 โดย Temujin » IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 13:03:09 »


   ตอบยากเหมือนกัน  ถ้าท่านเป็น นลท ระยะยาว แบบคอยทยอยซื้อ โดยเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี
ในราคาที่เหมาะสม  ถ้ามันตกลงมาอีกก็หาจังหวะทยอยรับ  หรือขึ้นไปได้ส่วนต่างคุ้มกับค่าใช้จ่าย และ
มีกำไรพอสมควร (เท่าไรนั้น ประสบการณ์จะบอกท่านเองในสถานการณ์ต่างๆ) แต่เบื้องต้น สำหรับถ้า
รักจะเป็น นลท ระยะยาว ในความเห็นของผม ควรมีกำไรอย่างน้อย 5 % หลังหักค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็น
นลท ระยะสั้น ผมเห็นเขาได้ส่วนต่างของราคาหุ้นประมาณ 4-5 space เขาก็ขายกันแล้วครับ การตัด
ขาดทุน สำหรับ นลท ระยะสั้น ผมก็เห็นเขา cut กันประมาณนี้ (4-5 space) หรือมากกว่านี้ ส่วน นลท
ระยะยาว เมื่อเขามั่นใจในกิจการที่ลงทุนแล้ว เขาจะทยอยซื้อ มักจะไม่ค่อยเห็น นลท ระยะยาว ตัด
ขาดทุนครับ 

   ให้ท่านเลือกเอาว่าจะเป็น นลท แบบไหน หรือจะเลือกทั้งสองแบบก็ได้ ถ้าท่านได้เข้าห้องค้า และ
พบเพื่อน นลท รายย่อยอาวุโสที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็คอยดู และพูดคุยสนทนาขอความ
รู้กับท่านได้ครับ คุยกันทางหน้าจอมันไม่ค่อยละเอียดเท่าใดดอกครับ

   ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนในหลักทรัพย์ครับ... ยิ้มเท่ห์

   

   
IP : บันทึกการเข้า
vee48
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 14:04:43 »

เอามาฝากไว้ให้เป็นแนวทางแก่ จขกท. นะคะ สู้ๆค่ะ ยิงฟันยิ้ม

ลักษณะที่ดี 9 ประการของ ‘หุ้นพื้นฐานดี’ ควรจะมีดังต่อไปนี้

1.มียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หุ้นที่ดีควรจะมียอดขายที่เติบโตขึ้น ถ้าเติบโตเพิ่มขึ้นได้ทุกปีก็จะดีมาก แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจนั้นมีการขยายตัว และสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมนั้นได้ ส่วนหุ้นที่มียอดขายสาละวันเตี้ยลงทุกปีทุกปี น่าจะเป็นหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง หมายถึงว่า กิจการนั้นกำลังถูกคู่แข่งแย่งตลาดสินค้าไป หรือไม่ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นก็อาจจะอยู่ในข่ายอุตสาหกรรมตะวันตกดิน (sunset industry) หรือผู้บริหารมีปัญหาในการดำเนินกิจการ แต่ยอดขายเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าหุ้นนั้นเป็นหุ้นพื้นฐานดีหรือไม่ ต้องใช้ปัจจัยอีกหลายอย่างในการวิเคราะห์ธุรกิจ ดังจะกล่าวต่อไป

2. มีการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ดี

บริษัทที่มีการควบคุมการดำเนินงานที่ดี เราสามารถตรวจสอบดูได้จากงบกำไรขาดทุน โดยสังเกตจากต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ควรจะไปตามยอดขายของกิจการ ถ้ายอดขายสูงขึ้นค่าใช้จ่ายก็สามารถอนุโลมให้เพิ่มขึ้นได้ตามสัดส่วนยอดขายที่สูงขึ้น แต่ธุรกิจที่ยอดขายลดลงแต่ต้นทุน และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นักลงทุนควรจะระวังและถ้าเกิดขึ้นเป็นประจำควรตรวจสอบให้ดีก่อนลงทุนในบริษัทนั้น

3. ไม่ประสบปัญหาขาดทุน

บริษัทที่ดีควรจะมีความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ บริษัทที่ประสบภาวะขาดทุน เป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพของผู้บริหาร ถ้าขาดทุนตลอดปีหรือไม่ ก็ขาดทุนปีเว้นปี นักลงทุนควรเอาเวลาไปศึกษาธุรกิจอื่นจะดีกว่า ยกเว้นท่านที่ชอบลงทุนใน ‘หุ้นฟื้นคืนชีพ’ (Turnaround) ที่ขาดทุนมาหลายปีอยู่ดีๆ ก็กลับมาทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ อันนี้ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน แต่สำหรับท่านที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนมากนัก ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีผลดำเนินงานขาดทุนจะปลอดภัยกว่า

4. เงินทุนหมุนเวียนเป็นบวก (Positive Working Capital)

ธุรกิจที่ดีควรมีทรัพย์สินหมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน เพราะธุรกิจควรมีการเตรียมความพร้อมของเงินทุนระยะสั้นให้เพียงพอต่อการจ่ายคืนหนี้สินระยะสั้น มิฉะนั้นธุรกิจอาจจะมีปัญหาการเงินเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะบริษัทที่ทำการกู้ยืมระยะสั้นมาก อาจจะต้องสำรองเงินสดไว้พอสมควรทีเดียวสำหรับการจ่ายคืนหนี้ที่เรียกเก็บภายใน เวลาไม่นาน ยกเว้นธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจค้าปลีก หรือค้าส่ง ที่รับเงินจากการขายให้กับลูกค้าเป็นเงินสดแต่ได้เครดิตจากผู้ผลิตสินค้าเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะจ่ายเงิน ในกรณีนี้เงินทุนหมุนเวียนอาจจะติดลบได้ ซึ่งกลับกลายเป็นจุดแข็งสำหรับธุรกิจประเภทนี้เสียอีก เพราะแทนที่จะต้องมีเงินสำหรับของที่อยู่ในสต็อกกลับเป็นผู้ผลิตสินค้าที่จะต้องเป็นคนจ่ายเงินค่าสินค้าคงคลังแทน

5. มีหนี้ไม่มากหรือมีหนี้อยู่ในฐานะที่เหมาะสม

ตัวเลขคร่าวๆ ที่ใช้กันส่วนใหญ่ในการตรวจสอบสภาพหนี้สินของธุรกิจก็คือ ‘อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน’ (Debt/Equity Ratio) ธุรกิจที่มีหนี้สินต่อทุนสูง แสดงว่า มีการกู้ยืมหนี้ระยะยาวมาก และทำให้ธุรกิจนั้นมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจสูง อัตราหนี้สินต่อทุนที่พอเหมาะที่ใช้กันทั่วไปคือ น้อยกว่าหนึ่งเท่า หรือไม่เกินสองเท่า

6. มีกำไรสะสม (Retain Earning) เพิ่มขึ้นทุกปี

ธุรกิจที่ดีควรมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และสามารถนำกำไรสะสมนั้นไปลงทุนต่อให้งอกเงยเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ธุรกิจที่มีกำไรสะสมลดลง นักลงทุนควรตั้งคำถามก่อนที่จะลงทุนในบริษัทนั้นว่า บริษัทนำกำไรสะสมนั้นไปใช้ ทำอะไรและมีประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นหรือไม่

7. มีส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder Equity) เพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ

บริษัทที่สามารถเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอนับว่า เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้บริหารในการนำเงินของบริษัทไปลงทุนในกิจการที่มีประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ควรหลีกเลี่ยงบริษัทที่มีส่วนผู้ถือหุ้นลดลงหรือติดลบ แสดงว่า ธุรกิจนั้นที่ผ่านมามีการขาดทุนเกิดขึ้น

8. กำไรต่อยอดขาย (Profit Margin) มากพอสมควร

ธุรกิจที่มีกำไรต่อยอดขายสูง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนของกิจการในระดับที่ดี แต่กำไรต่อยอดขายสูง อาจจะดึงดูดให้คู่แข่งหน้าใหม่ๆเข้ามาในอุตสาหกรรมนั้นมากขึ้น ในขณะที่ธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูงส่วนมากจะมีกำไรต่อยอดขายต่ำ เพราะมีการตัดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าและบริการของตน ทำให้กำไรของทั้งอุตสาหกรรมลดลง ดังนั้น ธุรกิจที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงก็คือ ธุรกิจที่มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ (Cost Leadership)

9. ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (Return on Equity) สูง

ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น คำนวณจาก กำไรหารด้วยส่วนผู้ถือหุ้น (Net Profit/ Equity) ธุรกิจที่มีผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นสูงแสดงว่า ผู้บริหารสามารถบริหารเงินทุนของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บางธุรกิจที่มีเงินกู้ยืมสูงก็อาจจะทำให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นสูงขึ้นได้ เพราะเงินลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของหนี้สินระยะยาวมากกว่าส่วนผู้ถือหุ้น ดังนั้น ในบางกรณีอาจจะจำเป็นต้องใช้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินลงทุน (Return on Total Capital) ในการตรวจสอบความสามารถในการดำเนินงานของธุรกิจนั้น จะเหมาะสมมากขึ้น เนื่องจากได้รวมส่วนหนี้สินระยะยาวในการคำนวณไว้ด้วย

ผลตอบแทนต่อเงินลงทุน หาได้จากกำไรหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นและหนี้สินระยะยาว (Net Profit/(Longterm Liability+Equity)) บริษัทที่มีผลตอบแทนต่อเงินลงทุนสูง จะน่าสนใจกว่าบริษัทที่มีอัตราส่วนนี้ต่ำ

การค้นหาลักษณะที่ดี 9 ประการข้างต้นของหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยให้ท่านมีความรู้ความเข้าใจในหุ้นที่ท่านลงทุนมากขึ้น แทนที่จะรอให้คนอื่นหรือนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ตามโบรกเกอร์ต่างๆ มาแนะนำ ‘หุ้นพื้นฐานดี’ ให้กับท่าน

ท่านสามารถที่จะเริ่มศึกษาและค้นหา ‘หุ้นพื้นฐานดี’ ได้ด้วยตัวท่านเอง ซึ่งนับว่าเป็นหนทางในการเป็น ‘นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า’ หรือ Value Investor ที่ดีทางหนึ่ง

Credit: Stock2morrow.com
IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 14:37:49 »

ข้างบนจาก นลท.Velcome  หลักการบัญชีและการบริหารธุรกิจล้วนๆ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 16:03:10 »

อยากทราบว่าถ้าให้ได้กำไรควรจะกี่เปอร์เซนของหุ้นดี
แล้วถ้าขาดทุนควรตั้งไว้กี่เปอร์เซนดีครับมือใหม่จริิิิิิิิงๆ
ตอบยากเหมือนกันนะครับ หุ้นขึ้นก็ต้องมานั่งวิเคราะห์หนักเลยว่าจะขึ้นไปสูงสุดเท่าไร เวลาตกก็ต้องเฝ้าระวังว่าจะตกแค่ปรับฐานหรือตกยาว เฮ้อออ ...ต้องคอยสอบถามเพื่อนๆนลท.ด้วยกันหรือสอบถามจากมาร์หรือนวค.ของโบรคนั้นๆครับ เป็นวิธีการดีที่สุด หรืออาจจะตั้งการคัทลอสของตนเองเลยก็ได้ เช่นกำไรแค่นั้นแค่นี้เปอร์เซนต์ ขาดทุนแค่นั้นแค่นี้เปอร์เซนต์ อีกวิธีหนึ่งคือต้องพอดูกราฟเป็นครับ จะได้รู้แนวรับแนวต้าน จะช่วยได้มากในการตัดสินใจ  ยิงฟันยิ้ม
รายละเอียดหรือวิธีการอื่นๆมีมากมายหลากหลาย เรียนเชิญเพื่อนๆนลท.ชี้แจงแถลงไข  ยิงฟันยิ้ม
แต่ถ้าเป็น super stock อย่างของท่านวายุ ตกคงไม่มีการคัทมั๊ง มีแต่จะคอยซื้ออีก จริงป่ะท่าน

    ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 16:43:03 »

อยากทราบว่าถ้าให้ได้กำไรควรจะกี่เปอร์เซนของหุ้นดี
แล้วถ้าขาดทุนควรตั้งไว้กี่เปอร์เซนดีครับมือใหม่จริิิิิิิิงๆ
ตอบยากเหมือนกันนะครับ หุ้นขึ้นก็ต้องมานั่งวิเคราะห์หนักเลยว่าจะขึ้นไปสูงสุดเท่าไร เวลาตกก็ต้องเฝ้าระวังว่าจะตกแค่ปรับฐานหรือตกยาว เฮ้อออ ...ต้องคอยสอบถามเพื่อนๆนลท.ด้วยกันหรือสอบถามจากมาร์หรือนวค.ของโบรคนั้นๆครับ เป็นวิธีการดีที่สุด หรืออาจจะตั้งการคัทลอสของตนเองเลยก็ได้ เช่นกำไรแค่นั้นแค่นี้เปอร์เซนต์ ขาดทุนแค่นั้นแค่นี้เปอร์เซนต์ อีกวิธีหนึ่งคือต้องพอดูกราฟเป็นครับ จะได้รู้แนวรับแนวต้าน จะช่วยได้มากในการตัดสินใจ  ยิงฟันยิ้ม
รายละเอียดหรือวิธีการอื่นๆมีมากมายหลากหลาย เรียนเชิญเพื่อนๆนลท.ชี้แจงแถลงไข  ยิงฟันยิ้ม
แต่ถ้าเป็น super stock อย่างของท่านวายุ ตกคงไม่มีการคัทมั๊ง มีแต่จะคอยซื้ออีก จริงป่ะท่าน

    ครับ

ตอบง่ายจังท่าน ครับคำเดียว หุหุ
IP : บันทึกการเข้า

vee48
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 16:48:50 »

555+ สั้นๆแต่ได้ใจความค่ะ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
singhato
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 697



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 22:00:38 »

ขอขอบคุณทุกท่านที่่ให้คำปรึกษาครับ
ผมจะนำไปปฎิบัติครับถ้ามีปัญหาไม่เข้าใจ
จะขอรบกวนทุกท่านใหม่ครับ
 ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 22:49:15 »

อยากทราบว่าถ้าให้ได้กำไรควรจะกี่เปอร์เซนของหุ้นดี
แล้วถ้าขาดทุนควรตั้งไว้กี่เปอร์เซนดีครับมือใหม่จริิิิิิิิงๆ

------------------------------

มันแล้วแต่คนครับ...

บางคนต้องการ 20% ถึงจะยอมขาย

บางคนต้องการ 30%... บางคนเอาแค่ 2%

------------
IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 23:16:00 »

อยากทราบว่าถ้าให้ได้กำไรควรจะกี่เปอร์เซนของหุ้นดี
แล้วถ้าขาดทุนควรตั้งไว้กี่เปอร์เซนดีครับมือใหม่จริิิิิิิิงๆ

------------------------------

... บางคนเอาแค่ 2%

------------
หักค่าธรรมเนียมแค่ ๐.๑๕ ยังเหลือค่าข้าวค่าน้ำอยู่แม่นก่อ.. ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 12:41:14 »

COLOR นี่ก็เข้าตลาดวันแรก ลูกค้า cgs รวยยยย  ยิงฟันยิ้ม
COLOR ราคาจอง  2.89  ณ ราคาจอง PE   13
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!