เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 21 กรกฎาคม 2025, 01:53:56
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ชวนท่านสมาชิก ให้ความเห็นเกี่ยวกับการศึกษา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน ชวนท่านสมาชิก ให้ความเห็นเกี่ยวกับการศึกษา  (อ่าน 1470 ครั้ง)
tfgc2007
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,873


สมบัติพญามังราย ต้องรักษาไว้


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2016, 09:52:49 »

ระบบการศึกษาไทย ไม่ผิด สิ่งที่ผิดมากๆคือ พ่อแม่ ผปค. แค่ลูกเข้าอนุบาล ก็ฝันถึงอนาคตลูก หลาน ถึง ป.ตรี ...ป.เอก โน้นแล้วครับ
IP : บันทึกการเข้า

รักษ์กำเมือง....ร่วมส่งเสริมละอ่อนเหนือ อู้กำเมือง....
เชียงรายสถาปนิก'97 รับ ออกแบบ เขียนแบบบ้าน อาคาร รับบริหารงานก่อสร้างและงานระบบทุกประเภท ตรวจสอบอาคาร โดยสามัญวิศวกร สามัญสถาปนิก และ จป.วิชาชีพ
iw
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,482


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2016, 15:08:22 »

ยุบโรงเรียนทุกสังกัด ให้อยู่ในสังกัดเดียวกัน ไม่ต้องแข่งขันกันดีเด่น
เพราะทุกวันนี้โรงเรียนแย่เพราะแข่งขัน
นโยบายไม่เหมือนกันมุ่งแต่จะทำโรงเรียนให้ดัง
ถ้าดังแล้วคนเรียนเยอะ แล้วก็พัฒนามาก ควรทำให้เหมือนกันให้หมด เมื่อเหมือนกันแล้วทุกโรงเรียนก็จะคุณภาพเหมือนกัน
คนก็จะรียนที่ไหนก็ได้
ไม่ต้องทำ ep mep sm stema ถ้าทำทำทั้วประเทศ
ลดเวลากิจกรรมทุกอย่างเรียนอย่างเดียว พ่อแม่มีปัญญาพาไปทัศนศึกษาได้
เรียนคือเรียน ไม่ต้องโกงเวลาเรียน
โกงทั้งเวลาครู ทั้วประเทศ 
หนังสือเรียนจำเป็นมาก ควรใช้ทั่วประเทศ เหมือนกันหมด เพราะต่างคนต่างทำ ไม่ได้ผล ไปเอื้อกับบริษัทที่ทำหนังสือ ให้ครูออกยิ่งแย่ เพราะครูผีบ้าก็เยอะ สอนตามเขาก็ยังไม่ไอ้เลยอย่าหวังสร้างเอง สิบคนสร้าง ไม่หมือนกันสักคน
งบประมาณไม่ต้องลงสถานศึกษา หน่วยกลางจัดการเลย เพราะเสี่ยงทุกที่ ใช้จ่ายไม่ได้ผลเต็มที่
แก้พวกนี้ก่อน
แต่ไม่มีหน่วยงานไหนกล้าทำหรอก
ทุกวันนี้ นักวิชาการ ไม่แท้ เทียมเยอะ ดูอย่างสิวรักษ์ สิ ยังบ้าได้ เสียดายคนดี  เพื่อน ๆ ดูเองนะครับผม   สุดท้ายเหลือแต่ท่านแล้วที่จะเป็นกำลังให้การศึกษา  ศาสนา  และพัฒนาเด็กไทย
IP : บันทึกการเข้า
farmer
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 146



« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2016, 00:27:12 »

จากการที่เด็กสอบคะแนนโอเน็ตได้น้อย ท่านสมาชิกคิดว่าเกิดมาจากสาเหตุใด   บางทีความเห็นครั้งนี้ผู้มีส่วนรับผิดชอบจะได้เอาไปแก้ไขปัญหา
1. ระบบการศึกษา
2. ครูผู้สอน
3. นักเรียน
4. ผู้ออกข้อสอบกลาง
คำตอบคือ ถูกทุกข้อเลยครับ อีกข้อคือ
5.ตัวเราเอง
IP : บันทึกการเข้า
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,841


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2016, 01:24:50 »

ต้องพัฒนาไปทั้งหมด ตั้งแต่ระดับประเทศ ออกนโยบาย กฎกระทรวง ระบบ ระเบียบ ฯ
แผนพัฒนาไม่ว่าฉบับใด ก็ต้องว่าตามกัน ไม่แปลงเปลี่ยนไปตามเจ้ากระทรวง(ที่จบ..?..ทำตาม.?)
ระดับเตรียมอนุบาล ดูงานมาแล้วทุกประเทศ กรองที่เหมาะควรกับเด็กไทยมาใช้ให้เหมาะสม
ระดับประถม ให้เด็กมีพื้นฐานความเป็นไทย รักสามอย่าง(สีธง) ให้รู้หน้าที่พลเมือง มีศีลธรรม
ระดับมัธยม เป็นการคัดกรอง ใครหัวดีไปทางสายวิชาการ ต่อตรีโทเอก เป็นมันสมองที่ดี อาจเป็นผู้มา
ถ่ายทอดต่อคนรุ่นต่อไป หรือไปเป็นผู้สานต่อนโยบายที่ตนเองสำเร็จมา
               ใครปานกลาง ไปสายอาชีวะ เทคนิค  งานอิสระ เกษตร ฯ
                ใครอ่อนการเรียน อาจไปทำงานส่วนตัว แรงงาน ตามถนัด
..คนที่มีแวว ก็อาจก้าวข้ามไปเป็นอีกระดับ ก็แล้วแต่ความสามารถเฉพาะบุคคล พรสวรรค์
..ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเพียงแค่ให้ทันยุคสมัย ไม่ใช่คิดอะไรได้ก็วาดภาพหรู
เช่น โครงการแจกแทปเล็ต ตอนนี้เป็นไง.?.(ขอพาดพิง เป็นตัวอย่างนิดๆ)..
..ทำเด็กให้มีความรู้ มีคุณธรรม รู้หน้าที่ในการเป็นพลเมืองไทยที่ดี มีศีลธรรมไม่ว่านับถือไร
..ทุกระดับ ให้ยึดถือตามนั้น เปลี่ยนผู้นำ ก็ไม่เปลี่ยนแนว เจ้ากระทรวงก็ไม่เอาแต่ความคิด
กรม..ที่มีหน้าที่ผลิตเด็กมาสู่อนาคต ก็ต้องทำให้เต็มที่.
โรงเรียน..ทำตามแนวทางที่กำหนด ผลิตเด็กให้มีคุณภาพตามลำดับ
บ้าน..ช่วยเสริมสร้าง สนับสนุน เด็กให้เป็นคนที่พร้อมในสิ่งที่เขาควรจะเป็น
........ทุกความเห็น อาจแตกต่าง ที่ดีดี..อาจถูกนำไปใช้..........ใครจะรู้..
IP : บันทึกการเข้า

tiger-red
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,007



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2016, 12:03:04 »

น่าจะเป็นที่การจัดการเรียนการสอน  เนื่องจากเวลาสอนในโรงเรียนอาจารย์จะสอนตามหนังสือทุกอย่าง และก็สอนตามตาราง  แต่แท้ที่จริงแล้วการสอนต้องสอนเทคนิคการคิดที่ให้มันเร็วขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น การวิเคราะห์โจทย์สองชั้นสามชั้น   ซึ่งสิ่งพวกนี้ไม่ได้ถูกสอนในขั่วโมงการเรียนแต่มันไปอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชา สถานที่เรียนพิเศษ แต่ข้อสอบกลางที่มาวัดผลมันเป็นแบบขั้นเทพ   
IP : บันทึกการเข้า
Aphone
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,695


Line id 0811638163 โทร 0954497031


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2016, 20:56:31 »

วันที่สอบ ให้เอาครูไปสอบด้วย หากครูสอบได้คะแนนน้อยให้ไล่ออก
ความคิดนี้ดีครับ..
IP : บันทึกการเข้า

ติดต่อโทร 0954497031 Line id 0811638163
ฝากติดตามfanpage https://www.facebook.com/pages/Euro-rider/112298928963239?ref=hl
https://www.facebook.com/aphone2524
sensei
เซนเซ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 434


" ใต้ตะวันดวงเดียวกัน"


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2016, 21:29:32 »

เคยได้ยินผู้ใหญ่ในสำนักงบประมาณบอกว่า งบประมาณกระทรวงศึกษาธิการแต่ละปี ถ้าแบ่งเป็น100ส่วน จะเป็นเงินเดือนครูซะ70ส่วนโดยประมาณ นอกนั้นค่อยเป็นสื่อ วัสดุอุปกรณ์ ค่าจัดจ้างในการเรียนการสอนต่างๆ
IP : บันทึกการเข้า

"เราต่างก็มีสุข มีทุกข์ เหมือนๆกัน ผูกไมตรีกันไว้เถิด"
romportong@hotmail.com
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016, 08:57:00 »

ยุบโรงเรียนทุกสังกัด ให้อยู่ในสังกัดเดียวกัน ไม่ต้องแข่งขันกันดีเด่น
เพราะทุกวันนี้โรงเรียนแย่เพราะแข่งขัน
นโยบายไม่เหมือนกันมุ่งแต่จะทำโรงเรียนให้ดัง
ถ้าดังแล้วคนเรียนเยอะ แล้วก็พัฒนามาก ควรทำให้เหมือนกันให้หมด เมื่อเหมือนกันแล้วทุกโรงเรียนก็จะคุณภาพเหมือนกัน
คนก็จะรียนที่ไหนก็ได้
ไม่ต้องทำ ep mep sm stema ถ้าทำทำทั้วประเทศ
ลดเวลากิจกรรมทุกอย่างเรียนอย่างเดียว พ่อแม่มีปัญญาพาไปทัศนศึกษาได้
เรียนคือเรียน ไม่ต้องโกงเวลาเรียน
โกงทั้งเวลาครู ทั้วประเทศ 
หนังสือเรียนจำเป็นมาก ควรใช้ทั่วประเทศ เหมือนกันหมด เพราะต่างคนต่างทำ ไม่ได้ผล ไปเอื้อกับบริษัทที่ทำหนังสือ ให้ครูออกยิ่งแย่ เพราะครูผีบ้าก็เยอะ สอนตามเขาก็ยังไม่ไอ้เลยอย่าหวังสร้างเอง สิบคนสร้าง ไม่หมือนกันสักคน
งบประมาณไม่ต้องลงสถานศึกษา หน่วยกลางจัดการเลย เพราะเสี่ยงทุกที่ ใช้จ่ายไม่ได้ผลเต็มที่
แก้พวกนี้ก่อน
แต่ไม่มีหน่วยงานไหนกล้าทำหรอก
ทุกวันนี้ นักวิชาการ ไม่แท้ เทียมเยอะ ดูอย่างสิวรักษ์ สิ ยังบ้าได้ เสียดายคนดี  เพื่อน ๆ ดูเองนะครับผม   สุดท้ายเหลือแต่ท่านแล้วที่จะเป็นกำลังให้การศึกษา  ศาสนา  และพัฒนาเด็กไทย
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง  ค่านิยมเงินเป็นใหญ่ คือตัวปัญหา ทำให้คนต่างแย่ง แข่งขันกันเพื่อหาผลประโยชน์ ตั้งแต่ผบ.ระดับกระทรวงลงมาถึงครู ผู้ปกครอง นักเรียน เพราะการแข่งขันกันใครเก่งคนนั้นจะได้มาซึ่งหน้าที่การงานที่ดีมีเงินทองตามมา จึงเป็นเหตุแย่งกันเข้าโรงเรียนดังๆ การกวดวิชาผู้ปกครองทุ่มถึงไหนถึงไม่อั้น นโยบายของรัฐดูเหมือนสวนทางกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงเรา
IP : บันทึกการเข้า
romportong@hotmail.com
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016, 13:04:57 »

อยากให้อ่านม๊ากๆคะ............"13 หลุมดำ" การศึกษาของ "ประเทศไทย"
               ดร.ศราวุธ สุตะวงค์
                   18/02/2559
     1).การเมืองไทยเป็นปัญหาใหญ่การศึกษาของชาติชอบปรับเปลี่ยนนโยบาย ไม่ต่อเนื่อง และไม่บริหารการศึกษาตามพรบ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 และ(แก้ไขเพิ่มเติม) มีกฎหมายการศึกษาแล้วไม่ทำ ชอบคิดใหม่ แก้ใหม่อยู่เรื่อย เรามีผู้ "ไม่รู้แล้วชี้" เรื่องการศึกษาเยอะ
     2).การสอบ O-Net เป็นตัวทำลายระบบการศึกษาไทย ส่งเสริมระบบติวเตอร์ ที่เรียนไม่ออกข้อสอบ ที่สอบไม่ได้เอาไปใช้ คนได้ Top O-Net ยังทำอะไรไม่เป็น : คนเราเก่งคนละด้าน ไม่ได้เก่งทุกวิชา สมองถูกออกแบบมาให้เก่ง หรือ มีอัจฉริยภาพที่แตกต่างกัน ประเทศไทยยังไม่มีหมอ หรือวิศวกรเป็นนายกรัฐมนตรี ต่างประเทศเขาใช้วิธีการสุ่มตรวจ ไม่ใช่เอาเป็นเอาตาย บางโรงเรียนไม่สอนติวข้อสอบโอเนตอย่างเดียวทั้งเทอม บางโรงเรียนโอเนตสูงเพราะเด็กไม่เยอะ มีผลดีต่อค่าเฉลี่ย หรือเด็กเก่งด้านนั้น ๆ มีมากในรร.แห่งนั้น เพราะตัวป้อนมีเยอะคัดเด็กสอบเข้าตั้งแต่อนุบาล อีกทั้งระบบการประเมินต่าง ๆ ประเมินแล้วทิ้ง !!! สทศ/สมศ./ประกวด แข่งขัน สถานศึกษาต่าง ๆ
     3).การจัดอันดับโรงเรียน ทำลายขวัญกำลังใจครู นักเรียน และผู้ปกครอง ตลอดถึงสถานศึกษาเป็นช่องทางให้เกิดธุรกิจการศึกษาในโรงเรียน และสถาบันกวดวิชาข้างโรงเรียนชื่อดัง ตลอดถึงครูผู้สอนรร.ดังแสวงหาผลประโยชน์จากการสอนพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็มิได้เก่งกาจอะไร เพียงเพราะมีตัวป้อนนักเรียนกลุ่มเก่งเหล่านั้นมาเรียน
     4).โรงเรียนดี เด่น ดัง ไม่มีจริงในประเทศไทย มีแต่โรงเรียนเฉพาะทางเท่านั้น ที่เน้นเฉพาะเด็กเก่งวิทย์ คณิต และหลงไหลได้ปลื้มว่าโรงเรียนเหล่านั้นสอนดี สอนเก่ง เป็นเพียงเป็นแหล่งรวมของเด็กเก่งด้านนี้มาอยู่รวมกันมากเท่านั้นเอง ขึ้นป้ายหน้ารร.ชื่นชมติดหมอติดวิศวะหน้ารร. แต่ทิ้งเด็กเก่งด้านอื่นอีก 700-800 คนที่จบม.6 ต้องผจญภัยกับชะตากรรมชีวิตของตนเอง ตามบุญตามกรรม และเด็กเก่งกลุ่มน้อยเหล่านั้นจะมองเพื่อนในรร.ของตนเองด้วยหางตา ส่งเสริมให้มองคนไม่เท่าคน ไม่เชื่อ สมมุติฐานนี้ลองย้ายผอ.และครูทั้งโรงเรียนที่ได้อันดับ 1-2 ของประเทศไปดำรงตำแหน่ง โรงเรียนอมก๋อยวิทยาคม โดยให้เงินเดือน 2-3 เท่า และทำให้นักเรียนที่นั้นได้อันดับ 1 ของประเทศภายใน 3-5 ปี ฟันธงว่าทำไม่ได้ เด็กอมก๋อยก็เก่ง แต่ เก่งคนละด้าน ต่างประเทศมีรร.พิเศษเฉพาะทาง แต่เขาไม่เอามาเปรียบเทียบกัน รร.เตรียมวิศวะ กับรร.เตรียมทหาร เปรียบเทียบความเก่งเฉพาะทางกันไม่ได้ เก่งกีฬา เก่งศิลปะ เก่งคอมพิวเตอร์ก็เปรียบเทียบ เก่ง ไม่ได้
     5).ได้คนไม่เก่งหรือไม่ชอบในวิชาชีพครูมาเรียนครู เพราะเงินเดือนไม่จูงใจเหมือนต่างประเทศ ฟินแลนด์คนที่สอบได้ที่ 1-5 ของโรงเรียนเท่านั้นที่จะสามารถสอบเข้าเรียนครูได้และเงินเดือนของอาชีพครูสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอาชีพอื่น อาทิ ศาล ทนายความ และแพทย์ สร้างคนต้องสูงกว่าซ่อมคน(หมอ) ครูประถม ครูมัธยม ครูมหาลัย ยังท่องความรู้ (มือสอง) มาเล่าต่อให้นักเรียนฟังเท่านั้นเอง จะมีเด็ก 5-10% เท่านั้นสำเร็จจากการสอนด้วยวิธีนี้ ท่อง จำ สอบจบ และสอบเข้าทำงาน
     6).การแข่งขัน ประกวด ทักษะวิชาการ เป็นตัวปัญหาทำให้เด็กและครูเห็นแก่ตัว จริง ๆ แล้วแข่งครูไม่ใช่แข่งเด็ก โรงเรียนไหนมีครูเก่งอะไร เด็กโรงเรียนนั้นก็จะเก่งสิ่งนั้น ต้องสมมุติฐานว่าเด็กพร้อมจะให้ครูพัฒนาบนบริบท ความชอบและความถนัดของเขา ครูไทย "ล่ารางวัล" หรือ "กระดาษ" กันทั้งปี โดยทิ้งเด็กอยู่กับ หนังสือ โทรศัพท์ อินเตอร์เนต หรือทิ้งอยู่กับ "ห้องสอน" มิใช่ "ห้องเรียน" เด็กไทยจึงโตแต่หัวทำอะไร คิดอะไรไม่เป็น เราให้ความสำคัญกับเด็กที่ฉลาดกลุ่มเล็ก ๆ ทิ้งเด็กกลุ่มใหญ่สร้างปัญหาและภาระให้สังคม เด็กกลุ่มเล็กนั้นพอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จะมองคุณค่าความเป็นคนไม่เท่าคน สังคมชนชั้นและความเหลื่อมล้ำสูงมาก
     7).สังคมไทยเป็นสังคมโหยหากระดาษ ปริญญา เกียรติบัตร รางวัล โล่ และทำอะไรไม่เป็น เรียนสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ จบม.6 ไปต่อปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ยังโง่ เจ็บ และจน ยังเชื่อโชคลางและไสยศาสตร์ อาทิ "กรณีลูกเทพ" บางคนเรียนจบปริญญาถึง 18 ใบ ไล่ทะเลาะคนอื่นไปทั่ว เพราะคิดว่ามีกระดาษหลายใบ คงฉลาดกว่าคนอื่นแน่ ๆ
     เจ๋ง.กระทรวงที่ดูแลการศึกษาของประเทศใหญ่ เทอะทะ เจ้าหน้าที่ธุรการคิดนโยบายรายวันให้รัฐมนตรีสั่งการไปยังโรงเรียน ข้าราชการสายสนับสนุนอยู่กระทรวง ทบวง กรม ล้วนมีแต่เส้นสายล้วนแต่สะสมผลงานที่สั่งรร.กระทำเพื่อสนองความสำเร็จของตนเอง จึงมีนโยบายใหม่ ๆ แปลก ๆ ออกมาสม่ำเสมอ ครูจึงไม่ได้ทำหน้าที่หลักด้านการจัดการเรียนรู้ ทำธุรการ การเงิน พัสดุ และยุ่งกับเอกสารประเมิน และเอกสารเพื่อทำวิทยฐานะเสียส่วนมากของเวลาทั้งหมด
     9).ความเหลื่อมล้ำการศึกษาของไทยสูงมาก ลูกเศรษฐีเรียนต่างประเทศ ลูกคนรวยเรียนโรงเรียนชื่อดังกทม.หรือชื่อดังประจำจังหวัด ลูกคนจนให้เรียนรร.ดีใกล้บ้าน(ซึ่งไม่พร้อมที่จะดีจริง) โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพไม่เท่าเทียมกันเลย
    10).หนังสือเรียน คือ ตัวปัญหา ให้ครูติดนิสัยสอนหนังสือ มิใช่ สอนคน รัฐกำหนดหนังสือเรียนหรือสำนักพิมพ์ ครูออกแบบการเรียนรู้ไม่เป็น อบรมหลักสูตรทั้งปี ออกแบบและเขียนแผนการสอนที่เอาไปใช้จริงไม่เป็น ลอกแผนที่มีขายตามท้องตลาดเพื่อส่งมิใช่เพื่อสอน และลอกแผนการสอนที่ผ่านการตรวจบ้างแล้วเพื่อส่งผลงานทางวิชาการ ลอกกันไปลอกกันมา คนที่ได้แล้ว เป็นแล้ว ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ "ไม่จริง"
    11).ห้องสอน เป็นตัวปัญหาของการปฏิรูปการเรียนเพราะ มิใช่ ห้องเรียนรู้ ยึดเนื้อหา ตำรา เป็นตัวตั้ง แทนที่จะยึด เด็กหรือผู้เรียนเป็นตัวตั้ง "วิชาการ วิชาชีพ วิชาชีวิต" ต้องไปพร้อมกัน
    12).ผู้บริหารโรงเรียน คือ ตัวปัญหาในการขับเคลื่อนการศึกษา เป็นแล้วเป็นเลย ขาด Leadership ทางวิชาการ และ CEO องค์กร ไม่มีระบบการประเมินผลงานหรือปรับเปลี่ยนสถานะ ผู้บริหารไม่ได้ทำหน้าที่บริหารสถานศึกษาในทุก ๆ ด้าน อาทิ การจัดการเรียนรู้ ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับกิจกรรมนอก รร. อาทิ ประชุม สัมมนา ดูงาน รับแขก ติดตามนายหรือผู้บังคับบัญชา ตลอดถึงกระทำตามนโยบายระดับสูงที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ พยายามวิ่งเต้นไปอยู่สถานศึกษาที่ใหญ่กว่า ทั้งที่บริหารหรือจัดการแห่งปัจจุบันยังไม่ดีพอ
    13.ครูพัฒนาแล้วไม่เอาไปใช้จริง เพราะอบรม สัมมนาตามหน่วยเหนือสั่ง มิได้ อบรม สัมมนาตามความต้องการพัฒนาของตนเองเป็นหลัก เพื่อเอาไปพัฒนาหรือแก้ปัญหาการเรียนการสอนที่ตนเองประสบอยู่ การประเมินวิทยฐานะ มิได้ประเมินจากความมุ่งมั่น ความทุ่มเท ความเสียสละในวิชาชีพ หรือประผลงานเชิงประจักษ์ที่เกิดจากเด็กเก่งทุก ๆ ด้านทุกบริบท ครูหลายคนจะไม่แย่งกันไปสอนโรงเรียนดี เด่น ดัง เพราะผลสัมฤทธิ์ คะแนนโอเนต การประกวดแข่งขัน หรือล่ารางวัล เพื่อขอผลงาน รร.เหล่านั้นย่อมได้เปรียบ รร.ที่มีความขาดแคลนในทุกเรื่อง รร.ห่างไกลธุรกันดาร เป็นต้น
     ต้องขออภัยนะครับ หาก "13 หลุมดำ" ไปตรงกับสถานศึกษา องค์กร หรือสถานะตำแหน่งหน้าที่ของผู้ใด ซึ่งผู้เขียนมิได้เจตนา พาดพิง หรือกระทบกับแหล่งที่กล่าวถึงนั้น ๆ ข้อมูลที่ได้จากการอ่าน การสนทนาแลกเปลี่ยนกับกัลยาณมิตรผู้ที่คลุกคลีกับปัญหาการศึกษาของชาติไทย
     จุดใหญ่ ใจความ จะช่วยกันพัฒนาและยกระดับการศึกษาของชาติไทยอย่างไรดี ปัจจุบันผู้เขียนเองเป็นส่วนหนึ่งกับ อบจ.เชียงราย/รร.อบจ.เชียงราย ขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ของไทย โดยใช้แนวทาง Thinking School Base Classrooms ต้องเริ่มที่ "ห้องเรียน" และร่วมยกระดับการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีคุณภาพไปพร้อมกันทั่วประเทศ กับ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานแห่งการพัฒนา SBMLD เป็นฐานการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาของประเทศไปพร้อม ๆ กัน.
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!