Angellaz
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 128
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 26 มกราคม 2012, 11:36:04 » |
|
นี่คือข้อมูลคร่าวๆค่ะ
รื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงดูสุนัขอย่างง่ายๆ ให้มีอายุยืนยาวและประหยัดค่าอาหารตลอดจนรักษาสิ่งแวดล้อม
เมื่อ 30 ปีก่อน ไม่มีอาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ด เราจะเลี้ยงดูสุนัขด้วยกระดูกและเศษอาหาร หรืออาหารอื่นๆที่หาได้ง่ายๆ ราคาถูกจากตลาดใกล้บ้าน สุนัขก็มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และแทบไม่มีปัญหาเรื่องการเจ็บป่วย
เมื่อผู้เขียนเริ่มเลี้ยงสุนัขด้วยอาหารสำเร็จรูป (ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทำมาก่อน) ประมาณ 2 ปี ต่อมา สุนัขที่เคยสมบูรณ์แข็งแรงของผู้เขียน ก็เริ่มมีปัญหา แรกๆก้อเป็นเรื่องหยุมหยิม แต่ก็เห็นได้ไม่ช้าไม่นานก็ต้องมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน เริ่มด้วยเป็นโรคผิวหนัง, ตาแฉะ, ขนหยาบแข็ง, คันยุกยิกทั้งวัน, หูอักเสบ และต่อมทวารอักเสบ ขนเหม็นสาบ, ปากเหม็น, ฟันมีปัญหา, อึเหม็นมาก และมีพยาธิ จากนั้นต่อมาก็มีปัญหาผสมติดยาก และปัญหาเจริญเติบโตผิดปกติ
ก่อนนี้ผู้เขียนเป็นสัตวแพทย์ชนบท ซึ่งเราก็เลี้ยงสุนัขกันด้วยเนื้อกระต่าย กระดูกดิบๆ และอาหารเหลือที่เรากิน ในช่วงนั้น สุนัขของเราไม่เคยต้องถ่ายพยาธิหรือฉีดวัคซีนเลย การผสมก็ติดง่าย คลอดลูกง่าย และได้ลูกครอกใหญ่และแข็งแรงมาก
ในที่สุดก็พบว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็มีปัญหาประสบการณ์เดียวกันคือ พวกที่เลี้ยงสุนัขด้วยอาหารสำเร็จรูป สุนัขของพวกเขาก็จะมีปัญหามาก ส่วนพวกที่เลี้ยงสุนัขด้วยกระดูกและอาหารเหลือๆ สุนัขก็จะแข็งแรง
** ดังนั้นผู้เขียนจึงเปลี่ยนมาให้อาหารแบบธรรมชาติ คือ กระดูกติดเนื้อดิบๆเช่นเนื้อแกะ, ไก่, เศษอาหารเหลือ, เศษผักผลไม้, น้ำเกรวี่, ข้าว, มันบด, พาสต้า ฯลฯ บางครั้งก็มีไข่, ตับ, ไต, น้ำมันพืช, น้ำผึ้ง, บริวเวอร์ยีสต์, สาหร่ายทะเล, น้ำมันตับปลา และเสริมด้วยไวตามินบางชนิด หลังจากนั้นสุนัขของผู้เขียนเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้รับอาหารแบบธรรมชาติ คือไม่มีปัญหาผิวหนัง, ฟัน, ตา, การเจริญเติบโต, การผสมพันธุ์ และไม่มีพยาธิ อึก็ไม่มีกลิ่นเหม็น และปริมาณอึก็น้อย กลิ่นปากไม่มี ค่าใช้จ่ายลดลงอย่างมาก เพราะค่าอาหารถูกลงและไม่ต้องสิ้นเปลืองค่ายารักษาโรคและยาถ่ายพยาธิ ฯลฯ
วิธีเลี้ยงสุนัขที่ควรปฏิบัติ: - ให้กระดุกติดเนื้อ (ดิบ) ประมาณ 60 % - อีก 40% เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่คนรับประทาน และควรเป็นอาหารสด (ที่ไม่ได้ทำให้สุข) เช่น ผักผลไม้สด, นม, โยเกิร์ต, ไข่ ฯลฯ
เราต้องมาเริ่มคิดกันใหม่ว่า สุนัขคือ อะไร???
1. สัตว์กินเนื้อ (Carnivore): สุนัขเป็นสัตว์ที่ชอบกินเนื้อสัตว์อื่น ตามปกติมันจะต้องกินเครื่องในก่อน แล้วก็กินเนื้อ, กระดูก, และส่วนอื่นๆ ดังนั้น ทุกส่วนของสุนัขที่กินเข้าไป จะสามารถสร้างสมดุลได้ในระบบการย่อยของตัวสุนัขเอง
2. สัตว์กินพืช (Vegetarian): หมาป่าและสุนัขประเภทอื่นๆก็เป็นสัตว์กินพืชด้วย เมื่อหมาป่าฆ่าสัตว์ได้มันจะกินส่วนกระเพาะและลำไส้ก่อนอวัยวะส่วนอื่นๆ ในกระเพาะมักจะมีพวกหญ้าต่างๆและส่วนพืชอยู่เต็ม ตามปกติหมาป่าและสุนัขทั่วๆไป มักจะชอบผลไม้สดสุกๆ มันจะกินเป็นประจำคราวละครั้งมากๆ โดยนอนเฝ้ารออยู่ใต้ต้นนั้นเลยที่เดียว ในช่วงสงครามโลกฝั่งทวีปยุโรป ว่ากันว่าพวกสุนัขทั้งหลายรอดตาย และมีลูกมีหลานสืบต่อกันมาได้ ก็โดยอาศัยอาหารจากเครื่องในของพวกแกะ และฝูงปศุสัตว์นั้นเอง และสุขภาพของพวกมันก็ดีมากในช่วงนั้น ดังนั้นผลไม้และผักหญ้าต่างๆควรจะเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่จะช่วยสร้างสมดุลในระบบย่อยของสุนัขได้ - ผลไม้ โดยทั่วไปจะกินดีที่สุดตอนช่วงที่สุกงอมเต็มที่ - ผัก+หญ้า ก็ควรผ่านการเคี้ยวบดให้ระเอียดเหมือนอย่างในกระเพาะของสัตว์ ต่างๆนั่นเอง
3. พวกเก็บขยะ (Scavenger): ถ้าคุณทิ้งสุนัขไว้กับถังขยะ ตามลำพังก็จะได้เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นคือ หมาป่า มักจะเป็นผู้เก็บกินซากที่เหลือทิ้งของบรรดาสัตว์ที่ถูกล่า หรือตายในป่า แม้แต่ซากสัตว์ที่เป็นโรคตาย สุนัขกินอึด้วย ซึ่งอึเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่มีกรดไขมันและไวตามินที่ละลายในไขมันหลายตัว เช่น ไวตามิน K, B และแร่ธาตุต่างๆอีกมากมาย รวมถึงสาร แอนตี้ - ออกซิแดนซ์ และเอนไซม์ตลอดจนเส้นใยอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สุนัขที่กินอาหารสำเร็จรูปหลายตัว เราอาจพบเห็นว่า สุนัขเหล่านั้นต้องกินอึกเพื่อช่วยให้คงความสมดุลและสมบูรณ์ขึ้น ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากให้สุนัขของเรากินอึ เราต้องให้อาหารที่มีส่วนประกอบและแร่ธาตุที่มีคุณค่าทางอาหารแบบที่มีอยู่ในมูลสัตว์ ให้สุนัขของเรากิน เช่น โยเกิร์ต, ผักสด, ไขมันไม่อิ่มตัว, บริวเวอร์ยีสต์, ข้าวกล้อง ฯลฯ
4. นักล่า (Hunter): สุนัขที่ชอบอาหารสดจากอวัยวะของเหยื่อ สุนัขจะกินทุกอย่างที่เคลื่อนไหว ตั้งแต่ยัง เป็นลูกสุนัขก็จะเริ่มไล่จับ กินแมลง, มด, จิ้งจก หรือตัวอะไรที่คลานผ่านมา เมื่อโตขึ้น มันก็จะไลล่ากินสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
5. นักฉวยโอกาส (Opportunitist): เมื่อสุนัขหิว มันจะกินทุกอย่างที่พบเห็นว่าสามารถกินเป็นอาหารได้ พวกสุนัขที่ชอบรื้อถังขยะกิน จะแข็งแรงกว่า สุนัขที่เลี้ยงอย่างดีด้วยอาหารเม็ดชั้นยอด เพราะเศษอาหารในถังขยะส่วนใหญ่จะเป็นพวกเศษผัก ผลไม้ เปลือกผลไม้, เศษกระดูก, เนื้อ, เครื่องในที่ยังดิบๆ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของสุนัข
6. นักกินทุกอย่างที่ขวางหน้า (Omnivore): อาหารที่คุณใช้เลี้ยงสัตว์ทุกชนิดในโลกได้ ก็สามารถใช้เลี้ยงสุนัขได้ทั้งนั้น สุนัขเป็นสัตว์กินทุกอย่าง โดยมีพื้นฐานเป็นสัตว์กินเนื้อ มันจึงมีรูปร่างและฟันแบบนี้ ส่วนคนมีฟันและรูปร่างแบบสัตว์กินพืช แต่ทั้งคนและสุนัขต่างก็มีระบบอวัยวะภายในที่สามารถกินได้ทุกอย่างเหมือนกัน
********************************************************** สรุปได้ว่า: จะเลี้ยงสุนัขให้แข็งแรงสมบูรณ์ตามธรรมชาตินั้นจะต้อง - สุนัขต้องกินกระดก และเนื้อสัตว์ที่ยังดิบ - สุนัขต้องกินเครื่องใน ตับไต ไส้พุงดิบๆ - สุนัขต้องกินผักหญ้า กินผลไม้ (แบบที่ถูกย่อยแล้วในกระเพาะอาหารของสัตว์อื่น) ที่บดละเอียด - สุนัขต้องกินมูลสัตว์ กินอ้วก กินรก กินเนื้อเน่า (ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีจุลินทรีย์ตัวเล็กๆ หรือเจิร์ม) ซึ่งในที่นี้เราใช้บริวเวอร์ยีสต์และโยเกิร์ตแทน - สุนัขต้องกินอาหารสดและดิบ - สุนัขสามารถปรับสมดุลในอาหารที่กินเข้าไปได้เองตามเวลาที่เหมาะสม จึงไม่จำเป็นต้องกินอาหารที่สมดุลทุกมื้อ **********************************************************
*ข้อเสียของทำอาหารให้สุกแก่สุนัข* • ทำลายวิตามินที่อยู่ในอาหาร โดยเฉพาะวิตามิน B และ C • ทำลายเอนไซม์ – เนื้อเยื่อที่มีชีวิตต่างมีเอนไซม์ จำนวนมากมาย เอมไซด์คือโปรตีนที่ทำหน้าที่ควบคุมปฏิกิริยาเคมีทั้งหมดในการดำรงชีพของสัตว์ และจะถูก ทำลาย โดยความร้อน เอนไซม์ ที่อยู่ในอาหารดิบ จะช่วยทำหน้าที่ในการย่อยอาหารและช่วยยืดอายุ
• การทำลายเอนไซม์ ในอาหาร ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักเพราะต้องผลิตเอนไวม์เพื่อช่วยย่อยมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของกสรป่วยหลายๆโรคในสุนัข รวมถึงโรคตับอ่อนพิการ, ตับอ่อนอักเสบ, และเบาหวาน และยังเกี่ยวโยงไปถึงการขาดสาร Zinc (สังกะสี) โดยเฉพาะอาหารเม็ดของสุนัขในปัจจุบันนี้ • เอนไซม์ในอาหารทั้งหมด จะถูกดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดทันที่ที่เข้าสู่ร่างกาย มันก็จะทำหน้าที่ช่วยชะลอหรือแม้แต่หยุดกระบวนการทำลายในร่างกาย หรือที่เรียกว่า “Cross-linking” ซึ่งหมายถึง การะบวนการทำลายเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดการแก่ตัว ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น, เส้นเลือดแดงแข็งเปราะ, และเป็นกลไกอีกอันหนึ่งที่ทำให้โมเลกุลในยีนส์ถูกทำลาย อันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งและการให้ลุกที่พิการ • การทำอาหารสุนัขให้สุก คุณจะก่อปัญหาให้สุนัขของคุณในเรื่องกระบวนการแก่ตัว และปัญหาการผสมไม่ติด • การทำอาหารให้สุกนี้ เป็นการทำลายกระบวนการชะลอการแก่ตามธรรมชาติ สิ่งที่ช่วยชะลอความแก่ มี่เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งมีอยู่ในอาหารดิบ จะถูกทำลาย และทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาเช่น มะเร้ง, โรคไต, โรคหัวใจ และข้อกระดูกอักเสบ ฯลฯ • การทำอาหารให้สุก จะทำให้คุณค่าอาหารและปริมาณโปรตีนลดลง เป็นผลให้เกิดการสูญเสีย กรดอะมีโน 2 ชนิดคือ ไลซีน และเมธิโอนีน ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาการเจริญเติบโต, ปัญหาเกี่ยวกับกระดูก, ผิวหนัง, การตั้งท้อง, การผลิตน้ำนมของแม่สุนัข, สุขภาพร่างกายอ่อนแอ และภูมิต้านทานที่ลดลง • การทำอาหารให้สุก จะทำให้เกิดสิ่งแปลกปลอมในอาหาร เนื่องจากบรรดาสารอาหารหลัก เช่น ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรท จะถูกแปรสภาพ โดยถ้ายิ่งสุกมาก ยิ่งแปรสภาพไปมาก ยิ่งเปลี่ยนแปรไปมาก ก็ยิ่งย่อยยากมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดร่างกายก็จะถือว่าโมเลกุลของสารอาหารที่เปลี่ยนไปนี้เป็นสารแปลกปลอม • ขาดการออกกำลังและการทำความสะอาดฟัน โดยสุนัขที่กินอาหารสำเร็จรูป จะไม่รู้จักการขบเคี้ยว ดึงทึ้ง กัดฉีกอาหาร เลยขาดการออกกำลังกายในการกิน และฟันก็ไม่มีการทำความสะอาดจากการเสียดสีของอาหารเวลาดึงทึ้งอาหารดิบ ทำให้เกิดการสะสมของเศษอาหารในปาก และเกิดแบคทีเรียที่เป็นพิษผ่านเข้าร่างกาย
|