เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 21 กรกฎาคม 2025, 03:44:11
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  จักระทั้ง 7 ดวงกายสิทธิ์ ไปนิพพาน แดนสุขาวดี ฝึกไว้ปลุกเสกของขลังใช้เอง
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน จักระทั้ง 7 ดวงกายสิทธิ์ ไปนิพพาน แดนสุขาวดี ฝึกไว้ปลุกเสกของขลังใช้เอง  (อ่าน 5266 ครั้ง)
pmsale
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18


« เมื่อ: วันที่ 21 เมษายน 2023, 01:50:39 »

     
     
        จิตมีจริง จิตคือกลุ่มก้อนพลังงานที่อัดกันแน่นเล็กจิ๋ว จิตเมื่อเข้าปฎิสนธิในกายก็ระเบิดเหมือนนิวเคลียร์ปล่อยพลังงานไปทุกอณูทั่วกายให้มีชีวิต วิญญาณก็คือธาตุรู้หรือพลังงานที่จิตส่งออกไปเป็นตัวรับรู้สื่อสารของจิต เหมือนเทน้ำใส่แก้ว น้ำจะมีรูปร่างเป็นแก้ว ถ้าเอาไปแช่ให้เป็นน้ำแข็งแล้วทุบแก้วให้แตกก็เหมือนร่างกายแตก แต่น้ำแข็งยังคงตัวเป็นแก้วนั้นอยู่ เปรียบกับจิตที่ยังยึดถือจดจำกายเดิมอยู่ก่อนตายหรือยังแตกพลังงานตัวรู้เป็นรูปกายเดิมอยู่ จึงมักปรากฎเป็นกายพลังงานในรูปเดิมล่าสุดที่เรียกว่า กายละเอียด,กายทิพย์,อาทิสมานกาย ซึ่งชาวบ้านเรียกผีหรือวิญญาณนั่นแหละ ก็คือกลุ่มพลังงานตัวรู้ของจิตที่ยังยึดติดจดจำกายสังขารเดิมนั้นๆตอนมีชีวิตอยู่ กายวิญญาณก็ปรากฎชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ครบบ้างไม่ครบบ้าง แล้วแต่การจดจำสัญญาและบุญกรรมของจิตนั้นๆ  การอุทิศแผ่บุญกุศลให้ก็เหมือนเติมพลังงานให้ดวงจิตนั้นๆ  เมื่อตายเหลือแต่จิตมักทำบุญเองไม่ได้หรือยากมากๆ เพราะมีแต่สัญญาความจำความคิดล่อยลอยไม่มีกายกลไกไปกระทำให้เกิดกิจกรรม ได้แค่รอคนทำบุญอุทิศให้  เทวดาก็เช่นกันมักรอบุญจากคน การปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิในสถานะของกายทิพย์ก็ทำได้ยากมากๆ ไม่ได้บุญบารมีเท่าการนั่งสมาธิปฏิบัติในขณะที่ยังมีชีวิตเป็นคนมีกายเนื้อหนังอยู่ เพราะไม่ได้มีความพยายามต้องต่อสู้ตัดกิเลสอายตนะอะไรเพราะไม่มีเนื้อหนังกลไก จึงควรเร่งปฏิบัติสร้างบุญบารมีก่อนตายเพราะการไปปฏิบัติหลังจากตายเป็นผีหรือเทวดาไปแล้วจะยากมาก ดังนั้นเทวดาจึงอยากมาเกิดเป็นคน  
      
         จิตเป็นอมตะ แต่เดิมเป็นประภัสสรหรือใสผุดผ่อง แต่เศร้าหมองขุ่นด้วยกิเลสหรือกรรม ส่วนความคิดของจิตนั้นเกิดดับเปลี่ยนตลอดเวลา จิตที่เข้ามาปฎิสนธิในกายผ่านทางสายสะดือรกแม่ แล้วแยกไปอยู่ที่ฐานใหญ่มี 7 ฐานในกายหรือจักระทั้ง 7 แต่ล่ะฐานก็แตกพลังงานตัวรู้หรือวิญญาณคลุมทั่วกายสังขาร หรือคนหนึ่งคนมีจิต 7 ดวงในกาย ทำให้คนมีเซ้นสัมผัสญาณวิเศษต่างๆเช่น มีลางสังหารณ์ เห็นผีสิ่งเล้นลับ สื่อสารกับคนสองคนที่อยู่คนล่ะที่ได้พร้อมกัน เพราะส่งจิตบางดวงออกไป ถ้าจิตบางดวงไม่อยู่กับที่หรือหลุดออกไปก็เกิดอาการเสียขวัญ ต้องทำพิธีเรียกขวัญกลับมา ที่ตายแล้วฟื้นเพราะจิตไม่ได้ออกจากร่างหมดทั้ง 7 ดวงจึงฟื้นได้ กระแสพลังงานจักรวาลมีอำนาจต่อกายเนื้อแล้วส่งผ่านวิญญาณธาตุรู้ไปสู่จิตตลอดเวลา ทำให้จิตก่อเจตนาผูกห่วงโซ่กรรมตลอดกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ผูกกรรมในกระแสพลังงานจักรวาลแสดงออกในรหัสต่างๆเช่น ลายมือ ลายเท้า ดวงลักขณาราศี โหราศาสตร์ เลขศาสตร์ โหวงเฮ้ง ฮวงจุ้ย ทุกวิชาเหล่านี้ก็มีจริงใช้ได้จริง เพราะเจตนาของจิตที่ไปผูกสร้างรหัสร่องรอยไว้ แต่การตีความหมายจะคลาดเคลื่อนถูกผิดต่างกันไปตามกรรมอย่ายึดถือจริงจังมากจะทำให้จิตผูกติดกับกระแสเหล่านี้ไม่หลุดพ้น
      
         การจะกลับนิพพานต้องปฎิบัติรวมดวงจิตทั้ง 7 ให้มารวมเป็นหนึ่ง ให้อยู่ในจุดที่เคยเข้ามาตอนปฎิสนธิหรือศูนย์กลางกายตัวใกล้สะดือ  อย่าส่งจิตออกนอกตัวจะเสี่ยงผูกกรรมไม่รู้จบ คนที่ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิแล้วชีวิตแย่เพราะส่งจิตออกไปดึงเจ้ากรรมนายเวรหรือกรรมเก่าในอดีตชาติต่างๆเข้ามา  ถ้าเริ่มรวมได้จะเห็นดวงสว่างใสจากเล็กจนใหญ่เท่าลูกตาที่จุดนี้เรียก ดวงกายสิทธิ์,ธรรมกาย,กายพุทธะ,ดวงประภัสสร,ดวงธรรม  คืออันเดียวกันหมด ถ้ารวมดวงสว่างนี้เข้ามาหมดสมบูรณ์จะเป็นดวงใสไม่มีสี  ถ้ายังมีสีอยู่แม้จะสีขาวคือกิเลสยังเจือผสมอยู่  ฝึกเป็นประจำเมื่อตายจะไปนิพพานหรือพรหมโลกหรือภพสูงๆได้แล้วแต่การปฏิบัติเพราะเป็นบุญใหญ่สุดทำให้กรรมเป็นอโหสิได้  ดวงสว่างนี้ใช้เป็นแก้วสารพัดนึกอธิษฐานได้  ใช้ปลุกเสกเครื่องรางของขลังทำน้ำมนต์ได้จะขลังขนาดไหนก็แล้วแต่สีของดวงนั้น  พระเกจิที่ปฏิบัติขั้นสูงกระดูกท่านมักเป็นแก้วใสอย่างที่เห็น เพราะกายธรรมหรือธรรมกายมีจริง ขนาดกายเนื้อยังเป็นแก้วได้  แต่ชีวิตคนปัจจุบันทำได้ยากเพราะวุ่นวาย และมีคลื่นหลายชนิดรบกวนจักระทั้ง 7 ตลอดเวลาทุกที่ เช่น คลื่นโทรศัพท์ 5G มีความถี่สูงแคบมากๆรบกวนจิตและกายได้ง่าย อย่าปฎิบัติด้วยความเคร่งเครียดใจร้อน ทำได้ทั้งท่านั่งนอนยืน ให้ตั้งจิตภาวนา เช่น "พุทโธ" , "สัมมาอะระหัง" , "นะโม อมิตาพุทธ" ให้ภาวนาติดเป็นอารมณ์เดียวไว้นึกถึงพระพุทธเจ้าจะได้บารมีช่วย
    
          นิพพานไม่สูญเป็นแดนประภัสสร แดนแก้วทิพย์ใส พระพุทธเจ้าหรืออรหันต์ในพระนิพพานท่านเข้าสู่ธรรมกายหรือมีกายเป็นแก้วหมดไปแล้ว ไม่มีกายเนื้อที่มีกระดูกเลือดเนื้ออีก คือพ้นทางโลกกายเนื้อหนังกิเลสแบบมนุษย์ในภพทั้งสาม  สวรรค์มีหลายชั้น และชั้นที่ควรขึ้นไปให้ได้คือชั้นดุสิตเพราะไม่มีพญามารหรือกิเลสฝ่ายมืดไปรบกวน เป็นชั้นของโพธิสัตว์ส่วนมากมีแต่ผู้ปฏิบัติธรรมในชั้นนี้เป็นที่พักเพื่อไต่ระดับขึ้นไปสู่พระนิพพานอีกที ถ้าต่ำกว่านี้เป็นสวรรค์ที่ยังมีกิเลสตัณหาอยู่มากต้องลงมาเกิดอีก
 
รับฟังบรรยายเรื่องเล่าจากวิชชาธรรมกาย หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ได้ที่ช่องนี้

https://www.youtube.com/@thammakaybuddha
https://www.youtube.com/@thammakaybuddha
https://www.youtube.com/@thammakaybuddha

  


* ck.jpg (159.21 KB, 992x1110 - ดู 151 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 พฤษภาคม 2025, 20:28:54 โดย pmsale » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!