เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 31 กรกฎาคม 2025, 20:10:16
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ‘รอยเตอร์’ วิจารณ์ ‘การศึกษาไทย’ ไม่ปฏิรูปใหญ่จะทำประเทศหมดเสน่ห์ดึงดูดเงินลงทุน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ‘รอยเตอร์’ วิจารณ์ ‘การศึกษาไทย’ ไม่ปฏิรูปใหญ่จะทำประเทศหมดเสน่ห์ดึงดูดเงินลงทุน  (อ่าน 1108 ครั้ง)
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 20:17:46 »

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สำนักข่าวรอยเตอร์เสนอบทวิเคราะห์ระบบการศึกษาของไทย ระบุการศีกษาของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักในเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนอยู่ในลักษณะมองเข้าหาตัวเอง ซึ่งเน้นหนักให้ความสำคัญกับการท่องจำและการอ่านออกเขียนได้ระดับพื้นฐาน โดยที่พวกนักวิจารณ์ชี้ว่า ถ้าหากไม่ปรับปรุงยกเครื่องครั้งใหญ่เพื่อให้ระบบการศึกษาก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 แล้ว ประเทศไทยก็จะเป็นผู้พ่ายแพ้ในการการชิงชัยกับพวกคู่แข่งแถบเอเชียเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ
       
บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์ชิ้นนี้ซึ่งเขียนโดย อัมบิกา อาฮูจา (Ambika Ahuja) บอกว่า ขณะที่ไต้หวัน, สิงคโปร์, จีน และอินเดีย ทุ่มเทเงินงบประมาณนับพันนับหมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาการศึกษาในขั้นมหาวิทยาลัยให้ขึ้นสู่ระดับโลก, การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ, และทักษะความชำนาญด้านต่างๆ ที่มีมูลค่าสูง ประเทศไทยกลับแทบไม่ได้ขยับเขยื้อนระบบการศึกษาของตนเองซึ่งได้ดำรงสภาพเช่นนี้มาเป็นสิบปีแล้ว โดยที่ไทยยังคงกำหนดจุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดของการศึกษาเอาไว้ที่การสงวนรักษาอัตลักษณ์แห่งชาติ
       
รอยเตอร์ชี้ว่า ทางด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีผู้เกิดในอังกฤษและสำเร็จการศึกษาจากออกซฟอร์ด ต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพดังกล่าวนี้ ด้วยแผนการปฏิรูปการศึกษาระยะเวลา 6 ปีที่ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 371,500 ล้านบาท (ราว 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งคณะรัฐมนตรีของเขาอนุมัติไปแล้วเมื่อตอนต้นเดือนนี้ ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเป็นโขยงที่มุ่งจะใช้เรียกคะแนนเสียงในการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ซึ่งคาดหมายกันว่าการแข่งขันจะเป็นไปอย่างเข้มข้น
       
อย่างไรก็ดี บทวิเคราะห์ระบุว่า เอาเข้าจริงแล้วพวกผู้เชี่ยวชาญมองกันว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องเงินงบประมาณ และยกตัวอย่างคำพูดของนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า กรอบความคิดความเชื่อของหลักสูตรการศึกษาไทยในเวลานี้ เป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากยุคสร้างชาติและยุคสงครามเย็น ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตพลเมืองที่เชื่อฟังผู้ปกครองและมีลักษณะชาตินิยม เป็นระบบการศึกษาที่ “มีความเป็นลำดับชั้น, จากบนสู่ล่าง, โดยที่ขาดไร้อย่างชนิดเป็นระบบทีเดียวในเรื่องความคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์”
       
บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์เห็นว่า ระบบการศึกษาเช่นนี้ผลิตบุคลากรที่ไม่เอื้อต่อการก้าวไปข้างหน้าของไทย ในขณะที่เวลานี้ไทยกำลังพยายามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ให้เข้าสู่พื้นที่อื่นๆ ด้วยนอกเหนือจากอุตสาหกรรมการผลิตพื้นฐาน
       
รอยเตอร์อ้างคำพูดของซีอีโอชาวอเมริกันในบริษัทสำคัญแห่งหนึ่งที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ ที่บอกว่า “การหาคนงานซึ่งอยู่ในวัยหนุ่มสาว, มีความสามารถรอบตัว, มีทักษะสูง, และพูดภาษาอังกฤษได้ เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่ามาก ถ้าไปหาในสิงคโปร์, ไต้หวัน และจีน”
       
นอกจากนั้น “แรงงานของไทยก็ไม่ได้มีราคาถูกเหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีต ด้วยเหตุนี้พวกตำแหน่งงานอุตสาหกรรมการผลิตพื้นฐานจึงกำลังเริ่มเคลื่อนย้ายไปที่อื่นๆ ด้วยเช่นกัน” ซีอีโอที่ขอสงวนนามผู้นี้กล่าว
       
พร้อมกันนี้ รอยเตอร์ได้อ้างข้อมูลตัวเลขที่รวบรวมโดย องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ซึ่งระบุว่า ในปี 2010 ค่าจ้างแรงงานไทยตามโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่เดือนละ 263 ดอลลาร์ ตัวเลขนี้แม้ยังคงต่ำกว่าจีนซึ่งอยู่ที่ 303 ดอลลาร์ ทว่าสูงกว่า ฟิลิปปินส์ซึ่งอยู่ที่ 212 ดอลลาร์, อินโดนีเซียอยู่ที่ 182 ดอลลาร์, เวียดนามที่ 107 ดอลลาร์ และกัมพูชาที่ 101 ดอลลาร์
       
ในขณะที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปการศึกษาของนายอภิสิทธิ์ บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์ก็บอกว่าผลงานของฝ่ายค้านเองจัดอยู่ในสภาพกระท่อนกระแท่นไม่น่าพอใจเช่นเดียวกัน เป็นต้นว่ารัฐบาลในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงปี 2001-2006 ให้คำมั่นที่จะทำให้พวกโรงเรียนรัฐบาลมีอิสระมากยิ่งขึ้น ทว่ากลับไปไม่ถึงไหนเมื่อเผชิญการต้านทานจากกระทรวงศึกษาธิการ
       
รอยเตอร์กล่าวว่า ในตอนนี้พวกผู้นำพรรคเพื่อไทยบอกว่า พวกเขาจะเพิ่มงบประมาณใช้จ่ายในด้านทรัพยากรต่างๆ ของโรงเรียน ตลอดจนในเรื่องเทคโนโลยี และทุนการศึกษา ทว่าพวกนักวิจารณ์มองว่านโยบายเช่นนี้พลาดเป้าโดยไม่ได้จับประเด็นปัญหาพื้นฐานที่สุด ซึ่งก็คือ วิธีการฝึกอบรมครู และหลักสูตรการเรียนการสอน
       
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้อ้างตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งระบุว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้จ่ายในด้านการศึกษามากที่สุดของโลกเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจ โดยที่กำลังจัดสรรงบประมาณประจำปีราวๆ 20% ให้แก่การศึกษา
       
นอกจากนั้น รอยเตอร์ยังอ้างข้อมูลของสถาบันการบริหารการพัฒนา (Institute of Management Development หรือ IMD) ซึ่งตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่บอกว่า ในปี 2009 ไทยใช้จ่ายด้านการศึกษาเป็นจำนวนเท่ากับ 4% ของจีดีพี สูงกว่าสิงคโปร์ซึ่งอยู่ที่ 3.1% ทว่าขณะที่สิงคโปร์ติดอันดับ 13 ในเรื่องผลงานทางด้านการศึกษา ไทยกลับอยู่ที่ 47
       
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้อ้างผลการวิจัยของนายดิเรก ปัทมศิริวัฒน์ แห่งสถาบันเพื่อการวิจัยประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่กล่าวว่า ขณะที่นักเรียนไทยประมาณ 71% เข้าโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา แต่มีเพียง 18% เท่านั้นที่สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา
       
แถมการจบมหาวิทยาลัยก็ใช่ว่าจะเป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จ โดยรอยเตอร์อ้างการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของ แควกเควเรลลี ไซมอนด์ส (Quacquarelli Symonds หรือ QS) ที่ออกมาว่า มหาวิทยาลัยไทยซึ่งได้อันดับดีที่สุดคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น ยังติดเพียงอันดับ 180 ของโลก เปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยฮ่องกงซึ่งอยู่ที่ 23 และมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ที่ติดอันดับ 31
       
รอยเตอร์บอกว่า ผลลัพธ์ประการหนึ่งที่เกิดขึ้นจากสภาพการณ์เช่นนี้ก็คือ ประเทศไทยผลิตกำลังแรงงานที่มีทักษะด้านภาษาอังกฤษซึ่งอ่อนแอที่สุดชาติหนึ่งของโลก โดยที่ IMD จัดให้ไทยอยู่ในอันดับ 54 จาก 56 ประเทศทั่วโลกในเรื่องความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ เมื่อเทียบกับชาติเอเชียด้วยกันก็อยู่ในระดับรองบ๊วย ขณะที่สิงคโปร์อยู่อันดับ 3 และมาเลเซียได้ที่ 28
       
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ยังอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์หลายรายที่มองว่า การที่ไทยไม่สามารถที่จะปรับปรุงยกเครื่องการศึกษาอย่างขนานใหญ่ได้ เนื่องจากปัจจัยเรื่องความเฉื่อยช้าของระบบราชการ, การขาดแคลนแนวความคิดในเรื่องวิธีการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน และความย่ำแย่ของระบบการคัดเลือกและการฝึกอบรมผู้ที่จะเป็นครูอาจารย์

ที่มา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000066142
IP : บันทึกการเข้า
nalismenox
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 849


สุดท้ายก็กลับมายืนจุดเดิม


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 22:39:05 »

แบบว่า ยิ่งปฏิรูปก็ยิ่งเพอะ เพ้อเจ้อมากขึ้นเรื่อยๆ
คนหนึ่งจะเอาอย่างนี้ อีกคนจะเอาอย่างงั้น เคยถามเด็กไหมว่าเขาอยากเรียนแบบไหนยังไง
จักดีแต่คิด คิดมันเข้าไป คิดแล้วทำไม่ได้ตูก็ขอคิด เพราะคิดแล้วตูได้เงิน
เวลาตูมาตรวจตูก็ได้เงิน ทุกอย่างคือผลประโยชน์หมดทั้งสิ้น
จนเวลานี้้เด็กๆ บางที่่เขาบอกว่าไงรู้ไหม?
"จะเรียนไปทำไม เรียนไปแล้วเอามาใช้หากินในชีวิตประจำวันไม่ได้เลย.."
ซึ่งก็ถูกอ่ะนะ เขาทำนา ให้เขาเรียนมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาไปช่วยพ่อแม่เขาได้ไหม?
ก็เปล่า เพราะเขาไม่รู้่ว่าที่เรียนๆไปนั้นเอามาช่วยพ่อแม่หรือตัวเขาทำมาหากินยังไงได้บ้าง?

เอาแค่นี้ก่อนเหอะท่านผู้ประเสริฐทั้งหลาย รบกวนว่างๆ ช่วยถามผู้เรียนหน่อย
ว่าเขาอยากเรียนอะไร เรียนไปแล้วเอาไปทำอะไรได้ ที่ทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น?!
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 22:43:14 »

ขอบคุณข้อมูล ครับ.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
theroosterclub
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 23:35:27 »

ชอบตรงนี้ครับ


"กรอบความคิดความเชื่อของหลักสูตรการศึกษาไทยในเวลานี้ เป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากยุคสร้างชาติและยุคสงครามเย็น ซึ่งมุ่งเน้นการผลิตพลเมืองที่เชื่อฟังผู้ปกครองและมีลักษณะชาตินิยม เป็นระบบการศึกษาที่ “มีความเป็นลำดับชั้น, จากบนสู่ล่าง, โดยที่ขาดไร้อย่างชนิดเป็นระบบทีเดียวในเรื่องความคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์”

ผมคิดว่า เป็นการจงใจถ่วงความเจริญของบ้านเมือง
IP : บันทึกการเข้า
yodying
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 281



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 06:52:19 »

ในนี้มีครูบาอาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาอยู่ไม่น้อย

รอฟังความคิดเห็นอยู่นะว่า ปัญหาทางการศึกษามีอยู่จริงหรือไม่
ถ้ามี อะไรคือปัญหา
ถ้าไม่มี ทำไมสู้ประเทศอื่นเขาไม่ได้
IP : บันทึกการเข้า
modern100
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 07:52:41 »

ณ วันนี้ บรรดาครูไทยก็เป็นงงอยู่ สื่อสารกันระหว่างเบื้องบนกับเบื้องล่าง
 ใช้ภาษายากเกินจะเข้าใจ ...เอาจาใดกั๋นแน่นี่?ฮืม คงจะงงกันอีกน้านนาน
IP : บันทึกการเข้า
theroosterclub
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 08:11:34 »

ครูบาอาจาย์ื ถูกบังคับให้ทำประเมินแบบละเอียดยิบ จนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเกินความจำเป็นซึ่งเป็นการเปลืองทรัยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก นักวิชาการข้างในก็คิดได้ แต่ไม่ได้ลงมาปฏิบัติเอง แล้วที่ทุกวันนี้ นร. พูดภาษาไม่เก่งก็มิใช่เพราะหลักสูตรหรือแนวความคิดที่จัดฉากไว้หรือ
IP : บันทึกการเข้า
porridge
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 643


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 08:44:48 »

แต่ชุดนักฉึกฉาก็พัฒนาไปไกลแล้วนะ อิ อิ
IP : บันทึกการเข้า
[[[ [[ [ ChERpaYO ] ]] ]]]
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 194


Take the time to know what real LOVE is.


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 09:54:42 »

       ยังจำได้ว่า...ตอนเรียนเคยมีความคิดที่ว่า คนจะเรียนดีไม่ดี ตั้งใจเรียน ฉลาดหรือว่าโง่
ไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัว และการตัดผมสั้น ด้วยเหตุนี้ ก็เข้าห้องปกครงเป็นว่าเล่น
โดนตัดผมประจานหน้าเสาธงบ้าง แต่งกายไม่เรียบร้อยบ้าง
ตอนมาเรียน มหาลัย เราก็ไม่เปลี่ยนไว้ผมยาวมันซะเลย แต่งตัวซกมก
สาวๆไม่มีเเล แต่ขอโทษครับ...ผมก็จบมาได้
ขอได้ไหมเลิกใส่ใจอะไรที่ไร้สาระ นอกจากแนวความคิดและหัวสมอง
           ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ที่ทำตัวดื้อด้าน ไม่ฟังเสียงมดปลวก
IP : บันทึกการเข้า

อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ  ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก  จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย
zombie01
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,516


ความสุขเกิดขึ้นได้ เพียงแต่รู้จักใช้ชีวิต


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 10:03:04 »

      ยังจำได้ว่า...ตอนเรียนเคยมีความคิดที่ว่า คนจะเรียนดีไม่ดี ตั้งใจเรียน ฉลาดหรือว่าโง่
ไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัว และการตัดผมสั้น ด้วยเหตุนี้ ก็เข้าห้องปกครงเป็นว่าเล่น
โดนตัดผมประจานหน้าเสาธงบ้าง แต่งกายไม่เรียบร้อยบ้าง
ตอนมาเรียน มหาลัย เราก็ไม่เปลี่ยนไว้ผมยาวมันซะเลย แต่งตัวซกมก
สาวๆไม่มีเเล แต่ขอโทษครับ...ผมก็จบมาได้
ขอได้ไหมเลิกใส่ใจอะไรที่ไร้สาระ นอกจากแนวความคิดและหัวสมอง
           ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ที่ทำตัวดื้อด้าน ไม่ฟังเสียงมดปลวก

ผมเคยเป็นนักเรียนครับ เคยคิดคล้าย ๆ กัน แต่ลองมองอีกด้านว่า ถ้าครูเป็นอย่างที่ว่า คือแต่งตัวไม่สุภาพ ลากแตะมาสอน ไว้ผมยาว แต่งตัวซกมก นศ จะรู้สึกอย่างไรบ้างครับ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม 
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!