เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 กรกฎาคม 2025, 10:22:49
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0
ห้ามประกาศซื้อขาย แลกเปลี่ยน สัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิด บนเว็บไซต์แห่งนี้ เจอกระทู้ไหนประกาศ จะดำเนินการลบออก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ตลาดกลางซื้อขายสินค้าออนไลน์
| |-+  สัตว์เลี้ยง (ผู้ดูแล: ตาต้อม, Active Oper, “๏.๎฿ @ ์ N ' K๎.๏™”)
| | |-+  ++...คนรักชิวาว่า...++...++...เข้ามาพูดคุยกันครับ...++
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 ... 60 พิมพ์
ผู้เขียน ++...คนรักชิวาว่า...++...++...เข้ามาพูดคุยกันครับ...++  (อ่าน 102851 ครั้ง)
sasi_mm
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 684



« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 14:36:41 »

น้องหมาตรงหัวเป็นรูเล็กๆเหมือนเด็กเกิดใหม่เลย
IP : บันทึกการเข้า

เวลาไม่อาจย้อนกลับไป แต่เวลามีให้เราเริ่มใหม่เสมอ
3lacKL43eL
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,224



« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 22 พฤษภาคม 2011, 18:55:25 »

ถ้าจะมีการจัดจริงๆ ก้อยินดีต้อนรับนะคับ.....
อิิอิ น่าจะสนุก
IP : บันทึกการเข้า

Originalize
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 08:02:27 »

น้องหมาตรงหัวเป็นรูเล็กๆเหมือนเด็กเกิดใหม่เลย
เค้าเรียกว่า Molera คือจุดอ่อนนุ่มเป็นรูเล็กๆส่วนบนของกะโหลก และจะเล็กลงเมื่ออายุมากขึ้น
 เวลาที่สัมผัสส่วนนี้เบาๆด้วยความนุ่มนวลก็จะไม่มีอันตราย
แต่ถ้าหากถูกกระแทกแรงๆก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
 ในบางตัวที่มีขนาดของ molera ใหญ่มากอาจจะทำให้มีโอกาสเป็น hydrocephalus หรือภาวะสมองบวมน้ำ
แต่ก็ไม่แน่เสมอไปเพราะว่ายังมีอาการอีกหลายอย่างที่จะแสดงว่าสุนัขเป็น hydrocephalus Hydrocephalus หรือสภาวะสมองบวมน้ำ 
สุนัขที่เป็น hydrocephalus จะมีลักษณะหัวที่ใหญ่ผิดปกติเมื่อเทียบกับขนาดตัว
 กะโหลกขยายใหญ่  รอยต่อของกะโหลกไม่เชื่อมต่อกันและเกิดช่องว่างระหว่างเนื้อสมองและกะโหลก
ซึ่งมีสาเหตุมาจากภาวะสมองบวมน้ำ  ภาวะสมองบวมน้ำอาจเป็นผลมาจากยีนผิดปกติ
หรือเกิดจากการสะสมของ CSF มากกว่าปกติ
ซึ่งอาจเกิดตั้งแต่ลูกสุนัขยังอยู่ในท้องหรือหลังจากคลอดไม่นานโดยไม่ทราบสาเหตุ
 ลูกสุนัขที่มีภาวะสมองบวมน้ำขั้นรุนแรงส่วนมากจะตายภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากคลอดได้ไม่นาน
ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของความดันในสมอง
  ในลูกสุนัขที่มีอาการไม่รุนแรงมากนักอาจจะมีอายุได้มากกว่า 2-3 เดือน 
 ในสุนัขที่มีภาวะสมองบวมน้ำจะทำให้การเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ
 อาการอื่นที่พบได้บ่อยๆคือ มีอาการชัก เห็นตาขาวมากกว่าปกติ เดินไม่มั่นคง ตามองไปคนละข้าง
 ถึงแม้ว่าภาวะสมองบวมน้ำจะทำให้สุนัขส่วนใหญ่ตายตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่ก็มีบางตัวที่สามารถอยู่ได้มากกว่า 2 ปี
สุนัขที่มีภาวะสมองบวมน้ำไม่ควรนำมาใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์เพราะอาจถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้
 ในการรักษาโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมีน้อยและราคาสูง สุนัขประมาณ 80-90 % จำมี 
Molera
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 08:03:00 »

ถ้าจะมีการจัดจริงๆ ก้อยินดีต้อนรับนะคับ.....
อิิอิ น่าจะสนุก
ถ้าจัดจริง สนุกแน่คับ...
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
3lacKL43eL
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,224



« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 08:21:37 »

ถ้าจะมีการจัดจริงๆ ก้อยินดีต้อนรับนะคับ.....
อิิอิ น่าจะสนุก
ถ้าจัดจริง สนุกแน่คับ...
อะครับ รอๆๆ รวมกันเอะๆ อิอิ
IP : บันทึกการเข้า

Originalize
nikom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 362


« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 08:29:09 »

ชอบมากๆชิวาวา


* SL370899.JPG (294.07 KB, 1024x768 - ดู 730 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 08:36:22 »

ชอบมากๆชิวาวา
บ้านหลังนี้คุ้นๆ อยู่ซอยบ้านดำ นางแล ใช่ป่าวคับ เคยไปดูน้องชิที่พี่ผู้หญิงอ่ะคับ....
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 14:00:00 »

อัพ...
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
mind-phong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 20:08:38 »

ถ้ามีตติ้ง จาเอาลูกสาวไปด้วยคับ  (มะช่ายชิแท้ ไปด้ายมั้ยน้อ)

ว้าว...น่าสนคร่า มิตติ้ง ชิวาว่าแท้ และ ผสม....
IP : บันทึกการเข้า
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 08:06:52 »

ถ้ามีตติ้ง จาเอาลูกสาวไปด้วยคับ  (มะช่ายชิแท้ ไปด้ายมั้ยน้อ)

ว้าว...น่าสนคร่า มิตติ้ง ชิวาว่าแท้ และ ผสม....
เดี๋ยวรอรวบรวมสมาชิกได้เยอะๆ แล้วค่อยจัด Meetting กันนะครับ....
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
mind-phong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 10:24:12 »

ถ้ามีตติ้ง จาเอาลูกสาวไปด้วยคับ  (มะช่ายชิแท้ ไปด้ายมั้ยน้อ)

ว้าว...น่าสนคร่า มิตติ้ง ชิวาว่าแท้ และ ผสม....
เดี๋ยวรอรวบรวมสมาชิกได้เยอะๆ แล้วค่อยจัด Meetting กันนะครับ....

ค่ะ..รอ รอ น่าค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 10:57:16 »

โรคขี้เรื้อนแห้ง

         เวลาที่ผมถามเจ้าของสุนัขว่า โรคใดที่สร้างความกังวลใจและไม่อยากให้สุนัขของตัวเองเป็นมากที่สุด  เชื่อได้เลยครับว่า โรคเรื้อนมักเป็นคำตอบในอันดับต้นๆ  ถือเป็นโรคที่เจ้าของสัตว์ให้ความสนใจและไม่สบายใจเลย หากมีผู้บอกว่าสุนัขของท่านได้เรียบร้อยโรงเรียนเรื้อนไปเสียแล้ว  คงต้องวิ่งหาสัตวแพทย์แน่ๆ  ใน Petgang ฉบับที่ 5นั้นเราได้คุยกันถึงเรื่องของโรคเรื้อนเปียกไปแล้ว เพื่อความต่อเนื่องต้องมาคุยถึงโรคเรื้อนแห้งกันต่อ จะได้เข้าใจว่าลักษณะของโรคทั้งสองประเภทนั้นมันแตกต่างกันอย่างไรและแค่ไหน

       สาเหตุของโรคเรื้อนแห้ง เกิดจากสุนัขป่วยติดเชื้อปรสิตภายนอก เป็นตัวไรเล็กๆ อาศัยอยู่บนผิวหนังชั้นหนังกำพร้า ไม่ได้อาศัยลงลึกไปกว่านั้น เจ้าไรที่ว่านี้มีขนาดเล็กมากครับ ทั้งยังสามารถสืบพันธุ์ ออกไข่ให้ลูกให้หลานได้อีกมากมาย เรียกว่าอาศัยผิวหนังสุนัขเป็นบ้านหลังใหญ่เลยทีเดียว ปัญหาที่มักถามกันมากก็คือ เจ้าตูบแสนรักจะไปติดโรคนี้ได้อย่างไร  ทั้งๆ ที่เลี้ยงอยู่แต่ในบ้าน  เหตุที่ว่าเกิดได้จากการเล่น สัมผัสและคลุกคลีกับตัวที่ป่วยเข้าจนเกิดการถ่ายทอดเจ้าไรตัวนี้ต่อกันไป ที่สำคัญอีกประการคือเรื่องของสภาพแวดล้อมครับ ในบ้านเมืองของเรามีสุนัขจรจัดเยอะ เรียกว่าเดินไปตรอกไหน ซอกไหน ซอยไหนมีอันต้องได้เจอ

        นี่เองแหละครับที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้เร็วและต่อเนื่อง สุนัขที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการคันมาก และเมื่อคันเกาบริเวณที่เป็นรอยโรคจะมีชิ้นส่วนของสะเก็ดผิวหนังที่ปลิวกระจายล่วงออกมาจากตัวสุนัข  หากสุนัขอีกตัวไปนอนทับหรือเกลือกกลิ้งย่อมมีโอกาสจะติดเชื้อ จนอาจป่วยเป็นโรคเรื้อนแห้งได้ เนื่องจากเจ้าไรขี้เรื้อนนี้มีชีวิตได้นานกว่า 2 วัน เมื่อหลุดร่วงจากผิวหนังของสุนัขตัวที่ป่วยยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะไปติดต่อกับสุนัขตัวอื่นได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นถึงแม้ท่านไม่ได้พาสัตว์เลี้ยงออกไปนอกบ้าน แต่ถ้าสุนัขของเราชอบนอนใกล้รั้วบ้าน และหากรอบๆ บ้านมีสุนัขจรจัดตัวที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้งอาศัยอยู่ ย่อมมีโอกาสติดโรคได้เช่นกันครับ

        อาการของสุนัขตัวที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้ง  เริ่มต้นจะมีอาการคันตัว คันที่ขอบใบหูทั้งสองข้างและคันที่ศอกด้านข้าง ถ้าสังเกตให้ดีจะพบเม็ดตุ่มแดงๆ ขึ้นที่ผิวหนัง บริเวณที่เห็นชัดเจนมักเป็นที่ท้อง หรือบริเวณขาหนีบ และบั้นท้าย จากนั้นจะเริ่มมีอาการคันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งขนบนตัวสัตว์เริ่มร่วง ตำแหน่งที่พบชัดเจน คือที่ขอบใบหูสองข้าง และศอกด้านข้าง ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเริ่มเป็นสะเก็ดแผลที่หนาตัวขึ้น เมื่อแผลนั้นเริ่มแตกออกมากขึ้นเรื่อยๆ  อาการขนร่วงจะค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วตัว ทีนี้สะเก็ดแผลบนผิวหนังจะเริ่มเกิดขึ้นทั่วตัวเช่นกัน เจ้าสุนัขหนังกลับที่เราเห็นข้างถนนนั่นล่ะครับ คือสุนัขที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้ง
      
        การตรวจวินิจฉัย ในเบื้องต้นเราควรสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงของเราเองก่อนครับ ซึ่งการทดสอบที่ได้ผลค่อนข้างแม่นยำในการตรวจโรคนี้ เรียกว่า การทำ Pinna-pedal reflex test การทดสอบทำได้ง่ายมาก เวลาที่สุนัขป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้งจะมีตำแหน่งที่คันมากๆ อยู่ 2 จุดดังที่กล่าวมา คือที่ปลายใบหูสองข้างนั้น และที่ข้อศอกด้านข้าง ถ้าเราจับสุนัขมาทดสอบโดยการเอานิ้วมือขยี้ที่ปลายใบหูเบาๆ แล้วสุนัขเอาเท้าหลังข้างนั้นเกาที่ศอกด้านนั้น ก็น่าสงสัยครับว่าทำไมสุนัขของเราถึงคันได้ เพราะอาการดังกล่าวแสดงว่าสัตว์คันมากที่ปลายใบหู และที่ศอกด้วย และโรคผิวหนังที่จะเกิดขึ้นได้มีไม่กี่โรคหรอกครับ ที่สำคัญคือโรคขี้เรื้อนแห้งนี่แหละครับ แต่การที่เราจะสรุปปัญหาการป่วยว่าใช่โรคขี้เรื้อนแห้งหรือไม่นั้น คงต้องอาศัยองค์ประกอบหลายประการร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรอยโรคที่ปรากฏ  การทดสอบทำ Pinna-pedal reflex test  การขูดผิวหนังเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาตัวไรขี้เรื้อน  ทุกอย่างจะสอดคล้องกันแม้ว่าการขูดผิวหนังเพื่อหาไรขี้เรื้อนอาจจะไม่พบ เพราะถ้าอยู่ในระยะเริ่มต้นมักจะขูดผิวหนังไม่พบเสียด้วยซิครับ

        การรักษาโรคขี้เรื้อนแห้ง สามารถทำได้หลายวิธีครับ ที่นิยมกระทำ คือ การให้ยาโดยการฉีดเพื่อรักษา ซึ่งได้ผลดีแต่ก็ต้องทำซ้ำทุกๆ 10-14 วันครั้งจนกว่าสุนัขจะหายสนิท  ในกรณีที่เราเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว เราต้องพาสัตว์เลี้ยงทุกตัวมารับการรักษาด้วย เพราะโรคนี้ติดต่อได้ง่ายและติดต่อได้ไวมาก ถ้าเราไม่สนใจนำสุนัขมารับการรักษาพร้อมๆ กันจะทำให้เกิดปัญหาการป่วยวนเวียนอยู่ในฝูงสุนัข  เพราะเมื่อตัวที่เป็นหาย ตัวที่ได้รับเชื้อจะเริ่มแสดงอาการอีก และถ้ายาเสื่อมฤทธิ์เมื่อไหร่ สุนัขจะเริ่มมีอาการป่วยอีกเช่นกัน  เจ้าตัวที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้งนั้นมีความน่ารังเกียจอยู่แล้วครับ เพราะสัตว์เองแทบจะไม่มีขนอยู่บนผิวหนังเลย บางตัวมีสะเก็ดคัน มีแผลแตกระแหงมากมายบนผิวหนัง มองยังไงก็ไม่น่ารัก ไม่น่าสัมผัส จริงๆ  แล้วถ้าท่านเจ้าของอุ้มสัตว์เลี้ยงตัวที่ป่วยนั้นมารักษา  ถึงแม้ว่าจะไม่มีขนเลยแม้แต่เส้นเดียว และมีแผลมากมาย แต่เมื่อได้รับการรักษาแล้วสุนัขของเราก็จะกลับมามีผิวหนังและขนดังเดิม โรคขี้เรื้อนแห้งนี้รักษาให้หายขาดได้ เพราะฉะนั้นอย่ารังเกียจสุนัขเลยครับ ตัดสินใจรักษาแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจนทำให้ผิวหนังอักเสบรุนแรงตามมา
        อาการแทรกซ้อนของสุนัขที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้ง อาการที่พบได้มักมีมูลเหตุจากการคันนั่นล่ะครับ สุนัขบางตัวมีอาการคันเกาหูจนใบหูบวม มีเลือดคั่ง ทำให้เราต้องตามมารักษาอาการดังกล่าวอีก หรือบางตัวเอาตัวถูไถกับพื้น เลีย และงับตรงผิวหนังที่คันทำให้เกิดอาการแผลแดงช้ำรุนแรง และเป็นไวมาก อย่างที่บอกไว้นั่นล่ะครับ โรคขี้เรื้อนแห้งเป็นโรคที่คันสุดๆ จริงๆ ครับ

        โรคขี้เรื้อนแห้งติดคนไหม  คำตอบ คือ ติดต่อถึงคนได้นะครับ โรคนี้ติดต่อจากการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่ป่วยอยู่นั่นแหละ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านทราบว่าสุนัขของเราป่วยเป็นโรคนี้ ควรหยุดกอดและคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงไว้ก่อน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ผิวค่อนข้างบอบบาง ควรหยุดกอดรัด หรืออุ้มเจ้าตัวน้อยเลยครับ โรคที่ติดมาสู่คนนั้นจะมีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มแดงๆ ขึ้นบนผิวหนัง มีอาการคัน และกระจายออกไปได้ ซึ่งถ้ามีอาการเช่นนี้ให้รีบไปหาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 13:08:35 โดย Small Dog » IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 11:00:28 »

โรคลำไส้อักเสบ....

โรคลำไส้อักเสบ หรือที่เรียกกันเป็นภาษาสากลว่า Canine Viral Enritis แปลตรงๆ ก็จะได้ว่า มันคือ “การติดเชื้อในชั้น mucosa ของลำไส้(Enritis) อันเนื่องมาจากเชื้อไวรัส(Viral) ในสุนัข (Canine)”
อาการลำไส้อักเสบอาจจะเกิดได้จากเชื้อหลายชนิด เช่นแบคทีเรีย ไวรัส หรือกระทั่งอาหารเป็นพิษ แต่ที่เราๆ เจอกันบ่อยๆ ก็จะเป็นเจ้าตัวนี้คับ ที่ร้ายแรงและอันตรายที่สุด

สาเหตุของการเกิดโรค
สาเหตุของการเกิดโรค สำหรับโรคนี้ก็คือไวรัส (Virus) นั่นเองคับ ตามชื่อเลย โดยไวรัสที่ทำให้เกิดโรคจะจำแนกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกันคือ Parvovirus และ Coronavirus แต่ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งคือ Retrovirus ซึ่งพบได้น้อยกว่าสองกลุ่มแรกอย่างเห็นได้ชัด

แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนโรค อาการของน้องหมาทีติดเชื้อเหล่านี้จะมีความคล้ายกัน แต่ความรุนแรงจะแตกต่างกันเลยคับ โดยชนิดที่รุนแรงสุดก็จะเป็น parvovirus ที่เกิดขึ้นฉับพลันและความรุนแรงมีสูง รองลงมาก็จะเป็น corona virus ที่ความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่า ส่วน rotavirus นี่จะมีความรุนแรงน้อยสุด บางครั้งอาจจะหายได้เอง

โดยปกติอาการมักแสดงเมื่อมีระยะฟักตัวของเชื้อโรคประมาณ 4-7 วัน  และพบมากในลูกสุนัขช่วง 2-6 เดือนที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง รวมถึงไมได้ฉีดวัคซีนจะมีความเสี่ยงต่อโรคสูงกว่าสุนัขโต แต่ก็ไม่ใช่ว่าสุนัขโตจะเป็นโรคนี้ไม่ได้

รู้ได้ยังไงว่าอาการเริ่มต้นเป็นยังไง
อาการของโรคกลุ่มนี้จะคล้ายๆกันคือ ซึม อาเจียน ท้องเสียอย่างรุนแรง สุนัขจะถ่ายเหลว เป็นสีเหลืองปนเทา หรือสีเทา ในบางกรณีอาจถ่ายเป็นเลือด มีกลิ่นคาวจัด สีของอึที่ออกมาเป็นสีแบบน้ำโกโก้ น้ำหนักตัวจะลดลงอย่างรวดเร็ว และมีอาการขาดน้ำเกิดขึ้นกล้ามเนื้อหัวใจตาย และขาดอาหารเนื่องจากระบบย่อยอาหารไม่สามารถทำงานได้

ความรุนแรงของโรคจะขึ้นอยู่กับ ปัจจัยต่างๆ มากมาย เช่น ภูมิคุ้มกันในตัวสุนัข อายุของลูกสุนัข ชนิดของไวรัสที่ทำให้เกิดโรค โรคแทรกซ้อน
แต่ไวรัสแต่ละชนิดจะมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันเล็กน้อย

เชื้อ Parvovirus สุนัขจะท้องเสียอย่างรุนแรง มีมูกเลือดปน และมีไข้สูง อาจมีการพบอาการเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวลดลง เนื่องจากเชื้อจะทำลายเซลล์ไขกระดูก ต่อมน้ำเหลือง(ทำให้มีไข้สูงและพบเม็ดเลือดแดงกับเดเลือดขาวลดลง) และเนื้อเยื่ออื่นๆ ทำให้ภูมิคุ้มกันของสุนัขต่ำลงและง่ายต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน ในสุนัขอายุน้อยกว่า 3 เดือน บางตัวอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ(Myocarditis) อันเนื่องมาจากไวรัสกลุ่มนี้ได้ด้วย อาการเบื้องต้นจะซึม และไม่ดูดนม แต่ไม่แสดงอาการท้องเสียคับ

เชื้อ Corona virus จะทำลายเนื้อเยื่อของลำไส้โดยเฉพาะ ทำให้เซลล์ถูกทำลายและลอกออกมา ปะปนกับอุจจาระ แต่ไข้จะไม่สูงเท่า Parvovirus และไม่ตรวจพบระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ เนื่องจากเชื้อจะไม่ไปทำอันตรายต่อเซลล์อื่นๆ ความรุนแรงจะน้อยกว่า parvovirus

เชื้อ Rota virus มีท้องเสียแต่ไม่รุนแรง เท่า parvovirus และ coronavirus อาจหายได้เอง หากไม่มีโรคแทรกซ้อน

ถ้าเกิดว่าเป็นแล้วจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
อันดับแรก คือ ถ้าเกิดน้องหมามีอาการถ่ายเหลว อาเจียน ก็วิ่งพาไปหาหมอได้เลยคับ เพราะการวินิจฉัยว่าเป็นการท้องเสียจากอะไรจะใช้เวลาพอสมควร อย่าลืม !! พกใบฉีดวัคซีนไปด้วยนะคับ หากโชคร้ายเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสจริงๆ การรีบรับการรักษาได้เร็วก่อนจะทรุดหนักจะช่วยให้สุนัขมีโอกาสรอดได้สูงกว่า

อันดับที่สอง หากมีสุนัขตัวอื่นอยู่ร่วมบ้านด้วย ให้รีบแยกจากกันทันที อย่าให้สัมผัสกับสุนัขตัวที่เป็นโรคเด็ดขาด รวมทั้งจัดการทำความสะอาดข้าวของเครืองใช้ในกรง เช่น ชามน้ำ ชามอาหาร กรง สแลทกรง ของเล่นทุกชิ้น ด้วยไฮเตอร์ หรือ chorox ผสมกับน้ำอัตราส่วน 1 : 30 (ไฮเตอร์ 1 ส่วน : น้ำ 30 ส่วน) ทำการแช่ไว้ซักประมาณ 1 ชั่วโมง ล้างน้ำออก แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง
และทำการเช็ดพื้นบ้าน หรือ วันละ 1-2 ครั้ง ด้วย ไฮเตอร์ หรือ chorox อัตราส่วน 1:30 เหมือนข้างบน เพื่อทำการฆ่าเชื้อไวรัส เพราะไวรัสโดยเฉพาะ parvovirus คงทนและอยู่ได้นานมากกว่าไวรัสทั่วไปเดี๋ยวจะไปติดต่อสุนัขตัวอื่นๆ ด้วย (ในทางวิชาการ : ที่มันตายยาก เพราะเชื้อกลุ่ม CPV-2 หรือเชื้อพาร์โวไวรัสจะไม่มี Envelop fat coat แบบเชื้อไวรัสอื่นๆ ทำให้ทนทานนานปีฆ่าให้ตายยากตายเย็น)

สาเหตุการติดเชื้อของลำไส้อักเสบ จะมาจากการกินเชื้อที่ออกมาจากอุจจาระ ที่ปนเปื้อนกับน้ำ หรืออาหาร ดังนั้นอะไรที่ผ่านการแตะต้องของสุนัขที่เป็นโรคจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อหมด อาจรวมถึงสนามหญ้าทีน้องหมาไปอึ

หรือหากสะดวกกว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคอื่นก็ได้คับ แต่ที่แนะนำให้ใช้สารฟอกขาวอย่างไฮเตอร์หรือ chorox ก็เพราะว่า ด้วยอัตราส่วน 1:30 อันตรายน้อย สารสลายตัวได้ง่ายไม่มีสารตกค้าง ที่สำคัญคือ ฆ่าเชื้อ parvovirus ได้ 100%

.......ขอให้น้องชิของท่าน มีสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะคับ......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 13:08:18 โดย Small Dog » IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 13:00:46 »

ไข้หัดสุนัข

ไข้หัดสุนัขคืออะไร
ไข้หัดสุนัข หรือ canine distemper เป็นโรคที่เกิดขึ้นในสัตว์ตระกูลสุนัข ไข้หัดเป็นโรคชนิดที่มีผลต่อประชากรสุนัขในโลกมากที่สุดโรคหนึ่ง.

สุนัขที่โตเต็มที่ที่ติดเชื้อนี้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จะตาย ส่วนในลูกสุนัขอัตราการป่วยตายประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์

ในสุนัขบางตัวที่ป่วยและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อ สุนัขอาจจะไม่ตายจากการติดเชื้อ แต่มักจะมีความผิดปกติ(ตลอดไป) เช่น เกี่ยวกับระบบประสาท เนื่องจากเชื้อไวรัสทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาท รวมทั้งประสาทรับกลิ่น การฟัง หรือแม้กระทั่งเกี่ยวกับการมองเห็น ส่วนอาการที่ทำให้เกิดอัมพาตบางส่วน หรือทั้งตัวพบได้น้อย ส่วนโรคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปอดชื้นเป็นภาวะที่พบได้บ่อยมาก มักเกิดแทรกซ้อนขึ้นเมื่อสุนัขมีความอ่อนแอจากการติดเชื้อไวรัสไข้หัด

ลูกสุนัข หรือสุนัขที่มีอายุน้อยมักจะไวต่อการติดเชื้อ แต่โรคนี้ก็สามารถเกิดขึ้นในสุนัขที่มีอายุมากได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า นั่นหมายความว่าโรคไข้หัดสุนัขพบได้ในสุนัขทุกอายุ

แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ไวต่อการติดเชื้อไข้หัดสุนัข ส่วนโรค "ไข้หัดแมว หรือ feline distemper" เป็นโรคที่แตกต่างไปจากโรคไข้หัดสุนัข เนื่องจากเกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน โรคตับอักเสบชนิดติดต่อเป็นอีกโรคหนึ่งที่พบในสุนัข โรคนี้ในบางครั้งสามารถพบได้ว่าสุนัขมีการติดเชื้อพร้อมกับโรคไข้หัดสุนัขได้ ทั้งโรคไข้หัดสุนัขและโรคตับอักเสบติดต่อในสุนัขไม่ติดคน

ไข้หัดมีผลต่อสุนัขอย่างไร
โรคไข้หัดสุนัขเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงสำหรับสุนัขเกิดจากเชื้อไวรัสขนาดเล็ก

เชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขติดต่อได้ด้วยการสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากตาและจมูกของสุนัขที่ป่วยเป็นโรคนี้ แต่การสัมผัสกับน้ำปัสสาวะและอุจจาระของสุนัขที่ป่วยสามารถทำให้ติดโรคนี้ได้เหมือนกัน สุนัขปกติสามารถติดเชื้อได้โดยที่ไม่ได้สัมผัสกับสุนัขที่เป็นไข้หัดสุนัขก็ได้ คอกสุนัข หรือบริเวณที่สุนัขเล่น หรืออยู่ของสุนัขป่วยอาจจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อไปยังสุนัขปกติได้ การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขสามารถแพร่ไปได้โดยทางอากาศและวัตถุสิ่งของต่างๆ

อาการป่วยของสุนัขที่ป่วยด้วยโรคไข้หัดสุนัขมักมีไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ด้วยเหตุนี้ในบางครั้งทำให้วินิจฉัยได้ช้า ทำให้การรักษาทำได้ช้ากว่าปกติ หรือละเลยโรคนี้ไป เนื่องจากในบางครั้งสุนัขจะมีอาการเหมือนกับเป็นหวัดอย่างรุนแรง สุนัขส่วนใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้ มักมีไข้สูงและสุนัขบางตัวอาจจะพบอาการของหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบและมีอาการกระเพาะอาหารอักเสบและลำไส้อักเสบอย่างรุนแรงอย่างรุนแรงได้

อาการที่พบได้ในระยะแรกๆ ของการติดเชื้อไข้หัดสุนัขคือ เจ้าของอาจจะพบว่าสุนัขมีอาการตาอักเสบ ไม่สู้แสง มีขี้ตามาก สุนัขมีน้ำหนักตัวลด ไอ อาเจียน และมีน้ำมูก บางครั้งอาจจะพบว่าสุนัขมีอาการท้องเสียร่วมด้วย การติดเชื้อในระยะท้ายๆ มักจะพบว่าเชื้อไวรัสมีการเข้าไปอยู่ในระบบประสาท ทำให้สุนัขมีอาการอัมพฤกษ์ มีอาการชักกระตุก เกร็งได้ สุนัขที่ป่วยด้วยโรคนี้มักจะซึม ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการกินอาหารด้วย

ในบางครั้ง หรือในสุนัขบางตัวสุนัขป่วยอาจจะแสดงอาการไม่มาก หรือไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ เช่น สุนัขอาจจะมีไข้เพียงเล็กน้อยเป็นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ หรือถ้ามีภาวะปอดชื้น หรือมีการอักเสบของลำไส้ หรืออาการอื่นๆ เกิดขึ้น มีผลทำให้การฟื้นตัวของสุนัขในกลุ่มนี้ยาวนานออกไป (สุนัขกลุ่มนี้มักไม่ตาย) ปัญหาทางระบบประสาทมักจะพบได้ภายหลังจากที่สุนัขฟื้นตัวจากการป่วย(หลายสัปดาห์) ในสุนัขบางรายเชื้อไวรัสจะทำให้มีการเจริญของ tough keratin cells ของฝ่าเท้า ทำให้ฝ่าเท้าหนาและแข็ง

โรคไข้หัดสุนัขเป็นโรคที่พบได้อย่างแพร่หลายและอาการป่วยจากการติดเชื้อค่อนข้างผันแปร มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง ดังนั้นควรนำสุนัขที่สงสัยว่าป่วยไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจและวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องเป็นการดีที่สุด

การป้องกัน
สุนัขที่รอดชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขมักจะมีภูมิต้านทานที่เพียงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัส สุนัขจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสุนัขมักจะตายจากการติดเชื้อไวรัสนี้ การป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรค แต่ยังไม่มีวัคซีนชนิดใดเลยที่สามารถจะให้ภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิตของสุนัข ดังนั้นสุนัขจึงต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นประจำทุกปี

ลูกสุนัขที่เกิดมาจะมีภูมิคุ้มกันโรคนี้ในระดับหนึ่ง ภูมิคุ้มกันนี้เป็นภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาจากแม่สุนัขหลังจากที่คลอดออกมาแล้ว ผ่านทางนมน้ำเหลือง(ไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังคลอด) ดังนั้นระดับภูมิคุ้มกันของลูกสุนัขจึงขึ้นอยู่กับภูมิกันของแม่สุนัข โดยทั่วไปมักมีระดับไม่สูงมากนัก ภูมิคุ้มกันที่รับจากแม่สุนัขผ่านทางนมน้ำเหลืองนี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกสุนัขอายุประมาณ 8 วันระดับภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่จะลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง และลดลงประมาร 3 ใน 4 หรือ 75 เปอร์เซ็นต์ที่อายุประมาณ 2 สัปดาห์

ดังนั้นการฉีดวัคซีนให้กับลูกสุนัขจึงมักกระทำเมื่อระดับภูมิคุ้มกันจากแม่หมดไป ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันในกระแสเลือด แต่โดยทั่วไปมักจะทำการฉีดวัคซีนเข็มแรก เมื่อลูกสุนัขอายุประมาณ 8 สัปดาห์
 
การมีสุขภาพดีของสุนัข
สัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นเพื่อนที่มีความสุข เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสัตว์เลี้ยงของท่านมีชีวิตที่ดี เจ้าของสัตว์จะต้องให้ความใส่ใจในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิดและควรทำเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสการป่วยชองสัตว์ ดังนั้นเจ้าของสุนัขควรปรึกษา หรือนำสัตว์ไปพบสัตวแพทย์ เมื่อพบว่า สุนัขมีอาการต่างๆ เหล่านี้

พบมีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติออกจากจมูก ตา หรือช่องเปิดอื่นๆของร่างกาย
สัตว์เลี้ยงไม่กินอาหาร มีน้ำหนักลดลง หรือกินน้ำมากขึ้นกว่าปกติ
ขับถ่ายลำบาก หรือผิดปกติ หรือไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
พบมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ หรือพบมีความดุร้ายขึ้นอย่างกะทันหัน หรืออ่อนเพลีย
พบมีก้อนผิดปกติ เดินกระโผลกกระเผลก ลุกหรือนอนลำบาก
มีการสั่นหัวมากผิดปกติ เกา หรือเลีย หรือกัดแทะตามลำตัวมากผิดปกติ
มีรังแค ขนร่วง มีแผลกดทับ หรือมีขนหยิกหยอง หยาบไม่มันวาว
ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น หรือพบมีหินปูนเกาะที่ฟันมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 13:07:58 โดย Small Dog » IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 13:06:14 »

ต้นไม้ ดอกไม้ ที่มีพิษต่อเจ้าตูบ

เพื่อน ๆ มาหาความรู้เกี่ยวกับต้นไม้  หรือดอกไม้  ที่อันตรายต่อสุดที่เลิฟของคุณกันดีกว่า

ไฮเดรนเยียร์ (Hydrangea ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ซึม กินอาหารไม่ได้ท้องเสีย มีไข้ หัวใจเต้นเร็ว

ไอริส (Iris) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน บางครั้งเป็นเลือด ซึม ท้องเสีย บางครั้งถ่ายเป็นเลือด ปวดท้อง น้ำลายไหล

Japanese Yew พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ตายทันทีเพราะหัวใจหยุดเต้น อาการเตือน คือ กล้ามเนื้อสั่น หายใจลำบาก

เชอรรี่เยรูซาเร็ม(Jerusalem Cherry ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ระบบย่อยอาหารถูกรบกวน บางครั้งถึงขั้นกระเพาะเปื่อย ลมชักอย่างปัจจุบันทันด่วน หายใจลำบาก หมดสติ

กุหลาบหิน (Kalanchoe) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย

Lily of the Valley เป็นพืชกอคล้ายพวกกระชาย พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ เดินโซเซ อาเจียน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตาย

Madagascar Dragon Tree คล้ายต้นจันทร์ผา พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ซึม อ่อนเพลีย หมดสัญชาตญาณ น้ำลายไหล

กัญชา (Marijuana) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ซึม หายใจอ่อน เดินโซเซ กดประสาท บางครั่งตื่นเต้นกว่าเหตุ

เดหลี (Mauna Loa Peace Lily ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ปาก ลิ้น ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

มิสเซิลโท อเมริกัน (Mistletoe "American") พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ปั่นป่วนท้อง หลอดเลือดหัวใจล้มเหลว คุ้มดีคุ้มร้าย

มอนิ่งกลอรี่ (Morning Glory) พิษในเมล็ดจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ประสาทหลอน ท้องร่วง

 เงินไหล (Nephthytis) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

พืชตระกูลยี่โถ,ยี่โถจีน (Oleander) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย ภาวะที่หัวใจหยุดเต้น อุณหภูมิลด ตาย

พีเคเตอร์บีน (Precatory Bean) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียนอย่างรุนแรง ท้องเสีย หมดสัญชาตญาณ อุณหภูมิสูง ตาย

ตระกูลกวนอิม (Ribbon Plant ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ซึม หมดสัญชาตญาณ น้ำลายไหล อ่อนแรง

หนวดปลาหมึก (Schefflera ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปากไหม้อย่างรุนแรง อาเจียน หมดสัญชาตญาณ กลืนยาก

ต้นมะเขือเทศ(Tomato Plant ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ น้ำลายไหล อาเจียน ท้องเสียหมดสัญชาตญาณ อ่อนแรง หัวใจเต้นข้า

ทิวลิป (Tulip) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ น้ำลายไหล อาเจียนอย่างรุนแรง ท้องเสียหมดสัญชาตญาณ ซึม
ว่านหางจรเข้ พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หดหู่ ท้องเสีย ไม่สามารถกินอาหารได้ สั่น ฉี่เปลี่ยนสี

ว่านแอมมะลิส (Amaryllis) หรือ ว่าน 4 ทิศ พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หดหู่ ท้องเสีย ปวดท้อง น้ำลายไหลฟูมปาก ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ สั่น

แอนโดรเมดา จาโปนิกา (Andromeda Japonica) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย น้ำลายไหลฟูมปาก อ่อนแรง หมดสติ ความดันโลหิตต่ำ หลอดเลือดหัวใจล้มเหลว

ตระกูลลิลลี่ทั้งหมด (Lily) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หมดสัญชาตญาณ เซื่องซึม ไตล้มเหลว ลิลลี่ยังเป็นพิษกับแมวบางพันธ์ด้วย

เฟิร์นทุกชนิด (Asparagus Fern) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ แพ้ ผิวหนังอักเสบ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย

ออทั่ม โครคัส (Autumn Crocus) คล้ายๆ บัวดิน พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการให้ระคายเคืองบริเวณปาก แพ้ ผิวหนังอักเสบ อาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย ช็อค อวัยวะหลายส่วนถูกทำลาย

อะแซลเลีย (Azalea) คล้ายๆ ต้นดอกขนแขกเต้า พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย น้ำลายไหลฟูมปาก อ่อนแรง หมดสติ ความดันโลหิตต่ำ หลอดเลือดหัวใจล้มเหลว
ตาย

ธรรมรักษา (Bird of Paradise) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย ทำให้กระต่ายตายได้

บิตเตอร์สวีท (Bittersweet) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ท้องเสีย อาการชักอาการสั่น อาการหดเกร็ง เซื่องซึม อ่อนเพลีย

ไอวี่ (Branching Ivy) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ท้องเสีย ไฮเปอร์ หายใจขัด หมดสติ เป็นไข้ กระหายน้ำมาก ตาดำขยาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง

บัคอาย (Buckeye ) คล้ายๆ เกาลัด พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการกระเพาะอาหารและลำไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง ตื่นเต้นมาก ตาดำขยาย หมดสติ

สนพุ่ม (Buddist Pine) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรง

บอน บอนสีทุกชนิด (Caladium hortulanum ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

ลิลลี่ขาว (Calla Lily ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหลอาเจียน กลืนยาก

เมล็ดละหุ่ง (Castor Bean) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอไหม้ พอง บวม กระหายน้ำ อาเจียน ท้องเสีย ไตล้มเหลง ชักกระตุก

ฟิลโล ทุกพันธุ์ (Ceriman (aka Cutleaf Philodendron)) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

ไม้ใบตระกูลสาวน้อยประแป้งทั้งหมด (Charming Diffenbachia ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

ไม้ตระกูลมะฮอกกานี (Chinaberry Tree ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ หัวใจเต้นช้าลง อาเจียน ท้องเสีย หมดสติ ชัก

เศรษฐีพันปี (Chinese evergreen) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

กุหลาบคริสต์มาส (Christmas Rose ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด ชัก ประสาทหลอน

เครมาติส (Clematis) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย ปากเปื่อย ภาวะกล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน เดินโซเซ เกิดตุ่มพอง

ฟิโล (Cordatum) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

วาสนา(corn plant) พิษจะทำให้สุนัขและแมว ที่ได้รับเกิดอาการ น้ำลายไหล อาเจียน ซึมเศร้า หมดสัญชาตญาณ

ปรง(Cycads ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน ตัวซีด กระหายน้ำ ฟกช้ำ ตับถูกทำลาย ตาย

ไซคาเมน (Cyclamen) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน กระเพาะอักเสบ ตาย

ดอกแดฟโฟดีล (Daffodil) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ กระเพาะอักเสบรุนแรง ชักกะตุก สั่นเทิ้ม ภาวะความดันโลหิตต่ำกว่าปกติ ผิวหนังอักเสบ กล้ามเนื้อสั่น ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ดอกไม้จีน (Day Lily) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน หมดสัญชาตญาณ เซื่องซึม ไตล้มเหลว

 ตระกูลพลูด่าง พลูสีทอง .. (Devil's Ivy) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

ไนท์เชด (Nightshade) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการน้ำลายไหล ท้องเสีย อ่อนแรง พฤติกรรมเปลี่ยน อัตราการหายใจช้า

อีสเตอร์ ลิลลี่(Easter Lily ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการอาเจียน เซื่องซึม ไตล้มเหลว

เอเมอรัล (Emerald Feather) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการแพ้ที่ผิหนัง ผิวหนังผุพอง อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย

ตระกูลหน้าวัว (Flamingo Plant ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

 ไผ่ฟิลิปปินส์(Florida Beauty ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการปาก ลิ้น คอ ไหม้ พอง บวม น้ำลายไหล อาเจียน กลืนยาก

ฟอกซ์โกรฟ (Foxglove) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนแรง หัวใจล้มเหลว ตาย

แกลดิโอลัส (Gladiolas) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียน (บางทีเป็นเลือด) ท้องเสีย (บางทีเป็นเลือด) น้ำลายไหล ปวดท้อง

กลอรี่ ลิลลี่ (Glory Lily ) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ระคายเคืองปาก อาเจียน เป็นเลือด ท้องเสีย หมดสติ ไตและตับถูกทำลาย หยุดยั้งการทำงานของไขกระดูก

เฮฟเวนลี่ แบมบู (Heavenly Bamboo) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ ผิวหนังเป็นสีเขียว (น้ำเงิน) เนื่องจากการขาดออกซิเจน อาเจียน ท้องเสีย หมดสติ ระบบหายใจล้มเหลว ตาย

ต้นฮอลลิ (Holly) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียนรุนแรง ท้องเสีย ซึม

ผักตบชวาบก (Hyacinth) พิษจะทำให้สุนัขที่ได้รับเกิดอาการ อาเจียนรุนแรง ท้องเสียบางครั้งถ่ายเป็นเลือด สั่น

ที่มา : http://www.thaipomeranian.com/board/index.php?PHPSESSID=jlve3kel69fs9lr67hot9o61a6&topic=44.0
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
mind-phong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #75 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 21:18:39 »

อัพเดท น้องอั่งเปา คร่า แผลดีขึ้นแร้วคร่า


* S~MiND4710.jpg (97.29 KB, 640x480 - ดู 669 ครั้ง.)

* S~MiND4741.jpg (130.32 KB, 640x480 - ดู 668 ครั้ง.)

* S~MiND4757.jpg (110.38 KB, 640x480 - ดู 659 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
3lacKL43eL
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,224



« ตอบ #76 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2011, 22:29:42 »

อัพเดท น้องอั่งเปา คร่า แผลดีขึ้นแร้วคร่า
น่ารักมากคับ มาร์คหัวสวยซะด้วยนะ

รอไปมิตติ้งด้วยกัน อิอิ
IP : บันทึกการเข้า

Originalize
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #77 เมื่อ: วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 08:08:05 »

อัพเดท น้องอั่งเปา คร่า แผลดีขึ้นแร้วคร่า
น่ารักมากคับ มาร์คหัวสวยซะด้วยนะ

รอไปมิตติ้งด้วยกัน อิอิ
มาร์คสามเหลี่ยม ซุปเปอร์แมน...อิอิ
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
mind-phong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #78 เมื่อ: วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 16:33:15 »

อัพเดท น้องอั่งเปา คร่า แผลดีขึ้นแร้วคร่า
น่ารักมากคับ มาร์คหัวสวยซะด้วยนะ

รอไปมิตติ้งด้วยกัน อิอิ
มาร์คสามเหลี่ยม ซุปเปอร์แมน...อิอิ

เอาไว้น้องโตไปมิ้ตติ้งกันน่ะค่ะ  ถ้าดูดีๆ มันเป็นรูปหัวใจเลยค่ะ...จะเดือนครึ่งล่ะ อีกไม่กี่วัน
IP : บันทึกการเข้า
Small Dog
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,220



« ตอบ #79 เมื่อ: วันที่ 25 พฤษภาคม 2011, 16:59:08 »

อัพเดท น้องอั่งเปา คร่า แผลดีขึ้นแร้วคร่า
น่ารักมากคับ มาร์คหัวสวยซะด้วยนะ

รอไปมิตติ้งด้วยกัน อิอิ
มาร์คสามเหลี่ยม ซุปเปอร์แมน...อิอิ

เอาไว้น้องโตไปมิ้ตติ้งกันน่ะค่ะ  ถ้าดูดีๆ มันเป็นรูปหัวใจเลยค่ะ...จะเดือนครึ่งล่ะ อีกไม่กี่วัน
รอวัคซีนน้องเค้าครบก่อนก็ได้ครับ.....
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำตัวเหมือนกระดาษทราย

ทีดีแต่ขัดเกลาคนอื่นให้เงา

ทั้งที่ตัวเองก็ "หยาบ"

โทร.080-5003070 / Line : pbdrp
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 ... 60 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!